บทที่ 39

 

“นี่ … นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

 

บนท้องฟ้า สีหน้าของผู้อาวโสหยินมืดมนดั่งเมฆท่ามกลางพายุฝน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาเค้นหาคำตอบ รีบสั่งการอพยพสาวกทุกคน

 

“รีบไปช่วยคนเจ็บ แล้วก็ย้ายเรือเหาะออกมา ตรวจสอบดูว่ายังมีสาวกข้างใต้ที่ยังรอดไหม? แล้วก็ไปหามาว่าใครเป็นคนขับเรือเหาะ ข้าจะลงโทษมันอย่างสาสม!”

 

….

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

 

“รายงานผู้อาวุโส มีสาวกกว่า 30 คนเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสอีกกว่า 200 คน และบาดเจ็บเล็กน้อยอีกนับไม่ถ้วน” สาวกคนหนึ่งยกมือขึ้นพูดด้วยความกลัว

 

จำนวนนี้เทียบกับในสนามรบแล้วไม่มากมายอะไร แต่ห้ามลืมนะว่าที่นี่คือฐานที่มั่นของสำนักเซี่ยเจี้ยน มันใช่เรื่องไหมที่มีคนตายเป็น 30 คน?

 

“ไปช่วยคนที่ยังพอช่วยได้ แล้วเจอตัวคนขับเรือเหาะรึยัง?”

 

ใบหน้าของผู้อาวุโสหยินไม่น่าดู เขาเป็นผู้รับผิดชอบเวทีประลองวันนี้ แต่บัดนี้กลับมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ทางนิกายต้องกล่าวโทษและตำหนิเขาอย่างรุนแรง

 

“นี่…”

 

สาวกคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นเรือเหาะของพวกเราจริงๆ แต่ … ” เขาชะงักไป ไม่กล้าพูดต่อ

 

“พูดมา!”

 

ผู้อาวุโสหยินตะคอก เขาแทบระเบิดความโกรธ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปิดบังอะไรอีก? 

 

“จากปากของสาวกบนเรีอเหาะที่ถูกมัดไว้ … พวกเขาเล่าว่าถูกฉินห่าวเข้าคุมเรือตรงบริเวณชายแดนของนิกายเซียวเหยา!”

 

สาวกที่ลังเลรีบตอบทันควัน

 

ผู้อาวุโสหยิน “ …. ” 

 

เขาตกตะลึง! เป็นอ้ายสุนัขฉินห่าวอีกแล้ว!

 

“แล้วคนเล่า?”

 

หลังจากเงียบไปนาน ผู้อาวุโสหยินถามเสียงแหบแห้ง

 

“หายตัวไปแล้ว น่าจะจากไปทันทีหลังเรือเหาะพุ่งชน”

 

เงียบกริบ!

 

“หามันให้ข้า ส่งคำสั่งลงไป สาวกคนใดพบเจอร่องรอยของฉินห่าว จะได้เลื่อนชั้นเป็นสาวกชั้นสี่ และสาวกคนใดสามารถฆ่ามันได้ จะได้รับการเลื่อนชั้นเป็นสาวกชั้นสอง!”

 

ผู้อาวุโสหยินคำรามเสียงดัง หัวใจคล้ายมีเลือดหยด ทำไมเขาถึงไม่ฝืนฆ่าเจ้าปีศาจตนนี้ตั้งแต่แรก! ความผิดพลาดครั้งเดียวกลายเป็นความเกลียดชังชั่วนิรันดร์!

 

หลังจากโวยวายอยู่พักหนึ่ง เขาก็พบว่าสาวกคนนั้นหน้าตาแดงก่ำ แต่ยังคงนิ่งไม่ไปไหน

 

“หือ? เหตุใดเจ้ายังไม่ไปอีก?”

 

ผู้อาวุโสหยินโกรธมาก ยิ่งเห็นสาวกตัวเองไม่ฟังคำสั่งก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม

 

“เรียนผู้อาวุโส ฉินห่าวตอนนี้เป็นสาวกชั้นหนึ่งของนิกายเซียวเหยาแล้ว และข้ายังได้ยินมาว่าเขาอาจอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ ดังนั้น … ” สาวกไม่ได้เอ่ยต่อ แต่ความหมายนั้นชัดเจนในตัวมันเอง

 

อ้างอิงจากพลังรบของสาวกส่วนใหญ่ของสำนักเซี่ยเจี้ยน เกือบทั้งหมดหากเผชิญหน้ากับฉินห่าวย่อมไม่มีโอกาสรอด!

 

พรวดดดด!

 

ผู้อาวุโสหยินตาเหลือก เลือดลมไหลย้อนกลับ กระอักเลือดคำโต

 

 

“ที่นี่กระมังคลังสมบัติของสำนักเซี่ยเจี้ยน” ฉินห่าวยืนอยู่หน้าประตูใหญ่พลางครุ่นคิด

 

เขาชำเลืองมองยามทั้งสองฝั่งที่นอนนิ่งกับพื้น

 

สลายโลหิต!

 

และเปลี่ยนร่างตนกลายเป็นเลือด พุ่ง่ผ่านประตูคลังเข้าไปข้างใน

 

พรวดดด!

 

เมื่อกลับสู่สภาพเดิม ฉินห่าวกระอักเลือดเต็มปาก ร่างกายตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอ คล้ายพร้อมสลบตลอดเวลา

 

เขารีบหยิบมีดเล่มบางออกมาปาดคอตัวเองทันที

 

“เฮ้อ วิชานี้แม้แข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่ผลพวงที่ตามมานั้นร้ายแรงนัก หากไม่ใช่เพราะร่างกายข้าเป็นอมตะ มีอีกกี่ชีวิตก็คงไม่พอ”

 

ฉินห่าวฟื้นขึ้นมา ถอนหายใจมองไปรอบๆ

 

คลังสมบัติคือสถานที่เก็บทรัพยากรรายเดือนของสาวก อีกทั้งยังมีอาวุธหรือสิ่งของที่ทางนิกายคิดว่าล้ำค่าเก็บไว้

 

ฉินห่าวลองหยิบธนูที่ตั้งอยู่ข้างๆตัวขึ้นมา ลองดึงเอ็นที่ขึง และพบว่าพลังปราณไหลออกจากฝ่ามือเขา แปรเปลี่ยนรูปเป็นลูกศร รัศมีแสงกระจายจากมันเป็นระลอกคลื่นดูงดงามมาก

 

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีอาวุธ โอสถ และสมบัติวิเศษอยู่อีกมากมาย

 

ฉินห่าวโบกมือวูบ และเริ่มทำงานอย่างหนัก ระบบของเขาสามารถเก็บสิ่งของได้เพียงครั้งละชิ้นเท่านั้น พอมีแหวนมิติเลยดีขึ้นมาก เพียงใช้พลังจิตกวาดออกไป ก็สามารถรวบรวมมันได้หลายชิ้นในคราเดียว

 

“เหอ เหอ หากได้เห็นสมบัติมากมายที่ข้านำไปให้ เหล่าศิษย์น้องทั้งหลายคงดีใจกันน่าดู”