บทที่ 74: การบุกรุก (4)

 

 

 

 

“อุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ลุ่ยฮองหัวเราะเสียงลั่นขณะที่เขาเหวี่ยงดาบที่ส่องสว่างโชตช่วงในมืออย่างรุนแรง

ฉัวะ

ดาบที่ส่องสว่างจากมือของเขาได้สับร่างของกองทัพที่พุ่งเข้ามาราวกับคลื่นที่ถาโถม

ฉึก

‘นี่มันยอดเยี่ยม!’

อาร์ติเฟคที่เขามีนั้นเป็นบางสิ่งที่ไม่ได้โดดเด่นเลยแม้แต่น้อย แต่อาวุธที่ส่องส่วางอยู่ในมือของเขาตอนนี้มันอยู่คนล่ะระดับกัน

‘ด้วยพลังระดับนี้ ไม่ว่ามันสามารถตัดรากได้รึไง?’

พลังทำลายล้างที่ให้ความรู้สึกราวกับจะสามารถทะลวงผ่านเปลือกหนาๆ ของรากที่ทำให้เขาต้องยอมแพ้ก่อนหน้าสามารถรับรู้ได้จากในมือของเขา

‘ถ้าเป็นแบบนี้… ฉันคิดว่าเราก็สามารถออกไปจากรากได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียมาก!’

แม้ว่าไอ้ตัวที่เหมือนซอมบี้เบื้องหน้าพวกเขาจะแข็งแกร่ง และแม้ว่าพวกมันจะมีรีลิคอยู่ในมือ พวกมันก็จะตายเมื่อถูกสับเป็นชิ้นๆ ตราบเท่าที่มันยังเป็นสิ่งมีชิวิตอยู่

และดาบในมือของเขานั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะผ่าร่างของไอ้ตัวพวกนั้นโดยไร้ซึ่งปัญหา

เขาแค่ต้องจัดการไอ้ตัวพวกนี้ ผ่าราก แล้วก็ออกไปด้านนอก

แต่ลุ่ยฮองตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีเช่นที่เขาคิดขณะที่เขาเหวี่ยงดาบในมือ

 

 

ฟ้าววว

ฮันซูเหวี่ยงรีลิคของกาลาเดรียงในมือ

พลังเวทสีทองที่ออกมาจากรีลิตที่ได้รับพลังงานจำนวนมหาศาลจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้พุ่งตรงไปยังร่างของเอลวินไฮลม์ที่พุ่งเข้ามาหาเขา

ฉัวะ

เอลวินไฮลม์พยายามป้องกันการโจมตีนั้นด้วยรีลิคในมือ

ทว่าพลังเวทสีทองได้ตัดผ่านอาวุธของพวกมันและผ่าร่างของมันเป็นสองส่วนเช่นกัน

‘เวรเอ้ย’

แม้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จ มันก็ยังไม่มีผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

ฮันซูเดาะลิ้นอยู่ภายใน

เขาต้องการที่จะจัดการพวกมันหกตัวในการโจมตีเดียว

แต่มีแค่สี่ตัวที่ตายด้วยการโจมตีนั้น

อีกสองตัวได้รีบขยับตัวหลบออกจากระยะการโจมตี ขณะที่สี่ตัวป้องกันมัน

‘บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายของพวกมันยังคงเป็นปกติ ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกมันต่างออกไป’

ไอ้ตัวพวกนี้ไม่ได้ฟื้นคืนชีพเหมือนกองทัพผีในท้องของมัจฉาภัยพิบัติ พวกมันแข็งแกร่งกว่ามากเพราะร่างกายของพวกมันยังคงปกติดี

ไอ้พวกนี้มีเป็นหมื่น

ไอ้พวกนี้เคลื่อนไหวอย่างเฉียบแหลมขณะที่พวกมันยันฮันซูและกิลด์อาคารแสงกลับไป

“เวรเอ้ย! ความเร็วในการฟื้นฟูของเจ้าพวกนี้เร็วเกินไป! พวกมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะตัดแขนขามันออก!”

