บทที่ 81 หลงโม่หรันที่ถูกสวมเขา

ตั้งแต่ที่เย่เฟิงมีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 5 ปี เขาสามารถใช้ทักษะ‘อำพราง’เพื่อสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และในกรณีนี้ ถึงแม้ชายหนุ่มต้องถอดหน้ากากออกต่อหน้าหลงหวางเอ๋อ เธอก็ไม่อาจเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาได้

แต่ใจเขากลับไม่ต้องการจะทำแบบนั้น ชายหนุ่มไม่อยากแสดงใบหน้าที่หลอกลวงให้หญิงสาวได้เห็น ถ้าต้องทำแบบนั้น สู้ให้เธอจดจำภาพของชายสวมหน้ากากไว้ในใจเสียจะดีกว่า

ในเมื่อเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตระกูลมังกรและตระกูลเย่ หากเมื่อใดที่เขาสามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลได้ เขาจะแสดงตัวตนที่แท้จริงให้เธอได้รู้

สำหรับตอนนี้ เย่เวิ่นเทียนเตือนเย่เฟิงอย่างจริงจังว่าห้ามให้ตระกูลมังกรรู้ว่าเขาฝึกวรยุทธ์แล้วเด็ดขาด…..แน่นอนว่าชายหนุ่มเชื่อคำพูดของเย่เวิ่นเทียนเพราะชายแก่คนนั้นคือปู่ของเขาในโลกนี้

“หลับไปก่อนเถอะนะ”

เย่เฟิงได้จ้องเข้าไปในดวงตาคู่งามของหญิงสาว และรีบใช้ทักษะ‘สะกดจิต’แก่เธอ

ทันใดนั้น สติของหลงหวางเอ๋อก็พลันดับวูบไป แน่นอนว่าเธอไม่อาจต่อต้านเขาได้ ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวปิดลงพร้อมกับร่างของเธอที่ค่อยๆโน้มเอียงมาสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม

“โอ้ย…….”

เย่เฟิงรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง หญิงสาวคนนี้โน้มตัวลงมาทับบาดแผลของเขาจนเกือบได้ไปเฝ้ายมบาลอยู่รอมร่อแล้ว ชายหนุ่มรีบวางเธอนอนลงบนกองใบไม้นิ่ม

อย่างไรก็ตาม จนกว่าพ่อของหลงหวางเอ๋อจะมาที่นี่ เขาคงต้องขอเอาเปรียบเธอเสียหน่อย ชายหนุ่มถามคำถามบางอย่างกับหญิงสาวขณะที่เธอยังอยู่ในสภาวะสะกดจิต

“หวางเอ๋อ เธอรู้จักตระกูลเย่ไหม?”

เย่เฟิงถามคำถามแรก

“ฉันรู้จัก”

หลงหวางเอ๋อยังคงหลับไหลอยู๋ แต่หญิงสาวก็ตอบคำถามของเขา….

ภายใต้แสงสลัวของหมู่ดาว ชายหญิงคู่หนึ่งยังคงเล่นเกมตอบคำถามกัน และไม่นาน เย่เฟิงก็ได้เข้าใจชัดเจนถึงสถานะการณ์ปัจจุบันของทั้งสองตระกูล เพราะเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นความลับอันใดในโลกยุทธภพ ยิ่งไปกว่านั้น หลงหวางเอ๋อตอบทุกคำถามที่เขาสงสัยอย่างสมบูรณ์

เดิมทีเมื่อ 18 ปีก่อน ตระกูลเย่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุทธภพและเพรียบพร้อมไปด้วยอิทธิพลมากมาย สำหรับในแวดวงยุทธภพแล้ว เย่เวิ่นเทียนคือผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสูงยิ่งพร้อมด้วยชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่ว ชายแก่คนนี้ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือสูงมากในโลกเบื้องหลังนี้

แต่โชคร้ายที่เย่หยุนเฟยพ่อของเย่เฟิงเป็นพวกไม่เอาไหน ไม่เพียงเขาจะไม่สนใจฝึกวรุยทธ์หรือทักษะใดๆแล้ว เขายังเป็นพวกเพลย์บอยที่รับรู้กันไปทั่วในแวดวงยุทธภพ หลังจากเย่เฟิงเกิดได้ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้ไปเล่นชู้กับภรรยาของหลงโม่หรัน

