บทที่ 79: สงครามเผ่าพันธุ์ (2)
“อะไรคือการลอยไปลอยมาแบบนี้…”
คามิลลี โรวล์ที่เดินอยู่ที่ชายทะเลแสดงสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา
ชายฝั่งที่อยู่ห่างออกไปได้เต็มไปด้วยความวุ่นวายแล้ว
“เฮ้! อย่าพุ่งเข้าไป! เราไม่ได้ขาดแคลนน้ำแร่ธาตุอีกแล้ว!”
“รากโตขึ้นอีกหน่อยแล้ว! ไปที่ซากกันเถอะ!”
มันมีความวุ่นวายอยู่ทุกที่
บางทีอาจเป็นเพราะมัจฉาภัยพิบัติตาย ต้นไม้โลกจึงได้เติบโตด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และน้ำแร่ธาตุเองก็ได้มีมากมายขึ้นด้วยสาเหตุบางอย่าง
‘ถ้ารากเติบโตขึ้นด้วยความเร็วเท่านี้ งั้นเราอาจจะช่วยเหลือคนนับพันล้านได้จริงๆ แต่มันมีประโยชน์อะไรล่ะ ไอ้โง่เอ้ย นายคือคนที่ต้องมีชีวิตรอดนะ’
มันเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เธอได้ค้นหาไปรอบๆ รากและซากมัจฉาภัยพิบัติ แต่เธอไม่อาจหาเจ้าฮันซูนั่นพบไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อเธอต้องหลบหลีกคนของหกขั้วอำนาจ
‘เวรเอ้ย ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านายยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า’
เธอนั้นกระทั่งใช้บัตรคำขอที่แสนล้ำค่าที่เธอเก็บไว้เพื่อหาหมอนั่น
<ขอบคุณที่ช่วยฉัน ฉันไม่มีรางวัลหรืออะไรให้ แต่… เธอสามารถเรียกฉันได้ครั้งหนึ่งถ้าต้องการ ฉันจะช่วยเธอ โอ้ นอกจากฆ่ามัจฉาภัยพิบัตินะ มันค่อนข้างจะเกินไปหน่อยถึงจะเป็นฉันก็ตาม…>
ในตอนนั้นเองที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้บินลงมาจากอากาศและร่อนลงข้างกายคามิลลี
ครืนน!
แรงสั่นสะเทือนได้แพร่กระจายไปทั่วพื้น
แต่คามิลลีได้แสดงสีหน้ายินดีอย่างมากออกมา หญิงสาวมองไปยังอีกคนที่ร่อนลงมาข้างกาย โซเฟีย ก่อนจะเอ่ยถาม
“เธอใช้เวลาสักพักเลยนะ เจอเขารึเปล่า?”
โซเฟียส่ายศีรษะ
“ฉันค้นหาไปทั่วแถวๆ นี้ตามที่เธอต้องการ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไม่กระทั่งถูกตรวจจับได้ด้วยลักษณะพิเศษของฉันด้วยซ้ำ”
คามิลลีขบฟันแน่นขณะที่เธอมองไปยังโซเฟีย
‘ถ้าโซเฟียหาเขาไม่พบ งั้นฉันก็คงหาเขาไม่พบจริงๆ…’
ความสามารถพิเศษ <ห้องสมุด>
มันจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คนคนหนึ่งไม่รู้ และยังให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ
ลักษณะพิเศษที่โดดเด่นในโลกใบนี้ สถานที่ที่ข้อมูลได้กลายเป็นความแข็งแกร่งและพลัง
โซเฟียเองก็ได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาขณะที่เธอเอ่ย
“นี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับฉันเหมือนกัน… โดยปกติแล้ว มันมีสถานการณ์เพียงสองแบบที่พวกเขาจะไม่ปรากฏขึ้นตอนที่ฉันต้องการหา”
คามิลลีกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อเธอก็ค่อนข้างรู้เกี่ยวกับมันเช่นกัน
ถ้าโซเฟียคิดถึงอะไรบางอย่างที่เธอต้องการ สถานที่หรือทิศทางก็จะปรากฏขึ้น
แต่มันมีเพียงสองสถานการณ์ที่มันจะไม่ออกมา
สถานที่ที่อันตรายเกินไปสำหรับโซเฟีย
หรือไม่มีอยู่
‘หรือเขาจะ…’
แต่น่าเศร้าที่มันไม่มีสถานที่ใดในเขตสีแดงที่ความแข็งแกร่งของโซเฟียไม่เพียงพอ
เมื่อโซเฟียคือบุคคลที่แข็งแกร่งเหนือกว่าคนทั่วไป
ซึ่งหมายความว่าความน่าจะเป็นของสถานการณ์ที่สองนั้นมีอยู่สูง
ในขณะที่คามิลลีแสดงสีหน้ากังวล ดวงตาของโซเฟียก็พลันส่องสว่างขึ้น
“หือ? สถานที่ปรากฏขึ้นแล้ว”
“หืมม?”
