บทที่ 50: ประตูทั้งสาม (2)
ฮันซูเดินไปตามทางและมุ่งหน้าตรงไปด้านนอก
เป้าหมายของเขาคือทางเข้าสู่เกาะอื่น
ทางแยกที่นำไปยังจุดเริ่มต้นของชั้นสามนั้นเชื่อมต่อกับจุดสิ้นสุดของชั้นสอง แต่ว่ามันก็ยังเชื่อมต่อกับเกาะอื่นๆ เช่นกัน
ถ้าหากเดินไปตามทาง เขาก็จะไปถึงยังอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับเกาะอื่น
อย่างที่เขาคาดเมื่อชายหนุ่มเห็นประตูที่ส่องแสงออกมาจากช่องว่างระหว่างบานประตูหลังจากเดินไปเล็กน้อย และเห็นสะพานทอดยาวพร้อมด้วยเกาะขนาดใหญ่เหนือมัน
และเมื่อเขาเดินออกไปด้านนอก เขาก็พบกับใครบางคน
‘ลูกกิลด์ของแทจิน มิฮีขอมางั้นหรือ?’
ฮันซูไม่รู้ถึงรายละเอียด แต่เขาพอรู้อยู่บ้างว่าอีกฝ่ายจะไปที่ใด
ชายหนุ่มแสยะยิ้มขณะที่เขาเอ่ยกับลูกกิลด์คนนั้น
“พวกนายเป็นพันธมิตรกันแล้วเหรอ?”
อีกฝ่ายผงกศีรษะ
“ลอร์ดของพวกเราเป็นพันธมิตรกับมิฮีคนนั้นแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน คนที่ถูกเรียกว่าเยรินแยกออกไปเพราะเธอบอกว่าเธอจะไปอีกทาง”
ฮันซูทำเพียงแค่พยักหน้า
“ฉันทำได้แค่แนะนำไม่กี่อย่าง ลองคิดดูด้วยตัวพวกนายเอง”
ลูกกิลด์ที่ทำหน้าที่ส่งสารไปมาเอ่ยถามชายหนุ่ม
“มิฮีถาม เมื่อไหร่นายจะกลับมาถ้านายไปตอนนี้?”
ฮันซุครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบกลับ
“หนึ่งเดือน ถ้ามันเร็ว”
อย่างที่เขาพูด ถ้าหากมันเร็ว
เขาไม่มั่นใจว่ามันจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่
‘ฉันต้องออกมาก่อนที่บทฝึกซ้อมจะจบ’
หากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็จะเป็นจุดจบจริงๆ
มันไม่ใช่ว่าพวกมันจะปล่อยให้พวกเขาไปยังพื้นที่ต่อไปเพียงเพราะบทฝึกซ้อมเสร็จสิ้นแล้ว
ถ้าหากพวกเขาไม่อาจสร้าง <เรือ> ได้ เช่นนั้นพวกเขาก็จะตายกันหมด
ลูกกิลด์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
“… ฉันเดาว่านายจะมาตอนใกล้จบ”
มันเป็นเวลา 50 วันแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามายังพื้นที่ฝึกซ้อมช่วงที่สอง
หลังจากหนึ่งเดือน มันจะเป็นช่วงสุดท้ายของบทฝึกซ้อม
ฮันซูหัวเราะขณะที่เขาพยักหน้า
“เราอาจจะไม่แม้แต่ได้เจอกัน”
ลูกกิลด์ของแทจินผงกศีรษะก่อนจะแลกเปลี่ยนข้อความกับลอร์ดด้านบนและเอ่ยขึ้น
“เขาบอกว่าเขาจะทำให้ดี ดังนั้นแล้วก้เดินทางดีๆ”
เมื่อเอ่ยจบ ลูกกิลด์ก็เดินเข้าไปภายในทางแยก
ฮันซูหัวเราะเสียงแผ่ว อุ่นเครื่องร่างกายก่อนจะเตรียมคำพิพากษาและความยุติธรรมแห่งดีคราดอสของเขา
จากนั้นจึงเงยหน้าของเขามองขึ้นไปยังจุดสูงสุดของหอคอย สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ และยืนอยู่ที่ขอบของหอคอย
‘… คิดที่จะทำเรื่องแบบนี้ การที่หมอนั่นค้นพบมันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์’
ฮันซูคิดถึงหนึ่งในสมาชิกของกองกำลังสุดท้าย ราล์ฟ ลอเรน ขณะที่เขาส่ายศีรษะ
ราล์ฟ ลอเรน ได้ถูกลากมายังอีกโลกในขณะที่ทำงานเป็นนักปีนเขามืออาชีพ
สิ่งเดียวที่ราล์ฟ ลอเรน ที่ได้ฝ่าฟันบทฝึกซ้อมไปอย่างง่ายดายด้วยพลังกาย ค่าความอดทน และความขยันของเขา คิดยามที่เห็นหอคอยนี่
<โลกใบนี้ให้บางอย่างที่มหัศจรรย์ทุกครั้งที่คุณทำสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ มันจะไม่มีอะไรบางอย่างอยู่หรือถ้าหากขึ้นไปบนจุดสูงสุดของหอคอยนี่?>
ไม่ว่าใครก็สามารถปีนจากด้านในหอคอยได้ใช่ไหม?
ราล์ฟ ลอเรนไม่ได้มีความคิดธรรมดาเช่นนั้น
และหลังจากที่เขาเตรียมตัวภายในหอคอย เขาก็ได้เริ่มปีนด้านนอกของหอคอยอย่างบ้าคลั่ง เริ่มต้นจากเดือนที่สองและไปถึงจุดสูงสุด เข้าไปยังดันเจี้ยนสุดท้าย ประตูทั้งสาม
และได้ออกมาโดยที่สามารถผ่านประตูแรกไปได้อย่างกล้ำกลืน
หลังจากที่ไม่อาจแม้แต่จะทดลองประตูบานที่สองและสาม
<ฟิ้ว มันมีข้อมูลเกี่ยวกับประตูบานที่สองและสามก็จริง แต่… มันดูเหมือนว่ามันจะถูกเขียนขึ้นเพื่อบอกฉันว่าไม่ให้ถูกฆ่าตาย ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ไป ฉันออกมาหลังจากที่จัดการประตูแรก รางวัลของมันก็ดีพอแล้ว>
‘อย่างแรก ฉันจะขึ้นไป’
ฮันซูปักความยุติธรรมแห่งดีคราดอสลงไปยังหอคอยครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่เขาปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ
ความยุกติธรรมและคำพิพากษาแห่งดีคราดอสนั้นเป็นของทนแทนอุปกรณ์ปีนเขาขณะที่มันช่วยพาร่างของชายหนุ่มให้ขึ้นไปบนยอด
แทงกริชลงไปและเหยียบลงบนมัน
แทงกริชเล่มต่อไปลงไป กำมันด้วยมือขวา ยึดตัวเองด้วยโซ่ และจากนั้นจึงปลดกริชที่แทงไว้ก่อนหน้าออกมา
การกระทำนั้นง่ายดาย แต่ด้วยความที่มันถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจึงปีนขึ้นไปบนหอคอยด้วยความเร็วสูงราวกับแมงมุมที่กำลังไต่กำแพง
พึ่บ พึ่บ พึ่บ
ในเวลาเดียวกัน บางสิ่งก็ได้เริ่มบินมาทางร่างของเขา
กว๊ากกกก!
ฮันซูมองไปยังนกน่าตาน่าขยะแขยงที่บินตรงมายังเขา จากนั้นจึงมุ่นคิ้วลง
มันดูเหมือนนก ทว่ามีใบหน้าของมนุษย์ที่มีปากกว้างและฟันใบมีดแหลมคม
ไอ้ตัวพวกนี้มีขึ้นเพื่อผู้ที่ปีนจากด้านนอกของหอคอยแทนที่จะขึ้นไปจากด้านใน
‘…ราล์ฟ ลอเรน นายมันโชคดี’
ราล์ฟ ลอเรน เริ่มต้นจากชั้นสี่เมื่อเขาเริ่มต้นปีน ดังนั้นแล้วหมอนั่นจึงเผชิญหน้ากับอันตรายที่น้อยกว่า
แต่เขาไม่มีเวลามากพอให้ผ่านด้านในของหอคอย ดังนั้นเขาจึงต้องปีนจากด้านล่างขณะที่ทะลวงฝ่าสัตว์อสูรทุกชนิด
เมื่อเวลาที่จะใช้ในการผ่านดันเจี้ยนสุดท้ายสำหรับเขาที่ต้องผ่านประตูทั้งสามจะนานกว่าราล์ฟ ลอเรนที่ผ่านเพียงประตูเดียว
เวลาที่คาดไว้หนึ่งเดือนนั้นเป็นเพียงแค่การคาดเดา มันอาจจะกระทั่งใช้เวลามากกว่านั้น
‘พุ่งฝ่าไป’
ฟ้าวววว
ไม่ช้า คำพิพากษาแห่งดีคราดอสที่ถูกพันไว้รอบเอวของชายหนุ่มก็ได้วาดผ่าอากาศอย่างรุนแรง
“เมื่อลูกกิลด์มา เราจะออกเดินทาง”
แทจินที่เสร็จสิ้นการติดต่อเอ่ยกับมิฮี
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผงกศีรษะเล็ก เขาจึงตะโกนเสียงดังไปทางคนรอบกาย
“พวกนายทุกคนตกลงไหม?”
และทุกคนที่อยู่ด้านล่างของไม้กางเขนได้ผงกศีรษะของพวกเขาขณะที่พวกเขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง
ความเศร้าสร้อยปะปนอยู่ในแววตาของผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่เล็กๆ
เมื่อไม้กางเขนนั่นคือโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพใครบางคนที่พวกเขารัก
แทจินก็ลังเลเช่นกัน
<ใครที่นายจะฆ่าเพื่อคืนชีพอีกคนล่ะ? และแม้นายจะคืนชีพใครบางคนจริงๆ พวกนั้นก็จะอยู่ในสถานะว่างเปล่า พวกนายจะกระทั่งเดินหน้าต่อไปโดยที่ทำงานในส่วนของคนพวกนั้นได้ไหมล่ะ? ฉันจะไม่หยุดพวกนายจากการทำสิ่งที่พวกนายเลือก แต่พวกนายจะทำแบบนั้นไม่ได้ถ้าหากต้องการที่จะอยู่กับเรา>
และคนจำนวนหนึ่งที่ไม่อาจทนได้ก็ได้ออกจากกลุ่มไปในทันที
มิฮีไม่หยุดคนเหล่านั้น
เมื่อหากเธอมีใครบางคนที่เธอรัก และนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยเหลือพวกเขา เช่นนั้นกระทั่งตัวเธอเองก็คงไม่อาจที่จะหยุดยั้งตัวเองได้
จากนั้นแทจินจึงมองไปยังมิฮีและเอ่ยขึ้น
“ทุกคนที่นี่ถูกรวบรวมมาหลังจากที่เห็นเธอ เป็นจุดศูนย์กลางให้ดีล่ะ”
เขาได้มาที่นี่จากคำแนะนำของฮันซู แต่เขาคงจากไปทันทีหากเขาไม่ชอบมัน
มันก็เหมือนกันสำหรับคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่
มันแทบจะไม่มีใครมีความหวังว่าฮันซูจะกลับมาที่นี่
‘เขามีหลายสิ่งที่ต้องทำ เราจะเจอเขาก่อนที่เราจะออกไปได้ไหมนะ?’
