บทที่ 63: รีลิคกาลาเดรียง (1)
พรึ่บบบ
เคาส์ โมเร็นได้ยืนอยู่ภายในป่าที่ลุกเป็นไฟ
“ฮูววว ไอ้หนูสกปรกนี่…”
ตูมมม!
ห้าวัน
เขาได้ค้นหาไปทั่วบริเวณนี้ มองหาฮันซูเป็นเวลากว่าห้าวัน
เขาคงไม่อารมณ์เสียขนาดนี้ถ้าหากมันไม่มีร่องรอยใดๆ อยู่เลยตั้งแต่แรก
แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือมันมีร่องรอยของหมอนั่นหลงเหลืออยู่จางๆ
บางครั้งกลิ่นจางๆ นั่นก็ลอยมาเข้าจมูกเขา และบางครั้งร่องรอยของดาบที่ถูกลืมที่อีกฝ่ายได้ขโมยไปจากยีซูก็หลงเหลืออยู่
นี่ทำให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้น
เมื่อเขาทำได้เพียงไล่ตามหลังอีกฝ่ายไปแม้ว่าเขาจะไล่ล่าหมอนั่นอย่างเต็มที่แล้ว
‘ไอ้เวรเอ้ย…’
มันอาจจะง่ายกว่านี้หากเขานำลูกน้องของเขามาที่นี่ แต่เขามาเพื่อพักร้อน
แต่เขาคงเลือกที่จะฆ่าตัวตายมากกว่าขอความช่วยเหลือจากไอเลน
เมื่อเขาจะเสียหน้า
กยีซูเอแยขึ้นกับเคาส์ โมเร็น
“ถ้าหาก… ไปจับคามิลลี โรวล์ล่ะ?”
“คามิลลี โรวล์?”
เคาส์ โมเร็นมุ่นคิ้วลงเล็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น
มันเป็นสิ่งที่กยีซูได้แนะนำมาสักพักแล้ว
เมื่อเป้าหมายหลักของฮันซูคือมัจฉาภัยพิบัติ เขาก็ย่อมถูกลากมาทันทีหากจับตัวพรรคพวกของเขาเอาไว้
แต่มันมีเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้เคาส์ โมเร็นยังไม่ทำแบบนั้น
‘เวรเอ้ย ไม่อาจที่จะจับเด็กใหม่คนหนึ่งได้ก็เสียหน้ามากพอแล้ว แต่การที่ฉันต้องไปจับคนมาเป็นตัวประกันอีก?’
หากอามิล สตาร์ดันจากหนึ่งในหกขั้วอำนาจ <ฮีคาริม> ได้ยินเรื่องนี้ หมอนั่นต้องหัวเราะจนกุมท้องแน่นอน
ไม่สิ เขาจะกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับกิลด์ทั้งหมดของรากทั้งสิบสอง
แต่ความโกรธแค้นของเขาในตอนนี้มันเหนือกว่าศักดิ์ศรีของเขาไปแล้ว
มันเป็นส่วนหนึ่งในแผนของเขาหากเขาไม่อาจที่จะจับหมอนั่นได้ภายในห้าวัน
‘เอาเถอะ ถ้าฉันดูแลทุกอย่างดีๆ… มันก็จะไม่มีข่าวลืออะไร’
เคาส์ โมเร็นเอ่ยถามกยีซู
“นายจะทำยังไง? นายบอกฉันว่านายยังใช้ความสามารถพิเศษของนายไม่ได้”
กยีซูหัวเราะ
“ฮันซูอาจลบร่องรอยของเขา แต่เธอจะทำทำไม เธอคงไม่คิดว่าจะมีใครตามล่าเธอ”
“โฮ่”
“ในเมื่อเราเกือบจะเสร็จสิ้นการเตรียมการชมวิวแล้ว เราจะแบ่งคนออกไปตามหาเธอแล้วส่งนกพิราบสื่อสารสีฟ้ามาเมื่อเจอ”
เคาส์ โมเร็นแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาพร้อมกับพยักหน้า
“นายระวังด้วย นายคือตัวแสดงหลักในช่วงสองของทัวร์ จำไว้ว่าทำไมฉันถึงได้ดูแลนายอย่างดี”
“… ฉันรู้ดี”
“พวกนายตามหาคามิลลี โรวล์ ตามแผนของพวกนาย ฉันจะตามหาฮันซูต่อ”
ถ้าเขายอมแพ้แบบนี้ เช่นนั้นศักดิ์ศรีของเขาก็จะได้รับความเสียหาย
