บทที่ 57 บัตรสมาชิกระดับเพชร

เย่เฟิงชะงักเท้าลงหลังจากได้ยินเสียงของซูเหมิงหาน

“ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุดนะ”

เย่เฟิงหันกลับมายิ้มขณะมองเด็กสาว “อ๋อใช่ ยังมีอีกเรื่องนึง กลุ่มอสรพิษสวรรค์จะช่วยเธอสืบสวนเรื่องอุบัติเหตุของยายเธอเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น โอเคนะ”

ชายหนุ่มส่งสายตาไปยังชายหน้าเหลี่ยมซ่งหู่

“ไม่ต้องห่วงพี่เย่ ผมจะจัดการให้เอง”

ซ่งหู่เอ่ยตอบอย่างจริงจัง เนื่องจากชายหน้าบากจะไม่อยู่ที่นี่ชั่วคราวเขาจึงต้องเป็นคนรักษาการณ์แทนไปก่อน

“อื้ม เข้าใจแล้ว”

ซูเหมิงหานคอตกอย่างหงอยๆ แววตาวาววับของเธอกระพริบแล้วกระพริบเล่า สุดท้ายเธอไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้อีก เด็กสาววิ่งเข้าไปหาเย่เฟิงอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้างจากนั้นจึงสวมกอดชายหนุ่มอย่างแนบแน่น

ร่างที่นุ่มนวลและอบอุ่นของเธอแนบชิดกับอกของเย่เฟิง ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตัวของเขาถูกกระตุ้นจากเรือนร่างตรงหน้านี้ แค่เพียงคิดว่าจะได้อยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไปทำให้เขาไม่อยากจะนึกถึงโลกเทวะที่เขาจากมาอีกเลย

แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดที่ลอยแวบเข้ามาเท่านั้น ตอนนี้เขาต้องใช้ทุกวิธีในการตามหาที่อยู่ของซูเฟยหยิ่งให้ได้ ชายหนุ่มไม่สามารถละเลยความจริงในข้อนี้

“ความจริงแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรเท่าไหร่ เธอก็เป็นคนดีอยู่แล้วนี่นะ”

เย่เฟิงตบไหล่เด็กสาวเบาๆ น้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของเขาปลอบประโลมเธอ ชายหนุ่มคลายมือออกของเขาออกเล็กแล้วและเพ่งพิศมองใบหน้าอันสวยงามของเด็กสาว เขาประทับภาพนี้ลงในหัวใจเขาอย่างแนบแน่น

เย่เฟิงหันหลันเดินจากไปขณะที่เด็กสาวยังคงชะเง้อมองชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีอะไรทำอันตรายเขาได้อย่างแน่นอน”

ใบหน้าที่ดูดุร้ายของชายหน้าบากกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อซูเหมิงหาน จากนั้นจึงเดินประกบตามเย่เฟิงไป

เจ้าอี้เปยกำลังยืนรอพวกเขาอยู่ด้านนอกของร้านอาหาร เหล่าผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่มองด้านหลังของเย่เฟิงและชายหน้าบากอย่างงงๆ

ทำไมอยู่ๆเขาก็รีบออกไปเสียแบบนั้น ไม่แม้กระทั่งพาซูเหมิงหานไปด้วยกัน?

ซูซินฉางรีบวิ่งไปหาลูกของเขาแล้วเอ่ยถาม “เหมิงหาน เกิดอะไรขึ้น?”

“มันไม่เกี่ยวกับพ่อค่ะ”

ทันทีที่ซูเหมิงหานได้ยินเสียงพ่อของเธอ เด็กสาวตอบกลับอย่างเย็นชา

“นายหญิงเย่ไปกันเถอะครับ พวกเราจะไปส่งคุณที่บ้านเอง”

ชายหน้าเหลี่ยมซ่งหู่ที่อยู่ในเครื่องแบบสูทตะวันตกเห็นซูซินฉางที่วิ่งเข้ามาหาซูเหมิงหาน เขาเบนตัวมากั้นระหว่างทั้งสองคนไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้าถึงตัวเธอ

ชายหน้าเหลี่ยมมองไปทางเย่เฟิงและชายหน้าบากที่เดินจากไป แววตาของเขาวูบวาบอย่างแปลกประหลาด

“อื้ม ไปกันเถอะ…”

ซูเหมิงหานผงกหัว ในเมื่อตอนนี้เย่เฟิงก็ไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ต้องการจะอยู่ที่นี่เพื่อสนทนากับซูซินฉางหรือคนอื่นๆอีก เมื่อกลุ่มอสรพิษสวรรค์เห็นเด็กสาวแสดงท่าทีเช่นนี้พวกเขาต่างมาล้อมรอบอารักขาพาเธอเดินออกไป

