บทที่ 7 หญิงสาวใบหน้ารูปไข่
จนกระทั่งโรงเรียนเลิก อู๋บีได้อธิบายทุกสิ่งให้เย่เฟิงได้รู้เกี่ยวกับความน่ากลัวของแก๊งอสรพิษสวรรค์
แก๊งอสรพิษสวรรค์นั้นมีอิทธิพลอย่างมากในวงการใต้ดิน พวกมันทั้งค้ายาเสพติด เปิดสถานบันเทิงอย่างผิดกฏหมาย รวมทั้งบ่อนการพนัน ซึ่งแม้รัฐบาลจะออกมาตรการกดดันอย่างหนัก ก็ไม่อาจทำอะไรพวกมันได้
“แก๊งนี้มีอิทธิพลไม่เบาเลยแฮะ จะทำลายทิ้งก็น่าเสียดาย……..ถ้างั้น ทำไมเราไม่หาทางควบคุมพวกมันซะเลยละ?”
เย่เฟิงครุ่นคิด หากเป็นโลกเทวะ เขาสามารถหายาพิษที่มีผลในการควบคุมจิตใจจัดการกับหัวหน้าของแก๊งอสรพิษได้ไม่ยาก
แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่รู้จะหาส่วนผสมยาพิษที่ไหนในโลกใบนี้ เอาไว้ เขาค่อยลองมองหาส่วนผสมจากร้านสมุนไพรจีนก็แล้วกัน
แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อู๋บีกลับกังวลอยู่ตลอดทั้งวัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เพื่อนของเขาถึงไปมีเรื่องกับแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้
“เอาละ พวกเราไปบ้านของนายกันเถอะ”
หลังเลิกคาบสุดท้าย เย่เฟิงยืนขึ้นและพูดกับอู๋บี พวกเขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่สาม ดังนั้นจึงไม่ต้องเรียนเสริมหลังเลิกเรียนอีก
“ทำไมนาย…..”
อู๋บีส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเย่เฟิงถึงยังใจเย็นอยู่แบบนี้ได้หลังจากไปมีเรื่องกับแก๊งใต้ดินแบบนั้นเข้า แล้วเย่เฟิงยังอยากไปจะบ้านของเขาเพื่อหาสิ่งของบางอย่างอีก
พวกเขาทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้วพบว่าอันธพาลทั้งสามไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว เวลานี้เหลือเพียงคราบเลือดที่ยังคงเกาะอยู่บนพื้นเท่านั้น
เมื่อพูดถึงโรงเรียนแห่งนี้แล้ว โรงเรียนมัธยมปลายเหยียนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน แม้แก๊งอสรพิษสวรรค์จะมีอิทธิพลมากมายอย่างไร พวกมันก็ยังไม่กล้าเข้ามาก่อเรื่องถึงในโรงเรียน
ซูเหมิงหานเดินนำอยู่ด้านหน้าพวกเขาทั้งคู่ เธอเหลือบมองเย่เฟิงเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถไปกับหูเหม่ยเหมย เพราะวันนี้ เธอต้องย้ายที่อยู่ไปยังหมู่บ้านเหยียนซี ซึ่งเป็นที่ที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย และสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากเย่เฟิงเป็นต้นเหตุ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสียอยู่ตลอดทั้งวัน
เย่เฟิงย่อมไม่สนใจในท่าทีของซูเหมิงหานอยู่แล้ว ในความเป็นจริง เขารู้ว่าเธอคอยจ้องมายังเขาตลอดทั้งวัน แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร
อู๋บีทำท่าทางเหมือนสายลับอยู่หน้าโรงเรียน เขาคิดมาตลอดทั้งวันว่าจะทำยังไงดีหากต้องเผชิญหน้ากับคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ และถึงแม้จะไม่มีใครกล้าท้าทายคนของแก๊งนี้ แต่ในเมื่อพวกมันมาหาเรื่องเย่เฟิง เขาก็พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเพื่อนของเขา
“ไม่มีเจ้าพวกนั้นอยู่ข้างนอกแล้ว ไปกันเถอะ”
เย่เฟิงกวาดสายตาไปยังภายนอกโรงเรียน เขาไม่พบใครที่ดูมีพิรุธจึงดึงอู๋บีตามเขาไป
แม้พวกเขาทั้งคู่เดินจะออกจากโรงเรียนมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่พบคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์หรือเหตุการณ์ไม่ปกติใดๆ อู๋บีจึงค่อยผ่อนคลายขณะที่ใบหน้าของเขายังคงแลดูขึงขัง “ผึ้งน้อย นายไม่ควรกลับบ้านวันนี้นะ ในเมื่อพวกมันถึงกับรู้ว่านายเรียนอยู่ที่ไหน พวกมันก็คงหาที่อยู่ของนายได้ไม่ยาก”
(note:ผึ้งน้อยเป็นชื่อเล่นที่อู๋บีใช้เรียกเย่เฟิง)
“แล้วไงละ?”