“ทำไมจู่ๆ มันถึงออกมา?”
โซเฟียแสดงสีหน้างุนงง
เมื่อเธอสามารถค้นหาตำแหน่งของฮันซูที่คามิลลีถามหาได้อย่างกะทันหัน
จะยังไงก็ตาม เธอสามารถหาเขาพบแล้วในตอนนี้
“ไปเถอะ!”
“ว้าย!”
คามิลลีตกใจเมื่อโซเฟียกอดเธออย่างรุนแรง แต่เธอไม่อาจตอบโต้ได้ทัน
และไม่ช้า โซเฟียที่กอดคามิลลีเอาไว้ก็พุ่งออกไปสู่อากาศอย่างรวดเร็ว
ซูมมมม
ไม่ช้า โซเฟียที่รัดร่างของคามิลลีเอาไว้ก็หายไปยังรากที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับเสียงดังลั่น
‘มันตายแล้วจริงๆ’
ฮันซูหยุดชะงักกลางคัน จากนั้นจึงเข้าไปใกล้รากกลืนและคายที่หยุดทำงานอย่างสมบูรณ์
เมื่อมันไม่อาจคงร่างใหญ่โตของมันได้เมื่อสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ถูกดึงออกไป
ฮันซูเข้าไปภายในร่างของมัน จากนั้นจึงตัดส่วนหนึ่งออกมา
‘นี่ไง’
อวัยวะที่มีขนาดเท่าศีณษะของชายหนุ่มอยู่ในส่วนลึกของแกนกลางของร่างหลัก
มันคือความทรงจำแกนกลางที่มีข้อมูลยีนส์ทั้งหมดของสัตว์อสูรอยู่ภายใน
ฮันซูรีบเคลื่อนไหวไปทางไมเคิลหลังจากเก็บความทรงจำแกนกลางแล้ว
มันง่ายขึ้นมากเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากกิลด์ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงรอบๆ ต้นไม้โลก
เมื่ออำนาจของอาคารแสง หนึ่งในหกขั้วอำนาจ มีอยู่ในทุกซอกทุกมุม
มีพวกเขาแค่ราวๆ 150 คนที่ตกลงมาที่นี่ แต่พวกเขามีคนนับหมื่น และกิลด์สาขาราวๆ 40 กิลด์
พวกเขาจะสามารถหามันได้ทันทีว่ากิลด์ใดกิลด์หนึ่งพยายามจะทำอะไร
ตึก ตึก
ไมเคิลแสดงสีหน้าขมขื่นขณะที่มองไปยังฮันซูที่ใส่ชุดเกราะใหม่
เกราะที่ดูไม่ธรรมดาตั้งแต่แวบแรก
‘หมอนี่ไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหนเรื่อยๆ กัน?’
เขาเริ่มที่จะเข้าใจว่าทำไมหมอนี่ถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอของเขาเมื่อถึงจุดนี้
วินาทีที่ฮันซูมองไปยังไมเคิลและพยายามอธิบายสถานการณ์ของเขา เสียงคลื่นกระแทกดังสนั่นก็ปรากฏขึ้นจากรากต้นไม้โลกด้านบน
ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก
จนถึงจุดที่เสียงที่ดังอยู่ด้านบนนั้นสั่นสะเทือนลงมายังพวกเขาที่อยู่ใต้ดิน
แสดงสั่นสะเทือนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นบางอย่างจึงได้ทะลวงผ่านกำแพงของชั้นใต้ดินลงมา
ตูมมม!
“แค่ก… นี่มันอะไรกัน”
ในขณะที่ไมเคิลกำลังขมวดคิ้ว บางอย่างก็ได้เดินออกมาจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
“หวา ไมเคิล สักพักแล้วนะ หกเดือนแล้วใช่ไหมที่เราเจอกันครั้งล่าสุด?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไมเคิลก็กัดฟันกรอด
“โซเฟีย…”
‘ฉิบหายเอ้ย’
ไมเคิลขมวดคิ้ว
เขาได้รับข้อมูลก่อนที่เขาจะถูกกลืนกินโดยปากปีศาจ
ว่าหนึ่งในเจ็ดเสี้ยววิญญาณเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ
‘ทำไมต้องเป็นนังเวรนี่ด้วย’
ในขณะที่ไมเคิลกัดฟันกรอด โซเฟียก็วางร่างของคามิลลีที่กำลังพะอืดพะอมลง จากนั้นจึงมองไปรอบๆ
‘หมอนั่นคือฮันซูเหรอ’
เธอรู้ด้วยสัญชาตญาณ
เมื่อเขาคือคนเดียวในที่นี่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
คนอื่นๆ เป็นคนที่เธอเคยปะทะด้วยครั้งสองครั้งตอนที่เธอต่อต้านไมเคิลในอดีต
โซเฟียมองไปยังฮันซู จากนั้นจึงใช้ลักษณะพิเศษของเธอ ห้องสมุด
‘ไหนดูสิ’
<คังฮันซู>
– นักผจญภัยปีหนึ่ง
– สกิลที่ครอบครอง: 1
– จำนวนรูน: 39.4%
แม้ว่ามันจะไม่ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอจริงๆ แต่มันก็จะปรากฏขึ้นเมื่อเธอจัดระเบียบสิ่งที่ปรากฏขึ้นในศีรษะของเธอ
มันดูแทบจะเหมือนกับการแฮค แต่ข้อจำกัดของมันก็ชัดเจนเช่นกัน
มันไม่ได้ชัดเจนมากนัก แต่เธอสามารถคาดเดาคู่ต่อสู้ของเธอได้ในระดับหนึ่งโดยใช้ประสบการณ์ของเธอ และโซเฟียขมวดคิ้วเพราะแบบนี้
‘… เขาฆ่ามัจฉาภัยพิบัติด้วยของแค่นี้?’
และมันดูเหมือนว่าเขาจะฆ่าร่างหลักของปากปีศาจเช่นกัน
‘ไม่มีทาง’
ความจริงที่เขาขาดไปมากก็เพียงพอแล้ว
ปีหนึ่งที่มีสกิลเพียงสกิลเดียว และรูนน้อยกว่า 50%
แม้ว่ามันจะน่าประหลาดใจสำหรับปีหนึ่งคนหนึ่ง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์
หากนำเขาไปเทียบกับคนที่เหลือในเขตสีแดง งั้นเขาก็ไม่แม้แต่จะอยู่ในระดับกลาง
‘เขาฆ่ามันได้ยังไงด้วยระดับแค่นั้น…’
และถ้าหากเขาฆ่ามันจริงๆ ระดับของเขาจะไปถึงเท่าไหร่กันเมื่อรูนทุกอย่างของเขาเต็ม
‘ฉันต้องเห็นระดับของอาร์ติแฟค…’
ในวินาทีที่โซเฟียกำลังจะตรวจสอบฮันซูให้มากขึ้น ชายหนุ่มก็มองไปยังอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยออกมา
“พยายามสนใจอย่างอื่นนอกจากฉันเถอะ”
“อะไรนะ?”
วินาทีนั้นเองที่บางอย่างได้ปรากฏขึ้นในศีรษะของเธอ
สีหน้าของโซเฟียแข็งค้างไปกับความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นในสมองของเธออย่างกะทันหัน
ความรู้สึกรุนแรงที่ลักษณะพิเศษส่งมายังเธอ
อันตราย
และมีเพียงแค่อันตรายที่ใหญ่หลวง
‘บางอย่างกำลังลงมา… จากด้านบน?’
โซเฟียรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ตามต้นไม้โลกขณะที่เธอมองไปยังรูที่เธอสร้างขึ้นบนรากของต้นไม้โลก
ครืดดด
งูขนาดใหญ่ขดตัวอยู่รอบต้นไม้โลก
อูโรโบรอส
ภัยพิบัติที่สามารถยืนยันได้ง่ายที่สุดด้วยตาเปล่า ไม่เหมือนตัวอื่น
ความจริงแล้วหมอนี่ไม่ได้ส่งผลตรงๆ กับมนุษย์
มีเพียงสิ่งเดียวที่มันทำ
มันกินน้ำพิษที่เติมเต็มต้นไม้โลกหลังจากที่กัดรอบๆ โคนตรงกลางด้วยศีรษะของมันที่ใหญ่ยิ่งกว่าเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง
แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านล่างจะต้องทนหิวโหยเมื่อไอ้ตัวนั้นกำลังกลืนกินน้ำพิษที่จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำแร่ธาตุโดยต้นไม้โลก แต่พวกเขาก็อยู่แบบนั้น
เมื่อพวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะคิดว่าหากไอ้ตัวนั้นมันหงุดหงิดและลงมาจะเป็นยังไง
สิ่งมีชีวิตที่พวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างมากที่มันอยู่นิ่งๆ
ในเวลาเดียวกัน ไอ้ตัวนั้นคือหนึ่งในไม่กี่วิธีที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่รากจะไปถึงพุ่มไม้ได้อย่างปลอดภัย
เมื่อมันยากอย่างมากกระทั่งสำหรับนักผจญภัยในเขตสีแดง ในการที่จะปีนขึ้นไปที่พุ่มไม้ที่อยู่เหนือก้อนเมฆโดยที่ไม่เหนื่อยล้า
แต่พวกเขาสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างง่ายดายขึ้นด้วยการเดินไปบนร่างที่พันอยู่รอบต้นไม้และมีหางวางอยู่ที่พื้น
ดังนั้นแล้ว คนจำนวนมากขึ้นเหยียบอยู่บนร่างของมันและมุ่งหน้าตรงไปยังพุ่มไม้ แต่มันก็ยังมีบริเวณที่พวกเขาไม่เคยเข้าใกล้
หัว
ไอ้ตัวนี้จะโจมตีอย่างรุนแรงเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้หัวที่กำลังกินน้ำทะเลพิษ แต่มันมีคนหนึ่งที่ได้ไปถึงศีรษะของมัน
ร่างโคลนที่บัดนี้ได้ตั้งชื่อตัวเองว่าเตกิลอนได้เข้าไปภายในโดยหนึ่งในช่องว่างระหว่างเกล็ดจำนวนนับไม่ถ้วน
อูโรโบรอสนั้นก็ได้เลี้ยงปรสิตจำนวนมากไว้ภายในร่างของมันเพื่อป้องกันเช่นกัน แต่พวกมันขยับออกไปเมื่อเห็นเตกิลอน
ตึก ตึก ตึก
เตกิลอนที่มาถึงภายในศีรษะของมันวางมือของเขาลงบนระบบประสาทส่วนกลางขณะที่และใช้พลังของเขาอย่างรวดเร็ว
กูววววว
แม้ว่าอูโรโบรอสจะต่อต้านสิ่งมีชิวตแปลกประหลาดที่รุกรานศีรษะของมันเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้แสดงอาการรุนแรงนัก
เมื่อมันค่อนข้างสับสน
หมอนั่นให้ความรู้สึกเหมือนผู้สร้างของมัน แต่ว่าต่างไปจากผู้สร้างในบางทาง
ความแตกต่างนั้นได้ทำให้อูโรโบรอสลังเล ในตอนนั้นเองที่คำสั่งได้ปรากฏขึ้นในศีรษะของมัน
<นี่สำหรับเจ้า ปิดรูทุกรูบนร่างของนาย รวมทั้งปากด้วย จะได้ไม่มีใครเข้ามา>
อูโรโบรอสคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจในคำสั่งเหล่านั้น
กรี๊ซซซซ
มันกำลังกิน
สำหรับสิ่งที่รบกวนมันจากการกินแม้ว่ามันจะไม่กระทั่งดูเหมือนกับผู้สร้างที่สมบูรณ์
จากนั้นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนผู้สร้างที่เห็นการตอบสนองของอูโรโบรอสจึงได้ให้คำสั่งใหม่แทน