หมอนั่นไม่ใช่ผู้นำที่ดีหรืออะไรแบบนั้น
เมื่อหมอนั่นจะมากับพวกเขาก็ต่อเมื่อพวกเขาตามไป แต่จะทิ้งพวกเขาไปหากพวกเขาไม่อาจตามได้
และมันมีคนจำนวนไม่มากที่อยู่ในระดับที่จะสามารถติดตามอีกฝ่ายไปได้
ราวกับคำพูดของแทจินได้ให้ความแข็งแกร่งแก่เธอ มิฮีแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะที่เธอตะโกนไปยังผู้คนรอบๆ
“เตรียมตัว เราจะเดินทางต่อหลังจาก 10 นาที”
ฮันซูคือฮันซู และพวกเขาก็มีสิ่งที่พวกเข้าต้องทำ
‘ฉันจะช่วยชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้’
มิฮีขบฟันแน่น
มันเป็นการต่อต้านที่มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำต่อโลกแสนบัดซบนี่และแฟรี่ได้
ช่วยคนให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ระหว่างที่ขึ้นไป
และไม่ช้า คนราวๆ 200 คนก็เริ่มที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ที่ต่างออกไปหลังจากที่ผ่านชั้นสามแล้ว
‘มันใช้เวลาทั้งวันเพื่อที่จะขึ้นมาที่นี่’
ฮันซูปลดกริชที่เขายืนอยู่ออกขณะที่เขามองไปยังประตูเล็กๆ ที่บนยอดของหอคอย
ดวงจันทร์ที่ดูเหมือนจริงอย่างมากแม้ว่ามันจะอยู่บนยอดหอคอยเหนือพื้นดินนับพันเมตร
ประตูเพียงหนึ่งเดียวที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ อยู่เบื้องหลังมัน
ฮันซูสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ ก่อนที่จะเปิดประตูออก
ครืนนน
และไม่ช้าเขาก็เห็นพื้นที่สีดำสนิทภายในบานประตูนั้น
‘มันเป็นของจริง หืม’
ชายหนุ่มที่ได้ฝ่าลมรุนแรง เดินเข้าไปภายในประตูก่อนที่จะปิดมันลง
จากนั้นเขาจึงมองไปยังความมืดรอบๆ และมองไปยังอาวุธที่ถูกแขวนไว้ทั่วร่างของเขา
มีดสองคม 7 เล่มและมีดคมเดียว 8 เล่ม
ดาบขนาดเล็กและดาบขนาดกลาง 18 เล่ม และเซ็ทดีคราดอส
ผ้าคลุมเจ็ดลายและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ
แหวนเนอร์มาฮาและแหวนที่เล็กกว่าอีก 8 วง
สร้อยคอหนึ่งอันรอบคอและสร้อยข้อมือหนึ่งอัน
ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในบรรดาของชนิดเดียวกันที่เขาสามารถได้รับในพื้นที่ฝึกฝนก่อนชั้นสาม
และกระทั่งผลึกหยกมารและศิลาปราชญ์ที่เขาได้รับจากการล่าสมบัติ
การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์
ฮันซูแตะใบหูของเขา
‘… อย่างที่คิด … มันไม่พอมากๆ’
[คังฮันซู]
พลังกาย (ไร้สี): 60.8%
ความอดทน (ไร้สี): 61.1%
ความคล่องแคล่ว (ไร้สี): 66.7%
ความเข้าใจ (ไร้สี): 67.7%
มานา (ไร้สี): 58.7%
พลังเวท (ไร้สี): 58.7%
พลังป้องกันกายภาพ (ไร้สี): 58.7%
พลังป้องกันเวทมนต์ (ไร้สี): 58.7%
ลูกน้องของลอร์ดวิปลาสนั้นแข็งแกร่งกว่านักผจญภัยคนอื่นๆ และพวกนั้นยังมีมากกว่า 150 คน
แต่แม้ว่าจะกลืนกินทั้งหมดนั่น เขาก็ยังคงเพิ่มค่าสถานะของเขาได้เพียงราวๆ 40%
แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอ มันก็เป็นจำนวนที่ไม่มีวันที่จะมาถึงได้ด้วยการล่าสัตว์อสูรเพียงอย่างเดียว
จำนวนที่เขาได้เพิ่มขึ้นในการอยู่ที่นี่เป็นเวลา 50 วันนั้นเป็นเพียงแค่ราวๆ 25%
แม้ว่าเขาจะเพ่งความสนใจไปที่การล่าอย่างเดียวในเดือนสุดท้าย เขาก็จะไปถึง 50% ได้อบ่างมาก
เมื่อเขาต้องลดประสิทธิภาพของมันลงด้วยอสรพิษกลืนรูนและต้องพัฒนาแหวนเนอร์มาฮาด้วย
‘ถึงมันจะค่อนข้างเสี่ยง… ฉันจะเข้าไป’
ค่าสถานะของเขานั้นดีพอในการผ่านสองประตูจากสามประตู ดังนั้นมันก็ดีพอ
ประตูแรกนั้นยาก ทว่ามันเป็นเพียงรางวัลสำหรับผู้ที่ได้ปีนหอคอยขึ้นมา
ตามข้อมูลของราล์ฟ ลอเรน ความยากจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนที่ประตูที่สอง และปัญหาเกี่ยวกับรูนจะถูกจัดการหากคนผู้นั้นสามารถจัดการประตูที่สองได้
‘มันคือจุดเริ่มต้น’
ฮันซูกระโดดลงไปภายใน
“ช่วงเวลาบ้าคลั่งพวกนี้ ฟิ้ว… พวกนี้ขยันกันจริงๆ แค่เพื่อช่วยเหลือคนที่พวกเขารู้จัก ใช่ไหม?”
จีมินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนขณะที่เธอมองไปยังคนนับสิบที่พวกเขาบังคับให้คุกเข่าลงใต้กางเขน
เยรินหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
เมื่อมันคงจะยากสำหรับเธอเช่นกันหากกิลด์ของเธอไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากกองกำลังพิเศษ
ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับแทจินที่เกาะกลางนับเป็นเส้นทางสู่อนาคตที่ดี
หากไม่เช่นนั้น เธอคงต้องร่วมชะตากรรมกับลอร์ดอีกเก้าคนที่ตายไปในบรรดาพวกเขาทั้ง 11 คน
“แต่ทำไมเธอถึงบอกให้พวกเราจัดการพวกที่ไม่มีกิลด์ล่ะ? เราต่างเข้าถึงขีดจำกัดของคนที่เราจะรับเข้ากิลด์ได้แล้ว”
เยรินหัวเราะอย่างเงียบงันขณะที่เธอเอ่ยตอบ
“พี่สาวมีความคิดบางอย่าง ไหนดูสิ…”
เยรินสูดลมหายใจลึกขณะที่เธอตะโกนไปทางลูกกิลด์
“เอาพวกที่ไม่มีกิลด์เก้าคนมาที่นี่”
“อะไรนะ?”
เยรินชี้ไปทางกางเขนขณะที่เธอหัวเราะคิกคัก
“มาช่วยคนพวกนี้กันเถอะ”
จากนั้นเยรินก็ชี้ไปยังคนเก้าคนจากคนจำนวนนับไม่ถ้วนภายในกางเขน
ลอร์ดเก้าคนที่หายไปพร้อมกับกั๊กแตที่เกาะกลาง
เธอไม่รู้ว่าพวกนั้นตายหรือไม่ แต่มันดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเมื่อใบหน้าของพวกนั้นปรากฏขึ้นบนกางเขน
‘นี่มันแจ๊คพอต’
เธอไม่รู้ว่าพลังจิตจะกลับมาหรือไม่
แต่จากคำพูดของแฟรี่ พวกนั้นจะมีความทรงจำและสภาพร่างกายของร่างเดิมก่อนที่จะมายังที่แห่งนี้
ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่พวกนี้จะแสดงพลังอย่างพลังจิตออกมานั้นมีสูงมาก
เธอไม่อาจทำอะไรเกี่ยวกับคนที่เธอไม่รู้จักได้ แต่เธอจะปล่อยคนพวกนี้ที่มีโอกาสในการกลายเป็นลอร์ดไปได้อย่างไร
“ว๊ากกก!
