บทที่ 59: การล่ามัจฉาภัยพิบัติ (4)
‘ฉันควรจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นบริการส่งของแทนการสำรวจ’
กยีซูพึมพำขณะที่เขาครอบคลุมร่างของเขาด้วยสกิลจำนวนมาก
แม้ว่าบางอย่างเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อน แต่มันไม่เคยกลายเป็นปัญหา
เมื่อมันมีวิธีการที่ชัดเจน
หากเขากระทืบหมอนั่นสักหน่อยและเอาตัวมันไป เคาส์ โมเร็น จะจัดการที่เหลือ
‘ชื นายควรจะฟังตอนที่เราคุยกัน’
กยีซูเดาะลิ้นและเริ่มที่จะส่งพลังเข้าไปในรีลิคที่ถืออยู่ในมือ <ดาบที่ถูกลืม>
คามิลลีและเขาต่างเป็นนักผจญภัยปีสาม ทว่าอยู่ในระดับที่ต่างกัน
ระดับของพวกเขาใกล้เคียงกันตอนที่ออกมาจากท้องของมัจฉาภัยพิบัติ แต่ในขณะที่คามิลลีกำลังให้ความสนใจในสิ่งไร้ประโยชน์อย่างการล่ามัจฉาภัยพิบัติ เขาก็ได้ให้ความสนใจในการแข็งแกร่งขึ้น
และสิ่งที่เขาเชื่อมั่น
<ดาบที่ถูกลืม>
สกิลที่อยู่บนมันที่เขาได้เก็บมาจากภายในท้องของมัจฉาภัยพิบัติ <ตัดขนาน> นั้นเป็นสกิลที่เหนือกว่าสกิลของอาร์ติแฟคที่สามารถหาได้ภายในบริเวณต้นรากหรือลำต้นในด้านของความแข็งแกร่ง
คลื่นกระเพื่อมแข็งแกร่งได้ออกมาจากดาบของกยีซูและพุ่งตรงไปยังร่างของฮันซู
เคาส์ โมเร็นขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็น
‘ไอ้โง่นั่น การเอาตัวเด็กใหม่มามันยากขนาดนั้นเลยรึไง’
<ตาพันลี้ของชายขี้อิจฉา> ทำให้คนผู้หนึ่งสามารถเห็นมุมของของคนที่ถูกเลือกเอาไว้ก่อนได้ 3 วินาทียามที่อารมณ์ของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
แม้ว่ามันจะมีข้อกำหนดเบื้องต้นจำนวนมาก มันก็ยังคงเป็นสกิลที่มีประโยชน์อย่างมาก เมื่อมันทำให้คนคนหนึ่งสามารถเฝ้ามองคนที่อยู่ห่างออกไปได้
และภาพสุดท้ายที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงแค่พวกนั้นกำลังจะเริ่มต่อสู้กันเท่านั้น
‘ชิ นี่มันค่อนข้างจะเป็นปัญหา’
ความจริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะเอาตัวพวกนั้นมาหลังจากที่ซัดจนหมอบก่อน
มันจะไม่มีการดิ้นรนและความรู้สึกแย่ๆ จะหายไปเมื่อพวกนั้นได้รับสัญลักษณ์กิลด์
แต่เหตุผลที่ทำให้พวกเขาสำรวจนั้นเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สะดวกสบายในการให้สัญลักษณ์กับพวกมาใหม่มากนัก
พวกเขาจะให้สัญลักษณ์แต่กับคนที่แข็งแกร่งจริงๆ และควบคุมคนอื่นๆ ด้วยอำนาจหรือเงินตรา
แม้ว่าพวกเขาจะไปชักชวนหมอนั่นเพราะหมอนั่นดูค่อนข้างแข็งแกร่ง มันก็ไม่มีโอกาสให้สำหรับเด็กใหม่ที่ค่อนข้างไม่เหมาะสมในการได้รับสัญลักษณ์
ในที่สุด นั่นหมายความว่ากิลด์ก็ต้องผ่านกระบวนการยุ่งยากอีกอย่างในการที่จะใช้สหายบางคนที่มีความรู้สึกย่ำแย่ต่อพวกเขา
