บทที่ 41: ปราสาทจอมมาร (8)
ซังจินหัวเราะออกมาขณะที่เขาคิดถึงบทสนทนาของเขากับฮันซูก่อนที่พวกเขาจะถูกแยกกันในช่วงแรกของบทฝึกซ้อม
<ถ้านายตั้งใจจะทำจริงๆ ล่ะก็ อย่าไปที่เกาะกลางและไปที่เกาะขายาวที่อยู่ข้างๆ แทน ไปหา ‘เคล็ดเงา’ มาครอบครอง… นายต้องทำแบบนั้น และจากนั้นค่อยไปยังเกาะแห่งหอคอยให้เร็วที่สุด และรอที่… เพื่อฉัน ถ้ามีใครเอ่ยชื่อของฉันออกมาก็ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ แต่ถ้าไม่ก็ฆ่าซะ ถ้าไม่มีอะไรไปภายใน 32 วันก็ค่อยไป>
ซังจินมีสีหน้าอัศจรรย์ใจขณะที่เหวี่ยงดาบในมือ
ตอนแรกนั้นเขาไม่มั่นใจ
เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่ามันจะเป็นเวลากว่า 3 วันแล้วที่เขาเริ่มรอที่นี่ขณะที่ล่าไปด้วย
ทว่าพวกนั้นมาจริงๆ
และด้วยวิธีการที่แปลกประหลาดมากๆ เช่นกัน
‘มันคือการเทเลพอร์ตรึเปล่า?’
ซังจินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย แต่เขาเชื่อในคำของฮันซู
‘มันอาจจะเป็นพลังจิตนั่นอีกแล้ว และดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลว่าฉันควรจะฆ่าพวกมันหรือไม่จากคำพูดของพวกมัน’
เขาไม่รู้ว่าพวกมันคือใคร แต่ทุกคนที่นี่ต้องตายเพราะคำสั่งเดียวจากผู้ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ชายหนุ่มเริ่มที่จะฟาดดาบของเขาลงไปยังร่างของลูกกิลดี่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งร่างของคนคนนั้นยับเยินไป
ฉวะ
“อ๊ากกกก!”
“โอ้ยย!”
‘เอาเถอะ… ถึงพวกมันจะมีจำนวนมาก แต่พวกมันก็สภาพยับเยินสุดๆ’
และความสามารถของสกิล ‘เคล็ดเงา’ ที่เขาได้รับมาจากสถานที่ที่ฮันซูบอกนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก
‘มันอาจจะยากหน่อยถ้าไม่มีไอ้นี่’
รูน สกิล และอาร์ติเฟคจำนวนมหาศาลดรอปลงทุกครั้งที่เขาฟาดฟันอาวุธในมือ
คนพวกนี้คือกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด และลอร์ดที่มีอาร์ติเฟคราคาแพง
มันสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะดรอปของออกมาจำนวนมาก
ซังจินใช้ช่วงเวลาแห่งความประมาทเลินเล่อในการจัดการคนหนึ่ง และขโมยอาวุธอีกชิ้นหนึ่งเพียงเพื่อที่จะเหวี่ยงมันไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้เวรเสียสตินี่! มึงเป็น… อั่ก!”
“พูดมากจริง”
กั๊กแตพยายามที่จะวิ่งหนีไปด้านหลัง ทว่าศีรษะของเขาก็ได้ถูกบั่นลงในที่สุด
‘มันดูเหมือนว่าจะมีของจำนวนหนึ่งที่คนพวกนี้ดรอปที่ดูเหมือนจะมีค่ามากกว่าอันอื่น’
ซังจินยักไหล่ขณะที่มองไปยังร่างของทั้งหมด
เขาไม่ได้ตื่นเต้นใดๆ
เมื่อเคล็ดเงานั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว
‘แต่เขาบอกให้ฉันเก็บของพวกนี้เอาไว้ ไหนดูสิ อย่างแรกที่ต้องเก็บคือ <ต่างหูของพี่น้องทั้งเจ็ด> จากนั้นก็…’
ชายหนุ่มแย้มรอยยิ้มไปยังเงาที่วูบไหวไปรอบกายของเขา จากนั้นจึงหายไปในราวป่ามืดมิดหลังจากเก็บรูนและอาร์ติเฟคทั้งหมดไป
ตูมมมม
“เวรเอ้ย! รักษาขบวนไว้!”
“ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงอยากจะมีชีวิตอยู่ก็ยันไว้ให้มากกว่านี้! ยันไว้อีก 5 นาที!”
ผู้คนได้สลายตัวและสับร่างของผีดิบอย่างบ้าคลั่ง
และกิลด์สองกิลด์ได้ปลดปล่อยการโจมตีอย่างรุนแรงอยู่รอบด้านของฮันซู
จำนวนของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ และมีคนเหลือเพียง 600 คนเท่านั้น
‘เวรเอ้ย… มันเกือบจะใช้ได้หรือยัง?’
แทจินสูดลมหายใจลึกขณะที่เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าด้วยอาการกัดฟันกรอด
หลังจากที่กั๊กแตขึ้นไป
สัญลักษณ์บนร่างของผู้คนหายไป และการควบคุมพวกนั้นก็ได้หายไปพร้อมกัน
จากนั้นความวุ่นวายก็ได้ตามมา
มันไม่ใช่ว่าผู้คนได้กลายเป็นหุ่นเชิดไร้จิตใจไปหลังจากได้รับสัญลักษณ์
มันเป็นเพียงแค่พวกเขาจะกระทำตัวตามปกติ และเมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งจากลอร์ด พวกเขาจึงจะทำตามคำสั่งนั้นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกเขารับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี และตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทำเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่คืออะไรทันทีที่สัญลักษณ์นั้นเลือนหายไป
พวกเขาเริ่มที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะซื้อเวลา ขณะที่สร้างระยะห่างระหว่างตนเองกับจอมมาร
ตอนแรกแทจินประหลาดใจในภาพนั้น
‘กั๊กแตฆ่าพวกนั้นหมดแล้วเหรอ? งั้น… ทำไมเขาถึงได้พาพวกนั้นขึ้นไป?’
มันมีหลายสิ่งที่ไม่ชัดเจน แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ฮันซู เยริน และแทจินเริ่มที่จะซ่อมแซมขบวนแถวอย่างรวดเร็ว
และพวกเขาก็ได้เข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน
คนราวๆ 400 คนได้หั่นร่างของผีดิบอย่างบ้าคลั่ง ส่วนกิลด์ของเยรินและแทจินกำลังจัดการจอมมารที่ฮันซูได้มัดเอาไว้
กิลด์ทั้งสองสู้ได้ดีเกินกว่าที่ชายหนุ่มคาด
ทั้งสองกิลด์นั้นสร้างขึ้นจากกองกำลังพิเศษที่ได้มาเติมเต็มที่ว่างหลังจากที่พวกเขาได้ปลดลูกกิลด์ทั่วไปออก
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์วิกฤต
หากกองกำลังพิเศษไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ เช่นนั้นพวกเขาก็จะตายทั้งหมด
พวกเขาได้เพิ่มจำนวนขึ้นไปยัง 130 อย่างช้าๆ แต่กองกำลังพิเศษของกั๊กแตได้จากไป และจำนวนหนึ่งได้ตายลง ดังนั้นแล้วอีก 100 คนที่เหลือจึงได้ถูกหลอมรวมไปโดยกิลด์ของเยรินและแทจิน
ในสถานการณ์ปกติ พวกเขาต้องได้รับสัญลักษณ์ด้วยความตกลงใจของทั้งสองฝั่ง
และกองกำลังพิเศษนั้นเข้าร่วมกิลด์ในตอนนี้ด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อพวกเขาได้ถูกสั่งการโดยคนอื่น และจะต้องสู้กับจอมมาร
หากเพียงแค่ฮันซูไม่ได้พูดกับพวกเขา
<ถ้าพวกนายไม่สู้ตอนนี้ งั้นฉันก็จะถอยด้วย ฉันควรจะวิ่งหนีไปรอบๆ สัก 15 นาทีไหม?>
<…>
15 นาทีเป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับไอ้สิ่งนั้นในการฉีกกระชากร่างของมนุษย์ที่เหลือทั้ง 600 คน
ดังนั้นแล้วกองกำลังพิเศษจึงยอมรับสัญลักษณ์โดยที่แทบจะเรียกได้ว่าบังคับฝืนใจตนเอง
เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่ามันไม่มีหนทางอื่น
และขณะที่ฮันซูและลอร์ดอีกสองคนได้ขัดขวางจอมมารเอาไว้โดยสมบูรณ์ คนที่เหลือก็ได้เริ่มต่อสู้กับผีดิบ
อย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจหนีไปได้ และการต่อสู้กับผีดิบก็อันตรายน้อยกว่า
ด้วยความคิดทั้งสองทำให้มันเป็นไปได้ ทั้งมันยังไร้ซึ่งหนทางอื่น ผู้คนจึงเริ่มที่จะสู้อย่างตั้งใจมากขึ้นที่ด้านหน้า
ตูมมมม
โครมมม
“รักษาแนวไว้อีกหน่อย!”