เมื่อหลงโม่หรันรู้เรื่องนี้เขา แน่นอนว่าเขาย่อมเกรี้ยวกราด นอกจากนี้ การกระทำของเย่หยุนเฟยมักไปยั่วโทสะของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากมายหลายตระกูล ดังนั้น ในคืนหนึ่ง จุดแตกหักก็มาถึงเมื่อหลงโม่หรันพร้อมด้วยผู้ทรงอิทธิพลมากมายของโลกยุทธภพได้เข้ากวาดล้างตระกูลเย่ทั้งตระกูลที่ถ้ำหลัวฝู ทั้งเย่หยุนเฟยและภรรยาของเขาล้วนถูกตัดหัวทั้งหมด!

และในขณะที่การกวาดล้างยังนำเนินไปด้วยความวุ่นวาย พร้อมด้วยผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ เย่หยุนเฟยได้ตายไปพร้อมกับความรู้สึกผิดอันใหญ่หลวงเพราะเขาเป็นต้นเหตุให้ตระกูลเย่ต้องพบกับจุดจบ แต่ถึงอย่างนั้นเขายังสามารถปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของเขาไว้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเรื่องยากสำหรับเย่เวิ่นเทียนที่จะต่อกรกับผู้ทรงอิทธิพลมากมายในเวลาเดียวกัน อีกอย่างหนึ่งนี่เป็นความผิดที่มีต้นเหตุเป็นลูกชายของเขาเอง สองอย่างนี้บังคับให้ชายแก่ยับยั้งความคิดที่จะแก้แค้น และท้ายที่สุดเขาได้ทำข้อตกลงกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลายคนของยุทธภพ

ข้อตกลงนั้นคือ ตราบใดที่เย่เฟิงไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ เหล่าจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะไม่มีวันทำอันตรายแก่เขาและจะไม่อนุญาติให้ผู้อื่นทำเช่นกัน มิฉะนั้นต่อให้เย่เวิ่นเทียนลองเสี่ยงชีวิตสนับสนุนเย่เฟิงเต็มที่ เขาก็คงไม่สามารถหยุดยั้งการถูกทำลายตระกูลเขาลงได้!

ในเมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่กล่าวเช่นนั้น ใครล่ะที่จะไม่กล้าเชื่อฟังพวกเขา?

ถ้ำภูเขาหลัวฝูเป็นหนึ่งในสิบที่ๆใหญ่ที่สุดสำหรับฝึกพลังยุทธ์ มันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกได้เร็วถึง 30 เปอเซ็นต์หากเทียบกับโลกภายนอก เมื่อตระกูลเย่ถูกกำจัดไป เย่เวิ่นเทียนและเย่เฟิงที่พึ่งเกิดได้ออกจากถ้ำแห่งนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่น ที่นั่นจึงตกอยู่ในการครอบครองของตระกูลมังกรไป

ตั้งแต่นั้นมาหลงโม่หลันเริ่มได้ใจและไร้เหตุผลมากขึ้น เขาเริ่มเข้ามาจัดการถึงความไปเป็นไปต่างๆบนยุทธภพ และแน่นอนว่าความคิดของเขาต้องเป็นผู้ถูกเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลาเด็กของหลงหวางเอ๋อก็ถูกหลงโม่หลันสอนมาอย่างเข้มงวด

หญิงสาวเติบโตขึ้นมาด้วยความสามารถต่างๆมากมายในแต่ละก้าวของช่วงเวลา เมื่อเธออายุสิบห้าปีการฝึกของหญิงสาวก็เทียบเท่ากับเหล่าผู้นำตระกูลสาขามากมายของโลกภายนอก เมื่อเวลามาถึง ในที่สุดเธอสามารถเชื่อมต่อเส้นลมปราณของเธอและเปิดจุดตันเถียนได้และเริ่มทำการฝึกเคล็กวิชาเก่าแก่ของตระกูลมังกร เธอมีพลังยุทธ์สามปีตอนที่อายุสิบแปดปี หลังจากนั้นเธอเริ่มออกสู่โลกภายนอกเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตอนนี้อายุของหญิงสาวเกือบยี่สิบปีแล้วและมีระดับพลังยุทธ์ถึงสิบปี หลังจากบากบั่นผ่านช่วงเวลาเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริงตอนนี้เธอได้กลายเป็นรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถสูงที่สุดของตระกูลมังกร!

