บทที่ 73: การบุกรุก (3)
ครืนนนนน
มิเชลตะโกนอย่างเร่งรีบขณะมองไปยังเหล่าสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
“แถวเดียว! กองกำลังช็อคแบ่งออกเป็นสองทีม! ใช้ <กำแพงปราสาทอคัล> พร้อมกัน! ทีมค้นหามุ่งโจมตีไปที่ขา!”
สิ่งที่วิ่งเข้ามาหาพวกเขาคือ <วัวดำ>
วัวขนาดยักษ์สูง 15 เมตรที่สามารถพบได้ในส่วนลึกของดันเจี้ยนที่อยู่รอบๆ โคนราก
สิ่งเหล่านี้ ที่ออกมาเป็นเหมือนกับมินิบอสในดันเจี้ยนโคนราก ได้เดินไปทั่วในสถานที่แห่งนี้ราวกับวัวที่ไร้ซึ่งคอกกั้น
‘เวรเอ้ย ปัญหาคือมันตัวใหญ่เกินไป การที่ไอ้ตัวแบบนี้เดินไปทั่วโดยไร้ซึ่งข้อจำกัดมันเกินไป!’
รากที่พวกเขาปีนขึ้นไปเรื่อยๆ นั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 200 เมตรแล้ว ดังนั้นไอ้วัวแบบนี้ถึงไม่มีปัญหาในการเดินไปมา
มอออออ!
มีพวกมันเพียง 9 ตัวที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
แต่มันดูเหมือนกับสึนามิขนาดยักษ์ที่ได้ปิดกั้นทางและพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
ในตอนนั้นเองที่เส้นแสงส่องประกายเส้นหนึ่งได้พุ่งวาบผ่านข้อเท้าของพวกมัน
ฉัวะ
มออออ!
ข้อเท้าของพวกมันยังคงหนากว่าหนึ่งเมตร แต่ดาบไร้ลักษณ์ได้ตัดผ่าเข้าไปเกินครึ่ง
แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่สามารถทรงร่างหนักๆ ของพวกมันได้เมื่อข้อเท้าเกินครึ่งของพวกมันถูกตัด
ตูม ตูม ตูม!
วัวขนาดยักษ์สามตัวที่พุ่งเข้ามาสูญเสียการทรงตัวและล้มลง
ฉึก ฉึก ฉึก!
และเพราะแบบนั้น วัวตัวอื่นๆ ที่พุ่งเข้ามาจึงได้แทงเขาของพวกมันเข้าไปที่ข้างลำตัวของทั้งสาม
“โจมตี!”
ลูกกิลด์อาคารแสงไม่ได้พลาดโอกาสนี้พร้อมกับที่พวกเขาพุ่งเขาไปและเริ่มที่จะตัดข้อเท้าของพวกมันก่อน
เมื่อจุดอ่อนของพวกมันคือข้อเท้าที่ค่อนข้างบางเกินไปในการทรงร่างที่ใหญ่โตของพวกมัน
รีลิคที่พวกเขาได้รับจากด้านในของมัจฉาภัยพิบัติเป็นตัวช่วยอย่างมาก
มิเชลที่มองลูกกิลด์ของเขาจัดการวัว มองไปยังฮันซูก่อนจะถามขึ้น
“นั่นคือรางวัลสุดท้ายที่นายได้รับจากด้านในมัจฉาภัยพิบัติรึเปล่า?”