แทจินตะโกนอย่างรีบเร่งขณะที่เขามองไปยังจอมมารที่เกือบจะตายลงแล้ว
การต่อสู้มันง่ายขึ้นเมื่อเหล่าลอร์ดที่พยายามรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้หายไป และกองกำลังพิเศษของพวกนั้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
ในขณะที่ฮันซูกำลังดึงความสนใจจากจอมมารและกดดันมัน กองกำลังพิเศษทั้งร้อยที่ถูกควบคุมโดยลอร์ดก็ได้จัดการมันด้วยการโจมตีของพวกเขา
หากพวกเขาทำแบบนี้ต่อไปอีก 10 นาที เช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถฆ่ามันได้โดยไร้ซึ่งปัญหา
แต่ความคิดของแทจินนั้นกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต
เมื่อ 10 นาทีนั้นนานเกินไปสำหรับเวลานั้น
‘เวรเอ้ย… คริสตัลจะเปิดในเร็วๆ นี้แล้ว’
เหตุผลเดียวที่พวกเขาสามารถเพ่งความสนใจไปยังการต่อสู้กับจอมมารได้ก็เพราะพวกที่ไม่กิลด์ที่ได้ป้องกันพวกผีดิบที่ศัตรูซัมม่อนออกมาเอาไว้
แล้วพวกนั้นจะทำอะไรเมื่อคริสตัลเปิดออก?
พวกนั้นจะพูดอย่างง่ายๆ ว่า <โอ้ เราควรจะฆ่าผีดิบเพื่อพวกมีกิลด์ที่ทำงานอย่างหนัก> หรือไง?
พวกนั้นจะหนีไปทั้งหมดขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กับจอมมาร
อย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจถอยได้จนกว่าที่จะฆ่าจอมมารได้
ฮันซูและกองกำลังพิเศษทั้งสองนั้นอยู่ในสภาวะเท่าเทียมกับจอมมาร ดังนั้นแล้วหากหนึ่งในพวกเขาถอยหลังไป เช่นนั้นอีกสองที่เหลือย่อมอยู่ในสภาวะยากลำบากอย่างมาก
พวกเขาจะถูกจัดการไปทีล่ะส่วน
และคนอื่นๆ จะหนีไปทั้งหมดในช่วงเวลานั้น
และในตอนนี้เองที่ประกายแสงสว่างจ้าได้เปล่งประกายขึ้นจากที่ไกลๆ
‘เวรเอ้ย อย่างน้อยก็เปิดเงียบๆ ไม่ได้รึไง’
แสงที่ออกมาจากคริสตัลนั้นสว่างมากเสียจนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเกาะก็สามารถมองเห็นได้และรับรู้ว่าประตูได้เปิดออกแล้ว
และในเวลาเดียวกัน คริสตัลที่ฝังตัวอยู่ในพื้นก็ได้ลอยขึ้น สร้างหลุมดำที่ดูออกว่าเป็นประตูตั้งแต่แวบแรกขึ้นที่ใจกลางคริสตัล
ผู้คนที่เห็นหลุมดำนั้นได้หยุดชะงักลง
พวกเขาเหลือบมองกัน จากนั้นจึงเริ่มพุ่งตรงไปยังคริสตัลอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้ฉิบหาย! อย่าบังสิวะ!”
“เวรเอ้ยยย! ฉันจะไปข้างบน!”
ความวุ่นวาย
ความสูญเสียได้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ทว่าอย่างไรก็ตาม ผู้คนก็ยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังคริสตัลอย่างรุนแรง
‘เวรเอ้ย…’
ขณะที่เหล่าผู้ที่ไม่กิลด์หยุดให้ความสนใจผีดิบ เหล่าผีดิบก็ได้เริ่มรวมตัวกันรอบจอมมารอย่างเชื่องช้า
“เวรเอ้ย… เราต้องฆ่าไอ้นั่นจริงๆ เหรอ? ออกไปกันเถอะ!”
ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินคำกล่าวของแทจิน
หากพวกเขาซี้ซั๊วหนีออกไปในสถานการณ์เช่นนี้ เช่นนั้นทุกคนก็จะได้รับความสูญเสียอย่างมาก
ถ้าพวกเขาวิ่งตรงไปยังคริสตัล จอมมารก็จะไล่ตามพวกเขาไปและฆ่าทุกคนที่กำลังเพ่งความสนใจไปยังการหนี
มันต้องถูกจัดการในตอนนี้
ฮันซูหัวเราะเมื่อเห็นพวกมนุษย์
แทจินถอนหายใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นเช่นนั้น
“เวรเอ้ย… งั้นก็เอาจอมมารไปไว้หน้าคริสตัล! ถ้าแบบนั้นพวกไม่มีกิลด์ก็ต้องสู้กับผีดิบใช่ไหม?”
ถ้าทางหนีของพวกนั้นถูกขัดขวาง พวกนั้นก็จะกลับมามีสติและโจมตีผีดิบอีกครั้ง
แต่แทจินก็ตระหนักได้ในไม่ช้าว่าเรื่องแบบนั้นมันยากที่จะทำได้
มันจะใช้เวลานานเกินไปในการนำจอมมารไปไว้หน้าคริสตัลที่อยู่ห่างออกไปโดยไม่มีความสูญเสียใดๆ
และในทางกลับกัน ถ้าพวกเขาสามารถนำจอมมารไปไว้หน้าคริสตัลได้ก่อนที่พวกไม่มีกิลด์จะหนีไป ปริมาณความสูญเสียย่อมไม่ใช่น้อย
ถ้ากองกำลังพิเศษตายมากเกินไป จอมมารก็จะยากเกินกว่าที่จะฆ่า แม้ว่าปัญหาเรื่องผีดิบจะหายไปแล้ว
ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อเขาไม่ได้คิดว่าสิ่งแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำจอมมารไปไว้หน้าคริสตัล
แต่ในทางตรงข้ามนั้นเป็นไปได้
<จากที่ฉันเคยเห็น… เมื่อคริสตัลทำงานมันจะลอยขึ้นไปบนอากาศ งั้นนายก็จะเคลื่อนย้ายมันได้>
“รอเดี๋ยวหนึ่ง”
ฮันซูที่คิดถึงคำพูดของแอรีสจับส่วนเคียวของ <คำพิพากษาแห่งดีคราดอส> ที่พันอยู่กับร่างของจอมมาร และจากนั้นจึงเริ่มวิ่งตรงไปยังคริสตัลด้วยความเร็วสูง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
กริชจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปาออกจากมือของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะกระโดดเหยียบกริชเหล่านั้นตรงไปยังคริสตัล
ผีดิบพยายามที่จะโจมตีจากด้านล่าง ทว่าความสูงที่ชายหนุ่มวิ่งนั้นสูงเกินไป
ในไม่ช้าเขาก็ไปถึงยังคริสตัลและเริ่มที่จะพันมันด้วยโซ่หลังจากที่หัวเราะใส่ผู้คนที่วิ่งตรงมายังมัน
“หะ… หา? นายทำอะไรของนาย!”
“เฮ้!!”
ฮันซูเอ่ยขณะที่จ้องมองไปยังคนเหล่านั้น
“มารวมพลังกันเถอะ”
ทันทีที่สิ้นคำ จอมมารก็สะบัดร่างของงมันพร้อมด้วยเสียงกรีดร้องกราดเกรี้ยว
กร๊าซซซซซ!
