บทที่ 45 แผ่นหลังของอาจารย์สุดสวย

อู๋บีที่ได้ยินเสียงนั่นคิดได้ขึ้นมาทันที นั่นมันไม่ใช่เสียงของดาวโรงเรียนของเขาคนนั้นหรอกหรือ?

เด็กหนุ่มชี้ไปยังเย่เฟิงแล้วกล่าวว่า “ผึ้งน้อย นั่นมันเสียงซูเหมิงหานไม่ใช่เหรอ?”

เย่เฟิงตอบกลับพลางกระแอมกลบเกลื่อน“แค่กๆ พอดีพ่อของเธอพึ่งไล่เธอออกจากบ้านน่ะ ตอนนี้เธอก็เลยต้องมาอยู่ในบ้านของฉันชั่วคราว…”

“เฮ้ย นี่มันบ้าชัดๆ!”

อู๋บีรู้สึกสับสันอย่างฉับพลัน ซูเหมิงหานกับเย่เฟิงอยู่ๆทำไมถึงมาอาศัยด้วยกันแบบนี้ แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นเธอบอกให้เย่เฟิงหยิบเครื่องเป่าผมให้ตอนที่กำลังอาบน้ำอยู่เลยเนี่ยนะ?

ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงโรงเรียนละก็ ไม่ต้องสงสัยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน!

มากไปกว่านั้นทำไมอยู่ๆซูเหมิงหานถึงถูกพ่อไล่ออกมาจากบ้านกันล่ะ เธอผู้ที่เป็นลูกสาวของประธานแห่งบริษัทซูเฉิงที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง หรือว่าสาเหตุมันมาจาก… เย่เฟิงอย่างนั้นเหรอ?

อู๋บีจ้องมองไปยังเย่เฟิง “ดูเหมือนว่านายจะปิดบังอะไรบางอย่างไว้อยู่นะ อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยมันเรื่องอะไรกันแน่?”

“อันที่จริง เมื่อวานนี้ฉันพึ่งพาเธอไปที่เมืองหลางฝางมาน่ะ…”

เย่เฟิงได้แต่ตัดใจพูดออกไปตรงๆ ชายหนุ่มเองก็ไม่คิดเลยว่าการไปยังเมืองหลางฝางของเขาและซูเหมิงหานเมื่อวานจะก่อให้เกิดปัญหาได้มากขนาดนี้ แต่เขายังคงจำได้ว่าตอนที่พวกเขาลงจากรถไฟที่หลางฝางแล้วพวกเขาทั้งสองไม่ได้ดูพอใจกันมากเท่าไหร่

“นายจะบอกว่าครอบครัวของเธอตกลงให้เธออยู่กับนายในบ้านหลังเดียวกันงั้นเหรอ?”

อู๋บียังรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้อยู่

“สถานการณ์จริงๆมันซับซ้อนกว่านั้น แต่ฉันคิดว่านายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ยังไงก็ตามไว้เราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกทีที่โรงเรียนก็แล้วกัน บายนะเพื่อน”

เย่เฟิงดึงรูปถ่ายและสิ่งของอื่นๆออกมาจากมืออู๋บีแล้วจึงดันเขาออกไปนอกบ้าน “ปัง” ชายหนุ่มปิดประตู เขาไม่ต้องการรออีกแม้แต่นาทีเดียวไม่อย่างนั้นอู๋บีอาจจะเห็นซูเหมิงหานที่พึ่งอาบน้ำเสร็จออกมาก็ได้

มีแต่เขาที่มองเธอได้ในสถานการณ์แบบนี้ได้เท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์

“เยี่ยมมาก! ผึ้งน้อย นายนี่มันมีเสน่ห์เหลือร้ายกับเพศตรงข้ามจริงๆเลย ลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้สิ!”

เสียงอู๋บีตะโกนดังออกมาจากข้างนอก แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัดในใจเหมือนกัน

“ขอบใจนะพี่อู๋!”

เสียงเย่เฟิงตะโกนดังออกมาจากด้านในบ้าน

“ให้ตายสิ! นี่มันครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่นายเรียกฉันแบบนี้ เอาเป็นว่าถ้านายเรียกฉันแบบนี้ต่อไปพี่อู๋คนนี้จะยกโทษให้นายก็แล้วกันนะ ฮ่าๆๆ”

ชายหนุ่มหัวเราะดังออกมาจากใจของเขา

“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”

เย่เฟิงหัวเราะออกมาจากใจจริงเช่นกัน ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้ในโลกเทวะเขาไม่เคยมีเพื่อนแบบนี้มาก่อน มีแต่กับท่านอาจารย์คนสวยของเขาเท่านั้นแหละที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย

นี่สิถึงคู่ควรที่จะเรียกว่าคู่หูที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง

หลังจากนั้นเย่เฟิงเอารูปวางบนโต๊ะแล้วจึงหยิบไดรเป่าผมเดินไปยังประตูห้องน้ำพร้อมกับเคาะประตู

