บทที่ 35: ปราสาทจอมมาร (2)
“หืม”
ฮันซูหัวเราะเมื่อรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวเบื้องหลังเขา
‘ฉันสงสัยว่าหมอนั่นเตรียมตัวอย่างหนักเพื่ออะไร’
ชายหนุ่มผงกศีรษะ
มันดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเตรียมตัวเป็นอย่างดีขณะที่พวกนั้นนำวิธีการที่ได้เรียนรู้จากฮันซูไปใช้ในการต่อสู้กับปีศาจ
อาร์ติเฟคที่สามารถทำให้การเคลื่อนไหวของปีศาจเชื่องช้าลงแทนที่จะเป้นอันที่สามารถสรเงความเสียหายได้อย่างรุนแรง
พลังป้องกันและบัฟที่จะต่อต้านการโจมตีวงกว้างทั่วๆ ไปของปีศาจ
พวกเขาได้คัดเลือกพวกมันมาอย่างเหมาะสม
การเคลื่อนไหวและการโจมตีของพวกเขาไม่อาจตามฮันซูได้ทัน
ทว่าพวกเขาได้เติมเต็มช่องว่างพวกนั้นด้วยสกิลและลักษณะพิเศษที่หลากหลาย
‘ถ้าพวกนายทำแบบนั้น พวกนายก็จะสามารถล่ามันได้อย่างปลอดภัยแน่ๆ’
วิธีการที่ตรงกันข้ามกับชายหนุ่ม
หากฮันซูพยายามที่จะจัดการมันให้ได้เร็วที่สุดด้วยการรับการโจมตีตรงๆ และเชื่อมั่นในพลังป้องกันและการหลบของเขา สร้างข้อได้เปรียบด้วยพลังโจมตีที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นวิธีการนี้ก็คือการล่าแบบปลอดภัยเพื่อที่จะไม่ได้รับความสูญเสียใดๆ
กองกำลังพิเศษทั้งสิบห้าได้สลับกันเข้าปะทะกับปีศาจและสร้างบาดแผลให้มัน
มันเป็นไปได้เพราะพวกเขาสามารถทนทานสกิลของปีศาจได้ในระดับหนึ่ง
พวกเขาไม่อาจลดความเสียหายได้แบบฮันซู ทว่าพวกเขาได้ทดแทนมันด้วยสกิลรักษา
ขณะที่ฮันซูนั้นกำลังจะจัดการปีศาจของเขาลงได้ กองกำลังพิเศษก็ได้ควักหัวใจทั้งสองของปีศาจออกมาได้เช่นกัน
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
พวกเขาเคยคิดว่ามีเพียงฮันซูที่สามารถฆ่าปีศาจได้ ทว่าลอร์ดได้ฆ่าพวกนั้นเช่นกัน
ขณะที่พวกเขาเริ่มฆ่าปีศาจ ลอร์ดคนอื่นๆ ก็ได้เริ่มนำกองกำลังพิเศษที่พวกเขาซ่อนไว้ออกมาและบดขยี้นักเวทลงไปอย่างง่ายดาย
นักเวทนั้นเป้นสิ่งคุกคามอย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่มีกิลด์ที่ไม่มีพลังป้องกันเวทย์มากมายนัก ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกองกำลังพิเศษที่มีพลังป้องกันเวทย์และพลังรักษา รวมทั้งสกิลอื่นๆ ในการต่อกรกับมัน
และสิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดคือจำนวนของพวกนั้น
ฮันซูมีเพียงคนเดียว
สิ่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าจำนวนของกองกำลังพิเศษของแต่ล่ะกิลด์รวมกันนั้นมากกว่า 100 คน และพวกนั้นสามารถล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
“… ถ้ามันเป้นแบบนี้ มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะเข้าร่วมกับกิลด์?”
ใครบางคนพึมพำขึ้น
ฮันซูนั้นแข็งแกร่ว แต่เขามีร่างกายเพียงร่างเดียว
และผู้ที่ไม่มีกิลด์ยังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของนักเวทอยู่เรื่อยๆ
ในทางกลับกัน สหพันธ์กิลด์นั้นได้มุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าผ่านการป้องกันของกองกำลังพิเศษ
“พวกเวรเอ้ย… ถ้าพวกมันมีอะไรแบบนั้น พวกมันก็ควรจะปกป้องพวกเราด้วย”
ขณะที่คนคนหนึ่งจ้องมองไปยังกองกำลังพิเศษอย่างแค้นใจ เพื่อนที่อยู่ข้างกายที่เขาได้สนิทด้วยระหว่างการป้องกันก็ได้ส่ายศีรษะ
“ไอ้คำพูดแบบนั้นไร้สาระมาก นายคิดเหรอว่าพวกมันจะปกป้องนาย”
ทำไมพวกนั้นต้องปกป้องพวกเขา?