เขาทำได้เพียงถาม
เมื่อมันดูเหมือนว่ากระทั่งเจ็ดเสี้ยววิญญาณก็ไม่มีอาวุธแบบนั้น
มันไม่มีฟังก์ชั่นอื่นๆ
มันไม่เหมือนกับดาบที่แบคจุงซังได้รับที่พุ่มไม้ <หอคอยแห่งเสี้ยววิญญาณ> ที่มีพลังที่จะลอยไปรอบๆ ร่างของผู้ครอบครองและปกป้องพวกเขา หรือเหมือนกับดาบของหัวหน้ากองกำลังช็อคของเขา <ม่านเงิน> ที่มีสกิลที่ทำให้สามารถเหยียบไปบนมันได้
แต่ดาบเล่มนั้นกลับเน้นไปที่หน้าที่ของมันที่เป็นดาบ
ผู้ครอบครองสามารถเปลี่ยนความยาวและหดมันลงได้ มันสามารถแหลมคมได้เสียจนไม่มีอะไรที่มันตัดไม่ได้
กระทั่งก่อนหน้านี้ <ออร์คเกล็ดแดง> ที่ลูกกิลด์ของเขาจัดการได้อย่างยากลำบากหลังจากโจมตีมันอยู่นานก็ได้รับบาดเจ็บด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากดาบของอีกฝ่าย
แม้ว่ามันจะเป็นบาดแผลที่มีความยาวเพียงนิ้วหนึ่ง มันก็ยังคงเพียงพอ
ดาบที่ได้แทงผ่านรอยแผลนั้นเพิ่มความยาวขึ้นและทำลายอวัยวะภายในร่างกายของมัน
มันดูคล้ายกับรีลิคที่พวกเขาครอบครอง แต่ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างความสามารถและประสิทธิภาพอย่างมาก
ฮันซูที่กำลังดูดรูนที่เป้นส่วนแบ่งของเขาผงกศีรษะให้กับคำพูดนั้นของมิเชล
“อืม อะไรประมาณนั้นแหละ”
มันไม่มีรางวัลใดๆ ในการฆ่าภัยพิบัติอย่างมัจฉาภัยพิบัติ
แต่อย่างที่ฮันซูคิด รีลิคที่เขาได้รับระหว่างทางนั้นใกล้เคียงกับคำว่ารางวัลแล้ว
‘โดยเฉพาะเมื่อฉันรวบรวมมันได้อีก อย่างไรก็ตาม ค่าสถานะของฉัน…’
ชายหนุ่มตรวจสอบค่าสถานะของเขาเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาค่อนข้างนาน
[คังฮันซู]
พลังกาย (แดง): 33.2%
ความอดทน (แดง): 31.5%
ความคล่องแคล่ว (แดง): 35.3%
ความเข้าใจ (แดง): 33.9%
มานา (แดง): 35.1%
พลังเวท (แดง): 36.5%
ป้องกันกายภาพ (แดง): 31.1%
ป้องกันเวทมนต์ (แดง): 36.4%
<สกิล>
-สนับสนุนมังกรปีศาจ (ความเชี่ยวชาญ: 3.5%)
‘ดี ฉันหวังว่ามันจะเพิ่มขึ้นเกิน5% เร็วๆ’
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ล่าที่ยอดเยี่ยม
และระดับของคนที่เขาอยู่ด้วยนั้นค่อนข้างสูง ดังนั้นความเร็วในการล่าของพวกเขาจึงรวดเร็วอย่างมาก
ไม่เหมือนกับพื้นที่ไร้สี รูนที่แตกต่างกันแปดรูนดรอปในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องสนใจรูนของเขามากเมื่อทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
ความเชี่ยวชาญของเขาก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วเช่นกัน
สกิลระดับสูงต้องใช้เวลายาวนานในการเพิ่มความเชี่ยวชาญของพวกมัน
ถ้านับรวมว่าสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจมักจะใช้เวลาราวๆ 5ปี ในการเชี่ยวชาญสำหรับคนปกติ งั้นความเร็วของฮันซูนั้นก็รวดเร็วอย่างมาก
‘ถ้าฉันไปกับคนพวกนี้ งั้น… ฉันจะสามารถงดใช้การกลายพันธุ์ได้สักครั้งไหม?’
ฮันซูจ้องไปยังมิเชล
การกลายพันธุ์นั้นเป็นสกิลที่สร้างความล้าให้กับร่างกายของผู้ใช้อย่างมหาศาล
มันค่อนข้างยากสำหรับเขาในการใช้มันเพราะเขาเพิ่งจะเริ่มใช้สกิลนี้ได้ไม่นาน
และเพราะแบบนี้ แผนการของเขาจึงเป็นการล่าไปรอบๆ ใต้ดิน รอจนกว่าสกิลกลายพันธุ์จะคูลดาวน์แล้วจึงเคลื่อนไหว
เมื่อความแตกต่างของพลังต่อสู้ระหว่างการใช้สกิลพิเศษและไม่ใช้นั้นมันมากมายเกินไป
ในทางกลับกัน ถ้าคนพวกนี้ทำได้ดี งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและสามารถตรงไปยัง<หัวใจกลาง> ได้ในตอนนี้
มิเชลมองไปยังฮันซูที่จ้องมายังเขาก่อนจะเปิดปากออก