เพียงอึดใจเดียว มือที่ขาวนุ่มนวลราวกับหิมะค่อยๆยืดออกมาจากประตูห้องน้ำอย่างสั่นๆเล็กน้อย

เย่เฟิงอดใจไม่ไหวที่จะยิ้มออกมา นี่เธอกลัวว่าเขาจะเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปหรือยังไง เขาก็ไม่ได้มีมารยาททรามแบบนั้นหรอกนะ หลังจากวางไดรเป่าผมลงบนมือขาวๆของซูเหมิงหาน เย่เฟิงก็หันหลังเดินออกมาและได้ยินเสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เขารีบกลับมาที่โต๊ะแล้วจึงสำรวจสิ่งที่อู๋บีนำมาให้

บนรูปถ่ายของรายงานประเมินสินค้าโบราณมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆที่ถูกค้นพบที่สุสานโบราณรวมไปถึงหยกขาวมัจฉาหยินหยาง

เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปดูข้อมูลเหล่าพวกนั้น ทันใดนั้นชายหนุ่มรู้สึกสะดุดใจขึ้นมา!

หยกขาวมัจฉาหยินหยางถูกประเมินไว้ว่าอายุราวห้าพันปี ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานแห่งราชวงศ์ชาน นี่มันเท่ากับว่าตอนที่อู๋เอขายหยกชิ้นนี้ให้กับตระกูลหลินเขาไม่ได้โป้ปดเลยแม้แต่น้อย ราคามันประมาณหนึ่งล้านจริงๆ หรืออาจจะมากไปกว่านั้นได้อีก

“อู๋บี เจ้าเด็กนั่นโกหกตอนที่แนะนำหยกชิ้นนี้ให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?”

เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่กับตัวเองพลางรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา ไม่เพียงแค่อู๋บีแนะนำของดีให้กับเขา เจ้านั่นถึงกับคิดว่าเขาไม่น่าจะมีเงินพอที่จะซื้อมันเลยลดราคาให้มากมายขนาดนี้ ใครจะรู้กันล่ะว่าถ้าเย่เฟิงตัดสินใจซื้อหยกชิ้นนี้ในราคาหนึ่งแสนห้าไปจริงๆพ่อของอู๋บีต้องขาดทุนกว่าหนึ่งล้านเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นอู๋เอไม่ได้หลอกลวงซานเฉี่ยวแหง่ตระกูลหลินเลย ถึงแม้ว่าอู๋เอจะเป็นพ่อค้าที่เจ้าเล่ห์แต่เขาก็รู้ว่าใครคือคนที่ควรจะโก่งราคาทำกำไรด้วย กับพวกคนรวยพวกนี้ที่มีสถานะที่สูงศักดิ์อย่างซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินที่มักจะซื้อสินค้าโบราณเป็นประจำ การหลอกลวงคนแบบนี้คงได้แต่ถือว่าเป็นการรนหาที่ตาย

ในที่สุดเย่เฟิงก็รู้แล้วว่าจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วร้านขายวัตถุโบราณอู๋ชีได้ขาดทุนไปเพราะเขาอย่างชัดเจน

“ลุงอู๋เป็นคนที่ดีจริงๆ ในโลกเทวะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเจอคนแบบนี้”

ชายหนุ่มยิ้มเยาะตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าอู๋เอเป็นพ่อค้าที่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์แต่ในความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ลุงอู๋ต้องจ่ายค่าชดเชยอย่างมหาศาลให้กับซานเฉี่ยวถึงกระนั้นเขาไม่ได้นิ่วหน้าคิ้วขมวดแม้แต่น้อยกลับยิ้มอยู่ตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ

“ตระกูลหลินแห่งเหยียนจิง… ที่นี่ไม่ต่างจากโลกเทวะเลย ใครก็ตามที่มีอำนาจและความแข็งแกร่งสามารถข่มเหงผู้อื่นได้ตามใจตนเอง”

ประกายความเย็นชาฉายออกมาจากแววตาของเย่เฟิง เพราะว่าตระกูลหลินแห่งเหยียนจิงนี้ไม่ได้ทำให้เขามีความรู้สึกดีอะไรด้วยอยู่แล้ว ที่น่าตลกไปมากกว่านั้นปู่ของเขา เย่เวิ่นเทียน ยังเคยบอกไว้ว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาให้ไปขอความช่วยเหลือได้จากตระกูลหลิน

ณ ตอนนี้ถึงแม้เย่เฟิงจะต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาจริงๆ ชายหนุ่มก็ไม่มีทางไปหาตระกูลที่เรียกว่าหลินนั่นอย่างแน่นอน

เขาพลิกดูเอกสารสิบฉบับเกี่ยวกับหยกสลักที่ถูกขุดพบ อย่างไรก็ตามพวกมันเหล่านั้นได้รับความเสียหายไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่หยกขาวมัจฉาหยินหยางเท่านั้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นมันก็เสียหายไปเพราะน้ำมือของคนรับใช้ซานเฉี่ยวไปเสียแล้ว