พวกเขาไม่แม้แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์
ผู้ที่พูดมองไปยังปราสาทจอมมารที่อยู่ห่างออกไป
นี่เป็นวันแรก
มันยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องไป
การไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ดังนั้นแล้วเขาต้องตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
เขาเริ่มที่จะคิดหลังจากที่วางตัวเลือกที่เป็นไปได้ของเขาลง
ว่าจะอยู่ในสมาคมคนไร้กิลด์
หรือว่าไปอยู่ภายใต้การปกครองของสหพันธ์กิลด์อย่างไร้ยางอาย
‘… มันก็ไม่แย่ขนาดนั้น?’
เหตุผลที่เขากังวลว่าจะถูกโยนทิ้งเป็นเพราะจำนวนที่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านคริสตัลนั้นถูกจำกัดไว้ที่ 500 คน
แต่ในทางกลับกัน ปัญหานั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป
ไม่สิ สหพันธ์กิลด์นั้นย่อมยินดีต้อนรับพวกเขาแทน
เมื่อนักผจญภัยที่ได้รับสัญลักษณ์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังของพวกเขาและขึ้นไป พร้อมกัน
‘เอาเถอะ อย่างน้อยก็คุยกันก่อน ถ้าไม่ได้งั้นฉันก็แค่อยู่ตรงนี้’
มันไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับพวกเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าพวกเขาถูกปฏิเสธ พวกเขาก็แค่เพียงติดตามแผ่นหลังของฮันซูต่อไป
และหากพวกเขาได้รับการต้อนรับ พวกเขาก็แค่ต้องต่อสู้ภายใต้กิลด์
และไม่ช้าคนจำนวนมากที่มีความคิดคล้ายคลึงกันก็เริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังกิลด์ กั๊กแตแย้มยิ้มอยู่ในใจเมื่อเห็นเช่นนั้น
‘อย่างที่ฉันคิด’
ความจงรักภักดีอะไรที่คนพวกนี้จะมี
พวกนั้นเป็นแค่ตั๊กแตนที่มองหาพื้นที่ปลอดภัย
เหตุผลเดียวที่พวกนั้นติดตามฮันซูเพราะหมอนั่นดูค่อนข้างเชื่อถือได้ และเพราะมันจะอันตรายสำหรับพวกนั้นหากรั้งอยู่เบื้องหลัง
ตราบเท่าที่แรงจูงใจในการอยู่ภายใต้ฮันซูนั้นชัดเจน คำตอบก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
‘ใช่ มาสิ เราจะรับพวกนายเข้ามา’
มันจะไม่นานมากนัก
กระทั่งหมอนั่นถูกทิ้งไว้เพียงคนเดียว
‘ฉันสงสัยนัก ว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหนด้วยตัวคนเดียว’
“… คนยังไปเรื่อยๆ เป้นแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?”
ฮยอนวูพึมพำขณะที่เขามองไปยังคนราวๆ 300 คนที่จากไป
‘พวกนั้นทั้งหมดเองก็ยอดเยี่ยม’
ฮยอนวูพึมพำเงียบๆ
พวกเขาได้แยกกันแบบนี้ภายในเวลาหนึ่งวันแห่งการตัดสินใจในการเลือกกลุ่ม
ไม่สิ หากมองมันในอีกทาง มันก็อาจจะมีบางสิ่งที่ชัดเจน
มีคนจำนวนไม่มากที่มีสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตตัวเอง
โดยเฉพาะในโลกแบบนี้ที่ครอบครัว ความรัก และความศรัทธายากที่จะรักษาเอาไว้
ฮันซูหัวเราะกับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ย
“เอาเถอะ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นถ้าพวกนั้นสู้ได้ดี”
ชายหนุ่มนั้นกระทั่งคิดว่าสหพันธ์กิลด์นั้นค่อนข้างดี
คนพวกนั้นที่ได้สร้างวิธีการในการต่อสู้กับศัตรูที่ยากลำบากอย่างที่เกือบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในเวลา 20 วันนั้นควรค่าแก่การชื่นชม
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ง่ายกว่าที่จะควบคุมหากมีคนจำนวนมากขึ้นอยู่ในกิลด์มากกว่าพวกที่ไม่มีกิลด์
โดยสรุป นี่จะเพิ่มจำนวนคนที่รอดชีวิตและกระทั่งความเร็วในการที่พวกเขาจะมุ่งตรงไปยังปราสาทจอมมาร
“… แต่ไม่ใช่ว่าการที่พวกนั้นเอาผลึกไปมันทำให้นายหงุดหงิดหรืออะไรแบบนั้นเหรอ?”
ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
สิ่งที่เขากังวลจนกระทั่งตอนนี้มีเพียงสองสิ่ง
ผู้คนตายด้วยน้ำมือของปีศาจเพราะพวกเขาพยายามมากเกินไปในการได้ครอบครองผลึก และผู้ที่ได้รับผลึกแล้วขึ้นไปทั้งๆ แบบนั้น
แต่เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
มันไม่มีอะไรแย่เพราะกองกำลังพิเศษได้ล่าปีศาจอย่างปลอดภัย และมันเป็นเรื่องที่ยุติธรรมในการที่ผู้ฆ่าจะได้รับของไป
และแอรีสได้ช่วยคน 600 คนจาก 1,000 คน
หากพวกเขาไปต่อแบบนี้ เช่นนั้นมันก็หมายความว่าลอร์ดและลูกกิลด์ชั้นแนวหน้าของพวกเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตราย
แต่ทำไมพวกเขาจะทิ้งพลังที่พวกเขารวบรวมมาไว้ที่นี่และขึ้นไปด้วยผลึก?
แน่นอน หากพวกนั้นสู้ได้ดีขึ้นด้วยการซื้ออาร์ติเฟคด้วยผลึก เช่นนั้นมันจะกระทั่งดีกว่าสำหรับเขา
เมื่อเขาจะสามารถไปถึงยังปราสาทจอมมารได้ด้วยสภาพร่างกายที่ดีที่สุด
‘มันจะดีกว่านั้นถ้าพวกนั้นทำแค่นั้น’
ทันทีที่สิ้นคำ กั๊กแตก็ได้เดินตรงมายังเขาโดยไร้วึ่งความเกรงกลัวจากที่ไกลๆ
“เมื่อพวกเราจัดการมันได้ ของก็ย่อมเป็นของพวกเราใช่ไหม?”
ฮันซูผงกศีรษะ
“แน่นอน ของที่ดรอปจากสัตว์อสูรหรือปีศาจที่พวกนายฆ่าก็ต้องเป็นของพวกนาย”
กั๊กแตยักไหล่
‘อ่าใช่ เขาย่อมไม่มีทางตกหลุมกับเรื่องง่ายๆ แบบนี้’
หมอนั่นได้ป้องกันผลึกอย่างดีเพื่อไม่ให้ถูกแบ่งออกไป
และเพราะแบบนั้น หากเขาพูดอะไรเกี่ยวกับมัน เช่นนั้นหมอนั่นก็อาจจะแสดงอำนาจบางอย่างออกมาด้วยเหตุผลนั้น
หมอนั่นแข็งแกร่ง แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมชนะหากพวกเขาใช้กองกำลังพิเศษซึ่งมีจำนวนมากกว่าร้อยคนในการบังคับให้หมอนั่นล่าถอย
และผู้คนที่อยู่ภายใต้อีกฝ่ายในตอนนี้ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าเมื่อเขาสามารถเหนือกว่าอีกฝ่ายได้แล้ว คนอีก 300 คนที่เกาะติดกับหมอนั่นก็จะหายไป แต่การที่หมอนั่นมีท่าทีเยือกเย็นแบบนี้
‘เอาเถอะ มันก็ไม่แย่ขนาดนั้น’
มันไม่ใช่เรื่องแย่เมื่อเขาเห็นว่าคนที่ไม่ยอมให้ความต้องการของเขาเลี้ยวเบนกระทำตัวแบบนี้
‘เอาเถอะ เราจะได้เปรียบมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป’
มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบ
เมื่อช่องว่างจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเขาได้รวบรวมผลึกและได้รับอาร์ติเฟคเช่นกลองแห่งเลมพัล ช่องว่างระหว่างพวกเขาย่อมมากขึ้นอย่างชัดเจน
“แม่ง ไอ้เหี้ย”
ฮันซูหัวเราะไปกังฮยอนวูที่ได้สบถออกมาขณะที่มองไปยังกั๊กแตที่อยู่ห่างออกไป และจากนั้นจึงเริ่มนับจำนวนผลึกที่เขามี
‘แต่ถ้าฉันยังรวบรวมผลึกได้ด้วยความเร็วระดับนี้ งั้นฉันก็อาจจะได้ครอบครองกระทั่ง <ความยุติธรรมแห่งดีคราดอส>’
<คำพิพากษาแห่งดีคราดอส> นั้นเป็นเซ็ทไอเท็ม
หากเขาได้ครอบครอง <ความยุติธรรมแห่งดีคราดอส> ที่ต้องการผลึก 55 ผลึก เช่นนั้นเขาจะสามารถมุ่งไปยังปราสาทจอมมารได้ด้วยความง่ายดายมากกว่าเก่าด้วยความเข้ากันของทั้งสอง
หากพวกเขามุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเป้นมิตรกันเช่นนี้ เขาอาจกระทั่งช่วยเหลือได้มากกว่าแอรีส
‘ถึงแม้ว่ามันจะดูยากก็เถอะ’
ฮันซูหยุดคิดและกระโดดไปยังปีศาจทั้งแบบนั้น
วูบบบ
ฮันซูเหวี่ยงเคียวของเขากว้างๆ ไปยังกองกำลังพิเศษที่กำลังเข้าใกล้ปีศาจที่เขากำลังสู้อยู่อย่างช้าๆ
พื้นดินถูกกรีดเป็นรอยจากเคียว และเพราะแบบนั้นสมาชิกของกองกำลังพิเศษจึงได้ชะงักการเคลื่อนไหวของพวกเขาลง
ฮันซูยิ้มเย้ยไปทางกองกำลังพิเศษเหล่านั้น
“ไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
ซังฮูน หนึ่งในกองกำลังพิเศษ กัดฟันกรอดก่อนจะเอ่ยปากพูด
“แต่ไม่ว่าฉันจะมองยังไง มันก็ดูไม่ยุติธรรม”
“อะไรล่ะ?”
ซังฮูนชี้ไปยังศพของปีศาจที่อยู่บนพื้น
“นายเอาไปทีเดียวสามตัวด้วยโซ่ของนาย”
เมื่อพวกเขาอยู่ภายใต้กิลด์ พวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงความเสียหายจากนักเวทที่จะมาถึงลูกกิลด์ได้อีกต่อไป
และเพราะแบบนั้น ลอร์ดจึงได้แบ่งกองกำลังพิเศษของพวกเขาออก
คน 60 คนได้สู้กับปีศาจ โดยที่คนราวๆ 12 คนต่อกรกับปีศาจหนึ่งตน ในขณะที่เหลืออีก 40 คนนั้นไปต่อกรกับนักเวท
แต่ในขณะที่คน 60 คนฆ่าไปได้ 5 ฉันซูได้ฆ่าไป 3 ด้วยตัวคนเดียว
และราวกับว่าหมอนั่นได้ขัดใจพวกเขา หมอนั่นมัดพวกมันทีล่ะตัวด้วยโซ่ จากนั้นจึงฆ่ามันทีล่ะตัว
มันมีความแตกต่างในด้านของความเร็วเมื่อพวกเขาสู้ด้วยความปลอดภัยเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของเหล่ากองกำลังพิเศษที่ล้ำค่า ในขณะที่ฮันซูได้พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยที่ไม่ใส่ใจร่างกายของตนเอง
แต่แม้กระนั้น พวกเขาก็มี 60 คน
และไม่ว่าจะเป้นใครใน 60 คนนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือที่ถูกสร้างขึ้นโดยรวมพลังจิต สกิล และรูนด้วยการใช้ทรัพยากรของทั้งกิลด์
ฮันซูยิ้มเย้ยขณะที่เขาเอ่ยพูด
“นั่นเป็นสาเหตุให้ฉันลงมือทำก่อนเมื่อพวกนายมาเพื่อฆ่าพวกมัน เหมือนเมื่อก่อน”
‘…ไอ้เวรบัดซบ’
สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าคือการที่เขาแบ่งคนหกคนไปเข้าใกล้ปีศาจอีกสองตัวที่ถูกแบ่งไว้และถูกมัดไว้ด้วยโซ่ของอีกฝ่าย
หมอนั่นได้มัดไว้สามตน แต่ว่าสู้เพียงทีล่ะตน ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงได้แบ่งทีมเพื่อเข้าใกล้อีกสองตนที่ถูกมัดอยู่
และจากนั้นไอ้หมอนี่ก็คลายโซ่ที่มัดอีกสองตนไว้ ซึ่งทำให้ปีศาจอาละวาด และทำให้หนึ่งในกองกำลังพิเศษตาย
‘บัดซบ…’
มันดูเหมือนว่าจะมีปีศาจจำนวนมาก แต่เมื่อพวกเขาเริ่มฆ่าพวกมัน มันก็ไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนั้น
จำนวนของปีศาจที่ได้เข้าใกล้พวกเขาในเวลา 3 วันที่ผ่านมานั้นมีราวๆ 50 ตน
ขณะที่พวกเขาฆ่าไป 30 ฮันซูได้ฆ่าอีก 19 ตัวเพียงคนเดียว
และเพราะแบบนั้น เหล่าลอร์ดจึงไม่อาจรักษาสีหน้าเอาไว้ได้อีก
เมื่อพวกเขาได้ฆ่าไป 30 ด้วยคน 12 คน
และพวกเขาไม่อาจแม้แต่จะได้รับ 10 ผลึกเมื่อพวกเขาสู้สิบวันติดต่อกัน
แล้วใครจะไปทนกับเรื่องแบบนี้ได้กัน?