คามิลลีคือวิธีการสุดท้าย
‘ฉันจะจับหมอนั่นให้ได้ก่อนหน้านั้น’
กยีซูผงกศรีษะขณะมองเคาส์ โมเร็นขบฟันแน่นและส่งนกพิราบสื่อสารสีฟ้าไปทั่วทุกทิศทาง
“โฮ่”
ฮันซูมองไปยังเหยือกเก็บอาหารของเขา
ที่บรรจุอาหารนั้นเต็มไปด้วยน้ำแร่ธาตุและสารสกัดจากหัวใจคุคูลจา
‘ฉันรวบรวมวัตถุดิบสำหรับน้ำยาหินทั้งหมดเกือบเสร็จแล้วด้วย’
ในเมื่อเขามีเวลาเหลือจนกว่าคามิลลีจะรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดมา เขาจึงได้รวบรวมวัตถุดิบที่เขาจะใช้บนเรือเพิ่มจำนวนหนึ่ง
เขาเห็นเปลวเพลิงระเบิดขึ้นในสถานที่แล้วที่เล่า ดูเหมือนว่าเคาส์ โมเร็นจะกราดเกรี้ยวจนทะลุปรอทแล้ว
‘มันค่อนข้างน่ารำคาญ’
แต่ดูเหมือนว่าเคาส์ โมเร็นนั่นจะไม่ได้มีพรสวรรค์ขนาดนั้นแม้ว่าจะเป็นหัวหน้ากองกำลังช็อค
หากเคาส์พัฒนาสกิลไล่ล่าของเขา งั้นมันก็คงจะเป้นเรื่องยากขึ้นในการซ่อนร่องรอยของเขา
‘ไปแอบดูหน่อยดีกว่า’
ฮันซูปรับรูปร่างของพลังงานไร้ลักษณ์ของดาบที่ถูกลืมให้แสงกระจายออก
มันไม่ได้ยากขนาดนั้น เขาแค่ต้องเปลี่ยนแปลงความหนานิดหน่อย
จากนั้นชายหนุ่มก็ทาโคลนลงไปบนใบหน้าของเขาพร้อมกับเริ่มสำรวจเรือสำราญที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับดาบที่เปลี่ยนแปลงไปและทำตัวเหมือนกับกล่องส่องทางไกล
เขารู้ถึงตำแหน่งของเรือสำราญด้วยความร้อนที่ออกมาระหว่างเหตุการณ์เกอร์ทาส
เพื่อที่จะไม่ถูกจับได้ด้วยสายตาของอีกฝ่าย เขาต้องอยู่ไกลถึงขนาดนี้เพื่อที่จะสำรวจพวกนั้นอย่างคุมเชิง
ฮันซูมุ่นคิ้วลงหลังจากมองไปยังตำแหน่งที่นกพิราบสื่อสารสีฟ้าบินไปและการเคลื่อนไหวของเคาส์ โมเร็น
‘ดูเจ้าพวกนี้สิ พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว’
เขาไม่คิดว่าเคาส์ โมเร็นจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายในฐานะของหัวหน้ากองกำลังช็อคแห่งอาคารแสง แต่มันดูเหมือนว่าความโกรธของหมอนั่นจะเหนือกว่าศักดิ์ศรีไปแล้ว
‘เคลื่อนไหวได้’
จะอย่างไรเขาก็ต้องรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมด
ถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปรวมตัวกับคามิลลี โรวล์แล้ว
‘ไหนดูสิ… เธอน่าจะอยู่แถวๆ เหมืองเออรัม หรือไม่ก็โพรงคุคุรูตอนนี้’
คนโง่คงไม่รู้ แต่คามิลลีนั้นค่อนข้างฉลาด ดังนั้นแล้วเธอจึงเลือกเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งหมายความว่าเธอจะต้องอยู่หนึ่งในสองสถานที่นี้
‘ฉันต้องหาคามิลลีให้เจอก่อนพวกนั้น’
หรือไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นปัญหา
‘อย่างแรกฉันจะไปที่โพรงคุคุรูก่อน’
ฮันซูลุกขึ้นอย่างระมัดระวังและรีบมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
กร๊าซซซซ!
คามิลลีแทงหอกสั้นของเธอไปยังอีรัมที่วิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง
ฟุ่บบ
หอกสั้นได้ทิ่มแทงผ่านอากาศไปอย่างไม่หยุดยั้ง
รูหายใจของเออรัมที่มีรูปร่างคล้ายด้วงได้ถูกตัดขาดขณะที่พวกมันร่วงหล่นลง
ฉัวะ
คามิลลีแหวกหน้าทางของอีรัมออกและนำต่อมขับน้ำจองมันออกมาและบีบของเหลวภายในลงในขวดเล็กๆ
‘ฉันรวบรวมมันครบแล้ว’
คามิลลีบิดร่างกาย
เธอได้รวบรวมวัตถุดิบ 14 ชนิดจากทั้งหมด 17 ชนิดที่ฮันซูได้บอกให้หาแล้ว
‘ความคืบหน้าของฉันเร็วกว่าที่คาด มันดูเหมือนว่าฉันจะทำมันให้สำเร็จได้ในเวลาวันหนึ่ง’
คามิลลีเริ่มที่จะมุ่งหน้าออกไปจากเหมืองหลังจากมองขวดของเหลว
แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็รับรู้ได้ว่ามีใครบางคนได้เข้ามาในเหมืองด้วยเซนส์ต่อสู้ที่รุนแรงของเธอ
คามิลลีเกร็งร่างกายของเธอขึ้นพร้อมกับเพ่งความสนใจไป
เหมืองเออรัมนั้นค่อนข้างยากสำหรับเด็กใหม่
ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มาที่นี่ย่อมไม่ใช่เด็กใหม่
เธอเธอได้ถอนหายใจออกมาเมื่อเธอเห็นเจ้าของเสียงฝีเท้าและลมหายใจที่ปีนขึ้นมา
“นายอยู่ที่นี่ แต่ว่าทำไมนายถึงได้อยู่ที่นี่? ฉันยังรวบรวมมันไม่ครบเลย”
ฮันซูยักไหล่เมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยว่า
“สถานการณ์เปลี่ยนไปนิดหน่อย พวกน่ารำคาญจำนวนหนึ่งดูเหมือนว่าจะไล่ตามาเราอยู่”
“พวกน่ารำคาญ?”
คามิลลีแสดงสีหน้าสับสน
ถ้าหมอนี่ที่ไม่รู้ว่าท้องฟ้านั้นสูงเพียงใดคิดว่าใครบางคนน่ารำคาญ งั้นคนคนนั้นก็คงจะน่ารำคาญกว่านั้นมาก
“ใครกัน?”
“เคาส์ โมเร็น”
“… นายเพิ่งพูดว่าอะไรนะ?”
“เคาส์ โมเร็น หมอนั่นดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกองกำลังช็อคของอาคารแสง”
“นายทำบ้าอะไรระหว่างที่นายอยู่ห่างจากฉันเนี่ย!”
คามิลลีตะโกนออกไปด้วยสีหน้าลนลาน
เธอเป็นปีสามเช่นกัน แต่ว่าเคาส์ โมเร็นนั้นอยู่ในระดับที่ต่างออกไป
ถ้าเธอสู้กับคนคนนั้น เธอก็จะแค่ละลายหายไปโดยที่ไม่อาจจะทำอะไรได้
‘ไม่สิ ทำไมคนแบบนั้นถึงได้มาที่ปลายราก?’
แต่มันมีจุดสำคัญเพียงอย่างเดียว
ว่าคนพวกนั้นจะตามล่าพวกเขา
คามิลลีแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นจึงเอ่ยกับฮันซู
“ไปที่เรือเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว”
เธอยังไม่ได้รวบรวมวัตถุดิบทั้งหมด แต่หากพวกเธอรออยู่ที่นี่และเผชิญหน้ากับเคาส์ โมเร็น งั้นพวกเธอก็จะตายทั้งคู่
ไม่ว่าหมอนี่จะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่อาจต่อกรกับเคาส์ โมเร็นได้
“เธอรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว?”