จากนั้นคริสตัลที่ลอยอยู่ในอากาศก็ถูกดึงด้วยแรงที่ไม่อาจจินตนาการและเริ่มที่จะลอยออกไป
ถ้าคริสตัลถูกฝังอยู่ในพื้น โซ่ก็คงจะขาดไปแล้ว
เพราะแรงของจอมมารมันน่าพรั่นพรึงถึงขนาดนั้น
แต่โซ่ไม่ได้ขาดเพราะคริสตัลนั้นได้ลอยอยู่กลางอากาศ และคริสตัลที่ไม่อาจต่อต้านพลังของจามมารได้ก็เริ่มที่จะลอยไปทางมัน
คว้างงง
‘มันยากนะเนี่ย มันจะไม่ขาดถ้าเป็นแบบนี้ ฉันสงสัยจังว่าจะเอาเข้าไปใกล้กว่านั้นได้ไหม’
บางทีอาจเป็นเพราะว่ามันสามารถเคลื่อนย้ายคนได้จำนวนมากกว่า คริสตัลของปราสาทจอมมารจึงแข็งแกร่งกว่าคริสตัลที่ปราสาท
ฮันซูติดตามไปเบื้องหลังพร้อมกับผลักมันไปด้วย
และจากนั้นเมื่อคริสตัลเข้าไปใกล้สนามรบ เขาถึงได้ปลดโซ่รอบๆ มันออก
ชายหนุ่มหัวเราะเพราะหากนับรวมถึงความแข็งของคริสตัลแล้ว เช่นนั้นมันก็จะปลอดภัยจากพลังทำลายของจอมมาร แต่มันอยู่ในตำแหน่งที่คนไม่อาจที่จะซี้ซั้ววิ่งเข้าไปได้
“ไม่มีตั๋วฟรี ทำงานในส่วนของพวกนายซะ”
ฮันซูจบคำพูดของเขาและพุ่งตรงไปยังจอมมารอีกครั้ง ใบหน้าของเหล่าผู้ที่ไม่มีกิลด์ที่มุ่งตรงไปยังคริสตัลทะมึนทึมขึ้น
เมื่อมันดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกกวาดทันทีที่เข้าไปใกล้คริสตัล
ไม่สิ ผู้คนที่สู้อยู่ตรงนั้นไม่ยอมให้พวกเขาทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก
แทจินถอนหายใจขณะที่มองไปยังภาพนั้น
เมื่อในตอนนี้มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าจอมมารได้แล้ว
‘ในที่สุดเราก็จะได้ขึ้นไปแล้ว ฮันซูบอกว่าเขาจะไปยังเกาะแห่งหอคอยใช่ไหม?’
ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน พวกเขาก็จะสามารถออกไปจากเกาะกลางบัดซบนี่ได้
แทจินจ้องไปยังร่างของฮันซู ทว่าจากนั้นก็โยนความคิดที่ไม่จำเป็นทิ้งไปและเพ่งความสนใจไปยังจอมมารเบื้องหน้าเขา
“หืม… กั๊กแตตายแล้ว”
ชายคนหนึ่งพึมพำขึ้นขณะที่นั่งอยู่เหนือสัตว์อสูรขนาดยักษ์ หญิงที่อยู่ข้างกายเขาแสยะยิ้มออกมาขณะเอ่ยพูด
“ฉันบอกนายแล้ว อย่ามอบความเชื่อใจของนายให้กับไอ้โง่แบบนั้น”
ทำไมพวกเขาถึงได้ส่งคนแบบหมอนั่นไปเมื่อพวกเขามีคนที่เต็มไปด้วยความสามารถจำนวนมาก
“ไม่ เขาทำได้ดีเกินกว่าที่ฉันบอกเขาเสียอีก”
กั๊กแตทำเกินกว่าที่เขาบอก
มีเพียงแค่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหตุการณ์หนึ่งที่ได้เกิดขึ้นในวินาทีสุดท้าย
“เห?”
ในขณะที่หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าสงสัย ชายคนนั้น วองยูง หัวเราะขณะที่ส่ายศีรษะ
“ไม่มีอะไร เราจะเจอกันในที่สุด อย่าไปกังวลเกี่ยวกับมันและเพ่งความสนใจไปในสิ่งที่เรากำลังทำเถอะ”
‘เจ้าฮันซูกับคนสวมหน้ากากนั่นจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันไหม?’
