บทที่ 46 คำเชิญจากซูซินฉาง
เย่เฟิงรู้สึกตกใจนิดหน่อยเมื่อเขาได้ยินเสียงของซูเหมิงหาน ชายหนุ่มรีบเก็บรูปภาพพกวนั้นไปและตอบกลับไป “ไม่มีอะไร”
เมื่อเขาหันไปก็เห็นซูเหมิงหานในชุดที่เรียบร้อย ด้วยเสื้อทีเชิตสีชมพูและยังมีลายหมีน้อยอยู่ตรงกลางออก และกางเกงยีนทั่วไป ผมของเธอที่ถูกรวบและผูกมัดไว้ด้านหลัง เป็นทรงหางม้า(หรือโพนี่เทล) ทุกสิ่งอย่างนี้ได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ดูสดใสธรรมดาๆ เมื่อเปรียบเทียบกับความสวยงามและบริสุทธิ์ของเธอก่อนหน้านี้
สิ่งที่น่าดึงดูดมากที่สุดก็คงจะเป็นสิ่งที่ใต้ผ้าสีชมพูตรงบริเวณหน้าอกของเธอ ที่ดูแล้วชั่งเป็นคู่ที่น่าพิศมัยเป็นอย่างยิ่งจนดึงดูดสายตาของเย่เฟิงหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็คิดว่าสาวน้อยคนนี้หากเทียบกับหลงหวางเอ๋อในเรื่องนี้นั้น หากมองดีดีทั้งสองก็ต่างมีเปอร์เซนต์ชนะ 50-50เท่ากันเลย
“นี่นายกำลังมองอะไรอยู่กันเนี่ย?”
ซูเหมิงหานมองสายตาของเขาและหน้าแดงนิดหน่อย “ชั่งมันเถอะ งั้นฉันไปก่อนนะ เดียวฉันจะกลับมา”
เย่เฟิงตอบรับหลังจากที่เห็นเธอในสภาพที่เหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจและถาม “เวลาเย็นป่านนี้แล้วยังจะออกไปไหนอีกล่ะ”
“พ่อของฉัน…..”
ซูเหมิงหาน ดูลังเลที่จะบอกแต่ก็บอกไปว่า “พ่อของฉันโทรมาหาฉันเมื่อบ่ายนี้ และชวนฉันไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมจิงหัว
“อ๋อ โอเค”
เย่เฟิงพยักหน้าและไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ นึกไม่ถึงว่าพ่อของเธอจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ นี่สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการที่จะคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
อาจารย์เฟยหยิงจะอยู่ที่สุสานของราชวงศ์ชางในภูเขาฉางไป่หรือป่าวนะ?
ซูเหมิงหานรับรู้ได้ว่าเย่เฟิงกำลังดูตึงเครียดและครุ่นคิดกับอะไรซักอย่างนึง สร้างความสงสัยในใจของเธอ แต่เด็กสาวก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปและพูดกลับไปว่า “โอเคงั้น ฉันไปและนะ”
“เดียวก่อน รอฉันคุยโทรศัพท์เสร็จก่อน”
เย่เฟิงหยุดเธอไว้ก่อนที่จะ หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาโทรหาอู๋บี
เมื่ออู๋บีรับโทรศัพท์ด้วยความสงสัยเลยถามไปว่า “มีอะไร ผึ่งน้อย ข้อมูลที่ฉันให้ไปมีอะไรผิดพลาดงั้นหรอ?”
“ไม่มี แต่ที่ฉันอยากรู้คือสถานที่ของสุสานโบราณนี้ ฉันจะไปด้วยตัวเอง”
เย่เฟิงถามด้วยความรู้สึกกังวลใจ
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ ฉันไม่รู้จริงๆอะ”
อู๋บีตอบอย่างจนปัญญา “พวกนักสำรวจสุสานพวกนั้นไม่เคยยอมบอกเกี่ยวกับสถานที่พวกนั้นเลย หากนายอยากรู้จริงๆคงต้องไปหาพวกสำรวจสุสาน แต่คนคนนั้นเป็นบุคคลที่ลึกลับและยากที่จะคาดเดาอะไรได้ อยู่ๆเขาก็ปรากฏและก็หายไปตามอารมณ์ พ่อของฉันเองยังไม่สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้เลย”
“จริงหรอ? แล้วเมื่อไหร่เขาคนนั้นถึงจะปรากฏตัวขึ้นอีกล่ะ”
เย่เฟิงไม่ยอมแพ้ เพราะไหนๆร้านวัตถุโบราณอู๋ชี เป็นร้านที่มีการติดต่อกับนักสำรวจสุสานคนนั้น และซักวันนึงเขาต้องปรากฏตัวขึ้นอีกแน่
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะบอกได้หรอก บางครั้งก็ใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนกว่าเขาจะโผล่หน้ามาที แต่บางทีเขาก็ไม่ได้โผล่หน้ามาเลยหลายปี…..”