เย่เฟิงไม่กังวลกับเรื่องของพวกแก๊งอสรพิษสักนิด เขากลับกังวลกับชื่อ“ผึ้งน้อย”ที่อู๋บีเรียกเขามากกว่า ได้ยินแล้วรู้สึกอยากตายจริงๆ
“นายนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง?”
อู๋บีดุเขาแล้วพูดขึ้น “ถ้านายกลับบ้านวันนี้มันอันตรายเกินไป บางทีพวกมันส่งคนพร้อมกับปืนมาดักรอเก็บนายก็ได้”
เย่เฟิงตกใจนิดหน่อย เพราะเขาลืมไปเลยว่าเขายังหาทางรับมือกับอาวุธที่มีชื่อว่า“ปืน”ไม่ได้
“เป็นไปได้เหมือนกันที่พวกมันจะพาคนพร้อมอาวุธปืนมาจัดการกับเรา” เขาคิด
แม้เย่เฟิงจะทะลุมิติมาจากโลกเทวะ แต่เขายังคงมีความทรงจำของเย่เฟิงคนก่อนอยู่ครบถ้วน ความทรงจำนี้เป็นความทรงจำที่คุ้นเคยกับอาวุธประเภทนี้มาก เพราะเย่เฟิงคนก่อนมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกมแนวชู้ตติ้งที่มีชื่อว่า CF
ไม่ว่าอู๋บีจะขบคิดมากแค่ไหน ก็ไม่อาจเข้าใจว่าทำไมพวกแก๊งอสรพิษสวรรค์ถึงไม่ส่งคนมาดักรอเย่เฟิงที่หน้าประตูโรงเรียนหรือระหว่างทางอีก เพราะเขาไม่เชื่อว่าพวกมันจะปล่อยเย่เฟิงไปง่ายๆอย่างแน่นอน
“เอาละ……..ไปกันเถอะ เดี๋ยวชั้นขอแวะร้านสมุนไพรจีนหน่อย”
เย่เฟิงจำร้านสมุนไพรจีนได้ เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ร้าน
ถนนเส้นนี้ค่อนข้างกว้างพร้อมกับสองข้างทางที่มีต้นหลิวปลูกไว้ ที่นี่มีร้านค้าต่างๆมาเปิดอยู่มากมาย โชคดีที่เย่เฟิงยังสามารถหาร้านสมุนไพรจีนแบบดั้งเดิมนี้ได้ในกลุ่มร้านค้าเหล่านั้น
“หะ? นายจะแวะร้านสมุนไพรจีนหรอ?”
อู๋บีสงสัยว่าเขาหูฝาดไปหรือเปล่า พร้อมกับมองเย่เฟิงอย่างแปลกๆ
“ฉันอยากไปดูของบางอย่างน่ะ………”
เย่เฟิงพูดและเดินไปยังร้านนั้น
แต่ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ใต้ต้นหลิวนั้นเอง ทันใดนั้น มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งร่วงลงมาจากต้นไม้ เย่เฟิงรีบพุ่งตัวเข้าไปรับเธอไว้ได้ก่อนจะตกถึงพื้น
เกิดอะไรขึ้นกัน?
สาวสวยคนนี้ร่วงลงมาจากต้นหลิว?
เย่เฟิงงงงวยขณะก้มหัวลงมองสาวสวยที่ไร้สติในอ้อมกอดของเขาตอนนี้ เธอดูเหมือนอายุประมาณ 18 ถึง 19 ปี ด้วยใบหน้ารูปไข่ที่ดูน่ารักในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินลายดอกไม้ เธอดูเหมือนกับนางฟ้าที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ และตอนนี้หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างอย่างเป็นจังหวะ
ใบหน้าของเธอยังคงแลดูเด็กขณะที่รูปร่างของเธอนั้นมีส่วนเว้าโค้งที่แสนจะทรงเสน่ห์ โดยเฉพาะสะโพกของเธอที่สัมผัสกับแขนของเขาอยู่ตอนนี้ ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มเกินบรรยาย เย่เฟิงยังคงมองเธอด้วยความรู้สึกงงงวยอยู่ชั่วครู่ สมองของเขาล้วนเต็มไปด้วยคำถามว่าหญิงสาวหน้าเด็กคนนี้มาจากที่ไหนกัน……?
