บทที่ 81

“มันไร้ประโยชน์! พวกเขาจะอยู่ในฐานบำเพ็ญเพียรขั้นไหน มีอาวุธวิเศษมากเพียงใดล้วนไร้ค่า! ตอนนี้พวกเขายังเหลืออีกประมาณสิบคน หากชักช้าเกรงว่าคงไม่เหลือรอดซักคนแล้ว”

ฉินห่าวส่ายหัว อาวุธวิเศษและฐานบำเพ็ญเพียรใดล้วนไร้ค่า? แต่คำพูดนี้ไม่ใช่ว่าเขากำลังดูถูกนิกายเฉินเมิ่งว่าล้วนเป็นขยะหรอกหรือ?

อย่างไรก็ตาม

“นี่เจ้าเข้าไปข้างในได้จริงๆ?”

เมื่อได้ยินฉินห่าวพูดถึงจำนวนคนที่ถูกต้อง ผู้อาวุโสหลิวก็ตกใจ เพราะอีกฝ่ายอยู่แค่ในขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น

“ยังจะไม่เชื่ออีก? ถ้าไม่เห็นแก่ความงามของเจ้า ข้าไม่เตือนพวกเขาหรอก แล้วตอนนี้บางทีถ้าไม่ได้รับคำเตือน พวกเขาอาจตายไปแล้วก็ได้” ฉินห่าวกลอกตา

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

สีหน้าของผู้อาวุโสหลิวเคร่งขรึมขึ้น ห้ามลืมนะว่าผู้ที่อยู่ข้างในล้วนเป็นยอดฝีมือสูงสุดของนิกาย! หากทุกคนในนั้นตาย ผลที่ตามมายากจะประเมิน

“เอาแบบนี้แล้วกัน สิ่งที่เจ้าทำได้ตอนนี้คือไปหาอาวุธวิเศษที่ทรงพลังในการทำลายค่ายกลแล้วช่วยพวกเขาออกมา แต่ข้าขอเตือน อย่าล่วงเกินคนที่อยู่ข้างในนั้น นางไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะหาเรื่องได้”

ฉินห่าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“นาง? สตรีนางนั้นเป็นใครกัน? แม้นิกายเฉินเมิ่งเราจะไม่ใช่อันดับหนึ่งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่ก็ไม่ใช่นิกายเล็กๆ”

ผู้อาวุโสเริ่มสนอกสนใจมากขึ้น

“เอ่อ ก็แล้วแต่เจ้าจะคิดเถอะ แต่เจ้าตายขึ้นมาอย่าตำหนิข้าว่าไม่เตือนแล้วกัน เอาล่ะ ข้าต้องเผ่นแล้ว สถานที่ผีสางเช่นนี้ ข้าไม่อยากเข้าไปอีกเป็นครั้งที่สองในชีวิต”

ฉินห่าวย้อนนึกถึงภาพนิมิต ใบหน้าเขาก็ซีดลง สวรรค์ในนิมิตนั้นเหลือเชื่อเกินไป ต่อให้เขามีระบบ ก็ไม่แน่ใจว่าจะสู้สวรรค์ในนั้นได้หรือไม่

ว่าจบเขาก็เตรียมจากไป

“ช้าก่อน เจ้าจะจากไปทั้งๆแบบนี้หรือ? ไม่ได้! เจ้าต้องกลับไปพร้อมข้า!” ผู้อาวุโสหลิวคว้าเขาไว้ เอ่ยเสียงทุ้ม

“กลับไปหาขนเพชรเจ้า! เจ้ายังไม่ใช่เมียข้า ทำไมข้าต้องยอมด้วย?” ฉินห่าวสะบัดมือเขาอย่างรวดเร็ว อันที่จริงแค่เขาเตือนนางก็สมควรขอบคุณเขาแล้ว แต่นี่ยังมาบังคับกันอีก

“ไม่ได้ เจ้าต้องมากับข้า เรื่องนี้มันใหญ่โตเกินกว่าที่ข้าจะรับมือคนเดียวไหว พวกเราต้องกลับไปขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสสูงสุด”

ผู้อาวุโสหลิวยังคงแน่วแน่ไม่ปล่อยมือ

“ขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสสูงสุด?  ข้าจะบอกให้นะ คนที่อยู่ข้างใน ไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสสูงสุดของเจ้า ต่อให้พาผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตข้ามทัณฑ์สวรรค์หรือมหายานมาก็เปล่าประโยชน์ หรือต่อให้พาทุกคนในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรตอนนี้ไป ทุกคนก็ไม่รอดอยู่ดี เจ้าหัดฟังที่ข้าพูดบ้าง หรือหูหนวกไปแล้ว?”

ฉินห่าวร้อนรน และกำลังจะใช้สลายโลหิตหลบหนี เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ! ประเด็นคือไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย!

“เจ้าว่าไงนะ?”

ผู้อาวุโสหลิวตกใจจนพูดไม่ออก ในหัวว่างเปล่า ต่อให้พาทุกคนในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรตอนนี้ไป ทุกคนก็ไม่รอดอยู่ดี? สิ่งนั้นน่ากลัวขนาดไหนกัน?

เธอเผลอปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว

หวือออออ!

ฉินห่าวลอยขึ้นฟ้าและหายวับไปทันที

“ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะช่วยข้า?”

ผู้อาวุโสหลิวได้สติ ตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว

กึก ..!

ฉินห่าวหยุดยืนบนท้องฟ้า ครุ่นคิดพักหนึ่ง “อืม ในเมื่อเจ้ายังไม่ยอมเป็นเมียข้า งั้นพวกเราเริ่มจากหอมแก้มแล้วกัน”

ขมับของผู้อาวุโสหลิวปูดโปนด้วยเส้นเลือด แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ข้างใน เธอก็กัดฟันและพูดว่า “ก็ได้!”

ฉินห่าวลอยกลับลงมา ยืดคอและใช้นิ้วเคาะที่แก้มเขา

จ๊วฟฟฟ!

“อ่า สุดยอด!”

ฉินห่าวพยายามเก็บทุกอณูให้อยู่ในความทรงจำ “แต่ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าแต่งงานกับข้าเลยไม่ดีกว่าหรือ ข้าจะได้ช่วยเจ้าอย่างเต็มที่ไง”

“ฉินห่าว! ”

ทวารทั้งเจ็ดของผู้อาวุโสหลิวเหมือนมีควันพุ่งออกมา เธอคำรามเสียงต่ำ สถานะของเธอสูงส่งขนาดไหน? สามารถถูกเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“อย่าได้คืบจะเอาศอก!”

“เฮ้อ เอาล่ะๆ งั้นกอดข้าที บินกอดข้าให้แน่น ข้าจะไม่ดิ้นจากอ้อมอกเจ้า ยอมให้พาไปจนถึงนิกาย ขอแค่นี้ไม่มากเกินไปใช่ไหม?”

ฉินห่าวส่ายหัวอย่างเสียดาย

ผู้อาวุโสหลิว “ … ”

ข้าจะฆ่าเจ้า!

“งั้นไม่ต้องกอดก็ได้ แค่หอมแก้มอีกฝั่ง แล้วข้าจะบินตามไป”

จ๊วฟฟฟ

“อืม หวานหยดย้อย ยอดเยี่ยมมาก!”

ฉินห่าวพยักหน้าซ้ำๆ การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าสุดๆ นอกจากได้รับสมบัติมากมายแล้ว ยังถูกสาวหอมแก้มอีกตั้งสองครั้ง