วันนี้ลง 35 – 40
บทที่ 35
การมีกลิ่นอายเลือดแผ่ออกมาจากวิชายุทธนั้น ไม่ใช่เกิดจากการสังหารสัตว์ร้ายในจำนวนเยอะมากๆเพียงอย่างเดียว แต่มันยังอาจเกิดจากการถูกเกลียดชังอย่างแรงกล้าอีกด้วย
ซึ่งหากมีกลิ่นอายนี้เข้มข้นเกินไป ก็ง่ายต่อการถูกธาตุไฟเข้าแทรก
ผู้อาวุโสอีกสี่คนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้อาวุโสชุ่ย แต่พวกเขามีตำแหน่งเดียวกัน ดังนั้นไม่อยากพูดอะไรมากความ
เคร้ง!
เสียงกระบี่และค้อนกระทบกันดังกึกก้อง
ฉินห่าวถูกบีบให้ถอยหลังไปหลายก้าว สองแขนสั่นไม่หยุดอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็บังคับให้มันสงบลงได้
“เก้ามังกรทะยานขั้นที่สอง!”
ฉินห่าวตะโกนก้อง แรงกดดันในตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของหลิวเฮ่อกลายเป็นแข็งทื่อ เจ้าหมอนี่มันอะไรกัน? นี่เจ้าจะแกร่งขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะ! จะโกงกันเกินไปแล้ว!!
ตอนแรกหลิวเฮ่อคิดว่าแค่สู้เล่นๆ แต่ตอนนี้ยิ่งนานเขายิ่งจริงจัง จนถึงตอนนี้ เขาได้เห็นศักยภาพอันยอดเยี่ยมของฉินห่าวแล้ว และมันเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับตน
ในแววตาเริ่มทอประกายจิตสังหาร
“ปลดปล่อยเคล็ดกระบี่ … ”
อย่างไรก็ตาม หลิวเฮ่อยังไม่ทันเปล่งชื่อกระบวนท่าเคล็ดกระบี่จบ สีหน้าเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เริ่มมีเส้นเอ็นปูดขึ้นตามขมับ
“เก้ามังกรทะยานขั้นที่สาม! เก้ามังกรทะยานขั้นที่สี่! เก้ามังกรทะยานขั้นที่ห้า!” ฉินห่าวไม่สนใจเขา ระเบิดพลังต่อไป
ตามใบหน้าฉินห่าว เวลานี้เส้นเลือดสีน้ำเงินปูดนูนแทบปริแตก พื้นใต้เท้าแตกเป็นเสี่ยงๆ และอากาศรอบตัวคล้ายเย็นเยียบลง
เหล่าสาวกที่อยู่รอบๆเวทีประลองเกิดอาการอึดอัดแน่นหน้าอก ประหนึ่งมีหินก้อนใหญ่กดทับใจพวกเขา พากันถอยออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเว้นระยะห่างได้ระดับหนึ่ง หนึ่งค่อยกลับมาหายใจได้เป็นปกติ
“นี่ … ”
“นี่ศิษย์พี่สอนวิชาเก้ามังกรทะยานให้เขางั้นหรือ?” ผู้อาวุโสทั้งห้าหน้าเปลี่ยนสี ผู้อาวุโสจินอุทานออกมา
บนท้องฟ้า
สีหน้าของเทียนหยุนแข็งกระด้างไม่ต่างกัน ในช่วงสามวันที่ผ่านมา แค่เรื่องยกระดับฐานบำเพ็ญเพียรแบบก้าวกระโดดก็นับว่าน่าทึ่งพอแล้ว แต่นี่ฉินห่าวยังเรียนรู้ทึกษะฝึกทั้งหมดที่เขามอบให้ได้อย่างสมบูรณ์อีก
พรสวรรค์ระดับนี้ มันทำให้เขาหน้าแดงด้วยความละอายในความอ่อนด้อยของตัวเอง ขณะเดียวกันก็รู้สึกโชคดีที่ในตำราของตน บันทึกไว้ถึงแค่เก้ามังกรทะยานขั้นห้าเท่านั้น ไม่งั้นหากฉินห่าวรีดเร้นพลังจากมันมากไปกว่านี้ พรสวรรค์ของเขาอาจถูกทำลาย
“รับมือ!”
ฉินห่าวแค่นเสียงคำราม พุ่งออกไปตรงๆพร้อมค้อนศึกในมือ เวลานี้เขาไม่ต้องจำเป็นต้องใช้ทักษะหรือวิชาใดๆ เพราะสิ่งที่ต้องทำแค่ระเบิดพลังอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
บรึ้ม!
หลิวเฮ่อไม่มีแม้โอกาสจะตอบโต้ เขารู้สึกแค่ว่าตรงหน้าพร่ามัว จากนั้นก็จุกตรงท้องอย่างรุนแรง ร่างลอยขึ้นไปในอากาศ
ฉินห่าวกระโดดขึ้นไปเหนือร่างของหลิวเฮ่อ ง้างค้อนขึ้นสูงและฟาดลง
บรึ้ม!
ร่างของหลิวเฮ่อยังไม่ดิ่งถึงพื้น แต่แรงปะทะของมันส่งผ่านมาถึงแล้ว มันทะลวงลึกลงไปจนพื้นเวทียุบตัว เกิดรอยแตกระแหงเป็นใยแมงมุม
โครม!
ฉินห่าวงัดเท้าเตะ ร่างของหลิวเฮ่อลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ฉินห่าวตอนนี้ดั่งกาวเหนียวที่ติดตัวเขาไปทุกที่ ไม่มีแม้โอกาสให้เปล่งเสียง
“ทารุณ..! จะทารุณกันเกินไปแล้ว!”
ดวงตาของเหล่าศิษย์น้องว่างเปล่า พึมพำเบาๆอย่างไร้สติ
“นี่ … ศิษย์พี่หลิวเฮ่อคงไม่ถูกยำไปเรื่อยๆแบบนี้จนตายหรอกนะใช่ไหม?” ศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งเอ่ยอย่างเป็นทุกข์
ผู้อาวุโสชุ่ยกำหมัดแน่น ลึกๆข้างในใจเกิดความซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าควรจะเศร้าหรือยินดี สิ่งที่น่าเศร้าคือศิษย์ที่ตนบ่มเพาะมานานปีถูกทุบตีเป็นสุนัข
ส่วนที่น่ายินดีคือบุคคลที่ทุบตีศิษย์เขามาจากนิกายเดียวกัน ดังนั้นเขาควรมีความสุขที่นิกายมีศิษย์ที่เก่งเทียมฟ้าเพิ่มขึ้น
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่สามารถมีความสุขได้ …
บรึ้ม!
หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเวที ร่างกายของหลิวเหอเต็มไปด้วยบาดแผล กระอักเลือดคำโต หน้าซีดเหมือนกระดาษ
ฉินห่าวส่ายหัวและถอนหายใจ แม้หลิวเฮ่อจะอยู่ในนิกายเดียวกัน แต่เขาไม่ชอบที่อีกฝ่ายเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ และยิ่งไม่ชอบกับการฆ่าเพื่อช่วงชิงวิชายุทธของผู้อื่นเพื่อความสำเร็จของตัวเอง
ดังนั้นช่วยไม่ได้–
–นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!