บทที่ 61

 

“สวัสดีศิษย์พี่!”

 

“ศิษย์พี่ท่านทานอะไรหรือยัง?”

 

ฉินห่าวเดินบนยอดเขาเซียวเหยา ใบหน้าเขายิ้มไม่หุบ จนตอนนี้รู้สึกเหมือนกรามจะค้างไปแล้ว

 

นี่ช่วยไม่ได้ เพราะเหล่าศิษย์น้องต่างกระตือรือร้นที่จะเข้ามาทักทายเขา 

 

หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน ความนิยมในตัวฉินห่าวก็เปล่งประกายอย่างสมบูรณ์ ไม่มีสาวกนิกายคนใดจะเทียบได้

 

หลังจบเรื่องนี้ ฉินห่าวยังได้ยินมาว่าสาวกชั้นหนึ่งหลายคนรวมถึงหลิวเฮ่อได้ขอตัวออกไปฝึกหาประสบการณ์นอกนิกายแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนที่จะฆ่าหลิวเฮ่อ ยังไงซะอีกฝ่ายก็อยู่นิกายเดียวกัน แม้เลวร้าย แต่ลึกๆฉินห่าวยังหวังว่าหลิวเฮ่อจะกลับเนื้อกลับตัวได้ 

 

อย่างไรก็ตาม หากยังดื้อดึงไม่เปลี่ยนแปลง เขาก็ไม่ลังเลที่จะกุดหัวมันอย่างไม่ปรานี เพราะด้วยขอบเขตบำเพ็ญเพียรของเขาตอนนี้ การฆ่าหลิวเฮ่อมันง่ายไม่ต่างจากการบี้มดตัวหนึ่งจนตาย

 

“ศิษย์พี่ ศิษย์น้องเซียวเซียวมาหาท่านอีกแล้ว”

 

หวังจุนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ตอนแรกเขาเห็นว่าศิษย์พี่ยังไม่มีคู่บำเพ็ญเพียรเสียที จึงเป็นห่วงนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ต้องกังวลแล้ว

 

ด้วยบุคลิกอันน่ารักสดใส มีชีวิตชีวาของเซียวเซียว เขาเชื่อว่าเธอต้องทำให้ชีวิตของศิษย์พี่มีความสุขอย่างแน่นอน!

 

“เอ่อ … เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”

 

เมื่อได้ยินชื่อเซียวเซียว ฉินห่าวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที  

 

“ศิษย์พี่ฉิน ท่านน่าประทับใจจริงๆ ข้าได้ยินเรื่องของท่านแล้ว และข้ามีคำถามที่ค้างคาใจอยากจะสอบถามท่าน” เซียวเซียววิ่งเข้ามา สองมือไขว้หลัง โค้งตัวเล็กน้อย หมุนรอบตัวเขา กระพริบตาโต

 

ฉินห่าว “…”

 

เขากลืนน้ำลายอย่างแรง เม็ดเหงื่อเย็นผุดตามหน้าผาก คำ ‘เจ้าพูดมา’ ติดอยู่ในลำคอ เนิ่นนานไม่อาจเปล่งออกไป

 

“ศิษย์น้อง เอ่อ .. ตอนนี้คงไม่สะดวก พอดีข้าได้แง่คิดบางอย่างจากการต่อสู้ที่ผ่านมา เลยต้องไปปิดด่านฝึกตนซักพัก” ฉินห่าวตั้งสมาธิอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มตอบ

 

“โอ้ นั่นเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ แต่ข้าจะไม่เสียเวลากับคำถามนี้ ศิษย์พี่ฉิน คำว่า ‘แม้สวรรค์มิได้ให้กำเนิดนิกายเซียวเหยา แต่นิกายเซียวเหยาให้กำเนิดข้าผู้คงอยู่ชั่วนิรันดร์ประหนึ่งราตรีอันยาวนาน’ ประโยคนี้ …”

 

เซียวเซียวพยักหน้าและพูดออกมาตรง ๆ

 

“อะแฮ่ม เอ๊ะ? อาจารย์ ท่านเรียกข้าผ่านยันต์สื่อสารงั้นหรือ ขอรับ! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ฉินห่าวยกมือขึ้นแนบหูคล้ายรับฟังเสียงจากบางคน ก่อนหันมายิ้มและเอ่ยว่า “ เอาไว้ข้าจะอธิบายให้ศิษย์น้องฟังเมื่อมีเวลา” ว่าจบก็หายวับไปทันที