<… งั้นแค่ปิดรูทุกรูในร่างนอกจากปาก>
กี๊
งั้นมันก็ไม่มีปัญหา
อูโรโบรอสปิดทั่วทั้งร่างของมันไว้ด้วยเกล็ดที่แข็งราวโลหะ
เตกิลอนเดาะลิ้นเมื่อเขาเห็นท่าทีของอูโรโบรอส
‘เวรเอ้ย ข้าตั้งความต้องการอาหารของไอ้หมอนี่มากเกินไป มันคงใช้เวลาสักพัก’
เตกิลอนค่อยๆ รุกรานมันเพื่อไม่ให้มันหงุดหงิด
เมื่อสิ่งนี้จะบ้าคลั่งถ้าเขาพยายามทำให้มันอยู่ใต้ค่ำสั่งและออกไปที่อื่น
เขาต้องใช้เวลาจำนวนไม่น้อยในการเติมเต็มความอยากอาหารของมัน
‘ข้าไม่มีเวลา’
เตกิลอนกัดฟันกรอด
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมากแค่ไหนแล้วระหว่างความทรงจำในอดีตและปัจจุบันของเขา
เขาต้องการที่จะลงไปพร้อมอูโรโบรอสและบดขยี้พวกมันเมื่อเขาคิดถึงเผ่าพันุ์ของเขาที่อาจตายไปแล้ว และจะตายต่อไปในขณะที่เขากำลังซื้อเวลา
จะยังไงก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเกี่ยวกับคนที่อยู่ที่นี่ ไม่เหมือนเอลวินไฮลม์ที่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อย
แต่เตกิลอนกำลังหายใจอยู่เพียงคนเดียว
‘2 สัปดาห์ ข้าจะสามารถควบคุมมันได้หลังจาก 2 สัปดาห์ ข้าจะเอาไอ้หมอนี่ลงไปใน 2 สัปดาห์’
หมอนั่นจะไม่สามารถเข้ามาและวางกับดักได้ในเมื่อทุกรูบนร่างของมันถูกปิด และหากหมอนั่นหงุดหงิดและโจมตี อูโรโบรอสก็จะบดขยี้มัน
‘ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบ’
เขาคุ้นชินกับการรอแล้ว
เมื่อความทรงจำที่เขากดเอาไว้ระหว่างเวลาที่เขาเกิดเป็นเอลวินไฮลม์ และจนกระทั่งเขาเตรียมการทั้งหมดเสร็จหลังจากกลายเป็นราชา
และเพราะเขาได้เก็บมันไว้เป็นเวลานานและเตรียมการเพื่อมัน เขาจึงสามารถโจมตีเอลวินไฮลม์ตอนที่พวกมันไม่เคลือบแคลง และสามารถต่อต้านกองทัพของห้าแม่ทัพพยัคฆ์ที่พุ่งเข้ามาหยุดยั้งราชาเสียสติและภัยพิบัติได้
เตกิลอนวางมือของเขาลงบนระบบประสาทส่วนกลางของอูโรโบรอสที่กำลังยุ่งกับการกิน ขณะที่เขามอบคำสั่งที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถมอบให้แก่มัน
แม้ว่ามันจะยากที่จะทำให้มันหยุดกินและลงไปเมื่อมันมีความชื่นชอบน้ำทะเลพิษอย่างมาก แต่อย่างอื่นไม่ได้ยากขนาดนั้น
‘ฉันเดาว่าฉันคงต้องเปิดมันสักพัก’
เตกิลอนออกคำสั่งทันทีที่เขาตัดสินใจ
“ฮู่วว มันสูงจริงๆ”
หนึ่งในลูกกิลด์ของฮีแคตเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นภาพที่สามารถเห็นได้เพียงจากใต้เท้าของเธอขณะที่เธอปีนขึ้นมาบนลำต้นด้วยอูโรโบรอส
ทะเลพิษที่แผ่กว้างออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด
และเทือกเขาต้นไม้โลกที่อยู่เหนือมัน
แม้ว่ามันจะแห้งเหี่ยวลง ความคดเคี้ยวของมันก็ทำให้มันเป็นภาพที่ไม่เลว
หญิงสาว ชวี่ ที่กำลังปีนขึ้นไปพร้อมกับชายหนุ่ม เบน ที่กำลังปรบมือกับภาพนั้นและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“อาร์ติแฟคที่ดีขึ้นจะออกมาถ้าเรานายขึ้นไปสูงกว่านี้อีกหน่อย ทนอีกหน่อยหนึ่ง ยังไงเราก็ต้องการอุปกรณ์สำหรับพวกเราเมื่อเราจะไปยังเขตต่อไปในอีกไม่นาน”
เบนเอ่ยตอบคำพูดนั้น
“เหมือนเจ็ดเสี้ยววิญญาณน่ะเหรอ?”