‘เป็นแบบนี้ไม่ได้’
ซังฮูนรีบล่าถอยด้วยสีหน้าเย็นชาและเดินตรงไปยังลอร์ดของเขา กั๊กแต ด้วยความรวดเร็ว
‘อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะจริงๆ’
เขารู้ส่วนสำคัญของมัน ทว่าความเร็วในการล่าของพวกเขานั้นแตกต่างกันมากเกินไป
‘เอาเถอะ ผลึกไม่ใช่สิ่งสำคัญ’
ผลึกนั้นเป็นโบนัสไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
กั๊กแตถอนหายใจหลังจากมีสีหน้าฉุนเฉียว จากนั้นจึงคิดถึงแรงจูงใจของเขา
เขาได้คิดถึงอดีตตอนที่เขาอ่านสามก๊ก
<มันเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่แล้วหากมีสามขั้วอำนาจที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน>
ทว่าที่นี่มีทั้งหมด 12 กิลด์
มันดูเหมือนว่าเวทีจะเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาขึ้นไปสูงขึ้น
หากพวกเขาคิดว่าจะจัดการทุกอย่างทีหลัง มันก็จะสายเกินไป
‘ไหนดูสิ… ถ้าบอกว่ามันมีเวลา 10 วัน งั้นเวลาที่เหลือก็คือ 7 วัน’
หากไม่นับว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผีดิบและปีศาจโดยไม่หยุดยั้งขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้า มันก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน
แต่มันไม่ได้นานขนาดนั้นเพื่อที่จะทำให้แผนของเขาสำเร็จ
‘ฉันยอมรับว่านายแข็งแกร่ง’
ยอมรับ
หมอนั่นแข็งแกร่งมาก
กระทั่งมากกว่ากิลด์ที่เขาสร้างขึ้นด้วยความพยายามทั้งหมดของเขา
และเขาคิดว่านับตั้งแต่ตอนนี้ มันจะมีเวลาที่พลังของหมอนั่นคนเดียวเหนือกว่าคนทั้งหมด
‘ฉันอยากได้หมอนั่นจริงๆ’
แต่เขาได้สืบเรื่องนี้มาแล้ว
จากที่เขาได้ยินมา หมอนั่นได้ปฏิเสธข้อเสนอจากกิลด์อื่นแล้ว
แต่ทุกคนคงพยายามก่อกวนหมอนั่นหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย
และจากที่เขารู้ หมอนั่นได้ปฏิเสธทั้งหมด
‘มันดูเหมือนว่าจะมีเหตุผล…’
หมอนั่นมีกลายสิ่งที่ปกปิดเอาไว้
การที่เขาไม่ได้ขึ้นไปแม้ว่าจะมีผลึกก็น่าสงสัยเช่นกัน
‘เอาเถอะ เพราะแบบนั้นมันถึงได้มีโอกาสสำหรับฉัน’
หากเขาไม่สามารถใช้ได้ งั้นคนอื่นเองก็เช่นกัน
มันอันตรายเกินไป
แม้ว่าทุกสิ่งจะอันตรายขึ้นเพราะการหายไปของหมอนั่น เขาก็สามารถหลบหนีได้ด้วยผลึกพร้อมด้วยลูกกิลด์แนวหน้า รวมทั้งกองกำลังพิเศษของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกัน ระดับของราชาและผู้ที่อยู่ใต้พวกเขา ผู้ที่มีสัญลักษณ์ นั้นแตกต่างกันอย่างมาก
ราชาจะไม่บอกให้แม่ทัพไม่ต้องออกรบเพียงเพราะเขาให้ความสำคัญกับแม่ทัพผู้นั้น
‘มันไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องทำเอง’
