บทที่ 77
“หรือต้องใช้พลังอมตะ? หมายความว่าผู้บำเพ็ญเพียรในยุคนั้นไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่เป็นพลังงานสายอื่น?” ฉินห่าวเกาหัว รวบรวมอาวุธเหล่านั้นเตรียมกลับไปศึกษาเพิ่มเติม
“แต่จากที่เห็น นิกายแห่งนี้สมควรถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ทุกอย่างเลยถูกนำออกไปอย่างรีบร้อน”
“เสียของจริงๆ”
ฉินห่าวบ่นอุบ นิกายที่น่าเกรงขามถึงเพียงนี้ กลับเหลืออาวุธอยู่แค่ส่วนน้อยเท่านั้น แม้จะมีอาวุธระดับเทียนสองชิ้น แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การเดินทางครั้งนี้ เขายังไม่ได้อะไรเลย!
“ไม่สิ ยังเหลือหอเก็บวิชาอยู่อีก!” ดวงตาของฉินห่าวสว่างไสวขึ้นทันใด องค์ประกอบหลักสามประการของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรคือ อาวุธ โอสถ และทักษะฝึก
ซึ่งทักษะฝึกมีความสำคัญรองลงมาจากสองอย่างก่อนหน้านี้
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินห่าวก็รีบกลับไปยังห้องโถงหลักและเดินไปตามโถงทางเดินที่เชื่อมต่อกัน กระนั้น ทางเชื่อมของที่นี่กว้างขวางมาก หากใช้ให้มนุษย์เดินเท้า เกรงว่าสามวันสามคืนก็ยังไม่ทั่ว
ฉินห่าวบินหามันทั้งวัน แต่ก็ไม่พบเบาะแส
“หรือว่านิกายแห่งนี้จะย้ายหอเก็บวิชาไปแล้ว?” เมื่อคิดดีๆก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะยังซะ ทักษะฝึกถือเป็นรากฐานของนิกาย
หึ่ง หึ่ง~
แต่ในตอนนั้นเอง
“หือ?” ฉินห่าวหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้นและพบกับป้ายบางอย่างที่เขียนว่า
“หอเก็บวิชา”
“อ๋อ ที่แท้มันก็ซ่อนอยู่ในค่ายกลนี่เอง” ฉินห่าวอุทาน ก่อนเอ่ยชมต่อว่า “ฉลาดจริงๆ ไม่ได้โง่เขลาเหมือนสำนักเซี่ยเจี้ยนที่ตั้งคลังสมบัติอยู่บนดินโต้งๆ”
ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยขอบเขตบำเพ็ญเพียรในปัจจุบันของฉินห่าว การจะฝ่าค่ายกลเข้ามานั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณร่างอมตะของเขาล้วนๆ
ฉินห่าวผลักประตูและเดินเข้าไป
ข้างในแบ่งออกเป็นหลายชั้น ชั้นแรกกว้างขวางมาก มองปราดเดียวก็แทบไม่เห็นจุดสิ้นสุด ที่สังเกตเห็นได้ก็จะมีชั้นวางตำราวางเรียงรายเป็นทางยาว ตำรากระจัดกระจายเต็มพื้น กระนั้น ตำราพวกนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำจากอะไร แต่พวกมันไม่ผุกร่อนหรือเน่าเปื่อยเลย
ฉินห่าวหยิบตำราทักษะฝึกขึ้นมาเล่มหนึ่ง หน้าปกเขียนว่า ‘หมัดโลดโผน’ มองคร่าวๆและทำการประเมินในใจ
“ระดับเสวียนขั้นกลาง?”
ฉินห่าวตกใจ ห้ามลืมนะว่าหอเก็บวิชายังมีอีกหลายชั้น และนี่เป็นแค่ชั้นแรกเท่านั้น แต่คาดไม่ถึว่าจะเป็นที่ใช้เก็บตำราระดับเสวียน
ไม่รอช้า ฉินห่าวหยิบตำราทักษะฝึกขึ้นมาอีกหลายเล่ม
เล่มนี้อยู่ในระดับเสวียนขั้นสูง
เล่มนี้อยู่ในระดับตี้ขั้นต่ำ
ฉินห่าวตกตะลึง หนังศีรษะเขาด้านชา ขนาดนิกายเซียวเหยาของเขายังไม่แน่ใจเลยว่าจะมีตำราระดับตี้ในครอบครองหรือไม่ แต่ที่นี่กลับเก็บมันไว้แค่ในชั้นแรกเท่านั้น
เมื่อคิดได้ ฉินห่าวไม่เสียเวลา เขาไม่สนใจทักษะที่เหลือในชั้นนี้ รีบตรงขึ้นไปชั้นสอง
จะพบว่าตำราบนชั้นสองเล็กกว่าชั้นแรกมาก ความยาวของมัน หากอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดจะสามารถเห็นสุดทางเดินได้
ฉินห่าวสุ่มหยิบหนังสือบนพื้นขึ้นมา
ตำราระดับตี้ขั้นกลาง
ตำราระดับตี้ขั้นสูง
ฉินห่าว “ … ”
เขาเจอมหาขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว!
“ ฮี่ ฮี่ ใจเย็นๆ ใจเย็นเข้าไว้”
หลังสงบใจได้ ฉินห่าวก็รวบรวมตำราต่างๆบนชั้นนี้ และขึ้นไปต่อบนชั้นสาม ที่นี่มีตำราน้อยลง และมีชั้นตำราวางไว้เพียงสี่ห้าร้อยชั้นเท่านั้น
ฉินห่าวหยิบตำราบนพื้นขึ้นมา เมื่อตรวจสอบดู ทั้งคนทั้งร่างเขาสั่นสะท้าน!
ตำราระดับเทียนขั้นสูง!
ฉินห่าวอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรมาหนึ่งปีแล้ว และมีเพียง ‘หนึ่งกระบี่ปลิดชีพ’ ที่ได้จากระบบเท่านั้นที่อยู่ในระดับเทียน นอกเหนือจากนั้นเขาไม่เคยเจอทักษะใดในระดับเทียนอีกเลย
และยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่ามีคนได้ฝึกมัน
ซึ่งเหมือนกับว่าทักษะระดับเทียนที่สมบูรณ์นั้นโดยพื้นฐานได้สาปสูญจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรไปแล้ว และส่วนมากกระจัดกระจายเป็นเศษเป็นส่วนวิชา ซึ่งเศษส่วนเหล่านี้ยังพอมีความเป็นไปได้ว่ามีนิกายชั้นนำเก็บซ่อนไว้
ฉินห่าวมองตำราในมือตัวเอง แววตาเขาซับซ้อน จากนั้นก็หยิบตำราอีกเล่มขึ้นมา และพบว่ามันอยู่ในระดับเทียนขั้นสูงเช่นกัน
“เช็ดเด้! นิกายนี้ร้ายกาจสุดๆ ในยุคนั้นพวกเขาทรงพลังขนาดไหนกันนะ? และประเด็นสำคัญ ทำไมถึงไม่มีใครหยิบฉวยตำราพวกนี้ไปเหมือนโอสถกับอาวุธ?”
ฉินห่าวข่มหัวใจที่เต้นแรง แม้เขาจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่นิกายเซียวเหยากำลังขาดแคลนจริงๆ
และนี่ทำให้ฝีเท้าที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นสี่มันหนักอึ้งกว่าที่เคย …