สำหรับผู้คนบนโลกนี้ในช่วงเวลาเด็กเส้นลมปราณจะเปราะบางอย่างมากประกอบกับจุดตันเถียนที่ยังยุ่งเหยิง ดังนั้นคนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ในวัยเด็ก อายุสิบหกปีจึงถือว่าเป็นอายุที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว

ความสำเร็จของหลงหวางเอ๋อได้สร้างมิติใหม่แห่งวงการผู้ฝึกยุทธ์ทำให้หลงเสียน หลัวลี่หรือคนอื่นๆในช่วงอายุของเธอด้อยกว่าเธอไปอย่างมาก

“จะบอกว่าด้วยความสามารถเฉพาะตัวของร่างชีพจรเทวะไม่เสียเปล่าเลยก็ว่าได้ เธอคอยหาพวกสมบัติต่างๆมาเพิ่มระดับพลังของจนเองตลอด สาวน้อยคนนี้ไม่โง่เลยทีเดียว”

เย่เฟิงคิดไปถึงครั้งแรกที่เขาพบเธอและคิดถึงหญ้าใบทองสามใบที่เธอเสี่ยงชีวิตไปขโมยมันมาจากคู่รักวิปริตของวังกระบี่สวรรค์ ด้วยความสามารถของหญิงสาวเองและในฐานะที่เป็นลูกสาวของภรรยาคนแรกแห่งตระกูลมังกร ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังได้มากขนาดนี้

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าความบาดหมางระหว่างตระกูลเย่และตระกูลมังกรจะลึกซึ้งถึงเพียงนี้ แต่ดูตอนนี้สิ ทายาทรุ่นเยาว์ของทั้งสองตระกูลดันมาอยู่ด้วยกันแบบนี้……

เย่เฟิงอยากจะถามคำถามมากกว่านี้เช่นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ของเธอและอื่นๆ แต่ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมาจากทางเข้าของหุบเขา หลงโม่หลันมาพร้อมกับคนของเขาแล้วสินะ

“ที่เหลือเอาไว้เราค่อยคุยกันครั้งหน้าก็แล้วกัน”

ขณะที่ชายหนุ่มคิดเช่นนี้ เขามองไปยังหญิงสาว จากนั้นก้มหัวลงกดริมฝีปากประทับไปที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา เย่เฟิงยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้ย่างเก้าไร้เงาไปยังแหล่งน้ำที่ออกมาตอนแรกพร้อมหยิบเอาไข่มุกเรืองแสงไปด้วย

เขายังเผชิญหน้าหลงโม่หลันตอนนี้ไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นเขาต้องกลับไปดูร่องรอยของซูเฟยหยิ่งด้วย

สำหรับหลงหวางเอ๋อ ไว้ค่อยบอกลาเธอครั้งหน้าก็แล้วกัน!

………..

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจากทางด้านตะวันตก รถแลนโรเวอร์สีดำเทาวิ่งมาระหว่างภูเขาค่อยๆเข้าใกล้เมืองหลินเจียง ในขณะเดียวกันตามมาด้วยรถ SUV อีกหลายคันจากทางด้านหลัง

ในที่นั่งโดยสารของรถ หลงโม่หลันที่ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของเขาจะดูใจเย็นแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความเกรี้ยวกราด

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลงหวางเอ๋อนั่งอยู่เบาะหลังของรถภายใต้การดูแลของพี่สะใภ้เธอ ถ้าข่าวของเหตุการณ์เมื่อคืนที่หลงโม่หลันถูกแย่งชิงตัวลูกสาวและยังถูกทำลายความบริสุทธ์หลุดรั่วไปละก็ ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สั่งสมมาของตระกูลมังกรต้องถูกทำลายลงเป็นแน่

เมื่อเขามาถึงจุดที่ลูกน้องเขาอยู่เมื่อคืน หลังจากไล่ตามควันที่ลอยมาจากทางหุบเขา หลงโม่หลันพบว่าไห่ถัง ‘คู่รักสุขสันต์แห่งวังกระบี่สวรรค์’ ถูกฆ่าตายแล้ว ขณะที่หลงหวางเอ๋อกำลังหลับอย่างสงบอยู่ข้างกองไฟ

“ชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอคนนั้นช่างกล้านัก”