“จัดการมันในการโจมตีเดียว! มันไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป้นอมตะนะ”

“เวรเอ้ย! ไม่ใช่ว่าไอ้พวกนี้ตายแล้วเหรอ? พลังมันมาจากไหนวะ!”

เสียงตะโกนที่คล้ายคลึงกันดังขึ้นไปทั่ว

แม้ว่าแขนขาของพวกมันจะถูกตัดออกจากการโจมตี ไอ้เจ้าพวกนี้ก็จะแค่นำชิ้นส่วนต่อกลับเข้าไปแล้วก็โจมตีต่อหลังจากที่หายดีแล้ว

เมื่อร่างกายถูกตัดออก วัสดุที่ใช้ในการรักษาภายในร่างกายก็จะค่อยๆ ถูกเผาผลาญลงเพื่อรักษา แต่พวกมันฟื้นฟูตัวเองอย่างต่อเนื่องราวกับว่าไร้ซึ่งขีดจำกัด

พวกมันจะตายถ้าตัดหัวออก แต่มันหมายความว่ามันคือกองทัพที่ไม่มีวันล้มลงจนกว่าจะตัดหัวของพวกมันออกหรือบดขยี้หัวใจของพวกมัน

ลูกกิลด์อาคารแสงได้ถ่วงพวกมันไว้ได้เพราะความสามัคคีที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาคุ้นชินกับการต่อสู้ร่วมกัน แต่หากทุกอย่างยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ในที่สุด

ในเมื่อเอลวินไฮลม์ยังคงดูกระปรี้กระเปร่าไม่เหมือนกับมนุษย์ที่จะเหนื่อยอ่อน

หากพวกเขาไม่มีคลื่นสะท้อนมานา งั้นพวกเขาก็คงตายกันหมดแล้ว

ฮันซูมองไปยังสิ่งของขนาดใหญ่ที่เอล์วินไฮลม์ตัวยักษ์สองตัวกำลังป้องกันอยู่

‘อย่างที่คิด ฉันต้องทำลายหัวใจกลาง’

หัวใจตรงกลางขนาดยักษ์ที่มีหน้าที่คล้ายกับคอร์ของมัจฉาภัยพิบัติ

เมื่อหัวใจเพียงดวงเดียวไม่อาจคงร่างใหญ่โตของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนั้นจึงส่งน้ำแร่ธาตุพร้อมด้วยพลังจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ปะปนอยู่ไปยังทุกซอกมุมของร่างกาย

น้ำแร่ธาตุของมันนั้นได้ถูกส่งไปยังทหารเอลวินไฮลม์อย่างต่อเนื่องผ่านพื้นของราก

ตราบเท่าที่หัวใจนั้นยังเต้นอยู่ เอลวินไฮลม์จะไม่หยุดโจมตี

‘ไป’

ฮันซุเอ่ยไปยังมิเชลที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา

“ฉันจะแยกตัวออกไปสู้ รักษารูปแบบเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และมีชีวิตอยู่”

มิเชลกัดฟันกรอดก่อนจะผงกศีรษะ

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถรักษาตัวรอดได้ แต่พวกเขาไม่อาจผลักดันแนวรบไปได้ถ้าเป็นแบบนี้

พวกเขาต้องการบางอย่างที่จะพลิกโต๊ะ

‘เวรเอ้ย ฉันไม่รู้ว่านายรู้อะไร แต่… ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จ’

ฮันซูทิ้งมิเชลไว้ข้างหลัง จากนั้นจึงใช้พลังสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจจนถึงขีดสุดขณะที่เขาทะยานขึ้นไปบนอากาศ

ในตอนนั้นเอง บางอย่างได้พุ่งไปหาร่างของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว

เคร้งงง

ฮันซูเหวี่ยงดาบในมืออย่างรุนแรง ป้องกันสิ่งที่พุ่งตรงมายังเขา

ลูกแก้วลูกหนึ่ง

ลูกแก้วที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นมนุษย์ได้กระแทกไปที่ดาบของชายหนุ่ม สร้างคลื่นกระแทกรุนแรง

น่าประหลาดใจที่ดาบทองที่สามารถตัดร่างของเอลวินไฮลม์ได้กลับไม่อาจที่จะผ่าลูกแก้วนั้นไปได้ ลูกแก้วนั้นส่งเสียงกรีดแหลมออกมาขณะที่มันพยายามผลักร่างของฮันซูให้ถอยไป

‘ไม่’

ชายหนุ่มรวบรวมมานามังกรปีศาจให้มากขึ้น เหยียบขึ้นไปบนหัวของเอลวินไฮลม์ที่พุ่งเข้ามา ใช้แรงนั้นในการดันลูกแก้วให้ถอยออกไป

แคร่ก

รอยแตกปรากฏขึ้นบนลูกแก้วนั้น

เมื่อปรากฏรอยแตกขึ้น มันก็หยุดโจมตีฮันซูและกลับไปยังเจ้าของของมัน

ไปยังหนึ่งในสองเอลวินไฮลม์ที่กำลังป้องกันหัวใจ

จากนั้นลูกแก้วเจ็ดลูกที่หมุนวนอยู่รอบร่างของเอลวินไฮลม์ตัวนั้นก็ได้ส่องแสงสว่างจ้าออกมา ขณะที่พวกมันเริ่มพุ่งเข้าไปยังร่างของฮันซูด้วยความเร็วสูง

ในเวลาเดียวกัน สมาชิกอีกตัวของห้าจอมทัพพยัคฆ์ก็ได้ใช้สร้อยข้อมือที่แขนของมัน

คว้างงง

ทันใดนั้น เกราะโปร่งแสงก็ได้ปรากฏขึ้นทั่วร่างของจอมทัพพยัคฆ์ที่มีสร้อยข้อมือนั้น

สองจอมทัพพยัคฆ์ที่ได้เตรียมตัวพร้อมด้วยรีลิคทั้งสองเริ่มส่งเสียงคำรามลั่นขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหาชายหนุ่ม

ตูม ตูม ตูม ตูม

ทั้งสองที่ตัวใหญ่กว่าเอลวินไฮลม์ปกตินักเริ่มที่จะวิ่งเข้าไปหาฮันซู มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทั้งรากกำลังสั่นสะเทือน

และฟาเบียน จอมทัพพยัคฆ์ที่ครอบครองเกราะโปร่งแสงก็โจมตีไปยังฮันวู

ตูม!

ฮันซูวาดดาบมานาที่สร้างขึ้นจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรงไปยังเกราะโปร่งใสนั้น ทว่ามันกลับสะท้อนการโจมตีของเขากลับไป

เคร้ง

รีลิคที่ฮันซูและฟาเบียนใช้นั้นแต่เดิมเป็นของเอลวินไฮลม์

แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีคลื่นสะท้อนมานา พวกมันก็ยังคงสามารถใช้มันได้จนถึงสุดขีเความสามารถ

‘และไอ้พวกนี้ก็ยังได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่องจากหัวใจกลาง’

ครึ่กกก

แต่ราวกับว่าเกราะนั้นไม่อาจทนทานพลังจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้ ดาบทองของฮันซูจึงเริ่มจมลึกลงไปในมัน

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างไปพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมกับเสียงดังสนั่น

‘รีลิคของเอคิดรัง’

สองในเจ็ดลูกแก้วของเอคิดรังยังคงอยู่เบื้องหลังเพื่อป้องกันร่างกาย สี่ลูกเล็งไปยังจุดตายทั่วร่างของฮันซู และอีกหนึ่งลูกที่เหลือมุ่งตรงไปยังข้อมือข้างที่ถือรีลิคของกาลาเดรียงไว้

ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่เขาถอนดาบที่จมอยู่บนเกราะของฟาเบียนออกอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มก็ใช้ <พลังทำลายล้าง> ของแหวนเนอร์มาฮาที่มือขวา

วิ้งงง

แหวนเนอร์มาฮาร์ที่ถูกเติมเต็มด้วยมานาจำนวนมากกว่าเดิมอย่างมากได้ระเบิดแสงสีแดงออก

จากนั้นฮันซูจึงเปลี่ยนดาบที่ถูกครอบคลุมไปด้วยแสงสีแดงทองให้เป็นเหมือนแส้ ก่อนที่จะเหวี่ยงมันออกไปกลางอากาศ

พรึ่บ

พลังงานที่อยู่ในลูกแก้วทั้งห้าที่มุ่งตรงมายังเขาหายไปด้วยพลังของสกิลพลังทำลายล้าง

แคร่ก

ลูกแก้วส่งเสียงออกมาพร้อมกับรอยแตกที่ปรากฏขึ้น

แต่ว่าลูกแก้วที่ทนทานการโจมตีเหล่านั้นได้ได้มุ่งตรงไปและกระแทกเข้าที่ร่างของชายหนุ่ม

พลั่ก!

‘อะ อึ่ก!’

เขาหลบได้สี่ลูก ทว่าเขาไม่อาจหลบลูกที่เหลือได้หลังจากที่สูญเสียสมดุลร่างกายไป

เมื่อรีลิคของเอคิดรังรวดเร็วเกินไป

ฮันซูสูดลมหายใจอย่างกระท่อนกระแท่นด้วยความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

ในตอนนั้น ฟาเบียนที่ถูกดันถอยไปจากการโจมตีของฮันซูได้เชื่อมั่นในเกราะของมันและพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม

ตูม ตูม ตูม ตูม

‘เวรเอ้ย…’

มันรู้สึกเหมือนว่าเส้นทางมานาในร่างของเขากำลังถูกเผา

มันเป็นภาระมากเกินไปในการใช้รีลิคของกาลาเดรียงและแหวนเนอร์มาฮาร์พร้อมกัน แต่หากเขาไม่ใช้พวกมันทั้งสอง เขาก็คงไม่อาจหยุดไอ้ตัวที่วิ่งเข้ามาหาเขาเหมือนหมีนั่นได้

ฮันซูรีบถอยหลังออกไปขณะที่เขาใส่สกิลทำลายล้างลงไปที่ดาบสีทองของเขา แล้วจึงเหวี่ยงมันไปทางเกราะของฟาเบียน

แคร่กกก!

เกราะส่งเสียงแตกหักออกมาพร้อมกับรอยแยกที่ปรากฏขึ้น

ดาบสีทองทะลวงผ่านรอยแยกนั้นไป

จากนั้นมันก็เปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับบดขยี้ภายในของอีกฝ่าย

ครึ่กก

ในตอนนั้น สร้อยข้อมือที่ข้อมือของฟาเบียนก็ส่องสว่างพร้อมกับที่เกราะได้หดลง

เกราะที่หดลงนั้นป้องกันผิวหนังของผู้ครอบครองได้อย่างกล้ำกลืน พยายามต่อต้านการโจมตีของดาบของกาลาเดรียงอย่างเต็มความสามารถ ดาบของฮันซูส่องสว่างมากขึ้นขณะที่มันพยายามคร่าชีวิตของฟาเบียน

ช่าาาา

สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ส่งพลังงานออกมาจนราวกับว่ามันจะระเบิด

หัวใจกลางส่งพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทว่ามันไม่อาจเทียบเคียงกับพลังของสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้

ในตอนนั้นเอง แสงสว่างจ้าก็ได้ระเบิดออกพร้อมกับที่รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเกราะของฟาเบียนพร้อมกับที่แขนข้างหนึ่งของอีกฝ่ายที่ถูกตัดออก

‘ฉันต้องจัดการเขาในตอนนี้!’

แม้ว่าเกราะจะฟื้นฟูขึ้นจากพลังงานที่ถูกเติมเต็ม มันก็ยังคงหลวมอยู่

วินาทีที่ฮันซูพยายามเหวี่ยงดาบของเขาเพื่อที่จะตัดคอของอีกฝ่าย คลื่นเสียงดังลั่นก็ดังขึ้น

กรี๊ซซซซซ!

‘ไอ้ฉิบหายเอ้ย!’

เขาจะสามารถตัดคอของอีกฝ่ายได้ถ้าเขาเหวี่ยงดาบออกไป แต่ทั่วทั้งร่างของเขาก็จะถูกบดขยี้ด้วยลูกแก้วที่พุ่งเข้ามาหาเขา

เมื่อร่างของเขาไม่ใช่ร่างของมังกรปีศาจ

ฮันซูโดดถอยหลัง หลบลูกแก้วของเอคิดรังที่ลอยตรงมา

ฟุ่บ

เพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ เกราะก็ได้ฟื้นฟูรอยแตกนั้นกลับสู้สภาพเดิมด้วยพลังงานมหาศาล พร้อมกับที่แขนขวาของฟาเบียนถูกต่อกลับไปด้วยน้ำแร่ธาตุผ่านพื้นจากหัวใจกลาง

ฮันซูกัดฟันกรอดเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘มันไม่ใช่จิ้งจกด้วยซ้ำ’

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะไม่มีจุดจบ

ร่างกายที่ไม่ได้ผ่านการกลายพันธุ์จะถูกทำลายจากภายในด้วยคลื่นมานา ขณะที่สองจอมทัพพยัคฆ์ที่มาพร้อมกับรีลิคสองชิ้นและหนุนหลังมาด้วยพลังจากหัวใจกลางที่พุ่งมาหาเขาจากด้านหน้า

เขาพยายามที่จะผ่านทั้งสองไปและทำลายหัวใจ ในขณะที่คนอื่นๆ ถ่วงเวลาพวกที่เหลือไว้ แต่การร่วมมือกันของทั้งสองมันน่ารำคาญกว่าที่เขาคิดมาก

‘แม้ว่าฉันจะต้องได้รับบาดเจ็บบ้าง… ทำลายหัวใจ’

ฮันซูมองไปยังหัวใจที่มีขนาดเท่าตึกเล็กๆ ที่เต้นตุบห่างออกไป กัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งตัวออกไป

 

ครืนนน

โรงงานที่ฟื้นฟูขึ้นทีล่ะน้อยทุกนาที

ในตอนนั้นร่างหลักของ <รากกลืนและคาย> ที่พยายามฟื้นฟูโรงงานอย่างเต็มที่ขมวดมุ่น

เมื่อพลังงานจำนวนมากของสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ดูจะขาดไปมากอย่างกะทันหัน

แม้ว่ามันจะนำพลังงานทั้งหมดจากสะเก็ดนั้นใส่ลงไปในโรงงาน แต่การซ่อมของก็ไม่ใช่จุดเด่นของมันอยู่แล้ว

ในขณะที่มันกำลังใช้พลังงานอย่างไร้ประสิทธิภาพสุดๆ คลื่นพลังรุนแรงก็ปรากฏขึ้นที่รากห่างออกไป

สิ่งมีชีวิตที่ใช้พลังงานได้ทรงประสิทธิภาพมากกว่ามัน แม้ว่าปริมาณจะน้อยกว่ามาก

<…>

ร่างหลักเริ่มที่จะเพ่งความสนใจไปเพื่อที่จะเรียนรู้การไหลของพลังนั้น

 


TL: จะโกงไปถึงไหน หืมมม เป็นพืชก็ดูดน้ำคายน้ำไปสิ้