“นายไม่คิดที่จะเข้าร่วมกิลด์ของเราจริงๆ เหรอ? เราสามารถมอบการดูแลที่ดีที่สุดให้นายได้จริงๆ มันดูเหมือนว่าอุปกรณ์ของนายจะค่อนข้างขาดอยู่นอกจากดาบของนาย เราสามารถหาอันที่คุณภาพสูงมาให้ได้”
ฮันซูหัวเราะ
เมื่อเครื่องป้องกันทั้งหมดของเขาได้ถูกทำลายไปจากการโจมตีของหนวดในขณะที่เขากำลังฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ
เครื่องป้องกันกากๆ จะสามารถไม่ได้รับความเสียหายได้ยังไงเมื่อถูกโจมตีจากสิ่งที่กระทั่งร่างกายของมังกรก็ไม่อาจที่จะรับมือได้
‘เอาเถอะ ฉันสามารถแก้ไขมันได้ที่นี่’
ฮันซูมองไปยังมิเชลก่อนจะเอ่ยตอบ
“อย่างแรกเรามีให้ความสนใจในการอยู่อย่างเป็นมิตรที่นี่กันก่อนเถอะ”
มิเชลแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสลดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
‘ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้หมอนี่มันคืออะไร เอาจริงดิ’
เขาคิดว่าเขาได้เห็นคนประเภทต่างๆ มามาก
แม้ว่ารูปแบบการกระทำของทั้งหมดจะคล้ายคลึงกัน
พวกนั้นจะดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตรอด ดิ้นรนเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นจึงพยายามใช้ทุกสิ่งที่พวกเขาได้รับในทุกวิธีทาง
แต่บางคนที่เป็นแบบนี้นั้นเป็นคนแรก
‘ชิ สังเกตเขาไปก่อนในตอนนี้’
คนที่ปิดบังความตั้งใจของตนเองเอาไว้ต้องโจมตีจากเบื้องหลังอย่างแน่นอน
กระทั่งผู้ที่แสดงความตั้งใจออกมาตรงๆ ยังทำแบบนั้น คนที่ซ่อนมันเอาไว้กระทั่งย่ำแย่กว่า
เพราะแบบนั้น เขาจึงได้ส่งข้อความไปรอบๆ ทันทีที่เขาพบไอ้หมอนี่ และบอกให้พวกนั้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอนี่ให้มากขึ้น
เมื่อข้อมูลที่เขามีนั้นยังไม่น่าพึงพอใจ
ถ้าหมอนี่คือคนที่เขาไม่อาจเชื่อถือได้ งั้นเขาก็ไม่อาจลงเรือลำเดียวกับหมอนี่ได้
ไม่สิ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถขึ้นเรือลำเดียวกับหมอนั่นได้ แต่เป็นเขาที่เตะหมอนั่นออกจากเรือต่างหาก
แต่โชคดี คนจำนวนมากรู้จักชื่อของหมอนี่เมื่อเขาโดดเด่นตั้งแต่บทฝึกซ้อม
จากข้อมูลที่รวบรวมมาจากคนที่เคยเจอหมอนี่ หมอนี่ไม่ใช่คนเลวร้ายในการที่จะร่วมมือด้วย
ไม่สิ ไม่ใช่แย่ แต่เป็นยอดเยี่ยมมากเลยต่างหาก
‘นี่มันน่าเสียดายจริงๆ…’
มันน่าเสียดายจริงๆ
จนถึงจุดที่ทำให้เขากระวนกระวายถ้าเขาไม่ได้มาหาหมอนี่
แต่ความคิดของมิเชลไม่ได้อยู่นานนัก
เมื่อสภาพแวดล้อมนั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ซ่าซ่าซ่า
ปึด ปึด
เสียงรากที่ถูกบีบอย่างแรงดังขึ้น
รากขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 100 เมตรได้ส่งเสียงราวกับกล้ามเนื้อที่บีบตัว สีหน้าของผู้คนย่อมเปลี่ยนเป็นมืดทะมึน
ในสายตาของพวกเขา พื้นที่ขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น
แม้ว่าอุโมงค์ที่สร้างขึ้นจากรากจะค่อนข้างกว้างในตอนนี้ หากสิ่งนั้นมีรูปร่างเหมือนกับอุโมงค์ งั้นพื้นที่ว่างที่อยู่ห่างออกไปย่อมเป็นสนามกีฬาขนาดมหึมาอย่างแน่นอน
หัวใจดวงหนึ่งอยู่ที่ใจกลางพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ที่อุโมงค์นับสิบเชื่อมโยงไป
หัวใจน่าสะอิดสะเอียนที่มีดวงตาและปากติดอยู่บนมันได้ขยับขึ้นลงขณะที่มันเติมเต็มรากไม้ใกล้ๆ ด้วยน้ำแร่ธาตุ
แน่นอนว่าไอ้ของแบบนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา
“… เราต้องผ่านไอ้นั่นไปเหรอ?”