สายตาของหลงโม่หลันฉาบไปด้วยความเย็นชา เขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายสวมหน้ากากอย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าหลงโม่หลันจะไม่รู้เกี่ยวกับชายสวมหน้ากากมากนัก แต่ก็รู้ว่าเขาใช้อาวุธกระบี่ กระบี่หมาป่า ไห่ถังตลอดจนหลงเสี่ยนที่ศพของเขาถูกพบบริเวณตีนภูเขา ทั้งหมดนี้ถูกฆ่าตายด้วยกระบี่ทั้งนั้น

หลงเสี่ยนผู้ที่มีความหยิ่งยโสแต่กลับไร้ความสามารถ เป็นลูกชายของน้องชายหลงโม่หลันนั่นคือเหตุผลว่าเมื่อไหร่ที่หลงโม่หลันมองเห็นเขาจะต้องทำให้นึกถึงเย่หยุนเฟยอยู่ตลอด ดังนั้นการตายของเขาไม่ถือว่าเป็นเรื่งอะไรมากนัก แต่ลูกสาวของเขากลับถูกทำให้แปดเปี้ยนโดยเจ้านั่นนี่สิ นี่มันคิดจะทรมาณตระกูลมังกรด้วยวิธีการเช่นนี้งั้นหรือ?

หลงโม่หลันสั่งให้ปิดข่าวให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยออกไป แต่ในใจเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเงียบไม่ได้นานนัก ไม่ใช่แค่ชายสวมหน้ากากซึ่งยังไม่ได้ถูกจับ แต่ชายวิปริตหลี่ฮวาก็ยังหายไปเช่นกัน…

“หวังเอ๋อ ตื่นแล้วหรือ?”

ตรงเบาะรถด้านหลังมีเสียงของสตรีที่ฟังดูนุ่มนวลประดุจสายน้ำดังออกมา พี่สะใภ้ของหลงหวางเอ๋อนั่นเอง เธอมีรูปร่างที่สวยงามและน่าดึงดูดเช่นกัน หญิงสาวมองหลงหวางเอ๋อด้วยความเป็นห่วง

“ฉันมาอยู่ที่นี่แล้วงั้นเหรอ… แล้วเขาล่ะ?”

ทันทีที่หลงหวางเอ๋อตื่นขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพลันมองไปรอบๆอย่างกระสับกระส่าย

“ใครงั้นหรือ?”

พี่สะใภ้เธอถามอีกครั้ง

“โม่จิ่วเกอ เขา…”

หลงหวางเอ๋อจำทุกสิ่งทุกอย่างได้และเริ่มเกิดความกังวลเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอพยายามอย่างหนักที่จะทรงตัวลุกขึ้นมา แต่กลับถูกขัดขวางโดยพ่อของเธอเสียก่อน

“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร พ่อจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน”

หลงโม่หลันพูดเบา ๆ ต่อว่า “สำหรับลูก หลังจากกลับไปห้ามออกไปไหนทั้งนั้นตลอดทั้งปีนี้”

“อะไรกัน? มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เขา..”

หลงหวางเอ๋อรีบขัดพ่อของเธอ

“เงียบได้แล้ว”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

เธอสังเกตว่าพ่อของเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ หลงหวางเอ๋อยังคงจับจ้องหลงโม่หลันอยู่สักพัก

โม่จิวเก่ออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่เฟิง เพราะว่าพ่อของเย่เฟิงทำให้หลงโม่หลันต้องถูกสวมเขา หากเรื่องนี้เย่เฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องละก็เขาจะได้หาข้ออ้างในการกำจัดชายหนุ่มไปเสียที หลังจากติดขัดกับข้อตกลงจนไม่อาจจะลงมือได้ แต่ตอนนี้เย่เฟิงกลับรนหาที่ด้วยตนเองเสียแล้ว

ทำอย่างไรดี?

ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว?

เธอจะปล่อยให้พ่อของเธอจับเขาไม่ได้…

ใจหลงหวางเอ๋อรู้สึกพลุ่งพล่านไปหมด ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตามก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพ่อเธอได้อีกแล้ว หญิงสาวได้แต่ภาวนา ภาวนาในใจให้เย่เฟิงปลอดภัย ก่อนหน้านี้หลงหวางเอ๋อยังหวังไว้ว่าจะดึงตัวเขาเข้าตระกูลมังกรได้ในฐานะสามีของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ทำได้แค่เพียง……

………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI