บทที่ 69 ตอนนี้ถึงตามันแล้ว
เย่เฟิง ณ ตอนนี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับชายผิวเข้มนามหลัวลี่ เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ไอ้หนู ตอนนี้แกมีแผนที่จะทำอะไรกันแน่ ?”
ดวงตาเล็ก ๆ ของหลัวลี่กลอกไปมา “น้องชาย ผู้คนล้วนแล้วแต่ต้องการทำงานของตัวเองให้สำเร็จ มันคงไม่คุ้มค่ากันหรอกนะ หากน้องชายจะต้องมาตายเพราะยุ่งเรื่องของคนอื่น?”
“อะไรนะ?”
เสียงของเย่เฟิงในตอนนั้นได้แปรเปลี่ยนไป “หลงหวางเอ๋อเป็นเพื่อนของฉันมานานแล้ว ในเมื่อแกกำลังขมขู่เธอทั้งยังดูถูกดูแคลนเธอแบบนี้ จะทำให้ฉันทำเป็นมองไม่เห็น แล้วปล่อยผ่านไปงั้นรึ?”
“เพื่อน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ก็ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขาคิดย้อนไปเกี่ยวกับตัวเขาตอนที่อยู่ในงานแสดงสินค้าของเมืองหลางฝาง ทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมกันถึงขนาดนั้นมาก่อนนี่? ตอนนั้นการที่ชายสวมหน้ากากฆ่าดาบหมาป่า ที่งานแสดงสินค้าเท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลมังกร จนต้องตั้งตัวกลายเป็นศัตรูกับพวกเขา
จากตอนนั้นพวกเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนกันจนตอนนี้หรือ ?
เมื่อหลงหวางเอ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยิน แก้มเธอก็ขึ้นสีระเรื่อ และเริ่มตำหนิเขาต่าง ๆ นานาว่าใครจะไปเป็นเพื่อนของผู้ชายพรรค์นั้นกัน ช่างไร้ยางอายเสียจริง!
“คนสวย ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ ว่าไม่ควรวิ่งเตลิดไปทั่วที่แห่งนี้”
ร่างสูงของหลัวเล่ยค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านข้างของหลงหวางเอ๋อ ก่อนจะแผยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนี้ของเธอ ถึงเธอจะวิ่งหนีไปในที่อื่น สุดท้ายมันก็จะจบลงแบบเดิมอยู่ดี”
ตอนนี้เขาต้องการที่จะสร้างบาดแผลให้กับหวางเอ๋อสักหน่อย เพื่อที่จะขัดขวางไม่ให้เธอสามารถที่จะหนีไปที่ไหนได้อีก หลังจากนั้นเขาและหลัวลี่จะลงมือจู่โจมเย่เฟิงพร้อมกับจากสองทาง เช่นนี้แล้วเย่เฟิงก็ไม่สามารถมีทางรอดไปได้
เขาต้องการที่จะจบทุกอย่างให้เร็วที่สุด หลัวเล่ยจึงเร่งฝีเท้าขึ้นก่อนจะกระโจนเข้าหาหวางเอ๋อที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ พร้อมกับปล่อยหมัดทั้งคู่ของพวกเขาออกไป ทักษะนี้ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของเราชาวหมัดเทพทวารา และถูกขนานนามว่า หมัดปืนใหญ่สามจักรพรรดิ !
เขาเร่งพลังชี่ข้างในหมัดทั้งคู่อย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะเล็งเข้าปะทะบนบริเวณหน้าอกของหวางเอ๋อ เมื่อตอนที่เขาคิดจะทำร้ายเธอ เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่ทำร้ายใบหน้าที่งดงามของเธอ เพราะในกรณีที่เธอได้รับบาดเจ็บบนหน้าจะทำให้มันเกิดเป็นรอยแผลน่าเกลียดน่ากลัว ถ้าเลือกได้เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นจะดีกว่า
การโจมตีลงไปยังบริเวณหน้าอกของเธอนั้นสามารถที่จะทำลายเส้นลมปราณของหญิงสาว ทั้งยังเป็นการตัดโอกาสที่เธอจะวิ่งหนีไป!
ทันทีที่หลงหวางเอ๋อเห็น หัวใจของหญิงสาวก็สั่นระรัว ด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาเธอรีบไปหลบซ่อนอยู่ด้านหลังของต้นไม้ทันที ในตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายพุ่งตรงมายังเธอก่อนจะโจมตีลงบนลำต้นของต้นไม้ด้านหน้าเธอด้วยหมัดคู่ ส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสองครั้งติดกันจากการโจมตี เศษไม้ปลิวว่อนไปในอากาศ
เสียง “แคว่ก” ดังก้องไปทั่ว ครึ่งท่อนบนของต้นไม้ใหญ่แตกกระจายจากพลังของหมัดคู่นั้น
เห็นเช่นนั้นหลงหวางเอ๋อก็ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตยืนอยู่หลังต้นไม้อีกต่อไป เธอหายใจอย่างหนักหน่วงเคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็วไปด้านข้าง เมื่อหญิงสาวมองไปที่เย่เฟิงซึ่งเธอฝากความหวังไว้ ได้แต่หวังว่าเขาจะจัดการหลัวลี่ให้เร็วที่สุดแล้วมาช่วยเธอรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า
เย่เฟิงจับตาดูหลงหวางเอ๋ออยู่เช่นกัน เขาจงใจให้เธอใช้พลังของตนเองให้มากที่สุด
ป้องกันเผื่อว่าหญิงสาวจะก่อปัญหาเวลาเขาใช้เธอเป็นตัวประกันขึ้นมา ชายหนุ่มยังคงใจเย็นขณะต่อสู้ ทันใดนั้นเขาตั้งท่าต่อสู้ในรูปแบบมือเปล่าและยิ้มเยาะกล่าวกับชายผิวดำ “เข้ามา ดูกันว่าระหว่างหมัดของฉันหรือหมัดเทพทวาราของนายใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
เมื่อเย่เฟิงพูดจบเขาเปิดฉากเป็นฝ่ายรุกโจมตีทันทีโดยใช้กระบวนท่าฝ่ามือแปดทิศ พลังของเขาปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงพุ่งตรงไปยังใบหน้าของชายผิวดำ
“จะลองดีกับฉันงั้นเหรอ?”
หลัวลี่เห็นเช่นนี้เขาลอบยินดีในใจ วิชาหมัดเทพทวาราจัดว่าเป็นวิชาหมัดที่ไร้เทียมทานในยุทธภพแห่งนี้ สามารถระเบิดพลังอย่างรุนแรงในระยะเวลาอันสั้น ชายผิวดำคิดว่าหากเขาแค่ต่อยสวนกลับไป ชายสวมหน้ากากก็ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
เมื่อหลัวลี่มั่นใจอย่างขีดสุดกับกระบวนท่าของสำนักเขา ชายหนุ่มผิวดำเตรียมรับหมัดของเย่เฟิงด้วยหมัดของเขาอย่างเต็มใจ เขารวมพลังชี่แล้วต่อยออกไปใส่หมัดของเย่เฟิง!
เมื่อหมัดคู่ของแต่ละฝ่ายกระทบกันก่อให้เกิดสายลมที่บ้าคลั่ง ทำลายพื้นที่รอบๆจนเศษดินปลิวฟุ้งไปทั่ว!
“อะไรกัน ฉันก็มีระดับพลังเท่ากับมันนี่น่า ทำไมมันถึง…”
หลัวลี่อุทานด้วยความหวาดกลัว จากนั้นจึงกรีดร้องอย่างโหยหวน ร่างของเขาลอยขึ้นลงประดุจว่าวขาดแล้วร่วงลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง!
เย่เฟิงหัวเราะเยาะในใจ หมัดเทพทวาราไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากพวกขี้โอ่เท่านั้น! ถึงแม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของทั้งสองจะมีระดับสี่ปีเท่ากันแต่พลังชี่ของหลัวลี่ก็มีค่าแค่ครึ่งหนึ่งของพลังเจินชี่ของเย่เฟิง
นอกจากนั้นฝ่ามือแปดทิศของเย่เฟิงยังเหนือชั้นกว่าหมัดปืนใหญ่สามจักรพรรดิไปหลายขุม เมื่อหมัดทั้งสองสัมผัสกันพลังของเย่เฟิงได้ผ่านเข้าสู่หมัดของอีกฝ่ายสร้างความเสียหายภายในอย่างรุนแรงทันที
“เอาไปอีกหมัด!”