ตอนนี้เด็กสาวเชื่อใจคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์มากกว่าคนอื่นใด เพราะคนของแก๊งๆนี้เชื่อฟังและให้ความเคารพกับเย่เฟิง พูดได้ว่าเย่เฟิงไม่ใช่เป็นเพียงญาติของหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์เท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน ดังนั้น เธอเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าล่วงเกินเย่เฟิงอีก

ซ่งหู่โบกมือให้สัญญาณคนของเขาเก็บอาวุธพลางอารักขาซูเหมิงหานเดินออกไปจากทางเดิน

ปากซูซินฉางขยับราวกับต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

“พี่ซู ฉันไปก่อนนะ”

หลิวลี่ฮุ่ยยิ้มกว้างเดินไปตบไหล่ซูซินฉางจากนั้นออกไปจากที่นี่เช่นกัน ถึงแม้ชายอ้วนจะไม่รู้ว่าเย่เฟิงติดธุระด่วนอะไรก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าการที่เขาออกหน้าช่วยเหลือเย่เฟิงไว้ในวันนี้ต้องสร้างความประทับให้กับชายหนุ่มอย่างแน่นอน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตัดสินใจเดินเกมได้อย่างชาญฉลาดมากในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เฟิงผู้ที่มีคนยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่!

ตอนนี้เหลือเพียงคนของตระกูลเซี่ยเท่านั้นที่ยังไม่จากไป ซูซินฉางยืนอยู่อย่างนั้นอย่างสิ้นหวังเช่นกัน ค่ำคืนนี้การปรากฎตัวของผู้อาวุโสตระกูลหลินได้สร้างความหนักใจให้แก่พวกเขาอย่างมหาศาล

“ซินฉาง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ฉันคงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากว่านายได้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงแล้วล่ะ””

เซี่ยผิงฮุ่ยลุกขึ้นยืนพลางกระแอมพูดกับซูซินฉาง

“ทำไมกัน ทำไมคุณถึงไม่บอกก่อนว่าเด็กคนนั้นจะมีคนอยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้…..”

เซี่ยหมินชี้หน้าซูซินฉางและตะคอกใส่เขา

“จะโทษฉันได้ยังไงเล่า?”

เวลานี้ที่ซูซินฉางรู้สึกเสียใจอยู่แล้วเขากลับถูกอีกฝ่าย “คนที่เคยอยู่เคียงข้างเขา” ดุด่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเศร้าใจมากแค่ไหน

“หึ มันก็ควรจะต้องเป็นเช่นนั้นนี่”

เซี่ยผิงฮุ่ยกล่าวเสียงแข็ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราได้สร้างเรื่องบาดหมางใจไว้กับตระกูลหลินแห่งเหยียนจิงไปแล้ว ดังนั้นบริษัทซูเฉิงของนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการขายหุ้นส่วนหนึ่งไปเป็นการชดเชย…”

ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของซูซินฉางซีดเผือดทันควัน

ความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเซี่ยปิงฮุ่ยก็คือซูซินฉางต้องขายหุ้นของบริษัทเขาในราคาที่ต่ำมาก! ตามเรื่องราวแล้วหุ้นเหล่านี้จะไม่อยู่ในมือของซูซินฉางแต่อยู่ในการควบคุมของตระกูลเซี่ย เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย

สำหรับตระกูลเซี่ย บริษัทซูเฉิงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอุสาหกรรมเท่านั้น แต่สำหรับซูซินฉางมันคือทุกอย่างของเขา เขามีหุ้นเหลือในมืออย่างจำกัดอยู่แล้วการที่เขาต้องขายมันไปให้ตระกูลหลินอีกเท่ากับว่าอำนาจและอิทธิพลที่เคยมีอยู่จะต้องหายไป

ความมั่งคั่งและสถานะทางสังคมของเขาพังทลายในชั่วพริบตา!

……

เมื่อเย่เฟิงและชายหน้าบากลงบันไดมาพร้อมกัน ผู้จัดการภัตตาคารจินเชิงรีบวิ่งมาหาพวกเขา

เขาเป็นชายวัยหนุ่มลักษณะสุภาพสวมใส่แว่นกรอบบางแต่งตัวด้วยชุดสูทแบบตะวันตกใส่สวมใส่เนคไท ไหล่ของเขาสั่นเทาอย่างหวาดหวั่นเล็กน้อย

ชายหนุ่มคือผู้ที่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับหัวหน้าใหญ่ของร้านอาหารจินเชิง แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าใหญ่ของเขายังไม่กล้าออกหน้ามาเอง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้มันใหญ่เกินไป เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้จริงๆ

มากไปกว่านั้น เมื่อครู่นี้ตำรวจกลุ่มใหญ่ที่พึ่งเดินออกไปตกลงว่าพวกเขาแค่มาเดินเล่นงั้นหรือ มีคนของแก๊งอาชญากรรมใต้ดินอยู่มากมายแต่ไม่มีสักคนที่ถูกจับกุมไปโดยตำรวจเลย หรือจริงๆแล้วตำรวจเหล่านั้นตั้งใจแค่จะมากินข้าวจริงๆ?

