บทที่ 58 คุณหนูตระกูลมังกร
เมื่อเย่เฟิงออกจากโรงแรม เขาโทรหาอู๋บีแล้วบอกว่าให้รั้งนักล่าสมบัติ จูไป๋เหนียว ใว้ให้นานที่สุด ขณะเดียวกันเจ้าอี้เปยขับรถพุ่งตรงไปยังหมู่บ้านชิงเฟิง
เย่เฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและเก็บข้าวของที่เขาใช้ปลอมตัวเป็นโม่จิ่วจากนั้นจึงกลับไปขึ้นรถ BMW อีกครั้ง
“ยังมีอีกเรื่องนึง นายหารถเอ็สยูวีให้สักคันได้ไหม?”
(ในที่นี้เย่เฟิงหมายถึงรถแบบ off-road)
เย่เฟิงถามอย่างเร่งด่วนขณะขึ้นไปบนรถ
“ได้แน่นอนครับพี่ใหญ่เย่…”
ชายหน้าบากผงกหัวตอบรับ
“จะดีงั้นหรือ?”
เย่เฟิงมองเจ้าอี้เปยและชายหน้าบากอย่างระมัดระวัง ปกติแล้วชายหน้าบากจะไม่เรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่เย่’ ต่อหน้าสมาชิกในแก๊งอสรพิษสวรรค์คนอื่นๆ เพราะว่าต่อหน้าพวกมันเย่เฟิงเป็นญาติผู้น้องของชายหน้าบาก แต่นี่ชายหน้าบากกลับเป็นฝ่ายเรียก ‘พี่ใหญ่เย่’ ออกมาต่อหน้าเจ้าอี้เป่ยเสียแบบนั้น
“พี่ใหญ่เย่สบายใจได้ เจ้าอี้เปยเป็นหลานที่มาจากบ้านนอกของผมเอง เจ้านี่รู้ทุกอย่างดีรวมไปถึงเรื่องที่พี่ใหญ่เย่ไม่ใช่ญาติผมนั่นแหละ”
ชายหน้าบากเกาหัวตัวเองขณะอธิบายด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย
“อืม เข้าใจแล้ว”
เย่เฟิงผงกหัวตอบรับเบาๆ “ก็สงสัยอยู่แล้วว่าไม่น่าจะมีคนเชื่อเท่าไหร่ว่าฉันคือญาติของนาย อย่าลืมล่ะสั่งให้คนเตรียมรถออฟโรดไว้ให้พร้อม บอกพวกเขาด้วยว่าครั้งนี้เราต้องเดินทางไกล”
ถนนบริเวณภูเขาฉางไป่ยากลำบากต่อการเดินทาง รถบีเอ็มดับบลิวไม่เหมาะใช้กับสถานที่เช่นนั้น รถเอสยูวีจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ร้านอู๋ฉีอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านฉิงเฟิงนัก แม้ถนนหนทางจะค่อนข้างมืดแต่ด้วยทักษะการขับรถของเจ้าอี้เปยรถบีเอ็มดับบลิวก็มาถึงร้านอย่างรวดเร็ว
“พวกนายรออยู่ในรถ เดี๋ยวฉันกลับมา”
เย่เฟองเดินตรงเข้าไปในร้านอู๋ฉี
เวลานี้ร้านอู๋ฉียังคงเปิดไฟอยู่ เย่เฟิงเห็นอู๋บียืนอยู่ตรงทางเข้าร้านมาแต่ไกล ท่าทางเขาดูกระสับกระส่าย ผมสีขาวของเด็กหนุ่มเด่นจับตาใต้แสงไฟยามค่ำคืน
“ฉันมาแล้วพี่อู๋”
เย่เฟิงยิ้มกล่าวทักทายอู๋บี ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจเวลาที่อยู่ข้างๆเขา ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันแต่พวกเขาเปรียบเสมือนพี่น้องกันเลยมากกว่า
“ให้ตายสิผึ้งน้อย นายมาช้าจริงๆ ไปกันเร็ว พ่อฉันกำลังคุยกับคนๆนั้นอยู่เลย”
อู๋บีที่เห็นเย่เฟิวเดินมาใต้แสงไฟของถนนรีบกล่าวทักทายเขาแล้วกระซิบบอก “ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นต้องการยืมเงิน ถ้านายมีเงินเรื่องทุกอย่างก็คงง่ายหน่อย…”
“ขอบใจมาก”
เย่เฟิงพยักหน้าตอบรับอย่างซึ้งใจ ในโลกเทวะนอกจากอาจารย์คนสวยของเขาซูเฟยหยิ่งแล้วมีใครที่ช่วยเหลือเขามากขนาดนี้อีก?
