บทที่ 64: รีลิคกาลาเดรียง (2)
พรืดด
ฮันซูฉีกสิ่งที่ปกปิดดาบที่ถูกลืมเอาไว้ออกทันทีที่เขาทิ้งร่างลงในน้ำ
กรี๊ซซซซ
จากนั้นคุคูลจาทั้งหมดที่ได้ไล่ล่าเขาจากกลิ่นของเลือดก็ได้หวาดกลัวพร้อมกับว่ายหนีไปทุกทิศทาง
และในสถานที่ที่พวกมันหนีไปนั้นก็ปรากฏอีกเป้าหมายหนึ่ง
แต่ฮันซูไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้นพร้อมกับเริ่มว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว
ถ้าหมอนั่นคือคนที่เขาสามารถฆ่าได้ด้วยคุคูลจา งั้นเขาก็คงทำมันตั้งแต่บนน้ำ
ตูมมม!
และอย่างที่เขาคาด คลื่นความร้อนรุนแรงได้ระเบิดออกจากเหนือทะเลสาบ
<!!!!!>
คุคูลจานับสิบได้ถูกย่างภายในเสี้ยวพริบตา
พลังของการโจมตีนั้นสามารถประมาณได้ถึงระดับหนึ่งจากการที่วิ่งที่อยู่ใต้น้ำกลายเป็นแบบนั้น
ฮันซูที่ได้คลุมร่างกายของตนเองไว้ด้วยสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจได้ส่งพลังเวทของสกิลสนับสนุนออกไปและสร้างมันให้กลายเป็นตีนเป็ด
จากนั้นชายหนุ่มจึงแหวกว่ายแขนขาของเขาและมุ่งหน้าลงไปอย่างรวดเร็ว
ลึกลงเรื่อยๆ
ไม่ช้าน้ำทะเลพิษที่เขากำลังว่ายอยู่นั้นก็เริ่มเดือดปุด
‘หมอนั่นตามมา’
เขารู้แม้จะไม่ได้มอง
ในเมื่อความร้อนนั้นค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้ร่างของเขาอย่างช้าๆ
ฮันซูแทงท่อไม้ที่เขาได้เตรียมไว้ไปใน <เหยือกของคนรวยผู้เห็นแก่ตัว>
ซูดดด
จากนั้นอากาศที่เขาได้รวบรวมไว้ก่อนหน้าก็เริ่มที่จะเข้าไปที่ร่างของชายหนุ่มผ่านปาก
เขาต้องหายใจ
‘ชิ มันคงจะดีถ้าฉันมีสกิลชนิดเอาชีวิตรอด’
สกิลชนิดเอาชีวิตรอด หรืออาร์ติแฟคชนิดเอาชีวิตรอดนั้นจะทำให้การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่สุดขีดนั้นง่ายขึ้น
พวกมันแค่ยากที่จะครอบครองอย่างมาก
ฮันซูคิดถึงอาร์ติแฟคที่อยู่บนลำคอของเคาส์
<ลมหายใจของอาโฮล>
อาร์ติแฟคที่จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของคนคนหนึ่งเมื่ออยู่ใต้น้ำหรือกำลังจะหมดสติ
ถ้าเขามีสิ่งนั้น เขาก็จะสามารถหายใจใต้น้ำได้
‘ตามมาดีๆ’
ฮันซูสูดลมหายใจขณะที่ค้นหาเส้นทาง
‘มันควรจะมีร่องรอยอยู่แถวๆ นี้…’
ค้นหาทางออกนั้นง่าย
เมื่อสถานที่ที่ปลาตัวเต็มวัย ไม่ใช่ที่เป็นลูกได้ว่ายวนเวียน นั่นหมายความว่ามันใกล้กับเขตทะเล
และฮันซูได้มองหาสถานที่นั้นไว้ขณะที่สร้างสารสกัดจากหัวใจของคุคูลจา
ถ้าตามร่องรอยของคุคูลจาตัวเต็มวัยไป ทางที่จะนำไปสู่ทะเลจะปรากฏขึ้น
ซู่
ในตอนนั้นเองที่ความร้อนรุนแรงได้พุ่งตรงมายังร่างของชายหนุ่ม
ปุดปุดปุด
ฮันซูขมวดคิ้วเมื่อความร้อนรุนแรงนั้นกำลังพยายามต้มเขาทั้งเป็น
เขารู้สึกได้ว่าพลังเวทของสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจกำลังหลุดออกเป็นก้อน
‘มันคงจะอันตรายถ้าฉันสู้กับเขาเหนือน้ำ’
เหตุผลเดียวที่ทำให้มันเป็นไปได้เป็นเพราะเขาได้ถูกไล่ตามใต้น้ำ
หรือไม่อย่างนั้นผิวหนังของเขาก็คงจะแดงก่ำในเสี้ยววินาที
ฮันซูไม่ได้ลดความเร็วในการว่ายลงขณะที่เขาวาดแส้ไร้ลักษณ์ไปเบื้องหลังเขา
คลื่นที่ถูกเปลี่ยนผ่านของเหลวได้บอกหลายสิ่งแก่ชายหนุ่ม
เขาสามารถคาดเดาทิศทางของอีกฝ่ายได้ในระดับหนึ่งโดยที่ไม่ต้องมองไปด้านหลัง
ไม่สิ คุคูลจาที่สะบัดครีบของพวกมันไปรอบๆ เขาได้บอกทิศทางของคนคนนั้นอย่างแม่นยำ
เพี๊ยะ
แส้ไร้ลักษณ์ที่มีสถานะ <เลือดไหล> อยู่สะบัดไปเบื้องหลัง
ตูมมมมม!
พลังเวทของสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจได้ปะทะเข้ากับสกิลของอีกฝ่าย สร้างคลื่นขนาดยักษ์
เพราะแบบนั้นทำให้แส้สามารถที่จะทะลวงผ่านพลังเวทและสกิลของเคาส์ไปได้และสร้างบาดแผลเล็กๆ ขึ้น
‘โชคดีที่มันเป็นสกิลสนับสนุนแบบนรก’
พลังโจมตีของสกิลสนับสนุนแบบนรกนั้นสูงอย่างมากเมื่อเทียบกับสกิลสนับสนุนอื่นๆ แต่พลังป้องกันของพวกมันนั้นค่อนข้างจะขาดไปเล็กน้อย
และราวกับว่าสกิลของเคาส์เองก็เป็นเช่นนั้น ความเชี่ยวชาญของสกิลป้องกันนั้นค่อนข้างต่ำ และมีคุณภาพต่ำกว่า
ปึด
สถานะ <เลือดไหล> ที่อยู่บนบาดแผลนั้นได้เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วบาดแผลและเปิดมันออก
และเมื่อบาดแผลนั้นกว้างออก เลือดก็เริ่มที่จะไหลออกมา เหล่าคุคูลจาที่ได้กลิ่นของเลือดใต้น้ำก็ได้พุ่งเข้าไปหาต้นกำเนิดกลิ่นนั้นอย่างรวดเร็ว
กรอดดดด
เคาส โมเร็นขบฟันแน่นขณะว่ายน้ำ จากนั้นจึงรวบรวมพลังของสกิลสนับสนุนจำนวนมากไปที่มือ
จากนั้นเขาจึงทาบมันลงไปที่บาดแผลของเขา
ช่า
เลือดได้เต้นตุบราวกับว่ามันพยายามที่จะออกมา แต่มันไม่มีทางเป้นไปได้เมื่อเขาได้ฝืนปิดบาดแผลไปแล้ว
พลังของสถานะเลือดไหลนั้นยังคงพยายามที่จะเปิดบาดแผลให้กว้างออก แต่เคาส์ โมเร็นได้ฟาดกะโหลกของคุคูลจาที่ว่ายมาหาเขาพร้อมกับดึงเศษกระดูกออกมา ใช้มันแทนเข็ม แทงมันลงไประหว่างบาดแผลและเย็บปิดมันอีกครั้ง
ฮันซูเดาะลิ้นเมื่อเห็นเช่นนั้น
‘ไอ้หมอนี่เหนียวแฮะ’
การทำแบบนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดที่จะกลับขึ้นไป
ความต้องการที่จะจับเขาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เคาส์ โมเร็นที่ปิดบาดแผลได้จนถึงระดับหนึ่ง เหยียบลงบนคุคูลจาที่พุ่งมาหาเขาพร้อมกับพยายามเข้าใกล้ฮันซู
‘ฉันควรจะให้ของขวัญเขาอีกหน่อยรึเปล่า’
ฮันซูหยิบเมล็ดกวีฮีจำนวนหนึ่งออกมาจากถุงของเขาขณะที่เขาแทงมันด้วยแส้ของเขา
ราวกับไม้เสียบลูกชิ้น
และก่อนที่เมล็ดจะพองตัวออก เขาก็เหวี่ยงแส้นั้น เหวี่ยงพวกมันไปทางเคาส์ โมเร็นที่พยายามเข้าใกล้เขา
ในคราวนี้ เขาได้ใส่สกิล <พลังทำลายล้าง> แทนที่จะเป็น <เลือดไหล>
เมื่อมันค่อนข้างที่จะยากในการใช้สองอย่างในเวลาเดียวกัน
มันไม่มีประสิทธิภาพและปริมาณมานาที่ต้องใช้ในการใช้พลังทำลายล้างและสถานะเลือดไหลพร้อมๆ กันมันมากเกินไปเมื่อการโจมตีของเขาไม่ใช่การโจมตีโดยตรง
คว้างงงง
เคาส์ โมเร็นกัดฟันกรอดเมื่อเขาเห็นว่าแส้พุ่งมาทางเขาอีกครั้ง
เขาต้องป้องกันมันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
มันจะเป็นเรื่องลำบากมากหากเขาต้องบาดเจ็บด้วยไอ้ของนั่น
ซูมมมม
เคาส์ โมเร็นใช้สกิลป้องกันจนถึงขีดจำกัดพร้อมกับส่งเปลวไฟของพลังเวทไปทางแส้
ถ้าพลังเวทของการโจมตีนั้นเหมือนกับก่อนหน้า งั้นมันก็จะหลอมละลายต่อเปลวไฟของเขา
แต่เคาส์ โมเร็นต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
วูบบบบ
เปลวเพลิองของพลังเวทได้หายไปราวกับถูกลบ
แสของฮันซูได้อ่อนแอลงราวกับว่ามันเองก็ได้รับผลกระทบจากสกิล แต่มันก็ยังคงมุ่งมาหาเขา
ไม่ช้าแส้ก็ได้ทะลวงผ่านสกิลป้องกันของเขาราวกับว่ามันเป็นเพียงแก้ว แล้วจากนั้นก็ทิ่มแทงเข้าสู่เนื้อของเขา
ฉัวะ
‘ฉิบหายเอ้ย! นี่มันบ้าอะไรกัน!’
เขาต้องถูกแทงแบบนี้ตลอดไปรึไง!
แต่เคาส์ โมเร็นที่ถูกฟาดด้วยแส้พร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดพลันแย้มรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
‘อ่า ฉันรู้แล้ว มันดูเหมือนว่ามันจะใช้สกิลสองอย่างพร้อมกันไม่ได้’
แส้อ่อนแรงลงจากสกิลของเขา และการโจมตีนั้นก็อ่อนแอเพียงพอสำหรับเขาแม้ว่าพลังป้องกันของเขาจะไม่พอ
ตราบเท่าที่ไอ้สถานะเลือดไหลเวรนั่นไม่ได้มา งั้นการโจมตีในระดับนั้นก็จะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
แต่กระทั่งก่อนที่เคาส์ โมเร็นจะคิดจบ บางอย่างก็ได้เริ่มพองออกระหว่างสิ่งที่เหมือนเกราะใต้แขนของเขา
‘เอ๋?’
เคาส์ โมเร็นแสดงสีหน้าประหลาดใจในทันทีเมื่อร่างของเขาเริ่มที่จะลอยสูงขึ้นกะทันหัน
จากนั้นเขาก็ขบฟันแน่นเมื่อเขาพบว่าสิ่งใดที่ทำให้ร่างของเขาลอยขึ้น
‘เมล็ดกวีฮี ไอ้เวรฉิบหายนี่… มันเตรียมของแบบนี้ไว้ด้วย?’
และการที่หมอนั่นสามารถเก็บมันไว้ได้ทั้งที่ยังอยู่ใต้น้ำหมายความว่าหมอนั่นได้ทำอะไรบางอย่างกับเมล็ดพวกนั้น
ซึ่งหมายความว่าฮันซูได้นำเขามาในน้ำหลังจากที่วางแผนไว้แล้วว่าพวกเขาจะสู้กันใต้น้ำ
กร๊อบบบ
เคาส์ โมเร็นจ้องมองไปยังชายหนุ่มหลังจากที่ทำลายลูกโป่งกวีฮีแล้ว
ระยะห่างระหว่างพวกเขาที่เขาได้ย่นลงได้กลับไปเท่าเดิมเนื่องจากเขาได้ลอยขึ้นไปชั่วขณะหนึ่ง
และพวกคุคูลจาเองก็ไม่เข้าใกล้หมอนั่นอย่างแปลกประหลาดและทำเพียงพุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง
‘ถ้าฉันจับมันได้… ถ้าฉันจับมันได้ฉันจะฆ่ามัน!’
นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนไม่ว่าฮันซูจะมีไพ่ลับใดๆ
‘ไอ้หอกหัก กูจะตามล่ามึง!’
เขารู้สึกว่าเขาจะเสียสติไปจริงๆ ถ้าเขาถอยไปตอนนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาบ้าคลั่งนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป
‘กลัว? ฉันกำลังกลัวไอ้หมอนั่น? ไอ้เด็กใหม่นั่น?’
มันไม่ใช่ตัวฮันซูที่น่ากลัว
‘เวรเอ้ย… ฉันไม่รู้ว่ามันเตรียมอะไรไว้อีก’
อีกฝ่ายได้นำเขามาที่ทะเลสาบ และได้เตรียมพร้อมในการสู้กับเขาไว้
ซึ่งหมายความว่าฮันซูนั่นได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะตามอีกฝ่ายไป รวมทั้งที่เขาจะกระโดดลงมาใต้น้ำด้วย
นั่นหมายความว่าเขากำลังวิ่งอยู่บนฝ่ามือของอีกฝ่าย
และหมอนั่นก็ไม่ได้กลัวเขาแม้แต่น้อย
ซึ่งหมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจพอทั้งในการหนีไปจากเขาหรือกระทั่งฆ่าเขาหากเขาไล่ตามไปจนสุดท้าย
‘ฉันยอมรับไม่ได้!’
เคาส์ โมเร็นรีบขึ้นไปบนผิวน้ำและวิ่งอยู่บนนั้น
‘เคลื่อนไหวเหนือผิวน้ำเร็วๆ ไปเหนือหมอนั่น และจากนั้นก็จับมันโดยการพุ่งตัวลงไป!’
มันเป็นแค่ทะเลสาบ และมันมีความลึกจำกัด
เมื่อเขาได้ค้นพบทิศทางและการเคลื่อนไหวของหมอนั่น เขาจะสามารถไล่ล่าอีกฝ่ายได้เร็วกว่าหากอยู่ด้านบน
แต่เคาส์ โมเร็นได้ขมวดคิ้วหลังจากวิ่งไปสักพัก
“เหี้ย…”
ภูเขาขนาดยักษ์ได้ปิดกั้นทางของเขา
ภูเขาที่ปิดกั้นระหว่างทะเลสาบกับทะเล
‘ฉันจะลงไป’
ถ้าเขาต้องปีนไปเหนือถูเขา งั้นเขาก็อาจจะคลาดจากอีกฝ่ายจากทางเข้าออกใต้น้ำที่อาจอยู่ที่ใดก็ได้
แต่เคาส์ โมเร็นได้ชะงักไปในตอนที่เขากำลังจะกระโดดลงไปยังทางใต้น้ำ
เมื่อเขารู้สึกได้ว่าบางอย่างแตกต่างออกไป
จากนั้นสีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวหลังจากเขารู้สึกว่าบางสิ่งรอบคอของเขาได้หายไป
“ไอ้ลูก***นี่!!!!!”
เคาส์ โมเร็นร้องออกมาด้วยความกราดเกรี้ยวหลังจากที่ <ลมหายใจของอาโฮล> ที่มีค่าเทียบเท่ากับ <ขนนก> ได้ถูกขโมยไป แต่เขาไม่อาจที่จะลงไปใต้ทะเลสาบใต้ดินมืดมิดนั้นได้
เมื่อการผ่านทางเดินใต้น้ำที่เขาไม่รู้ถึงความยาวขณะที่ไม่อาจจะหายใจได้นั้นแทบจะเหมือนกับการฆ่าตัวตาย
สีหน้าของเคาส์ โมเร็นที่ถูกปกคลุมด้วยความความเคืองแค้นร้อนรนเริ่มที่จะเย็นชาและน่ากลัวขึ้น
และไม่ช้าเขาก็ได้เริ่มวิ่งไปบนเหนือผืนน้ำราวกับว่าเขาได้คาดการณ์บางอย่างไว้
“เฮือกก!”
ฮันซูที่ได้โผล่หัวออกมาจากทะเลหลังจากออกมาจากทะเลสาบสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะมองไปรอบกาย
‘ไหนดูสิ แม้ว่าหมอนั่นอาจจะหงุดหงิดนิดหน่อย… มันก็คงจะตามมาไม่ได้’
ร่างของฮันซูอยู่ค่อนข้างห่างจากเรือ
ชายหนุ่มวิ่งไปตามชายฝั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกระโดดลงไปในทะเลหลังจากถึงจุดที่เขาได้จมเรือไว้
ตูมม
‘มันยอดเยี่ยม’
ฮันซูแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะที่เขาสวมใส่ลมหายใจของอาโฮลที่ได้ขโมยมาจากอีกฝ่ายด้วยแส้ไว้รอบลำคอ
ความเร็วในการตอบโต้และการเคลื่อนไหวของเขาจะดีขึ้นมากจากสิ่งนี้
มนุษย์สามารถตายได้ไม่ว่ารูนของพวกเขาจะสูงแค่ไหนหากไม่มีสิ่งที่จำเป็น แต่สิ่งนี้ได้เติมเต็มช่องว่างนั้น
‘หายใจไม่ลำบากนัก’
ฮันซูโยนท่อทิ้งก่อนจะดำลึกลงไป
บุ๋ง บุ๋ง
หลังจากเวลาผ่านไปพักหนึ่ง เรือขนาดใหญ่ที่เขาได้จมไว้ก่อนหน้าก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตา
เรือขนาดยักษ์ที่ไม่มีทางที่จะยกขึ้นไปได้ด้วยความสามารถของมนุษย์
แต่มันมีหนทางอื่น
เป๊าะ เป๊าะ
ชายหนุ่มปิดกั้นทางที่จะมุ่งไปยังดาดฟ้าด้วยแผ่นไม้อารูน
จากนั้นจึงเทเมล็ดกวีฮีที่อยู่ภายในกระเป๋าของเขาลงไป
ครืนนนนน
เมล็ดกวีฮีที่ถูกเทลงไปภายในเรือเริ่มที่จะดูดกลืนพิษภายในด้วยความเร็วมหาศาล
ซูมมมมม
ขนาดของเมล็ดเหล่านั้นเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฮันซูดึงแผ่นไม้อารูนที่ถูกแปะติดไว้ด้วยน้ำมูกของเคล็กออก จากนั้นจึงรีบออกจากเรืออย่างรวดเร็ว
บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง
น้ำทะเลพิษที่ท่วมอยู่ภายในเรือเริ่มที่จะไหลออกจากรูหลังจากที่ถูกผลักดันโดยเมล็ดกวีฮีที่ขยายใหญ่ขึ้น
และไม่ช้า ใต้ดาดฟ้าของเรือก็เต็มไปด้วยลูกโป่งกวีฮีจำนวนนับหมื่น
ครืนนน ครืนนนน
เรือที่จมลึกอยู่ภายใต้ทะเลเริ่มส่งเสียงดังลั่นพร้อมกับที่มันลอยขึ้น
ฮันซูรีบขึ้นไปบนเรือที่กำลังลอยขึ้นและจับพังงา
จากนั้นเรือจึงเริ่มหันเหทิศทางไปภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มแม้ว่าจะอยู่ใต้น้ำ
นี่มันค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมันเป็นเรือที่มีพลังเวทของแฟรี่อยู่
‘ในเมื่อมันอาจจะมีคนอยู่รอบๆ ฉันจะยกมันขึ้นหลังจากออกห่างไปสักหน่อย’
เรือสำหรับ 500 คนขยับห่างออกไปเป็นระยะทางหนึ่งขณะที่ลอยขึ้นไปเหนือน้ำ และเมื่อมันได้ขึ้นมาเหนือน้ำเรือก็อยู่ห่างจากฝั่งค่อนข้างมากแล้ว
ฮันซูที่ซ่อมใต้ท้องเรือด้วยไม้อารูนและน้ำมูกของเคล็กยักไหล่ก่อนจะนำลูกโปง่กวีฮีจำนวนหนึ่งออกเพื่อควบคุมการลอยของเรือ จากนั้นจึงเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่เขาบอกว่าจะไปพบกับคามิลลี
‘ถึงเวลาที่จะจับมันแล้ว’
การเตรียมการนั้นเรียบร้อยแล้ว
‘เขาจะต้องตามมาใช่ไหม? หลังจากที่ถูกเด็กใหม่ขโมยของแบบนี้?’
ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นขณะที่เขาคิดถึงเรือสำราญที่อยู่สักแห่งห่างออกไป
กยีซูแสดงสีหน้าตะลึงงันหลังจากเห็นร่างโทรมๆ ของเคาส์ โมเร็นยามที่อีกฝ่ายกลับมา
เขากลายเป็นแบบนี้ขณะที่ปะทะกับเด็กใหม่นั่นหรือ?
‘นี่มันอะไรกัน เขากระทั่งเยาะเย้ยฉันในเรื่องนั้น’
รอยยิ้มเยาะแทบจะปรากฏขึ้นมา ทว่ากยีซูรีบรักษาสีหน้าของเขาเอาไว้
วินาทีที่เขาทำเช่นนั้น เขาจะถูกเผาจนตาย
แม้ว่าเคาส์ โมเร็นจะไม่ได้ดูเหมือนว่าอารมณ์เสียขนาดนั้น กยีซูก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ
ว่าเคาส์ โมเร็นที่ศักดิ์ศรีถูกทำลายอย่างรุนแรงนั้นอันตรายที่สุด
เคาส์ โมเร็นมองไปยังกยีซูและเหล่าควาดราทัสก่อนจะเอ่ย
“ไปที่มัจฉาภัยพิบัติ”
“อะไรนะ? แต่นั่นเป็นช่วงหลังจากที่มัจฉาภัยพิบัติมาถึงที่นี่และกินราก…”
กยีซูแสดงสีหน้างุนงงออกมา
ทัวร์มัจฉาภัยพิบัตินั้นมีสองช่วง
ช่วงแรกคือพวกเขาจะมองมัจฉามายากินราก
ช่วงที่สองคือการที่พวกเขาจะเข้าไปภายในมัจฉาภัยพิบัติในระยะที่ปลอดภัย และจากนั้นก็สำรวจรอบๆ
‘เอาเถอะ นั่นมันไม่ใช่เป้าหมายของทัวร์นี้อยู่แล้ว’
เหตุผลที่กยีซูยังคงมีชีวิตอยู่และทำไมคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากถึงได้รวมตัวกันนั้นเป็นเพราะช่วงที่สองของทัวร์
ทว่าเคาส์ โมเร็นได้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ไม่ เราจะไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะจัดการเอง ไปได้แล้ว ฉันจะไปคุยกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ในเมื่อพวกนั้นเองก็ค่อนข้างอารมณ์เสียแล้วด้วย”
“…”
กยีซูและเหล่าควาดราทัสไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้เนื่องจากอีกฝ่ายได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะฉีกกระชากพวกเขาเป็นชิ้นๆ ถ้าหากพวกเขาไม่ตกลง
“หืมมม…”
คามิลลีจ้องมองไปยังทะเลที่ห่างออกไปจากสถานที่นัดพบ
‘… เขาจะเอาเรือมาที่นี่?’
คามิลลีนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ฮันซูได้เอ่ยไว้ระหว่างการสนทนาของพวกเขา
<นี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดในการเดินทางกับเธอ>
<อะไรนะ? แม้ว่านายจะบอกว่านายต้องการให้ฉันเป็นไกด์น่ะนะ?>
ภายในมัจฉาภัยพิบัตินั้นค่อนข้างซับซ้อนเนื่องจากอวัยะภายในจำนวนมากที่ต่อติดกัน
การนำทางของเธอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะเดินทางไปในทางที่ปลอดภัยและง่ายดายที่สุด
ฮันซูเอ่ยตอบเมื่อได้ยินเช่นนั้น
<ฉันต้องการการนำทางของเธอเพื่อไปยังเส้นทางที่ปลอดภัย แต่มันดูเหมือนว่าฉันจะสามารถไปในทางที่รวดเร็วที่สุดได้ถ้าฉันโชคดี เพราะงั้นการนำทางของเธอก็ไม่จำเป็น ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือจนถึงตอนนี้ แต่อยู่ที่นี่เถอะ มันจะกลายเป็นเรื่องยากถ้าต้องเดินทางไปพร้อมกับปกป้องเธอ>
‘เขาคิดอะไรอยู่’
คามิลลีคิดถึงความพยายามครั้งที่สองที่เธอทำพร้อมกับกยีซู
เมื่อพวกเขาเกือบจะตายเพราะพวกเขาเลี้ยวผิดทางหลังจากเข้าไปโดยไม่รู้อะไรสักอย่าง
ทางนั้นเป็นทางที่เร็วมากจริงๆ แต่มันก็อันตรายมากเช่นกัน
‘เขาหาคนที่จะช่วยเขาได้จากที่ไหนรึเปล่า? ถึงมันจะยังคงอันตรายมากก็เถอะ’
คามิลลีมองไปยังทะเลที่ห่างออกไปด้วยสีหน้าขมขื่น
TL: โด้ของแล้วหนีแล้วนาจา วิ่งราวขั้นเทพ