แต่สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือโอกาสที่ไอ้กยีซูนั่นอาจจะได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้กับคนมาใหม่
‘นี่มันบ้าอะไร ทั้งๆ ที่ฉันมาเพื่อพักผ่อน’
เขาต้องการที่จะปล่อยให้ไอ้คนไร้ประโยชน์นั่นตาย แต่หมอนั่นเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินงานของการชมวิวครั้งนี้
เขาได้มาที่นี่เพราะเขาได้ยินมาว่าการชมวิวของพวกควาดราทัสนั้นเยี่ยมยอดมาก แต่หากไอ้หมอนั่นตาย เช่นนั้นมันจะไม่กลายเป็นว่าเขาจะไม่สามารถเห็นภาพดีๆ พวกนั้นได้เหรอ
‘ไหนดูสิ’
เขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกโรงเอง หากเขาบอกคนของควาดราทัสใกล้ๆ พวกนั้นก็จะทำงานเอง
เคาส์ โมเร็นเริ่มที่จะรวบรวมมานาอยู่ที่ที่นั่งของเขา
กร๊าซซซซ!
คนจำนวนหนึ่งกำลังถูกไล่ล่าโดยสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายไดโดนเสาร์นับร้อย
ชายที่อยู่ด้านหน้าสุดในบรรดาคนที่ถูกไล่ล่าได้หมุนตัวก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“เราจะใช้ <การปกปิด>!”
<การปกปิด>
มันเป็นสกิลที่มีประโยชน์อย่างมากที่สามารถหาได้จากบริเวณกลางราก
มันแตกต่างออกไปตามความเชี่ยวชาญของแต่ล่ะคน แต่มันจะทำให้คนคนหนึ่งสามารถหลบซ่อนตนเองได้
แน่นอนว่าการหายตัวก็เป็นหนึ่งในนั้น
และไม่ช้า คนห้าคนที่กำลังวิ่งอยู่ก็ได้หายไปราวกับว่าพวกเขาถูกลบไป
กร๊าซ!
สัตว์อสูรที่ไล่ล่ามนุษย์ทั้งห้ากรีดเสียงออกมาด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อคนที่พวกมันไล่ล่าได้หายไป
ทว่าพวกมันยังคงอยู่และค้นหาไปรอบๆ ราวกับว่าพวกมันไม่มีความสนใจในการกลับไป
และชายคนนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเช่นนั้น
‘นี่มันอันตรายจริงๆ… แทบตาย’
<เกอร์ทาส>
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายแรปเตอร์ที่อาศัยอยู่เป็นฝูงที่กลางราก
พวกมันหวงแหนลูกของพวกมันจนถึงจุดที่ว่าทั้งฝูงจะออกไล่ล่าพวกเขาจนกระทั่งสุดปลายนรกเพื่อที่จะล้างแค้น
แม้ว่าคนที่ฆ่ามันจะข้ามเขตกลางรากและเข้าไปในต้นรากแล้ว
หลังจากการทำงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปสองสามวัน ทางที่เชื่อมต่อระหว่างปลายรากและกลางรากก็ได้เต็มไปด้วยเกอร์ทาสนับพัน
มันเป็นภาพที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ แต่คนที่ได้ทำมันสำเร็จ เฉิง ทำเพียงแค่ส่ายศีรษะราวกับว่าเหนื่อยล้า
‘คังกยีซู การนำตัวเด็กใหม่มามันจะยากอะไรมากมายสำหรับนาย?’
เขายอมรับว่างานของไอ้หมอนั่นมันสำคัญ
การชมวิวที่พวกเขาเตรียมการก็สำคัญเช่นกัน แต่พวกเขาไม่อาจเมินเฉยต่อคำขอของเคาส์ โมเร็นได้
แต่ไม่ใช่ว่าหมอนั่นควรจะมาหลังจากที่ทำสำเร็จแล้วเหรอ?
มันมีหลายสิ่งที่ยังคงต้องทำเพื่อที่จะต้องเตรียมการเพื่อการชมวิวที่เหมาะสม
พวกเขาได้เพิ่มเกอร์ทาสไปบนทางอีกจำนวนหนึ่ง เตรียมเรือสำราญอีกหน่อย และซื้อพวกลูกกิลด์กิลด์ผู้ช่วยเหลือให้เงียบปากด้วย
‘เรายุ่งมากพอแล้ว’
เขาไม่ชอบวิธีการของกยีซู แต่เขาต้องยอมรับความสามารถของอีกฝ่าย
ไม่สิ พูดให้ตรงไปกว่านั้น มันเป็นเพราะดาบมากกว่าความสามารถของหมอนั่น
คนที่รับผิดชอบในการชมวิวที่มาที่นี่มีทั้งหมด 11 คนรวมเขาด้วย
แม้ว่ามันจะเป็นจำนวนที่ไม่น้อย ทุกจำนวนคนที่ขาดไปก็ได้ให้ความรู้สึกถึงช่องว่างอันใหญ่หลวงเนื่องจากงานจำนวนมากที่พวกเขาต้องทำ
ในตอนนั้นเองที่นกตัวเล็กๆ ได้บินเข้าไป
“…?”
นกสีฟ้าเพียงตัวเดียวที่ได้บินเข้าไปยังสถานที่ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่อย่างแม่นยำ
แม้ว่ามันจะบินเข้าไปด้วยความมั่นใจว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่ไหน พวกเขาก็ยังคงไม่ประหลาดใจ
เคาส์ โมเร็น
มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับระดับของคนคนนั้นที่จะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
‘อย่างไรก็ตาม… ใช้ <พิราบส่งสารสีฟ้า> ได้จนถึงขนาดนั้น…’
<พิราบส่งสารสีฟ้า> เป็นสกิลที่จะสร้างนกตัวเล็กๆ ขึ้นโดยใช้มานาและข้อความ
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาสกิลนี้และเรียนรู้ ทว่าการใช้มันให้ดีนั้นเป็นเรื่องยากอย่างมาก
เขาก็รู้จักมันเช่นกัน แต่หากเพื่อนเขาไม่ช่วยด้วยสกิลเดียวกัน มันก็ยากที่จะพึ่งพาได้
เพื่อที่จะทำให้มันไปถึงอย่างพอดีในสถานการณ์ที่ผู้รับไม่ได้ช่วยเหลือนั้นต้องใช้การควบคุมมานาอย่างสูง แต่จากที่เขาเห็นนั้น นกได้บินมาหาพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังพิสูจน์ตำแหน่งหัวหน้าของกองกำลังช็อค เขาก็ทำได้เพียงประหลาดใจ
ไม่ช้า นกสีฟ้าที่ได้มาถึงเบื้องหน้าเฉิงก็ได้ระเบิดออกพร้อมเสียงปุ ก่อนจะส่งข้อความให้พวกเขา
เขาได้มุ่นคิ้วลงเล็กน้อยขณะที่อ่านข้อความเหล่านั้น
‘… ถึงมันจะเป็นแค่คำว่าอาจจะ’
เฉิงที่ได้โยน <พิราบส่งสารสีฟ้า> ไปยังผู้ดำเนินการคนอื่นที่กำลังยุ่งอยู่กับการจมเรือก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“หยุดไว้ก่อน! เราจะหยุดงานของพวกเราที่นี่และเดินทางก่อน”
ทะเลสาบคุคูลจานั้นอยู่ข้างๆ ทางที่พวกเขาปิดกั้น
พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการวิ่งไปที่นั่น
เฉิงที่ตะโกนเสียงดังนำผู้ติดตามควาดราทัสคนอื่นๆ ไปพร้อมกับเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็ว
คว้างงงง
<ดาบที่ถูกลืม> ดูดกลืนมานาเสียจนราวกับว่ามันจะระเบิดออก