เขารู้สึกดีกับความเอาใส่ใจของทั้งอู๋บีและอู๋เอ ความประทับเหล่านี้ถูกสลักลึกไว้ลงในใจชายหนุ่ม
“ขอบใจพี่สาวนายเถอะ เร็วเข้า รีบเข้าไปได้แล้ว”
อู๋บียังคงบ่นเย่เฟิงที่ล่าช้า ชายหนุ่มหันไปมองรถBMWที่ขับมาส่งเย่เฟิง เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้จริงๆช่วงนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาคงไม่ต้องกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องเงินที่เย่เฟิงจะให้เจ้าหัวขโมยคนนั้น
ชายหนุ่มกล่าวกับเย่เฟิงแต่ไม่ได้เดินตามเข้าไป เวลาที่พ่อของเขาคุยเรื่องธุรกิจอยู่ด้านในจะเป็นเขานี่แหละที่รับหน้าที่เฝ้าร้านอยู่ด้านนอก ถึงแม้ว่าของที่วางขายด้านนอกนี้จะไม่ได้แพงอะไรแต่การไม่คอยเฝ้าดูมันก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเย่เฟิงเดินเข้าไปด้านในเพียงลำพังเขาเห็นอู๋เอและชายร่างผอมตัวเล็กผ่านทางหน้าต่างกำลังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งดูท่าทางเคร่งเครียดอยู่ระดับนึง
“ลุงอู๋ ผมมาแล้วครับ”
เย่เฟิงรีบกล่าวทักทายเขาพลางมองดูชายร่างผอมตัวเล็กที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มลักษณะดูเก่าเล็กน้อย สายตาของเขาดูมีความเจ้าเล่ห์ราวกับชายที่เขาเคยพบในงานขายสินค้าโบราณของตระกูลหลง
นี่หรือคือนักปล้นสุสานจูไป๋เหนี่ยว?
ชายหนุ่มสำรวจเขาดูใกล้ๆสังเกตุถึงลักษณะที่ดูคล่องแคล่วอย่างเป็นธรรมชาติ บุคลิคกภาพของเขาแสดงถึงความไม่ธรรมดาเกินกว่าคนทั่วไปจะมีได้!
“เฟิงน้อย เข้ามาสิ นี่คือจูไป๋เหนี่ยวที่พึ่งมาจากภูเขาฉางไป่…”
เมื่ออู๋เอเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา เขารีบแนะนำนักขุดสุสานผู้นี้ให้กับเย่เฟิงทันที
“ช้าก่อน”
แต่จูไป๋เหนี่ยวยกมือขึ้นมาขวางอู๋เอที่กำลังเดินไปหาเย่เฟิง เขาหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาที่กลอกกลิ้งไปมา
เสียงของเขาค่อนข้างแหลมแต่ไม่ได้ห้าวนัก หรือบอกได้อีกอย่างว่าเป็นเสียงที่ดูคมและเด็ดขาด สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอันตรายได้โดยธรรมชาติ
“นายคือเย่เฟิงงั้นหรือ?”
จูไป๋เหนี่ยวตกใจเล็กน้อยขณะหันมาพูดกับเย่เฟิง
“ใช่แล้ว”
เย่เฟิงคิดกับตนเองว่าชายผู้นี้ต้องมาจากโลกยุทธภพของจีนอย่างแน่นอน เพราะเขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าเย่เฟิงเป็นหลายของเย่เวิ่นเทียน ในโลกแห่งนี้มีไม่กี่คนนักที่สามารถมองเขาออกได้ในทันทีเช่นนี้
“ยังไงก็เถอะ สถานะของฉันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”
ชายหนุ่มยิ้มแย้มกล่าวต่อ “ที่สำคัญก็คือฉันสามารถช่วยนายได้ และนายก็ช่วยฉันได้เหมือนกัน”
“ฉันต้องการเงินสิบล้าน นายมีให้ฉันไหม?”
จูไป๋เหนี่ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา”
เย่เฟิงตอบกลับและยิ้มเล็กน้อย “แต่เงื่อนไขคือนายต้องพาฉันไปที่ๆนายพึ่งไปมาครั้งที่แล้ว สุสานที่ภูเขาฉางไป่”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์มีเงินสดมากขนาดไหน แต่จำนวนเงินมหาศาลที่คาสิโนเทียนหัวนั่น สิบล้านคงไม่ใช่ปัญหา เรื่องนี้ชายหนุ่มจะสั่งให้ชายหน้าบากเป็นคนจัดการให้
ประเด็นคือสิ่งที่เขาได้จากสิบล้านนี้ต้องคุ้มค่าอย่างถึงที่สุด!