ในใจผู้จัดการโรงแรมเต็มไปด้วยความหดหู่แต่เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ที่เขาเห็นทั้งชายหน้าบากกับเย่เฟิงเดินลงมาพร้อมกัน ชายหนุ่มรีบปั้นยิ้มเดินไปต้อนรับพวกเขา

“ท่านสภาพบุรุษครับ โปรดรอก่อน…”

เขาหยุดอยู่หน้าเย่เฟิงขวางชายหนุ่มไว้พร้อมกล่าวอย่างสุภาพ

“มีอะไรอีกล่ะ?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว ตอนนี้จูไป๋เหนี่ยวนักขุดสุสานอยู่ที่ร้านอู๋ฉีแล้ว เขาไม่ยอมเสียแม้แต่วินาทีเดียวกับเรื่องไร้สาระเด็ดขาด

“หลีกไป”

ชายหน้าบากไม่สามารถรักษาความสุภาพได้เช่นเย่เฟิง ใบหน้าของเขาถมึงทึงพร้อมคำรามด้วยเสียงอันดัง

เห็นแบบนั้นแล้วผู้จัดการโรงแรมก็ไม่สามารถห้ามความกลัวของเขาได้พลางก้างถอยหลังไปสองก้าวอย่างหวาดหวั่น เขายกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากจากนั้นจึงอธิบาย “ร้านอาหารของเราได้เตรียมบัตรสมาชิกระดับเพชรไว้ให้กับคุณเย่ครับ หลังจากนี้ไปคุณเย่สามารถใช้มันเผื่อรับส่วนลด…”

“ขอโทษนะแต่ผมต้องไปแล้ว”

เย่เฟิงพูดเพียงสองสามคำแล้วจึงรีบก้าวขาเดินไปอย่างฉับไป

“ด… เดี๋ยวก่อนครับ คุณเย่…”

นั่นทำให้ผู้จัดการโรงแรมตกใจอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่นะ? ร้านอาหารจินเชิงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดของเมืองเหยียนจิง แต่ดูแล้วบัตรสมาชิกระดับเพชรนี้ไม่แม้แต่ดึงดูดใจชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้เลย เขาไม่ต้องการมันจริงๆหรือ?

“ถ้านายอยากจะให้บัตรอะไรนั่นเอาไว้ให้ผู้หญิงที่เดินตามหลังเรามาแล้วกันนะ”

เย่เฟิงไม่สนใจเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มกล่าวเมื่อหันไปเห็นซูเหมิงหานที่มาพร้อมกับซุ่งหู่จากทางลิฟท์

“เอ่อ แต่นี่มัน…”

ผู้จัดการโรงแรมรู้สึกค่อนข้างลังเล หัวหน้าของเขาสั่งมาเองว่าให้ยื่นบัตรนี้กับมือชายหนุ่ม ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามนี้เขาได้หลุดจากเก้าอี้ผู้จัดการแน่ๆ

“นายเอามันไปให้คุณผู้หญิงเย่ เธออยู่ตรงนั้น จะรออะไรอีกไปได้แล้ว!”

ชายหน้าบากตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างราวกับไม่ใส่ใจอะไร แต่ความจริงกลับซ่อนความนัยไว้ให้อีกฝ่ายรู้ถึงสถานะของซูเหมิงหาน หลังจากนั้นชายหน้าบากรีบออกจากร้านอาหารไปกับเย่เฟิงในทันที

ผู้จัดการโรงแรมเข้าใจทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง เด็กสาวอันงดงามตรงหน้านี้เป็นแฟนสาวของชายหนุ่มคนนั้นนี่เอง!

มีไม่กี่คนในเมืองเหยียนจิงที่มีบัตรสมาชิกระดับเพชรของร้านอาหารจินเชิง

เมื่อซูเหมิงหานได้รับบัตรสมาชิกนี้มาเธองงอยู่สักพัก แม้กระทั่งพ่อของเธอก็ยังม่แค่บัตรสมาชิกระดับเงินของร้านนี้ แล้วมันยังมีอีกหลายขั้นด้วยซ้ำกว่าจะไต่ระดับไปหาสมาชิกระดับเพชรได้เชียวนะ!

เด็กสาวเริ่มรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเธอกับเย่เฟิงเริ่มห่างออกไปทุกที…….

…………………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI