วันนี้ลง 57 – 62
บทที่ 57
ในเมือง เบื้องต้นคาดว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสองพันคนจากการโจมตีในครั้งเดียว แต่สิ่งที่น่าฉงนก็คือ ไม่มีชาวเมืองคนไหนรู้จักผู้ตายเลย
ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการยืนยันว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นพลเรือนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่!
เจ้าเมืองตะลึง!
เขาไม่คาดฝันเลยว่าแค่ท่านเซียนนั่งลงและใช้ออกด้วยกระบวนท่าเดียว จะทำให้มีคนตายได้เยอะขนาดนี้ มันน่ากลัวจริงๆ!
…
“ศิษย์พี่ฉิน ท่านแยกแยะพวกเซี่ยถูได้อย่างไร? ไม่กลัวว่าจะพลาดทำร้ายคนบริสุทธิ์โดยไม่ตั้งใจหรือ?”
ระหว่างทาง สาวกหญิงที่สวมหน้ากากเอ่ยถามเบาๆ น้ำเสียงของเธอไพเราะมาก เพียงได้ยินก็พอจินตนาการได้ว่ามีบุคลิกและหน้าตาเป็นอย่างไร
ทันทีที่เธอพูด คนอื่นๆก็ถอยห่างจากเธอตามสัญชาตญาณ และทุกคนก็มองฉินห่าว
“แม้มันจะเบาบางมาก แต่พวกเขาจะมีพลังงานมืดชนิดหนึ่งติดตัวอยู่ และยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบดู นั่นคือพวกเขาจะมีกลิ่นอายที่เย็นชาและชวนให้ใจสั่นเหมือนงูพิษ”
ฉินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับ
“อ้อ”
ดวงตาของสาวกหญิงสวมหน้ากากเป็นประกาย พยักหน้าเข้าใจ
ฉินห่าวแม้สงสัยเรื่องหน้ากาก แต่เขาไม่คิดสอบถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น การที่เธอเลือกทำแบบนั้นอาจเพราะต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ ในบางครั้ง ความงามก็เป็นบาปอย่างหนึ่งเช่นกัน
ต่อไป ฉินห่าวมุ่งหน้าเป็นเส้นตรง เยี่ยมชมเมืองทีละเมือง สังหารพวกผู้ศรัทธาของเซี่ยถูไปพันคนในเมืองที่สอง เหล่าศิษย์น้องต่างตกตะลึง พวกเขากลายเป็นผู้ชมอย่างสมบูรณ์ ไม่มีโอกาสให้ลงมือเลย
ส่วนเมืองที่สาม มีผู้ศรัทธาราวๆแปดร้อยคนถูกสังหาร แต่เมืองที่สี่ลดน้อยลง และอยู่กระจัดกระจาย สังหารได้เพียงหลักสิบเท่านั้น
เมื่อสังหารเหล่าผู้ศรัทธาของเซี่ยถูได้น้อยลงเรื่อยๆ ฉินห่าวขมวดคิ้ว และมีลางสังหรณ์ไม่ดี
เมื่อมาถึงเมืองที่ห้า ก็ไม่เหลือผู้ศรัทธาเลยแม้แต่คนเดียว
ฉินห่าวเหม่อมองไกลออกไปเบื้องหน้า เขาตั้งสติก่อนตัดสินใจว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”
“เอ๋?”
“แต่ศิษย์พี่ พวกเรายังลาดตระเวนไม่ถึงชายแดนเลย … ”
ทุกคนงุนงง ที่นี่ยังห่างไกลจากชายแดนมาก และต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มๆจึงจะไปถึง
“ไม่จำเป็น เมืองต่อๆไปคงไม่เหลือพวกเซี่ยถูแล้ว พวกเขาตระหนักถึงการกระทำของเรา ข้าคิดว่าพวกเขาคงไปรวมตัวกันที่อื่นแล้ว และแบบนี้เท่ากับว่ากลุ่มอื่นอาจตกอยู่ในอันตราย”
ฉินห่าวอธิบายประโยคหนึ่ง และหันหลังบินกลับอย่างไม่ลังเล คราวนี้ไม่ได้กลับเป็นเส้นตรง แต่บินเป็นวงกลมเพื่อที่จะได้เจอกับทุกกลุ่ม
ในขณะเดียวกัน เขาหยิบยันต์สื่อสารออกมาเพื่อเรียกกลุ่มทั้งหมด ในไม่ช้า ยันต์สื่อสารก็สว่างขึ้น แต่เมื่อรวมกับกลุ่มเขา พบว่าจากทั้งหมด 36 กลุ่ม มีการตอบกลับมาเพียง 30 กลุ่มเท่านั้น
“นั่นมันอะไร?”
ระหว่างรอการตอบกลับ ฉินห่าวก็สังเกตเห็นถึงบางอย่าง ร่อนลงพื้นโดยตรง เขาพบว่าสถานที่แห่งนี้ถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว และบนพื้นเต็มไปด้วยซากศพ
ในบรรดาซากศพ มีบางศพเป็นสาวกของนิกายเซียวเหยา บางศพก็สวมชุดคลุมดำ มีกระทั่งรอยเท้าของสัตว์ร้ายจำนวนมาก ฉินห่าวเดินไปตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ก็พบว่าทุกคนตายสนิทแล้ว ไม่มีโอกาสให้ช่วยเหลืออีก
เรื่องนี้ทำให้สีหน้าเขาดูไม่ดีมาก
“สภาพศพไม่ได้เกิดจากมนุษย์ฆ่ากันเอง? แสดงว่าเป็นสัตว์ร้ายกลุ่มใหญ่ที่ฆ่าพวกเขา … ”
ฉินห่าวขมวดคิ้ว จากนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้นัก จึงหันกลับมาและถามว่า “แถวนี้มีเมืองไหนที่อยู่ใกล้กับนิกายเซียวเหยามากที่สุด?”
สาวกกลุ่มของฉินห่าวก้มมองศพสาวกนิกายเซียวเหยาที่ตายลง เกิดความรู้สึกเศร้าเสียใจ แต่พอได้ยินคำถามของฉินห่าวก็เหลือบมองกัน แล้วหยิบแผนที่ออกมาปรึกษากัน
“ศิษย์พี่ ถ้าเราอ้างอิงตามเส้นทางเดินทางของสาวกกลุ่มนี้ เมืองที่อยู่ใกล้นิกายที่สุดสมควรเป็นเมืองอู่กวง และใช้เวลาราวๆ 20 นาทีในการเดินทางด้วยม้า”
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ได้ข้อสรุป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินห่าวก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“ไปเมืองอู่กวงกัน”
ขณะเดียวกัน บางกลุ่มก็ตอบกลับเพิ่มเติมเข้ามา และพวกเขาต่างพบว่าเมื่อไปถึงเมืองที่ห้าและหก ก็ไม่พบเหล่าผู้ศรัทธาอีกต่อไป
กระนั้น จากการตรวจสอบ พวกเขาได้ค้นพบถึงเรื่องหนึ่ง นั่นคือมีผู้คนมุ่งหน้าไปทางนิกายเซียวเหยาเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบร้อยปี!