มันจะจบลงถ้าหากเขาทำให้ใครบางคนถูกโจมตีด้วยดาบและตาย
และกระทั่งดีกว่าหากดาบนั้นได้รับความเสียหาย
‘ไหนดูสิ คนที่จะทำให้หมอนั่นตกลงไปในกับดักได้ง่ายที่สุดคือ… แทจิน’
<ไอ้หมอนั่นที่ชื่อฮยอนวูยังอยู่ใช่ไหม? ดี บอกไอ้ฮยอนวูนั่นก่อน>
กั๊กแตสั่งบางอย่างให้กับลูกกิลด์ของเขาผ่านข้อความ ขณะที่เขาลุกขึ้นและมุ่งตรงไปยังแทจิน
แทจินจ้องมองไปยังฮันซูที่ยืนอยู่เบื้องหน้าประตูยักษ์ที่สร้างขึ้นจากกระดูกอย่างเย็นชา เพราะเขาคิดถึงคำที่ลอร์ดอีกคน กั๊กแต ได้บอกเขา
<ฮันซูได้ตกลงที่จะร่วมมือกับกิลด์ของเราแล้ว ดังนั้นแล้วบอกให้กองกำลังพิเศษหลีกเลี่ยงการปะทะกับเขา ฉันบอกนายเรื่องนี้เพราะฉันกังวลว่านายมีความขัดแย้งกับหมอนั่นมากในช่วงนี้ แม้ว่านายเองก็เป็นหนึ่งในพันธมิตรลับๆ ของฉันก็เถอะ>
และจากนั้นอีกฝ่ายก็ได้บอกว่าเรื่องนี้ยังคงต้องเป็นความลับจากคนอื่นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสายตาของกิลด์อื่นๆ
‘… ไอ้เวรนี่ นายปฏิเสธข้อเสนอของฉันแต่ยอมรับข้อเสนอของกั๊กแต?’
แทจินกัดฟันกรอด
แน่นอนว่าเขาไม่โง่และไม่ได้เชื่อในทันที
ดังนั้นแล้วเขาจึงได้ข่มขู่ฮยอนวูที่มักจะอยู่ข้างกายของฮันซูตลอดเวลา
และเขาพบว่ามันมีการพูดคุยในทางที่ดีระหว่างฮันซูและกั๊กแตจริงๆ
‘มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ได้’
กั๊กแตนั้นเป็ลอร์ดของกิลด์ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดากิลด์ทั้ง 12 อยู่แล้ว
มันอาจเทียบกันได้ แต่มันจะมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อหมอนั่นเข้าร่วม
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันอย่างลับๆ ภายในสหพัน์กิลด์ แต่เขาจะมองดูเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อเขาไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขึ้นไป
‘ไอ้เวรนี่… ฉันปล่อยเขาไว้เพราะเขาวางตัวเป็นกลาง’
มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงแม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าพลังระหว่างเขาและพันธมิตรก็เหมือนกัน
และมันจะเป็นปัญหาอย่างมากหากผลึกในมือของหมอนั่นไปอยู่ในมือของกั๊กแต
‘ฉันคงต้องเตรียมตัวสักหน่อย’
เขาได้สู้อยู่ในแนวหน้าตลอดเวลา
ดังนั้นแล้วโอกาสย่อมมาถึงถ้าหากเขามองหา
โดยเฉพาะหากมันอยู่ใกล้กับประตูที่ดูน่าสงสัยและอันตรายนั่น
‘ใช่ นายค่อนข้างสบายมาจนกระทั่งตอนนี้’
ไม่เหมาะกับโลกบัดซบนี่
แทจินกัดฟันของเขาหลังจากที่เห็นฮันซูและประตูที่สร้างขึ้นจากกระดูกที่อยู่ห่างออกไป ขณะที่เขาเริ่มสั่งบางอย่างกับลูกกิลด์ของเขา
TL: ไหนใครหัวร้อนกับกั๊กแตมั่งยกมืออ//ยกมือด้วย