 

เซียวเซียวมองฉินห่าวที่หายตัวไป พึมพำด้วยความผิดหวัง “เรื่องเซียวเหยาให้กำเนิดท่านผู้คงอยู่ชั่วนิรันดร์น่ะข้อพอเข้าใจ แต่ประหนึ่งราตรีอันยาวนานนี่มันอะไรกัน? เพราะในแต่ละวันมีทั้งตะวันขึ้นและตะวันตก แล้วจะมีค่ำคืนที่ยาวนานได้อย่างไร?”

 

ปวดหัวตึบเลย เหตุใดบทกลอนนี้ฟังเข้าใจยากนัก?

 

หวังจุนที่อยู่ข้างๆยิ้มขนขื่น ‘ ข้าอุตส่าช่วยเจ้าทำคะแนน แต่เจ้าพูดพล่ามบ้าอะไรออกไป !’

 

“ศิษย์ข้า ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก แต่ข้ามีคำถาม”

 

บนยอดเขาเทียนหยุน เทียนหยุนเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

ฉินห่าว “ … ”

 

ตอนนี้เขาระแวงมากเวลาได้ยินคำว่า ‘มีคำถาม’

 

“ท่านอาจารย์เชิญว่ามา”

 

แต่หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ฉินห่าวก็รู้สึกว่าอาจารย์คงไม่ถามอะไรที่มันชวนให้ปวดหัวเหมือนศิษย์น้องเซียวเซียว 

 

“เจ้าสนใจมาตำแหน่งประมุขนิกายไหม?”

 

เทียนหยุนพุ่งเข้าประเด็นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆ 

 

ฉินห่าวตกตะลึง แล้วก็รีบส่ายหัวทันที “ข้าไม่สนใจ ไม่สนใจเลย แค่บริหารยอดเขาก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปบริหารนิกาย?” 

 

“อ้อ ในเมื่อศิษย์ข้าไม่สนใจ งั้นก็ช่างมันเถอะ” เทียนหยุนพยักหน้า เขาไม่ได้ผิดหวัง เพราะตัวเองก็ไม่สนใจตำแหน่งนั้นเช่นกัน

 

“หรือว่าท่านประมุขจะสละตำแหน่งแล้ว?”

 

ฉินห่าวพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

“ไม่ใช่หรอก เพียงแต่เขาเกียจคร้านมาก ทุกวันนี้ล้วนโยนภาระให้อาวุโสทั้งห้าบริหารจัดการ ในความเป็นจริงแล้วหากไม่มีเขา ก็ไม่มีปัญหาอะไร” เทียนหยุนพูดเบาๆ

 

ฉินห่าวพูดไม่ออก แต่คิดไปคิดมา มันก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตนอยู่นิกายมานานกว่าครึ่งปีแล้ว แต่จำนวนครั้งที่เห็นหน้าท่านประมุขมีน้อยมาก

 

หากท่านประมุขอยู่ในชีวิตที่แล้วของเขา ก็คือโอตาคุดีๆนี่เอง

 

“ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ศิษย์ข้าเอ๋ย เจ้าก่อความวุ่นวายในนิกายเฉินเมิ่ง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำร้ายเหล่าสาวก และแทบจะรื้อนิกายของพวกเขา” เทียนหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง

 

เขาไม่คาดฝันจริงๆว่าศิษย์ตนที่มีฐานบำเพ็ญเพียรไม่สูงนัก แต่กลับสามารถกระทำสิ่งต่างๆอย่างเหี้ยมหาญเช่นนี้ กล้าล่วงเกินกระทั่งคนที่ไม่ง่ายจะล่วงเกิน

 

“ข้าแค่ทำลายอาคารส่วนใหญ่ของพวกเขา แต่ไม่ได้ทำร้ายเหล่าสาวกของพวกเขา”

 

ฉินห่าวยอมรับผิดแค่ส่วนที่ทำ เขาค่อนข้างตรงไปตรงมา ส่วนทำร้ายคนนั้น … อย่ามาใส่ความไร้สาระ!

 

เทียนหยุน “ … ”