เย่เฟิงตะโกนเสียงดังพร้อมกระโจนไปข้างหน้าต่อยหมัดคู่ทั้งสองอีกครั้ง!
หลัวลี่ที่เห็นเย่เฟิงเข้าถึงตัวจึงตกใจราวกับเห็นฟ้าผ่า เขารีบคลานไปตามพื้นเพื่อหลบหนี ชายผิวดำก้าวอย่างรวดเร็วไปไกลกว่าสิบเมตรทันที!
โชคร้ายนักที่ไม่สามารถหลบพ้นความเร็วของเย่เฟิงไปได้ ชายหนุ่มใช้ทักษะย่างเก้าไร้เงาพุ่งต่อไปด้านหน้าจนเหลือแต่เงาภาพติดตา สองหมัดของชายหนุ่มอัดกระแทกใส่หน้าและหน้าอกของหลัวลี่ตามลำดับตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะหลบหนี
“ตูม” เสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้นตามด้วยเสียง “แคร่กๆ” หมัดของเย่เฟิงบดขยี้ซี่โครงอีกฝ่ายจนแตกหัก จากนั้นจึงใช้พลังอันแข็งแกร่ง ซัดร่างผอมๆของชายหนุ่มผิวดำลอยขึ้นไปข้างบนอย่างรุนแรงจนลอยตกไปยังหน้าผา
“อ๊าาาก…”
หลัวลี่กรีดร้องอย่างน่าเวทนา เสียงของเขาค่อยๆเบาลงแล้วหายไปจากการตกหน้าผาอันสูงใหญ่ ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรอดชีวิตไปได้
หลัวเล่ยตัวแข็งถือเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้า!
เขาไม่คิดเลยว่าหลัวลี่จะไม่สามารถถ่วงเวลาเย่เฟิงได้แม้แต่นาทีเดียว หลังการต่อสู้เริ่มได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นเขาก็โดนซัดลอยตกหน้าผาไปแล้ว หลัวเล่ยประเมิณจากเสียงของชายสวมหน้ากากแล้วคาดว่าเขาน่าจะอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น ทำไมถึงน่ากลัวเช่นนี้?
ถึงอย่างไรตัวเขาหลัวเล่ยก็เป็นหัวกะทิของสำนัก!
หลัวเล่ยลับประสาทเขาให้คมกริบ ตอนนั้นเองเสียงดังตะโกนมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
“เจ้าคนทรยศหยาบโลน ตายซะ!”
เมื่อเห็นหลัวเล่ยผละความสนใจไปที่อื่น หลงหวางเอ๋อสละความคิดที่จะวิ่งหนีทันที เธอหันกลับมากระโดดแล้วใช้ขาที่ขาวราวหิมะเตะใส่คางของหลัวเล่ยอย่างรุนแรง
“มังกรผงาด”
เปรี้ยง!
การตอบสนองของหลัวเล่ยยังช้าไปมาก นอกจากนั้นระดับพลังยุทธ์ของเขายังไม่เท่ากับหลงหวางเอ๋อ เท้าของเธอกวาดขึ้นเตะไปที่ปลายคางอย่างแม่นยำส่งให้ร่างของหลัวเล่ยลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วกระแทกลงพื้นดินอย่างรุนแรง ฟันหลุดร่วงไปหลายซี่
“มังกรฟาดหาง!”