ส่วนหินจิตวิญญาณครึ่งก้อน มันดูลักษณะราวกับหินธรรมดาๆเพียงก้อนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นอู๋เอยังไม่ได้ทำการประเมินราคาของมัน อย่างไรก็ตามลุงอู๋เคยคุยกับหวงเหล่าเกี่ยวกับหินก้อนนี้มาก่อน ตอนนั้นหวงเหล่าคงได้บอกกับลุงอู๋ไปแล้วว่ามันเป็นของชั้นดีชิ้นหนึ่ง

ส่วนใต้เอกสารการประเมินมีรูปที่ถูกขายต่อมาจากนักขุดสุสานอีกที

เย่เฟิงหยิบมันขึ้นมาเพ่งดู หน้าเขาสีเผือดทันควัน นี่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงไปได้!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน อาจารย์?”

ในรูปที่ดูเลือนๆปรากฎภาพห้องโถงใต้ดินกว้างถูกล้อมไปด้วยเสาหินขนาดใหญ่สี่เสา ในห้องโถงศิลานี้มีข้าวของต่างๆกระจัดกระจายไปมาอย่างไม่เป็นระเบียบ จากรูปภาพสามารถดูออกได้ว่าห้องโถงศิลานี้สามารถเข้ามาได้จากทุกทิศทุกทาง

ตรงมุมของทางเดินมีรูปภาพด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นตาเย่เฟิงอย่างมาก เธอแต่งกายด้วยชุดผ้าก๊อซสีขาวราวหิมะ ผมยาวสลวยถูกมันเป็นรวบยาวทิ้งตัวลงไปกลางหลังรูปร่างสง่า จากภาพดูราวกับว่าหญิงกำลังหันหลังเดินออกไปจากสุสาน

ถึงแม้ว่ารูปถ่ายจะไม่ชัดนักยากที่จะบอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่สำหรับเย่เฟิงแล้วสิบปีที่เขาอยู่กับท่านอาจารย์หญิงแสนสวยของเขา แม้ว่าภาพจะดูแย่ขนาดไหนเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่านี่คืออาจารย์ของเขาอย่างแน่นอน!

ไฟแห่งความตื่นเต้นถูกจุดขึ้นมาทันที มือของชายหนุ่มสั่นเทาขณะถือรูปภาพอยู่

“นี่มันอาจารย์ของฉันจริงหรือเนี่ย?”

เขารีบวางรูปอื่นๆลงพลางส่องสายตาหา ทั้งหมดเจ็ดภาพที่เหลือมีลักษณะมืดมัว จากความทรงจำของเขาเย่เฟิงมั่นใจร้อยเปอเซ็นต์ว่านี่ต้องเป็นภาพด้านหลังของอาจารย์ของเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

ซูเฟยหยิ่ง มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเซียนเหมันต์ในโลกเทวะ เธอเป็นผู้นำของคณะขุดสุสานแห่งดวงดาว ตลอดชีวิตของเธอมีเพียงเย่เฟิงเท่านั้นที่เป็นศิษย์และเป็นคนที่เธอทุ่มเทใจสอนสั่งอย่างมากมาย

เย่เฟิงยังคงจดจำช่วงเวลานั้นได้ เพื่อที่จะก้าวข้ามวรยุทธ์ระดับหนึ่งร้อยปีก่อนให้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นระหว่างอาจารย์ของเขาและจ้าวอสูรเพลิงแห่งถ้ำมังกรไฟ ขณะที่ต่อสู้กันพวกเขาได้ถลำลึกเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆ เขาเห็นร่องรอยของการต่อสู้อย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ไม่ได้พบใครอื่นเลย

“เวลาช่างเล่นตลกนัก… หรือว่าท่านอาจารย์จะมายังที่แห่งนี้ก่อนที่เราจะมาถึงกันนะ?”

ชายหนุ่มได้แต่คาดเดาอย่างเรื่อยเปื่อย

ความคิดของเขาแล่นกลับไปมา ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องไปที่สุสานราชวงศ์ชางที่ภูเขาฉางไป่เพื่อตรวจสอบเสียแล้ว ไม่ว่าในรูปนี้จะเป็นรูปด้านหลังของอาจารย์เขาหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่นั่นน่าจะมีหินจิตวิญญาณสักก้อนหรือมากกว่านั้นก็เป็นได้ มันคุ้มค่าที่จะลองไปสำรวจดูไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

“ไม่สิ หรือเป็นไปได้ว่าหินจิตวิญญาณถูกนำมาโลกนี้เพราะท่านอาจารย์กันนะ?”

เย่เฟิงไม่มั่นใจความคิดของเขานัก ชายหนุ่มคิดว่าเขาควรไปสืบหาความจริงด้วยตัวเองดีกว่าเสียวเวลาเดาสุ่มไปเรื่อยเช่นนี้

“เย่เฟิง ดูอะไรอยู่น่ะ?”

ซูเหมิงหานที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่เมื่อเธอเห็นเย่เฟิงที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามมันออกไปอย่างใคร่รู้

……………………………

แปลโดยทีมงาน GSI