ทันใดนั้น แหวนดาบมังกรโบราณที่มือขวาของเขาเริ่มร้อนขึ้น สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันที
“ผึ้งน้อย นาย……”
อู๋บีตามาอย่างติดๆ เมื่อเห็นสาวสวยคนหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเย่เฟิง “นาย นาย นาย นาย……”
“นายอะไรของนาย? เอาละตอนนี้นายกลับบ้านไปก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อเย่เฟิงรับรู้ว่าแหวนที่มือขวาของเขาร้อนขึ้น เขาเข้าใจทันทีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไปจึงไล่ให้อู๋บีกลับไปก่อน
เย่เฟิงไม่รออู๋บีตอบ เขาหันไปมองรอบๆเพื่อมองหาโรงแรมขณะอุ้มสาวสวยที่ไร้สติคนนี้ไว้ วันนี้เขายังกลับบ้านไม่ได้ เพราะเขาไม่พร้อมจะรับมือกับอาวุธประเภทปืนซึ่งพวกคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์อาจนำมาด้วย เขาจึงต้องหาสถานที่ปลอดภัยสำหรับคืนนี้
“ผึ้งน้อย! นายไม่ได้จะทำเรื่องแบบนั้นจริงๆใช่ไหม?”
เย่เฟิงนึกไม่ถึงว่าอู๋บีจะไม่ฟังเขา อู๋บีเข้ามายืนขว้างหน้าเขาพร้อมกับพูดขึ้น “ปล่อยเธอไปเดี๋ยวนี้ พี่อู๋คนนี้ไม่ยอมให้นายทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับเธอแน่…….”
เย่เฟิงมองไปยังอู๋บีที่มีใบหน้าสับสนขณะประคองร่างของสาวสวยคนนี้ไว้ในอ้อมกอด
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และบนถนนขณะนี้ ผู้คนต่างเริ่มมองมายังพวกเขาทั้งสองคน เย่เฟิงรู้ว่าเขาต้องรีบจัดการอู๋บีก่อน ไม่เช่นนั้นผู้คนแถวนี้จะสร้างปัญหาให้เขาแน่ๆ
“เอาละ นายจำที่ฉันจัดการกับคนของแก๊งอสรพิษเมื่อตอนเช้าได้ไหม?”
เย่เฟิงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หะ? อ่อ ฉันจำได้”
อู๋บีจองมายังเขาพร้อมกับพยักหน้า
“ความจริงแล้ว ฉันมีวรยุทธ์ขั้นสูง และเธอคนนี้คือศิษย์น้องของฉันเอง ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะฉะนั้น ฉันต้องรีบหาสถานที่รักษาเธอให้เร็วที่สุด……..”
เย่เฟิงพูดจบก็ไม่รอปฏิกิริยาของอู๋บี เขารีบอุ้มร่างของเด็กสาวน่ารักคนนี้มุ่งไปยังโรงแรมทันที
“อะไรเนี่ย?”
เมื่ออู๋บีได้ยินคำพูดของเย่เฟิง เขาถึงกับมึนงงไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นกับตัวเอง “หรือว่า ผึ้งน้อยจะมีวรยุทธ์ขั้นสูงจริงๆ?”
อู๋บียังคงสับสน แน่นอนว่าเขาจำเรื่องเมื่อตอนเช้าที่เย่เฟิงจัดการต่อยอันธพาลทั้งสองของแก๊งอสรพิษสวรรค์จนลอยเคว้งได้ ฉากนั้นยังคงติดตาของเขาอยู่
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เย่เฟิงก็หายไปแล้ว
ฝูงชนบนถนนก็เลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ยังมีคนๆหนึ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
หลังจากโรงเรียนเลิก เทียนโย่วเหลียงแอบตามพวกเขาทั้งคู่มาตลอดทาง เขาอยากจะเห็นสภาพอนาถของเย่เฟิงเมื่อถูกจัดการโดยพวกคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่สุดท้ายเขากลับได้เห็นเย่เฟิงอุ้มสาวสวยคนหนึ่งไว้ในอกแล้ววิ่งเข้าโรงแรมแทน
แววตาชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทียนโย่วเหลียงทันที เขารีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาพ่อของเขา
“หึ ถ้าวันนี้ฉันทำลายชื่อเสียงของแกจนย่อยยับไม่ได้ ฉันจะไม่ขอใช้แซ่เทียนอีกต่อไป! รับรองว่าวันนี้แกต้องไปจบอยู่ในคุกแน่นอน……..”
…………….