เมื่อเธออยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบเช่นนี้ย่อมไม่ละทิ้งโอกาสที่จะเอาคืน หญิงสาวหมุนตัวและเตะเท้าไปที่กลางอกของหลัวเล่ยส่งร่างเขากระเด็นไปอีกสิบกว่าเมตรในทีเดียว ร่างของเขาพุ่งราวกับกระสุนไปชนต้นไม้อย่างรุนแรงจนแล้วหมดสภาพต่อสู้ไป
หลัวเล่ยกระอัดเลือดออกมาและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก กระบวนท่า “เพลงเตะมังกร” ของตระกูลมังกรเป็นเคล็ดวิชาชั้นเลิศเฉพาะของตระกูล ในเวลาที่ไม่ทันตั้งตัวเขาโดนเธอเตะใส่อย่างแรงสองครั้งจนเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส
หลงหวางเอ๋อรีบใช้พลังกดฤทธิ์ของยา และพยายามต่อต้านอาการรุมร้อนในอก เธอเริ่มวิ่งหนีอย่างไม่ลังเลทันที หญิงสาวเพียงต้องการไปที่ตีนภูเขาเพื่อให้ผู้อาวุโสของตระกูลรักษาเธอ
แต่เย่เฟิงระวังตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วกับสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยพลังยุทธ์ที่เพิ่มมาของเขาทำให้สามารถใช้ย่างเก้าไร้เงาได้นานขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังเจินฉีของไปมากนักทำให้ยังเหลือพละกำลังไล่ตามอีกมากมาย
เขาเข้าถึงตัวเธอใช่ชั่วพริบตา เย่เฟิงยื่นมือออกไปรวบตัวหลงหวางเอ๋อกลับเข้ามาในวงแขนอีกครั้ง
“อยากจะหนีไปจากฉันงั้นหรอ? มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก”
เย่เฟิงหัวเราะเสียงดัง ขณะกอดเธอไว้ที่อกของเขาเพื่อควบคุมร่างหอมหวนตรงหน้านี้ สภาพของหลงหวางเอ๋อที่พึ่งใช้กระบวนท่าเตะไปสองครั้งทำให้เธอแทบจะไม่สามารถควบคุมฤทธิ์ยาได้อีกแล้ว ร่างของเธออ่อนลงเรื่อยๆ สติเริ่มจางหายไปทีละน้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าหญิงสาวพยายามขัดขืนเย่เฟิงอยู่ตลอด ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยตัวตามเขาไปอย่างอัตโนมัติ และหอบหายใจอย่างรุนแรง
“มันเป็นเรื่องน่ารำคาญจริงๆ”
เย่เฟิงคิดกับตัวเอง ในขณะที่กอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มเดินมายังหลัวเล่ยที่บาดเจ็บอย่างสาหัส
“ถ้าแกฆ่าฉันตอนนี้ สำนักหมัดเทพทวาราไม่ปล่อยแกออกจากที่นี้แน่!”
หลังจากที่พูดเสร็จ หลัวเล่ยอาเจียนเลือดออกมาและลักษณะล้างร้ายปรากฎขึ้นฉับพลันบนใบหน้าของเขา
“งั้นก็ตายซะ!”
เย่เฟิงใช้เจินฉีออกมา ในชั่ววินาทีดาบเจินฉีสีแดงเข้มปรากฎขึ้น เขาแทงดาบเข้าที่คอของหลัวเล่ยเพื่อจบชีวิตของชายร่างสูง จากนั้นเตะร่างของเขาตกจากหน้าผาไป ชายหนุ่มยังคงจดจำสิ่งที่อาจารย์ของเขาซูเฟยหยิ่งสอนได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือเวลาลงมือต้องกำจัดศัตรูอย่างเด็ดขาด!
จากนั้นเขาหันไปมองหลงเสี่ยนที่นอนอยู่ใกล้ๆ
หลงหวางเอ๋อมองไปยังสายตาของเย่เฟิง แล้วรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาขณะที่ใช้แขนของเธอโอบรอบคอเขา เธอถามอย่างแผ่วเบาว่า “นายต้องการ…อะไร…จะทำอะไรเขา?”
“ตอนนี้มันถึงตามันแล้ว!”
เย่เฟิงพึมพัมขณะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดในเมือง หญิงสาวคนนั้นต้องกระโดดลงมาตายเพราะผู้ชายคนนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปล่อยให้หลงเสี่ยนมีชีวิตอยู่ต่อไป!
หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น เย่เฟิงกำลังจะฆ่าคนตระกูลมังกรของเธองั้นหรอ?
………………………
แปลโดยทีมงาน GSI