ชวี่ขมวดคิ้วเล็กๆ ขณะผงกศีรษะ
เจ็ดเสี้ยววิญญาณ
ผู้คนที่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นไปและแข็งแกร่งเสียจนถึงจุดที่สามารถคุกคามหกขั้วอำนาจได้ด้วยตนเอง แต่ไม่ขึ้นไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
ถ้านำปีที่พวกนั้นอยู่ที่นี่มาเฉลี่ย พวกเจ็ดเสี้ยววิญญาณก็อยู่ที่เขตสีแดงมา 11 ปีแล้ว
ผู้คนที่ได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการอยู่ที่เขตสีแดงเป็นเวลาเกือบ 11 ปี
ความจริงแล้วมันยังมีพวกรุ่นแรกอยู่ด้วย
คนที่มายังโลกนี้กับแอรีสหรือเคลเดียนที่ได้ทิ้งตำนานเอาไว้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้อยู่ในเขตสีแดงมากว่า 20 ปีเพียงลำพัง
และเพราะแบบนี้ พวกเขาถึงได้ถูกเรียกว่าเจ็ดเสี้ยววิญญาณ
พวกเขาควรจะเรียกคนเหล่านี้ว่ารุ่นพี่ แต่ก็กลัวเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น
‘มันไม่มีความถูกต้องในสมองของพวกเขา’
ชวี่ชื่นชมความคิดของตนเองก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ นายคิดว่าพวกเจ็ดเสี้ยววิญญาณเอาอาร์ติแฟคหายากพวกนั้นมาจากไหนกัน? คุคุคุ พวกเขาบอกว่าเราอาจจะสามารถครอบครองขนนกได้ถ้าเราโชคดีพอ”
“ว้าว งั้นมันก็มีเหตุผลให้ขึ้นไปมากขึ้นแล้ว”
เขาไม่กระทั่งต้องการอาร์ติแฟคชั้นแนวหน้าที่เจ็ดเสี้ยววิญญาณมี
พวกเขาสามารถครอบครองอุปกรณ์ที่เหนือกว่าได้หากพวกเขาได้รับขนนกสักชิ้น
เบนเริ่มเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าคูดนั้นได้สร้างความกระตือรือร้นให้
ในตอนนั้นเองที่เสียงแปลกประหลาดได้ดังขึ้นจากบางอย่าง
ครึ่กกก
“หือ?”
เบนที่ประสาทสัมผัสดีพอจนสามารถทำงานในทีมค้นหาของกิลด์ฮีแคตได้รีบมองไปรอบๆ
พื้นผิวของอูโรโบรอสที่ถูกปิดด้วยเกล็ดที่ยาวสองสามเมตรกำลังขยับขึ้นลง
จากนั้นบางอย่างก็เริ่มเลื้อยออกมาจากระหว่างเกล็ดนั้น
เบนตะลึงเมื่อเห็นเช่นนั้น
“ว๊ากกกก! ปรสิต!”
สิ่งที่ผู้คนที่เข้าไปในร่างของอูโรโบรอสผ่านเกล็ดโดยที่ไม่ล่วงรู้ถึงอันตรายพบเป็นสิ่งแรก
“เวรเอ้ย! วิ่ง!”
เบนและชวี่มองไปยังปรสิตขนาดยักษ์ที่สูงถึง 4 เมตรก่อนจะเริ่มวิ่งหนีไปบนร่างของอูโรโบรอสอย่างบ้าคลั่ง
ปรสิตรูปร่างคล้ายตั๊กแตนนับพันลานได้ปรากฏออกมาและเริ่มโจมตี
TL: รู้สึกเหมือนเห็นทุ่งลิลลี่อยู่แวบๆ นะคะ//เอียงคอ