บทที่ 70
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ
อย่างที่ทราบกันดี ไม่ว่านักกลั่นโอสถจะเก่งกาจเพียงใด หากหลอมเสร็จก็ต้องมีเม็ดโอสถที่เป็นของเสียตกค้างอยู่บ้าง
แล้วตรงหน้านี่มันอะไร?
โอสถที่ไม่มีของเสียเลย อัตราความสำเร็จ 100% อีกทั้งยังกลั่นเร็วมาก ใช้เวลาแค่ 10 นาที แต่คุณภาพกลับสูงลิ่ว
แววตาของชายสูงวัยทั้งหกกลายเป็นคลั่งไคล้ ภาพตรงหน้ามันยิ่งกว่ามนตร์วิเศษสำหรับคนที่หมกมุ่นในการกลั่นโอสถอย่างพวกเขา
“ท่านอาจารย์โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย” ชายสูงวัยทั้งหกตรงไปตรงมามาก ไม่ขาดทุนแล้วที่สหายน้อยฉินเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเทียนหยุน ถึงสามารถหานักกลั่นโอสถขั้นเทพเช่นนี้มาได้
แพนด้า “ … ”
มันเมินเฉยต่อฉากนี้ แต่หันไปมองกลุ่มนักหลอมอาวุธซึ่งมีจำนวนนับสิบแทน
กลุ่มนักหลอมอาวุธเมื่อถูกมองก็เริ่มอึดอัด พวกเขารู้ซึ้งดีว่าชายสูงวัยทั้งหกมีความภาคภูมิใจเพียงใด แต่ตอนนี้ทั้งหมดกำลังแนบหน้าผากติดพื้น คุกเข่าอย่างนอบน้อม
“เจ้าจะหลอมให้ข้าดูก่อนหรือให้ข้าสาธิตก่อน?”
“เอ่อ … ขอพวกข้าก่อนดีกว่าขอรับ”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
ฉินห่าวเดินออกมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้นรู้ๆกันอยู่ เขาจึงไม่สนใจอีก
ระหว่างทาง ฉินห่าวเห็นสาวกหลายคนกำลังตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักก็รู้สึกปลื้มใจ และเริ่มเกิดความคิดว่าเขาควรไปฝึกบ้างแล้วถูกไหม?
แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะนิกายแห่งนี้สงบเกินไป มันไม่มีศัตรูคนใด ดังนั้นจึงไม่มีค่าความเกลียดชังให้เก็บ
“อาจารย์ ศิษย์มาขออนุญาตท่านออกไปฝึกหาประสบการณ์ข้างนอก” หลังจากขึ้นไปบนยอดเขาเทียนหยุน ฉินห่าวก็เอ่ยเข้าประเด็นทันที
“ข้าย่อมอนุญาต แต่ศิษย์เอ๋ย เจ้าต้องใส่ใจกับความปลอดภัยด้วยรู้ไหม?” เมื่อเทียนหยุนได้ยินว่าศิษย์เขาอยากออกไปฝึกฝน แวบแรกตกใจเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่ออกไปและกลับมา มักนำปัญหามาให้ตลอด
เรียกได้ว่าชิบหายกันถ้วนหน้า
“ขอรับ ศิษย์จะจดจำคำอาจารย์ไว้”
ฉินห่าวพยักหน้าและจากไป
…
อีกด้านหนึ่ง ในภูเขาซึ่งไม่ไกลจากนิกายเซียวเหยา ชายในชุดคลุมดำคนหนึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และเขาก็เหนื่อยมาก
แต่เมื่อเขาเห็นฉินห่าวบินออกจากนิกาย ดวงตาก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา รอยยิ้มโหดเหี้ยมผุดขึ้นบนมุมปากเขา
“ในที่สุดก็ออกมาซักที!”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แล้วแอบไล่ตามไป
ทางด้านฉินห่าว เขาไม่มีจุดหมาย บินตามทางไปเรื่อยๆ เมื่อพบเจอสัตว์ร้ายก็แวะทักทายมันด้วยใบหน้าล่อบาทา เรียกมาฆ่าและเพิ่มค่าความเกลียดชัง
ครึ่งเดือนต่อมา
“หือ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีคนกำลังตามมา?” จนในวันนี้ ฉินห่าวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองตนจากในความมืด ซึ่งมันทำให้เขาอึดอัดมาก
“หรือจะเป็นสัตว์ร้าย?”
แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวและไม่สนใจ
“ระวังตัวแจเลยนะ”
ในความมืด ชายชุดดำยิ้มเย็นชา เขาคือผู้อาวุโสของเซี่ยถู และมีทักษะอันยอดเยี่ยมในการลอบสังหาร เดิมเขาไม่สนใจภารกิจนี้ ภารกิจที่ต้องลอบฆ่าเด็กน้อยในขอบเขตแก่นทองคำเพียงคนเดียว
แต่เมื่อเขาได้รู้ถึงความสำเร็จของฉินห่าว เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ ดังนั้นจึงลอบติดตามและรอคอยโอกาสที่จะสังหารสำเร็จในครั้งเดียว มิฉะนั้นอาจเป็นตนที่ถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย
แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งขั้นสูงสุด แต่ที่เชี่ยวชาญคือด้านการลอบสังหาร การเผชิญหน้าตรงๆมีแต่จะเสียเปรียบ
ฉินห่าวเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง ดวงตาเขาเป็นประกาย ทะยานออกไปและเหวี่ยงค้อนฟาดหัวมันอย่างรวดเร็ว
โครม!
กรรร!
สัตว์ร้ายโกรธจัด ตบสวนด้วยอุ้งเท้า แหกปากกว้างพ่นลมหายใจรุนแรง
“เช็ดเด้! นี่มันขั้นสูงสุดขอบเขตก่อเกิดจิต?”
ฉินห่าวตกใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าสัตว์ร้ายที่เจอโดยบังเอิญแท้จริงจะเป็นถึงขอบเขตก่อเกิดจิต จึงไม่ทันระวังและโดยโจมตีเข้าจังๆ
ทั้งคนทั้งร่างเขาถูกตบเข้าเต็มเปา ลอยกลับหัวกลับหางอย่างไม่อาจควบคุม
“นี่แหละโอกาส!”
นัยน์ตาชายของชุดดำหดวูบ ลอบตะโกนในใจ ขยับกายวูบเป็นเส้นแสงสีดำ พุ่งตรงเข้าข้างหลังฉินห่าวและ–
–ฟุฟฟฟฟ!
ร่างกลับหัวกลับหางของฉินห่าวลอยมาชนเข้ากับกริช ปลายแหลมแทงทะลุหน้าอกเขา เลือดสาดกระเซ็น
“ตายให้ข้า!”
ชายในขุดดำแค่นเสียงเย็น หมุนกริชในมือ คว้านทำลายหัวใจแหลกเป็นเสี่ยงๆ