รูนบนดาบที่กำลังกลืนกินมานาได้ส่องประกายลุกโชนเสียงจนมันไม่อาจที่จะรับมานาได้อีก จากนั้นมันจึงส่งสกิลออกมาราวกับว่ามันกำลังระเบิด
<ตัดขนาน>
สกิลที่จะตัดทุกอย่างที่ขวางทางให้กลายเป็นสองท่อนพร้อมด้วยคลื่นมานาบนตัวดาบ
ส่วนที่น่ามหัศจรรย์ของสกิลนี้นั้นคือมันครอบคลุมทั้งระยะใกล้และไกล
มันสามารถกระจายออกไปได้กว้างไกลโดยขึ้นอยู่กับความคิดของผู้ใช้ และกระทั่งสามารถถูกบีบอัดให้อยู่ในขนาดของดาบเดียวและตัดคนคนหนึ่งให้ขาดครึ่งได้
และวิธีการที่กยีซูใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นคืออย่างหลัง
ไม่เหมือนก่อนหน้าที่มันได้กระจายออกราวกับคลื่น <ตัดขนาน> ได้เกาะติดอยู่กับดาบของกยีซูขณะที่มันมุ่งตรงไปเพื่อตัดให้ร่างของคู่ต่อสู้กลายเป็นสองซีก
ระดับที่แตกต่างออกไปจากการเสริมมานาของสกิลสนับสนุนธรรมดา
การเสริมมานาของสกิลสนับสนุนนั้นจะเพิ่มความทนทานและความแหลมคมของอาวุธอย่างมาก ทว่ามันด้อยกว่าสกิลโจมตีที่โดดเด่นในด้านการทำลาย
และฮันซูรู้เช่นกัน
ตัดขนานนั้นเป็นสกิลที่ค่อนข้างมีระดับสูงในบรรดาสกิลทั้งหมดที่สามารถหาได้ในเขตสีแดง
ถ้าสกิลนั้นและความคมของรีลิครวมกัน แล้วเขาพยายามที่จะป้องกันมันด้วยเพียงแค่สกิลสนับสนุนมังกรปีศาจ เช่นนั้นเขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
การเคลื่อนไหวรุนแรงของกยีซูเริ่มซ้อนกันอยู่ภายในสมองของฮันซู
และไม่ช้า ภาพการเคลื่อนไหวต่อไปของกยีซูก็ได้ปรากฏขึ้นในศีรษะของชายหนุ่ม
ฮันซูมองตามมันขณะที่เขาขยับร่างกายของเขาออกไปจากระยะการโจมตีของอีกฝ่ายเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองที่นัยน์ตาของกยีซูส่องประกายวาบ
‘หมอนี่ถูกจับแล้ว’
ตัดขนาน
ขนาดของการโจมตีนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้
การโจมตีที่ถูกบีบอัดอย่างรุนแรงได้ระเบิดออกในวินาทีที่ฮันซูหลบ
ในบรรดาคนที่เขาได้ต่อสู้หลังจากได้รับดาบมา มันมีคนที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย
ทว่าคนเหล่านั้นต่างสูญเสียศีรษะของพวกเขาไปหลังจากถูกกวาดไปโดยสกิลระเบิดในวินาทีที่พวกนั้นเปิดช่องว่างเมื่อคิดว่าหลบพ้นแล้ว
‘ถึงแม้ว่านายจะหลบได้ไม่เลว… นายก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ!’
ในขณะที่กยีซูแสดงสีหน้าพึงพอใจออกไปพร้อมกับมองไปยังสกิลที่กำลังกวาดทุกสิ่งรอบด้านออกไปราวกับคลื่น บางอย่างที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
คว้างงงง
แหวนบนมือขวาของฮันซูได้ดูดกลืนมานาเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตอบโต้สกิลของเขา
เพล้งงง!