“สุสานเหรอ?”
จูไป๋เหนี่ยวถาม “นายไม่ได้ต้องการไปที่ภูเขาฉางไป่เพราะ ‘หญ้าสื่อจิต’งั้นหรือ?”
“ไม่ใช่”
เย่เฟิงตอบกลับ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า ‘หญ้าสื่อใจ’ นั่นมันคืออะไร แต่เขาก็ขี้เกียจเสียเวลาคิดหาเหตุผลกับมัน ชายหนุ่มเพียงแค่ต้องการไปที่สุสานราชวงศ์ชางเพื่อค้นหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นนายจะไปที่สุสานนั่นทำไมกันล่ะ?”
จูไป๋เหนี่ยวถามอย่างรอบคอบ
“ฉันไม่ได้ถามนายว่านายต้องการเงินสิบล้านไปทำไม ดังนั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องถามฉันเหมือนกัน จริงไหม?”
เย่เฟิงตอบกลับสบายๆแล้วกล่าวต่อ “แน่นอนว่านายสบายใจได้ว่าฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ ‘หญ้าสื่อใจ’ สิ่งที่ฉันต้องการเพียงอย่างเดียวคือให้นายนำทางฉันไปที่สุสานนั่นก็พอ”
ใบหน้าผอมบางของจูไป๋เหนี่ยวนิ่วลง หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งชายหนุ่มผงกหัวอย่างช้าๆตอบกลับ “โอเค ตกลงตามนี้”
ถึงแม้ว่าสุสานจะเป็นที่ๆอันตรายมาก แต่จากประสบการณ์ของเขาการนำทางเย่เฟิงไปไม่ใช่เรื่องใหญ่ แถมยังได้ผลตอบแทนเป็นเงินก้อนใหญ่อีกด้วย การหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาอันสั้นโดยปราศจากความเสี่ยงคงเป็นไปไม่ได้
“แต่ฉันขอเตือนอะไรนายไว้อย่างนึง”
จูไป๋เหนี่ยวคิดอยู่ครู่เดียวแล้วมองเย่เฟิงอย่างสนอกสนใจ “ได้ยินมาว่าครั้งก่อนที่งานขายสินค้าโบราณของตระกูลหลงมีชายใส่หน้ากากเข้าไปก่อเรื่อง นายมีความสัมพันธ์อะไรกับหมอนั่นหรือเปล่า? ช่วงนี้แถบภูเขาฉางไป่มีคนของตระกูลหลงเต็มไปหมด รวมไปถึงคุณหนูของตระกูลมังกรนั่นด้วย… ถ้านายได้ก้าวเท้าออกไปจากเมืองเหยียนจิงเมื่อไรฉันคงรับรองความปลอดภัยของนายไม่ได้หรอกนะ”
“นายไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้น”
เย่เฟิงฮึมฮัมเบาๆ เขาต้องการหาซูเฟยหยิ่งไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ตาม เรื่องนี้สำคัญกับเขามากกว่าสิ่งอื่นใด แม้จะมีขวากหนามมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดชายหนุ่มได้ เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น “ว่าแต่ เราจะเริ่มออกเดินทางดันเมื่อไหร่ล่ะ?”
อะไรบางอย่างแวบไปมาในหัวของเย่เฟิง ถ้าเขาบังเอิญไปเจอหลงหวางเอ๋ออีกครั้ง
ล่ะ? เมื่อเขานึกถึงหลงหวางเอ๋อ ชายหนุ่มก็นึกถึงลูกเตะที่เธอเคยจู่โจมเขา ความเจ็บปวดเล็กน้อยแปลบเข้ามาในอก ในเวลาเดียวกันเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอก็ปรากฎขึ้นมันจากความทรงจำของเขา ร่างที่ขาวนวลเป็นประกายและดูบริสุทธ์ ความคิดเหล่านี้ทำให้ใจของเต้นแรงขึ้นมา
โชคดีที่เขาพกหน้ากากมา ถ้าเขาบังเอิญไปเจอเธอเข้า ไปหยอกเธอเล่นหน่อยคงจะดี……
………………….
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark: แหม่ๆ ไปหยอกเธอเล่นหน่อย