“อ๊ากกกก!”
เยรินเผยรอยยิ้มพึงพอใจขณะที่เธอมองไปยังคนเก้าคนที่ถูก <กิน> ภายในหลุมศพใต้กางเขน
แม้ว่าเธอจะไม่ได้นำพวกนั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ แต่พวกนั้นจะทำอะไรได้ถ้าหากเธอมักจะดูแลโดยที่มีมีดจ่อหลังพวกนั้นอยู่
และด้วยจำนวนเท่านี้ จำนวนที่เธอจะสามารถควบคุมได้จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า เป็นหนึ่งพันคนจากหนึ่งร้อยคน
‘ดีมาก’
คนมาใหม่ตะโกนไปยังเยรินไปยังใครบางคนที่ไม้กางเขนขณะที่เธอกำลังมองไปยังลอร์ดเก้าคนที่กำลังเติบโตขึ้นจากพื้นดิน
“โอ้ใช่ ลอร์ด ไอ้หมอนี่ก็อาจจะเป็นลอร์ดเหมือนกัน”
“หมอนี่?”
เยรินแสดงสีหน้าแปลกประหลาดขณะที่มองไปยังชายที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นในไม้กางเขน
‘หมายความว่าเขาเพิ่งตาย’
ลูกกิลด์ที่เอ่ยกับเยรินผงกศีรษะ
“ใช่ ฉันจำเขาได้เพราะฉันมายังหอคอยก่อนเล็กน้อยและเห็นผู้คนเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่โดยที่มีคนคนนี้เป็นจุดศูนย์กลาง… หมอนี่อาจจะเป็นลอร์ดเหมือนกัน มันดูเหมือนว่าเขาจะมีลูกน้องค่อนข้างมาก แต่… มันดูเหมือนว่าเขาจะตายในหอคอย”
มันไม่แปลกแม้ว่าจะเป็นลอร์ดที่ตาย เพราะมันอันตรายมาก
เมื่อชั้นสามที่พวกเขาได้ทะลวงผ่านมานั้นก็อันตรายเช่นนั้น
มันมีโอกาสที่กองกำลังที่บาดเจ็บจากชั้นสองจะตายในขณะที่เดินทางผ่าน
“จริงหรือ? งั้นก็ลากอีกคนมา”
จากนั้นอีกคนหนึ่งก็ถูกโยนลงไปในหลุมศพพร้อมกับที่ชายอีกคนเติบโตขึ้นจากพื้นดิน
จีมินแสดงสีหน้าพึงพอใจขณะที่เธอมองไปยังลอร์ดชายหญิงทั้งสิบ
เธอเอ่ยถามชายคนสุดท้ายที่ขึ้นมาเพราะเธอต้องการที่จะรับรู้ชื่อของเขา
เมื่อเธอรู้จักคนอื่นๆ ทั้งหมด เว้นเสียแต่ชายผู้มาใหม่
“นายชื่ออะไร?”
ชายคนนั้นแสดงสีหน้าสับสน จากนั้นจึงพึมพำชื่อของเขาออกมา
“วองยูง… ฉันชื่อวองยูง แต่ที่นี่ที่ไหน? ฉันอยู่กับอาฮีที่มยองดงชัดๆ…”
“วองยูง… ดี”
เยรินแย้มรอยยิ้มพึงพอใจไปยังคนทั้งสิบอีกครั้ง
‘ฉันหวังว่าเราจะเจอคนมากกว่านี้นับจากนี้’
ถ้ามันมีที่ว่างปรากฏขึ้น คุณก็ต้องเติมเต็มมัน
และมันจะไม่เป็นปัญหามาก
เมื่อมันจะยังคงมีคนจำนวนมากในหอคอย
‘นับแต่ตอนนี้… ฉันจะนำ’
เยรินหัวเราะเสียงเย็น
TL: ตายปุ๊บคืนชีพปั๊บเลยนะวองยูง