ทหารนับหมื่นที่ยืนอยู่รอบๆ หัวใจ
พวกเขาเคยเห็นมันมาก่อน
เผ่าพันธุ์ประหลาดที่พวกเขาเห็นขณะที่พวกเขาค้นหาไปรอบๆ ศพมัจฉาภัยพิบัติ
ถ้ามันมีความแตกต่าง งั้นไอ้พวกนี้ก็ไม่ได้ดูเหมือนซอมบี้ และค่อนข้างที่จะแข็งแรง
แม้ว่าดวงตาของพวกมันจะว่างเปล่า
ไอ้ตัวพวกนี้กำลังมองมาจากที่ไกลๆ ขยับร่างกายดังเอี้ยดอ๊าดและหันมาทางพวกเขาขณะที่พวกมันเข้าใกล้พวกเขา
ฮันซูมองไปยังสิ่งนั้น จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นกับมิเชล
“พวกนายจะตายไม่ได้เด็ดขาด”
ถ้าพวกเขาตายที่นี่ หัวใจจะกลืนกินคนตายเข้าไป
จากนั้นหัวใจจะใช้ยีนส์ของคนที่มันกลืนกินแล้วคืนชีพคนคนนั้นขึ้นอีกครั้งในโรงงาน
เหมือนกับกองทัพเบื้องหน้าพวกเขา
พวกเขาต้องทะลวงผ่านพวกมันไประหว่างที่โรงงานยังไม่ทำงาน
มิเชลส่ายหัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เวรเอ้ย ถึงนายจะบอกเราไม่ให้ตาย เราจะต่อต้านพวกมันได้ยังไง…”
จำนวนของพวกเขาแตกต่างกันอย่างมากตั้งแต่ต้น
และอาวุธชุดเกราะของพวกมันก็ใกล้เคียงกับพวกเขา
ซึ่งหมายความว่ามันไม่มีช่องว่างของรางวัลมากนัก
มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่า แต่มันไม่สำคัญเมื่ออยู่ต่อหน้าจำนวนขนาดนี้
ฮันซูถอนหายใจ
เมื่อคำพูดนั้นถูกต้อง
สถานการรืในปัจจุบันของพวกเขานั้นค่อนข้างไม่พอในการที่จะจัดการสองในห้าแม่ทัพพยัคฆ์ที่ยืนตัวโตอยู่ที่ใจกลาง
‘ฉันจะใช้มันที่นี่’
มันค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาในการสู้ด้วยร่างมนุษย์ในขณะที่สกิลกลายพันธุ์ยังคูลดาวน์อยู่เนื่องจากเขายังไม่ได้ครอบครองรีลิคทั้งหมด แต่ถ้าคนอื่นๆ สู้ได้ดี มันก็ยังคงเป็นไปได้
“ทุกคนเพ่งความสนใจไปที่การควบคุมมานาของพวกนาย”
มิเชลเอ่ยขึ้นไปยังคำพูดกะทันหันของฮันซู
“นายจะทำอะไร?”
ฮันซูถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ฉันจะใช้สิ่งที่ฉันได้รับมา”
เขาพูดเพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาได้รับหลังจากที่ฆ่ามัจฉาภัยพิบัตินั้นมากมาย
จากนั้นชายหนุ่มจึงหยิบสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวออกมา
จากนั้นเขาจึงยกมันไปใกล้รีลิคของกาลาเดรียงในมือของเขาอย่างระมัดระวังอย่างมาก
น่าประหลาดใจที่สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนขอบดาบไม่ได้ร่วงลง ทว่ากลับลอยอยู่ใกล้ๆ ด้ามจับของดาบแทน
ราวกับว่ามันกำลังบอกว่ามันคือที่อยู่เดิมของมัน
‘ในเมื่อฉันไม่ได้ใช้มันคนเดียว ฉันก็ควรจะใช้เพิ่มอีกหน่อย’
ฮันซูถอนหายใจ กะเทาะสะเก็ดศิลาออกมาอีกนิดหน่อย จากนั้นจึงรีบปิดถุงที่มีสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่อยู่อย่างรวดเร็ว
วี้
สะเก็ดที่ลอยอยู่รอบรีลิคเริ่มที่จะส่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา เหมือนกับตอนที่มันส่งพลังงานจำนวนมหาศาลภายในหัวใจของมัจฉาภัยพิบัติ
สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่เพียงแค่นั้นเมื่อมันเริ่มที่จะส่งพลังงานจำนวนมหาศาลออกมา
ครึ่กครึ่กครึ่ก
“อุ… หือ?”
“เอ๋?”
ลูกกิลด์ของอาคารแสงทั้งหมดที่ได้รวมกลุ่มกันโดยมีมิเชลเป็นศูนย์กลางต่างตื่นตะลึงไปกับพายุมานาทรงพลังที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
จากนั้นคมดาบของพวกเขาก็เริ่มที่จะตอบสนองต่อพายุมานานั้น
จากนั้นดาบที่ส่องประกายก็เริ่มที่จะครอบคลุมรีลิคที่พวกเขาถืออยู่
ดาบส่องสว่างที่มีพลังที่เหนือไปอีกมิติจากดาบไร้ลักษณ์ก่อนหน้า
ถ้าดาบไร้ลักษณ์นั้นเหมือนผิวน้ำที่สงบนิ่ง เช่นนั้นคมดาบที่ส่องสว่างของพวกเขาก็เหมือนเปลวเพลิงที่แผดเผา
“มุ่งไปที่การควบคุม!”
เหล่าลูกกิลด์รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ารีลิคในมือของพวกเขานั้นสามารถควบคุมพลังงานนี้ได้
เมื่อพวกเขาเพ่งความสนใจทั้งหมดลงไป ดาบที่เร่าร้อนนั้นก็ดูราวกับจะกวาดทุกสิ่งรอบด้านของมันและเริ่มที่จะเปลี่ยนไปเป็นดาบเดี่ยวที่ควบแน่น
คว้างงง
“มันจะเกิดอะไรขึ้น…”
มิเชลกำลังประหลาดใจกับอาวุธในมือของเขาแลละลูกกิลด์ ทว่าสถานการณ์ของฮันซูไม่ได้ดีขนาดนั้น
‘อึก… มันกำลังฆ่าฉัน’
สถานการณ์ของคนเหล่านั้นที่ควบคุมเพียงเส้นสายที่แตกออก กับเขาที่ต้องควบคุมส่วนหลักของก้อนมานานี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าขนาดของศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเล็ก เขาก็มีรีลิคเพียงชิ้นเดียวในตอนนี้โดยที่เขาไม่อาจได้รับความช่วยเหลือจากต้นไม้โลก
การควบคุมพลังงานจำนวนมหาศาลเช่นนี้ด้วยร่างกายที่เปราะบางของมนุษย์นั้นความรู้สึกราวกับว่าเส้นเลือดทั่วทั้งร่างของเขากำลังจะระเบิดออก
มันราวกับการพยายามทำให้ม้าพยศวิ่งไปข้างหน้าโดยไร้ซึ่งบังเหียนและแส้
‘แต่… ฉันก็ยังต้องทำมัน!’
ชายหนุ่มใช้รีลิคของกาลาเดรียงในมือของเขาควบคุมคลื่นมานารอบๆ พร้อมกับรวมพลังเหล่านั้นเข้าไปในดาบของเขาในเวลาเดียวกัน
เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ
ไม่ช้า ราวกับสายฟ้าได้ฟาดลงที่ดาบของเขา แสงสีทองได้ปรากฏขึ้นที่คมของ <รีลิคของกาลาเดรียง> ในมือของเขา
วี้
‘ฟู่ว… ฟู่ววว ตอนนี้ดีขึ้นมาก’
ฮันซูพึมพำขณะที่เขามองไปยังคมดาบเร่าร้อนที่เต้นระริกอยู่บนรีลิคในมือของเขาและคนอื่นๆ
ระบบจู่โจมสุดท้ายที่เอลวินไฮลม์ได้พยายามทำให้สำเร็จด้วยการใช้ศิลาศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้โลก และรีลิค
<คลื่นสะท้อนมานา>
มันคือวิธีการใช้รีลิคแต่ดั้งเดิม
‘ถึงพวกเอลวินไฮลม์จะไม่แม้แต่จะได้ใช้มันก็ตามที’
พวกเขาคือคนกลุ่มแรกที่จะได้เห็นความสามารถของมัน
มันไม่มีเวลาให้สบายมากนัก
ทางมานาในร่างของเขากำลังกรีดร้อง
เขาต้องทำมันให้เสร็จก่อนที่ทางมานาในร่างของเขาจะพังยับ
ฮันซูพุ่งออกไปเบื้องหน้า
TL: ฮือออ ทำไมปู่ต้องทรมานตัวเองขนาดนี้//กินป๊อปคอร์น