อู๋บีถามเย่เฟิง “ผึ่งน้อย ทำไมนายอยากจะไปสถานที่แบบนั้นกันล่ะ ถึงนายจะใช้คำว่า”วรยุทธ์”มาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงคำถามของฉัน แต่ก็อยากจะเตือนนายไว้ว่าสุสานพวกนั้นไม่ใช่ที่ๆ จะสามารถเข้าไปแล้วมีชีวิตรอดกลับออกมาได้ง่ายๆหากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เพราะงั้นหากนายต้องการทีจะหาเงิน นายก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเข้าใจไหม?”
“หากเขาโผล่หน้ามาอย่าลืมบอกฉันด้วยล่ะ ขอบคุณ”
เย่เฟิงไม่ได้อธิบายอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องของซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขาแล้ว สถานะของชายหนุ่มในฐานะของผู้ฝึกวรยทธนั้นห้ามมิให้ใครล่วงรู้เด็ดขาด เรื่องของอาจารย์ของเขาก็ควรที่จะเงียบๆไว้เช่นกัน
เย่เฟิงเหมือนถูกดึงลงไปในห้วงแห่งความคิด และได้วางสายๆไปดื้อๆ ส่วนอีกด้านนึง ซูเหมิงหานมองเย่เฟิงด้วยความกังวลและถามไปว่า “เย่เฟิง นายจะไปไหนงั้นหรอ?”
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นพบกับใบหน้าที่ใสซื่อกำลังเป็นห่วงเขา ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและ ตบไหล่เธอเบาๆ “เปล่าหรอก เอาเถอะ เดียวฉันไปเป็นเพื่อนเธอที่โรงแรมจิงหัวละกัน ฉันอยากรู้ว่าพ่อของเธอมีอะไรอยากจะพูดกันแน่”
“เราจะไปด้วยกันงั้นหรอ?”
ซูเหมิงหานรู้สึกตกใจนิดหน่อย
“แน่นอนสิ ไปกันเถอะ”
เย่เฟิง ส่งข้อความไปหาจ้าวอี้เปย จากแก๊งอสรพิษสวรรค์ และให้เขามารับพวกเย่เฟิงไปส่ง ไหนๆเขาก็มีคนขับรถทั้งทีจะไม่ใช้เลยก็เสียดายแย่ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับโรงแรมชั้นนำอย่างจิงหัวแล้ว รถBMW 7series ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นพวกที่ใหญ่โตอะไรมากมายนัก
“อืม”
ซูเหมิงหานพยักหน้าอย่างเรียบร้อย เด็กสาวรู้ว่าเย่เฟิงกลัวว่าเธอจะเจอเข้ากับปัญหาอะไรเข้าอีกทำให้เขาเลือกจะไปด้วยกัน ความรู้สึกนี้ค่อนข้างทำให้หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น
เย่เฟิงยิ้มและจับมือของเธอเดินออกไปนอกประตู
ตั้งแต่ที่ดาวโรงเรียนคนนี้สนใจในตัวเขาอย่างมาก และตัวเขาเองก็เริ่มที่จะชอบสาวน้อยคนนี้เช่นกัน ดังนั้นจากนี้ไป หากใครต้องการจะทำร้ายเธอ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องข้ามศพของเย่เฟิงไปก่อน
เมื่อซูเหมิงหานถูกกุมมือโดยเย่เฟิง นี่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ
ความฝันที่เธอเห็นในรถไฟกำลังจะเป็นความจริงงั้นหรอ? แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงลูกเตะสุดอันตรายของหลงหวางเอ๋อคนนั้น ความฝันนั้นอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้จริงไหม?…. เด็กสาวส่ายหัวรัวๆ และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าเธอเลือกที่จะเชื่อใจเย่เฟิงแล้ว เธอก็ไม่ควรจะสงสัยในตัวเขาอีก แต่ถ้าเขากล้าโกหกเธอละก็……..
หลังจากนั้นไม่นานรถ BMW สีเงินก็โผล่มาจากทางเข้าของหมู่บ้านชิงเฟิง และจอดอยู่ริมถนน
ส่วนคนขับรถคือจ้าวอี้เปย ชายหนุ่มเมื่อคราวที่แล้ว
จ้าวอี้เปยรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเย่เฟิงและซูเหมิงหานเดินจับมือกันออกมา
เป็นไปตามที่คาดไว้ ตอนนั้นเด็กสาวต้องกำลังหึงแน่นอน ชายหนุ่มคิดว่าคำอธิบายของเขาได้ช่วยเย่เฟิงเอาไว้ นี่ทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
………….