คามิลลีส่ายศรีษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ยังไม่ได้เกล็ดของคุคุรู ลมหายใจของแฟรี่เลือดผสม และแสงอรันทัล”
ฮันซูเริ่มที่จะนำบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขาหลังจากได้ยินคำพูดของคามิลลีและเอ่ย
“นี่คือเกล็ดคุคุรู ฉันได้มันมาระหว่างทางมาที่นี่ ตั้งใจรวบรวมอีกสองอย่างให้กับฉัน”
“… นายจะทำอะไร?”
ฮันซูมองไปยังอีกฝ่ายและเอ่ยว่า
“ฉันจะไปซื้อเวลาให้ขณะที่เธอรวบรวมวัตถุดิบ”
มันไม่อาจขาดวัตถุดิบไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว
เมื่อเช่นนั้นน้ำยาหินที่ไม่เสถียรจะถูกสร้างขึ้น
“เจอกันที่นี่หลังจากที่เธอรวบรวมวัตถุดิบมาได้หมดแล้ว ฉันจะเอาเรือไปที่นั่น”
จากนั้นฮันซูจึงบอกสถานที่นัดพบให้กับอีกฝ่าย
คามิลลีมองไปยังชายหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะเอ่ยถาม
“มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะรวบรวมวัตถุดิบให้เร็วๆ พร้อมกับฉัน?”
ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาเห็นมันระหว่างทางมาที่นี่
ตาข่ายได้หดตัวลงมากกว่าที่เขาคาด
ด้วยความเร็วนี้ พวกเขาจะถูกจับได้ในระหว่างที่รวบรวมวัตถุดิบเสร็จและไปที่เรือ
มีคนหนึ่งที่ต้องซื้อเวลา
‘ไม่จำเป้นต้องทำให้คนอื่นไขว้เขว’
เขาแค่ต้องดึงความสนใจจากเคาส์ โมเร็น
เมื่อคามิลลีจะรับมือส่วนที่เหลือ
จากนั้นฮันซูจึงคิดถึงเคาส์ โมเร็น
เขาได้ทิ้งร่องรอยไว้รอบๆ พื้นที่เปิดขนาดใหญ่อย่างตั้งใจระหว่างที่หนี
ร่องรอยที่เจือจางอย่างมาก
มีเพียงแค่คนที่มีสกิลไล่ล่าเท่านั้นที่จะค้นพบพวกมัน
เขาได้ทิ้งกลิ่นไว้บางครั้ง และครั้งอื่นๆ เขาก็ได้ทิ้งร่องรอยที่เกี่ยวกับอุณหภูมิหรือฝีเท้าเอาไว้
และมองเคาส์ โมเร็นไล่ล่าเขาจากที่ไกลๆ ด้วยการเปลี่ยนดาบเพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
ผลลัพธ์นั้นชัดเจน
‘สกิลไล่ล่าที่หมอนั่นเรียน… เป็นการไล่ล่าด้วยกลิ่น’
หมอนั่นได้ไล่ล่าเขาด้วยความเปลี่ยนแปลงของกลิ่น
ฮันซูคิดถึงตอนนี้ขณะที่เขาฉีกเสื้อผ้าส่วนหนึ่งออก ฉีกมันเป็นชิ้น และป้ายเลือดลงไปบนนั้น
จากนั้นชายหนุ่มจึงนำมันไปเหน็บไว้ที่เอวด้วยมือก่อนจะเอ่ยกับคามิลลี
“ที่เหลือฝากด้วย”
ฮันซูทิ้งท้ายก่อนที่จะวิ่งไปยังป่าอย่างรวดเร็ว คามิลลีมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่จากนั้นก็วิ่งออกไปเพื่อหาวัตถุดิบเช่นกัน
‘…หืม?’
เคาส์ โมเร็นมุ่นคิ้วกับกลิ่นของฮันซูที่พลันรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน
‘หมอนั่นซ่อนตัวเป็นอย่างดีจนถึงตอนนี้ ทำไมกัน?’
เคาส์ โมเร็นลดเหตุผลลงหลังจากที่คิดสั้นๆ
ผลลัพธ์ได้ออกมาแล้ว
‘หมอนั่นเฝ้ามองฉันอยู่’
เหตุผลที่ฮันซูแสดงตัวออกมาด้วยตนเองนั้นชัดเจน
ในเมื่อมันเป็นหลังจากที่พวกเขาเริ่มไล่ล่าคามิลลี โรวล์
‘ถ้าฉันรู้ว่าหมอนั่นจะออกมาแบบนี้ งั้นฉันก็จะทำมันเร็วกว่านี้’
เคาส์ โมเร็นไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมากมายต่อผู้หญิงที่ชื่อคามิลลีอยู่แล้ว
เมื่อเขาไม่คิดว่าฮันซูจะเป็นคนที่จะกระโดดอกมาเพียงเพราะตัวประกันคนเดียว
เขาได้บอกกยีซูให้ทำแบบนี้เพราะเขาอารมณ์เสียอย่างมาก แต่การที่มันกลายเป็นแบบนี้
‘ฉันจะฆ่านายอย่างยินดี’
เคาส์ โมเร็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะที่ไล่ตามร่องรอยนั้นไป
ร่องรอยที่ชัดเจนอย่างมากไม่เหมือนก่อนหน้า
เขาคิดว่านี่คือร่องรอยที่จะล่อเขาไป แต่สิ่งแบบนั้นมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาและสกิลได้บอกเขาอย่างชัดเจน
ว่าฮันซูเพิ่งได้ผ่านบริเวณนี้ไป
เคาส์ โมเร็นแสดงสีหน้าเย็นชาหลังจากไล่ตามร่องรอยเหล่านั้นไปเป็นเวลานาน
‘ถ้าหมอนั่นวางกับดักไว้…’
อีกฝ่ายอาจจะไม่แม้แต่อยู่ที่ปลายทางของการไล่ล่านี้ในเมื่อหมอนั่นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาด
ถ้ามันเป็นแบบนั้น เขาจะไปตามหาคามิลลีและฉีกเธอเป็นชิ้นๆ จริงๆ
ฮันซูอาจจะแตกต่างออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่อาจหนีไปจากเขาได้
มันจะเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างไม่เลวในการเอาความโกรธของเขาไประบายในเมื่อมันดูเหมือนว่าฮันซูจะตีค่าเธอไว้สูงจนกลายเป็นเช่นนี้
‘ฉันควรจะบอกให้พวกนั้นหาตัวคามิลลีก่อน’
เคาส์ โมเร็นชะงักไปขณะที่เขากำลังจะส่งพิราบสื่อสารสีฟ้าเพื่อที่จะบอกให้คนอื่นๆ ไล่ล่าร่องรอยของคามิลลีต่อ
จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนแปลงข้อความของพิราบเมื่อเขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ไกลออกไป
<หยุดไล่ล่าคามิลลี มาที่นี่และปิดตาข่าย>
เคาส์ โมเร็นเดินไปยังฮันซูที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าสบายๆ ข้างทะเลสาบคุคูลจาหลังจากส่งพิราบสื่อสารสีฟ้าออกไป
“ฉันอยากจะเจอนายจริงๆ เพื่อน ฉันคงจะผิดหวงอย่างมากถ้าฉันไม่อาจที่จะพบนายได้ในครั้งนี้”
ฮันซูหัวเราะใส่อีกฝ่าย
“ฉันก็ทำได้แค่ช่วยนายในเมื่อนายไม่อาจหาฉันเจอได้หลังจากผ่านมาขนาดนั้น ฉันกระทั่งทิ้งคำใบ้ไว้เลย”
แม้ว่าคำใบ้นั้นจะไม่ได้ถูกทิ้งไว้เพื่อช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่การพูดเช่นนี้ก็เพียงพอในการกระตุ้นหมอนั่น
และอย่างที่คาด เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเคาส์ โมเร็นทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่ม
เพราะทุกสิ่งตั้งแต่การวิ่งตามเด็กใหม่เพียงคนเดียว กังวลว่าจะถูกขัดขวางการชมวิว และตัวประกันปลอมได้ปรากฏขึ้นซ้ำในสมองของเขา
‘ไอ้เวรลูก***นี่…’
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เคาส์ โมเร็นก็ได้สูดลมหายใจเข้าออกลึก
หมอนี่เป็นปลาที่ถูกจับได้แล้ว
‘ถึงนายจะมีเรือที่ทิ้งไว้สักที่… ฉันจะไม่ปล่อยให้นายไปที่นั่น’
ตราบเท่าที่คนคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในสายตาของเขา พวกมันก็ไม่อาจวิ่งหนีไปได้อีก
เขาแค่ต้องจับอีกฝ่ายและบดขยี้มันลงอย่างช้าๆ
“ไอ้เวร ไหนดูสิว่านายจะพูดแบบนั้นระหว่างที่ถูกเผาได้อีกไหม”
ขณะที่เคาส์ โมเร็นเข้าใกล้ฮันซูพร้อมด้วยเปลวเพลิงที่หมุนวนอยู่รอบร่าง ชายหนุ่มก็ได้โยนเมล็ดกวีฮีในกระเป๋าลงในทะเลสาบขณะที่เขาวิ่งหนีไปบนนั้น
จากนั้นเขาจึงเฉือนต้นขาของตนเอง
เลือดได้เริ่มไหลออกจากบาดแผลนั้นและหยดลงในทะเลสาบคุคูลจา
ซ่า
เหล่าคุคูลจาได้พุ่งเข้าไปหาร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเขาได้ปกปิดดาบของเขาอีกครั้ง
เคาส์ โมเร็นชะงักไปเมื่อเห็นเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยเยาะ
“นายพยายามจะทำอะไร? นายจะพยายามที่จะรั้งอยู่ตรงนั้นรึไง?”
คนอื่นอาจจะต่างออกไป แต่เขาไม่ได้กลัวที่จะไปยังทะเลสาบเพราะกลัวถูกคุคูลจากัด
เขาแค่ต้องเผามันให้หมด
เคาส์ โมเร็นเหยียยบไปบนร่างของคุคูลจาพร้อมกับวิ่งอย่างรวดเร็วไปเหนือผิวน้ำ
ทุกครั้งที่เคาส์ โมเร็นเหยียบลงบนศีรษะของคุคูลจา กะโหลกของพวกมันจะถูกบดขยี้ลงราวกับเต้าหู้
ฮันซูมองไปยังเคาส์ โมเร็นก่อนจะหัวเราะออกมา
แน่นอนว่าเขาไม่อาจที่จะทำให้หมอนั่นไขว้เขวและขึ้นเรือที่อยู่เหนือน้ำไปได้
ในเมื่อหมอนั่นแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างชัดเจน
หมอนั่นอยู่ในระดับที่แตกต่างจากยีซูหรือพวกควาดราทัสคนอื่นๆ
แต่มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่เหนือน้ำ
ทะเลสาบผสมพัน์นั้นเป็นสิ่งที่คุคูลจาที่แต่เดิมอาศัยอยู่ในทะเลได้ขุดขึ้น
ทางใต้ดินที่นี่เชื่อมต่อกับทะเล
ฮันซูสิ้นสุดความคิดของเขาลง จากนั้นจึงมองไปยังอาร์ติแฟคที่ลำคอของเคาส์ โมเร็นอย่างโลภๆ
<ลมหายใจของอาโฮล>
‘ถ้าหมอนั่นมีอะไรแบบนั้น งั้นเขาคงจะตามฉันมาใช่ไหม?’
“รักษาของของฉันให้ดี”
ฮันซูยิ้มให้กับเคาส์ โมเร็นที่มีอาร์ติแฟคชนิดเอาชีวิตรอดที่ยากที่จะครอบครองก่อนจะกระโดดลงไปยังทะเลสาบที่เหล่าคุคูลจาได้ว่ายวนเวียนอยู่
“ไอ้เวรเสียสตินี่…”
เคาส์ โมเร็นขบฟันแน่นเมื่อเห็นเช่นนั้น
TL: ปู่นี่โมเมเอาเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ//กระพริบตา