ลอร์ดวองยูงพึมพำอยู่ในใจ ทว่าจากนั้นก็ส่ายศีรษะ
กั๊กแตได้บอกถึงว่าสถานที่ที่คนคนหนึ่งจะไปถึงโดยใช้ผลึกเล็กนั้นมีความแน่นอน
แต่ฮันซูจะรู้ถึงสถานที่แบบนั้นและส่งคนของเขาไปที่นั่นได้ยังไง
เรื่องแบบนั้นมันไม่มีความเป็นไปได้
ถ้าวองยูงมีข้อมูลแบบนั้น เขาก็คงทำแบบเดียวกัน
‘เอาเถอะ มันไม่สำคัญ’
เขาไม่รู้เกี่ยวกับหมอนั่นที่มีหน้ากากแปลกประหลาด แต่เขาจะพบคนที่ชื่อฮันซูนั่นในไม่ช้า
“พวกเรามาเตรียมตัวกันเถอะ”
หญิงที่ยืนอยู่ข้างวองยูงผงกศีรษะจากนั้นจึงตะโกนเสียงดัง
ล้อมรอบบริเวณนี้ไว้ เตรียมสกิลของพวกนายเอาไว้และซ่อนตัว! จนกว่าพวกนั้นจะข้ามมาทั้งหมด!”
กิลด์ของวองยูงนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยคนร้อยคน
ตอนนี้พวกเขามีเพียงแค่ 85 คน เพราะอีก 15 คนนั้นอยู่ที่อื่น แต่พลังต่อสู้ของพวกเขานั้นเหนือกว่ากิลด์ปกติทั่วไป
เมื่อในขณะที่คนอื่นฆ่าสัตว์อสูรอย่างเรียบง่าย พวกเขาฆ่ามนุษย์ ขโมยรูนและอาร์ติเฟคของพวกนั้นไป
และผู้คนที่มาจากด้านล่างนั้นย่อมสะบักสะบอมอย่างมาก
พวกเขาไม่อาจเสียโอกาสใหญ่หลวงเช่นนี้ไปได้
‘ฉันไม่ได้ชอบเรื่องแบบนี้แต่แรก… มันดูเหมือนว่าฉันจะเปลี่ยนไปหลังจากได้รับสัญลักษณ์’
หญิงคนนั้นสิ้นสุดความคิดขณะที่เธอเอ่ยถามวองยูง
“ยังไงก็ตาม นายบอกว่าพวกนั้นจะมาทางนี้ถ้าพวกเรารอที่นี่?”
“อย่างน้อยคนที่มาจากเกาะกลางคงจะเป็นแบบนั้น?”
มันดูเหมือนว่าประตูวาร์ปมายังเกาะแห่งหอคอยนั้นจะแตกต่างไปตามเกาะด้านล่างและถูกกระจายไปรอบๆ เกาะหอคอย
แต่หากการคาดคำนวณของเขาถูกต้อง ประตูวาร์ปที่เชื่อมต่อกับเกาะกลางด้านล่างคือประตูนี้
เมื่อมันดูเหมือนว่าจะเป็นประตูวาร์ปที่ตั้งเส้นทางตรงดิ่งขึ้นมาจากเกาะอื่นๆ สู่เกาะหอคอย
เมื่อประตูอื่นๆ ก็เป็นเช่นนั้น
ไม่ใช่ทุกคนที่จะขึ้นมาที่นี่ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ทำแบบนั้น
เมื่อการผ่านเกาะแห่งหอคอยคือเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อดูจากแผนที่เกาะ
‘ชิ ถ้าเขาดูแลทุกอย่างด้านล่างได้ ฉันก็คงไม่ต้องทำอะไรแบบนี้…’
เขาต้องการที่จะฆ่าพวกนั้นลงทีล่ะคนด้วยการรออยู่เบื้องหน้าประตู แต่เป็นลูกกิลด์ที่ขึ้นมา คนอื่นๆ ด้านล่างก็จะรู้และหยุดขึ้นมา
มันลำบากมากขึ้นเพราะลอร์ดสองคนมีชีวิตรอด
พวกเขาต้องรอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจากนั้นก็ฆ่าทุกคนเมื่อคนจำนวนมากพอรวมตัวกัน
‘เอาเถอะ… ฉันฆ่าหมดไม่ได้ แต่…’
มันไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับบางสิ่งที่ได้รับหลังจากเฝ้ารอสักหน่อย
เมื่อมันจะยังมีโอกาสอีกมาก
‘ฉันไม่มั่นใจว่าจะมีคนขึ้นมาเท่าไหร่ แต่… รีบๆ มาเถอะ มันจะดีถ้าหากไอ้ฮันซูนั่นมาด้วย’
วองยูงหัวเราะเสียงเย็น
TL: ในเมื่อลากบอสไม่ได้ก็ลากประตูวาร์ปแทนแล้วกันเนอะ//หัวเราะ