โรงแรมจิงหัว เป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองเหยียนจิงแห่งนี้ และยังตั้งอยู่ตรงใจกลางของเมืองอีกด้วย
ที่นี่ หรือพื้นที่แถวนี้ไม่ได้เป็นเขตของแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตามสถานที่นี้เป็นสถานที่ที่พวกคนใหญ่คนโตทั้งจากโลกธุรกิจและโลกมืดก็ต่างมารวมตัวกันที่นี่ มันไม่ใช่ที่สำหรับพวกแก๊งต่างๆจะมาควบคุมได้
แต่เวลานี้ ในชั้นหนึ่งของโรงแรมกำลังเต็มไปด้วยความแตกตื่น แน่นอนว่าไม่ใช่ซูซินฉางที่สามารถสร้างสถานการณ์แบบนี้ได้ เขาเป็นแค่ประธานบริษัทธรรมดา แต่สถานการณ์นี้เกิดจากตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเหยียนจิง ตระกูลหลินนั่นเอง!
วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 70 ปีของผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลิน หลินหงชวน พวกเขาจึงจัดงานวันเกิดที่นี้และเพื่อที่จะสร้างสีสันให้กับแขกผู้มีเกียรติต่างๆจากทั่วทั้งประเทศที่มาร่วมงานวันเกิดนี้ ที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมเวลานี้เต็มไปด้วยรถหรูหราราคาแพงๆมากมาย
ซูซินฉางขับรถของเขาไปที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของโรงแรมและเห็นบุคคลสำคัญจากทั่วทุกมุมของโรงแรม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องชวนลูกสาวของเขาไปกินข้าวเย็นที่ภัตตาคารจิงเฉิงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมจิงหัวแทน
ภัตตาคารจิงเฉิงนั้น ถือว่าเป็นภัตตาคารราคาถูกหากเทียบกับโรงแรมจิงหัว แถมพื้นฐานภายนอกของภัตตาคารนี้ก็ค่อนข้างที่ธรรมดา ในตอนแรกที่เขาชวนลูกสาวออกมาทานข้าว ซูซินฉางไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ซูซินฉางได้วางแผนที่จะจองโรงแรมจิงหัวไว้สำหรับการพบเจอ แต่เวลานี้ทั้งภัตตาคารถูกจองไว้ให้กับตระกูลหลิน
“เจ้าเด็กเย่เฟิงนั่น เขาจะต้องมาด้วยกันกับเธอเป็นแน่ เมื่อถึงเวลา ฉันจะต้องพูดให้ดีๆ ฉันสืบมาบ้างแล้วว่าเจ้าเด็กคนนั้นมีความสัมพันธ์กับพวกแก๊งอสรพิษสวรรค์ และฉันถึงจะสามารถทำให้มันร่วมมือกับฉัน”
ซูซินฉางคิดกับตัวเขาเอง และขับรถเข้าไปในที่จอดรถของภัตตาคารจิงเฉิง
เขากำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรดีให้เย่เฟิงยอมมาร่วมมือกับเขา แน่นอน ซูซินฉางตัดสินใจไว้แล้วว่าเขาจะจัดพิธีหมั้นให้เย่เฟิงและซูเหมิงหาน และด้วยการหมั้นนี้จะทำให้ซูซินฉางสามารถสร้างความสัมพันธ์กับแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้
ในวันนี้ ซูซินฉางกำลังคิดว่าจะพูดกล่อมให้ซูเหมิงหานเข้าใจได้อย่างไรว่าหากไม่มีตระกูลเซี่ยแล้ว เธอจะไม่สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงได้ เพราะฉะนั้น ควาามสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยจำเป็นต้องดำเนินต่อไป
หลังจากที่เขาเข้าไปในภัตตาคารและจองห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว ซูซินฉางก็ได้โทรไปหาซูเหมิงหานและบอกเธอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานที่ในครั้งนี้
ในเวลานี้เย่เฟิงและซูเหมิงหานได้นั่งอยู่ในรถที่จ้าวอี้เปย และกำลังขับเข้าไปที่โรงแรมจิงหัว
พวกเขาเห็นด้านหน้าของโรงแรมจิงหัวที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก และรถก็ติดมากเช่นกัน
และในตอนนี้ ซูเหมิงหานก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงสถานที่นัด
หมายทำให้เย่เฟิงรู้สึกงงนิดหน่อย และถามไปว่า “เจ้าอี้เปย เกิดอะไรขึ้นที่โรงแรมจิงหัวในตอนนี้กันน่ะ?”
เจ้าอี้เปยถือเป็นหนึ่งในพักพวกที่ชายหน้าบากไว้ใจที่สุด และเขาค่อนข้างจะมีความรู้เกี่ยวกับตระกูลต่างๆในเมืองเหยียนจิงเป็นอย่างดี เขายิ้มและพูดออกมาว่า “ผมได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผู้อาวุโสจากตระกูลหลิน และคงเป็นสาเหตุว่าทำไมโรงแรมนี้ถึงได้ถูกจองเพื่อที่จะจัดงานนี้ แน่นอนว่าหากใครมีเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่นัด มันเป็นเรื่องธรรมดา”
ตระกูลหลิน? ครบรอบวันเกิด 70ปีของหลินหงชวน?
เย่เฟิงไม่คิดว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
…………………………
แปลโดยทีมงานGSI