บทที่ 75
“เจ้า …. เจ้าออกไปได้อย่างไร?”
ทุกคนสีหน้าเหม่อลอยคล้ายเป็นโรคสมองเสื่อม พวกเขาได้ลองพยายามมาแล้วหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงหรือใช้อาวุธวิเศษเพื่อทำลายค่ายกล แต่ก็ไม่เป็นผลเลย
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มผู้นี้เพียงก้าวถอยหลังก้าวเดียว ก็สามารถออกไปได้
“หือ? ไม่ผิดแน่ ข้าเข้าใจแล้ว!”
ดวงตาของชายชราเป็นประกายแวววาว ทอดถอนหายใจว่า “ผู้ที่ออกแบบค่ายกลนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ!”
“เทียนเหลา เจ้ารู้วิธีออกไปแล้วหรือ?”
ทุกคนเริ่มตื่นตัวและเอ่ยถาม
ฉินห่าวมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง หรือความลับเรื่องร่างอมตะของข้าถูกค้นพบแล้ว?
“มีคำกล่าวว่าไม่มีทางที่ค่ายกลใดในโลกจะสมบูรณ์แบบ แต่พวกเราลองใช้ทั้งพลังปราณและอาวุธวิเศษเข้าทำลายแล้วกลับยังไม่ได้ผล แล้วเช่นนั้นทางออกอยู่ตรงไหน?”
เทียนเหลารู้สึกพอใจมาก มองฉินห่าวอย่างยกย่อง และพูดเบาๆว่า “มันคือการก้าวถอยหลัง!”
ทุกคนตกตะลึง “ก้าวถอยหลัง?”
“ใช่ ชัดเจนว่าค่ายกลนี้ติดตั้งโดยอ้างอิงคำสอนทางพุทธศาสนา ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ‘’ถอยเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า!’ ”
สิ้นเสียงเทียนเหลา ทุกคนอ้าปากค้าง ส่วนฉินห่าว ตอนนี้สีหน้าเขากลายเป็นว่างเปล่าไปแล้ว เพราะมันใช่ซะที่ไหนกัน ทั้งหมดเป็นเพราะร่างอมตะของเขาต่างหาก
หลังจากทุกคนคิดตามอย่างรอบคอบแล้ว ดวงตาของพวกเขาสว่างไสวขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่าฐานบำเพ็ญเพียรของฉินห่าวอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น แต่เพียงก้าวถอยออกมาเบาๆ ก็สามารถหลุดจากค่ายกลได้ ตรงจุดนี้ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อทฤษฎีนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะพวกเขายังไม่ได้ลองใช้วิธีนี้!
ประกอบกับมีตัวอย่างที่ทำสำเร็จปรากฏอยู่ต่อหน้า ขนาดนี้แล้วยังต้องมาลังเลอะไรอีก?
“ข้าขอลองก่อน”
ชายร่างใหญ่เดินมาหยุดหน้าขอบค่ายกลต้องห้ามอย่างรวดเร็ว เขาสูดหายใจลึก ทุกคนจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเขา
เห็นเพียงชายร่างใหญ่ค่อยๆยกเท้าขึ้น แล้วถอยไปด้านหลัง และในที่สุดครึ่งเท้าเขาก็ยื่นพ้นเขตค่ายกล
หึ่ง หึ่ง~
สีหน้าของทุกคนมีความสุขมาก เห็นเพียงเท้าข้างหนึ่งของชายร่างใหญ่ก้าวออกไปแล้ว แต่ภาพต่อมาก็ทำให้รอยยิ้มของพวกเขาแข็งค้าง
“ไม่ได้! ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
ชายร่างใหญ่หน้าแดงและส่งเสียงคำรามดังลั่น
โครม!
ม่านแสงสว่างวาบ และผลักร่างชายร่างใหญ่กลับไป แรงส่งทำให้เขาสะดุดล้มหน้าคว่ำกับพื้น
“นี่ … ”
ทุกคนหันไปมองเทียนเหลาเป็นสายตาเดียว
“มันไม่สมควรเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเท้าเขาก้าวออกไปแล้ว แต่เหตุใดถึงถูกขับไล่กลับมา” เทียนเหลาพึมพำเสียงต่ำ แต่ซักพักดวงตาพลันสว่างไสว “คิดออกแล้ว! นั่นเพราะเขาตั้งใจทำเกินไป”
ทุกคนงุนงงและพูดว่า “อะไรคือตั้งใจเกินไป?” แม้ปากเอ่ยถามแบบนี้ แต่อันที่จริงทุกคนเชื่อสนิทใจแล้วว่าวิธีนี้น่าจะได้ผลจริงๆ
เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาลองทำทุกวิถีทาง แต่ไม่ต้องกล่าวถึงเท้าข้างเดียว กระทั่งนิ้วเลือดก็ยื่นออกไปไม่ได้
“อ้างอิงจากที่สหายน้อยผู้นี้ทำเมื่อครู่ ตอนนั้นเขาไม่ได้จงใจจะออกจากค่ายกล แต่บังเอิญถอยหลังเพราะถูกขู่ หรือก็คือไม่ได้ตั้งใจ”
หลังจากเทียนเหลาพูดจบ เขาก็พอใจกับการวิเคราะห์ของตัวเองมากและพยักหน้า
ทุกคนนึกถึงกระบวนการเคลื่อนไหวทั้งหมดของฉินห่าวที่ออกไป และนำมาเทียบกับเทียนเหลา ก่อนพบว่ามันต่างกันจริงๆ
“แล้วต้องทำยังไงดี? ตอนนี้พวกเราอยากออกไปมาก ต้องทำยังไงถึงจะให้ก้าวถอยหลังแบบไม่ตั้งใจได้?”
ชายร่างใหญ่พอฟังก็เข้าใจ เอ่ยด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“ปรับอารมณ์ ปรับสภาพจิตใจกันก่อน”
เทียนเหลาว่าจบก็นั่งขัดสมาธิและหลับตาลง
ทุกคนเห็นดังนั้นก็ปฏิบัติตาม
ฉินห่าวยืนมองพวกเขาจากนอกค่ายกลด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง
ควรห้ามดีไหม?
เตือนอะไรพวกเขาซักหน่อย?
อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดสินใจพักหนึ่ง ฉินห่าวก็คิดว่าไม่ดีกว่า เขาไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ที่สำคัญคือหากพวกเขาออกมาได้จริงๆ ถึงตอนนั้นสมบัติในที่นี้คงไม่เหลือตกถึงมือตนเอง