วินาทีที่มือขวาของอีกฝ่ายและสกิลของเขาปะทะกัน เสียงของบางสิ่งแตกหักก็ได้ดังขึ้นพร้อมกับที่สกิลตัดขนานที่กวาดทุกสิ่งรอบด้านออกไปอย่างกราดเกรี้ยวได้แตกสลายลง
กยีซูแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อเห็นเช่นนั้น
‘เหี้ย นั่นมันอะไรวะ?’
เขาคิดว่ามันเป็นอะไรแบบการขัดการร่ายเวทย์ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการขัดเวทย์ที่จะทำลายสกิลของเขาที่มีความหนาแน่นของมานาสูง
ไม่สิ มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการที่ฮันซูมีของแบบนี้ตั้งแต่แรก
‘คามิลลี โรวล์ อีเวรนี่ หรือยายนั่นไม่แม้แต่จะสามารถดึงพลังทั้งหมดของเด็กใหม่ออกมาได้?’
เขาได้รวบรวมข้อมูลของหมอนี่มาจำนวนหนึ่งก่อนที่จะมาที่นี่
เมื่อมันมีคนที่มาพร้อมกับหมอนี่ บนเรือลำเดียวกัน
และในบรรดาข้อมูลเหล่านั้นมันมีข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้มันกับคามิลลี โรวล์ แต่ว่ามันไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับแหวนนั่น
แต่กยีซูตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เวลาในการที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นนาน
‘เวรเอ้ย!’
ฮันซูใช้ช่วงระยะเวลาที่สกิลแตกสลายลงและพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่น่าผวา
กยีซูพยายามที่จะรั้งดาบกลับมาอย่างเร่งรีบ ทว่ามันสายเกินไป
‘เวร มีเวลาไม่พอที่จะใช้ตัดขนานอีกครั้ง’
ตัดขนานนั้นมีความหนานแน่นของมานาสูงและรุนแรง ทว่ามันใช้เวลาจำนวนหนึ่งในการชาร์จ
กยีซูรีบดึงพลังของ <สกิลสนับสนุนบรอนซ์> จนถึงขีดจำกัดและใช้สกิลพิเศษของมัน
จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มถูกอาบย้อมไปด้วยสีฟ้า
<หยกบรอนซ์>
ผิวหนังจะแปรเปลี่ยนไปคล้ายบรอนซ์พร้อมกับที่พลังป้องกันกายภาพและเวทมนต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมทั้งพลังฟื้นฟูด้วย
เขาไม่ได้ใช้มันบ่อยๆ เพราะมันค่อนข้างลำบากในการใช้มันร่วมกับ <ตัดขนาน> เนื่องด้วยปริมาณมานาที่ต้องใช้ แต่เขาไม่มีความมั่นใจหลังจากที่เห็นมือที่ถูกครอบคลุมไปด้วยแสงสีดำทองของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่มือเปล่า อวัยวะภายในของเขาก็คงแหลกสลายถ้ารับการโจมตีนั้นเข้าไป
ในตอนนั้น แหวนบนมือของฮันซูก็ได้ดูดกลืนมานาเข้าไปอีกครั้ง จากนั้นมันจึงพุ่งเข้าหาร่างของกยีซู
‘ไอ้เวรเอ้ย เอาจริงดิ?’
ทว่าฮันซูได้ทำให้การคาดการณ์ของเขาผิดพลาด
ฉัวะ
วินาทีที่แหวนสัมผัสผิวหนังของกยีซู ผิวหนังของเขาที่มีสีฟ้าก็กลับไปสู่สภาพเดิม
และสกิลป้องกันทั้งสามสกิลที่ครอบคลุมอยู่บนร่างกายของเขาก็แหลกสลายไปพร้อมๆ กับมัน
จากนั้นหมัดของฮันซูจึงปะทะเข้าที่ท้องของอีกฝ่าย
พลั่กกกกก
“อั่กกก!”
กยีซูกระเด็นถอยหลังออกไป รู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในบิดเบี้ยว
‘นี่มันไร้สาระอะไรกัน… หมอนั่นสามารถทำลายสกิลพิเศษไปพร้อมๆ กับสกิลปกติ!’
และพลังสนับสนุนของหมอนั่นก็เป็นปัญหาเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะมีพลังป้องกันและอาร์ติแฟคป้องกัน ทว่าการเสริมมานาของไอ้สกิลสนับสนุนบัดซบนั่นมันทรงพลังเกินกว่าที่จะรับได้
‘เวรเอ้ย มันไปเอาของแบบนั้นมาจากที่ไหน’
สกิลสนับสนุนนั่นค่อนข้างมีคุณค่ามากเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่เมื่อคิดถึงมันจากมุมมองที่ต่างออกไป คุณสมบัติเสริมมานาจากสกิลสนับสนุนนั้นด้อยกว่าพลังของสกิลโจมตี และพลังป้องกันนั้นก็ด้อยกว่าสกิลป้องกัน
แต่ไอ้นั่นมันเหนือกว่าระดับนั้น
กยีซูลุกขึ้นยืนอย่างไร้สติหลังจากที่กระเด็นออกไปตกตะลึงกับภาพของฮันซูที่ตามร่างของเขามาติดๆ และกำลังจะโจมตีอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะถูกโจมตีจนตาย
‘เวรเอ้ย… ถ้าฉันรู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะเตรียมอะไรอย่างขนนกไว้’
แต่เขาจะไปเอาของแพงๆ แบบนั้นมาจากที่ไหน?
กยีซูสร้างระยะห่างระหว่างตนเองกับคู่ต่อสู้ด้วย <การกระโดดของอเทล> พร้อมกับตะโกนออกไปอย่างเร่งรีบ
“เดี๋ยว! ฉันแค่ทำตามคำขอ! ฉันเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน! เวรเอ้ย! นายคิดว่ากิลด์ระดับกลางอย่างเราจะต่อต้านคำสั่งจากข้างบนได้รึไง!”
แม้ว่าเขาจะตะโกนมันออกไปด้วยความลนลาน มันก็ยังเป็นความจริงในระดับหนึ่ง
ความแข็งแกร่งแบบใดกันที่พวกเขามีในการปฏิเสธคำขอของหัวหน้ากองกำลังช็อคของกิลด์ใหญ่
“แล้วนายจะตายจริงๆ ถ้านายไม่ทำตามเรา!”
คำพูดเหล่านี้มีความหมายที่แตกต่างกันสองอย่าง
เขาอาจจะตายด้วยน้ำมือของเคาส์ โมเร็น แต่เขาเองก็จะตายเหมือนกันถ้ายังคงอยู่ที่ปลายราก
ฮันซูที่พุ่งเข้าไปหากยีซูแสดงสีหน้าเย็นเยียบ
เขารู้
เมื่อเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับธุรกิจชมวิวที่คนพวกนี้ได้เริ่มสร้างมันขึ้นในช่วงนี้
‘ไอ้พวกเวรเสียสติ’
ธุรกิจที่สร้างขึ้นเพื่อคนด้านบนที่เพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองขึ้น ทว่าไม่อาจที่จะเติมเต็มความต้องการที่บิดเบี้ยวได้
<ให้อาหารมัจฉาภัยพิบัติ>
ฮันซูมองไปยังกยีซูด้วยสีหน้าเย็นเยียบขณะที่เขาคิดถึงนักท่องเที่ยวที่มาดูเด็กใหม่นับพันที่ถูกกักขังโดยควาดราทัสถูกกินโดยมัจฉาภัยพิบัติ
TL: ปู่เป็นพวกปิดทองหลังพระจีจี//กราบสามที