บทที่ 30 หลงหวางเอ๋อ
คู่หูเจียงซูที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อพวกมันเห็นสิ่งที่เย่เฟิงทำก็รู้สึกตกใจ ถึงแม้พวกมันจะเป็นพวกหัวรุนแรง แต่งานจัดแสดงสินค้าแห่งนี้ถูกดูแลโดยหลงหวางเอ๋อ ซึ่งเป็นคนที่พวกมันไม่กล้ามีเรื่องด้วย
(note: คำว่า‘หลง’แปลว่ามังกร ซึ่งงานจัดแสดงสินค้านี้ดำเนินการโดยคนของตระกูลหลง)
ดังนั้นพวกมันจึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
ส่วนชายร่างผอมที่ถูกขู่โดยเย่เฟิงก็ไม่ต่างกัน มันไม่กล้าร้องให้คนช่วย เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่มันโดนคุกคามกลับ และหากเรื่องที่พวกมันรวมหัวกันแบล็คเมล์คนในงาน รู้ถึงหูหลงหวางเอ๋อแล้วละก็ พวกมันทั้งสามต้องเจอโทษหนักเป็นแน่
และในไม่ช้า เย่เฟิงก็ได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากชายร่างผอม
สิ่งที่เขาได้รู้มาคือ ในประเทศจีนแห่งนี้ มีโลกยุทธภพหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง รวมทั้งสมาคมของผู้ฝึกวรยุทธ์ก็มีอยู่อย่างลับๆเช่นกัน ถึงแม้ว่าผู้คนเช่นชายร่างผอมคนนี้ หรือชายร่างอ้วนที่กำลังดูแลแผงลอย จะเป็นพวกที่ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ แต่พวกเขาก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของโลกเบื้องหลังนี้
ในปัจจุบันนี้ การจะฝึกวรยุทธ์ได้ ต้องได้รับหัวใจพระสูตร(Heart Sutra)จากตระกูลหรือสำนักหลักในโลกยุทธภพ ดังนั้นผู้คนภายนอกจึงไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ และการมอบหัวใจพระสูตรให้แก่คนภายนอกถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงของโลกยุทธภพ ตระกูลหรือกลุ่มคนใดที่ฝ่าฝืนจะถูกกำจัดโดยคนของสมาคมผู้ฝึกวรยุทธ์ทันที
ดังนั้นในประเทศจีน ผู้ใดที่ฝึกวรยุทธ์ได้ จะได้มีสถานะภาพที่สูงและได้รับการเคารพด้วยเช่นกัน
ระดับความแข็งแกร่งของโลกใบนี้ ถูกแบ่งออกเฉกเช่นของโลกเทวะ แต่ต่างกันที่การฝึกของโลกใบนี้จะใช้พลังฉีภายใน ไม่ใช่เจินฉี
เย่เฟิงเคยรู้สึกถึงพลังที่แปลกประหลาดภายในร่างของหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ มันต่างไปจากเจินฉี ถึงอย่างนั้น พลังฉีภายในมีความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวของเจินฉี ดังนั้น ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงตอนนี้คือหนึ่งปีหกเดือน จะเทียบเท่ากับผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสามปี ของโลกใบนี้!
แน่นอนว่าระดับเท่านี้ยังถือว่าน้อยอยู่ดี และไม่เหมาะกับการเข้าปะทะโดยตรง
เย่เฟิงเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นทักษะความเร็ว หรือทักษะวรยุทธ์อื่นๆในโลกใบนี้ ล้วนด้อยกว่าทักษะวรยุทธ์ในโลกเทวะอย่างแน่นอน ดังนั้น หากเขาใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงา รวมทั้งดาบแดงเจินฉีของแหวนดาบมังกรโบราณ การลอบจู่โจมผู้ที่มีระดับวรยุทธ์ที่สูงกว่าก็น่าจะเป็นไปได้
สุดท้าย เขาได้ถามถึงเรื่องของหวงเหล่า แล้วจึงเดินจากมาอย่างพึงพอใจ
คู่หูเจียงซูค่อยสังเกตเย่เฟิงอยู่ตลอดเวลา พวกเขาจำชายสวมหน้ากากคนนี้ไว้อย่างแม่นยำ ไอเวรนี่ถึงกับกล้าฉีกหน้าพวกเขา หากจบงานจัดแสดงสินค้านี้เมื่อไหร่ พวกเขาจะตามไปฆ่ามันทิ้งเสีย!
………..
เย่เฟิงเดินกลับมายังส่วนของการจัดแสดงแผงลอยในห้อง และไม่นานเขาก็พบหวงเหล่า
เขาเห็นชายแก่คนนั้นยืนอยู่หน้าแผงลอยที่หนึ่งขณะกำลังหลับตา หวงเหล่าคนนี้สวมชุดคลุมสีเทา มีผมและเคราสีหงอก ดูแล้วอายุมากกว่า 60 ปี
เมื่อสังเกตที่มือทั้งสองข้างของหวงเหล่า เย่เฟิงรับรู้ได้ทันทีว่ามือคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แสดงให้เห็นว่าชายแก่คนนี้ฝึกฝนวิชากังฟูมาเป็นเวลานานแล้ว
หวงเหล่าเป็นเพื่อนเก่าของอู๋เอ และเป็นคนให้จดหมายเชิญชวนแก่อู๋เอเช่นกัน ชายแก่คนนี้มาจากเทือกเขาเทียนจู่ มณฑลเจ้อเจียง โดยปัจจุบันมีอายุ 65 ปี เขาเริ่มฝึกวรยุทธ์ตอนอายุ 40 ปี และเวลานี้ เขามีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 30 ปี ถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูงเลยทีเดียว
เดิมทีเย่เฟิงตั้งใจจะอยู่ให้ห่างจากเขา แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจจะให้หวงเหล่าช่วยเหลือเขาบางเรื่อง
นอกจากหวงเหล่าแล้ว ตรงนั้นยังมีชายหนุ่มท่าทางฉลาดเฉลียวคนหนึ่งยืนอยู่ที่แผงลอย และกำลังต่อรองราคากับชายร่างผอมคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ของหวงเหล่า
เย่เฟิงก้าวไปยังบูธของพวกเขา และทันใดนั้น สายตาของเขากวาดไปพบกับใบมีดสีดำที่แตกหักอันหนึ่งซึ่งเขารู้สึกสนใจมาก
“มันคืออาวุธสวรรค์จริงหรือนี่?”
ในโลกเทวะ อาวุธที่ถูกใช้โดยผู้ฝึกวรยุทธ์ จะแบ่งออกเป็นสองระดับคือ อาวุธธรรมดา และ อาวุธสวรรค์
ตัวอย่างของอาวุธธรรมดาคือ มีดในครัว มีดปอกผลไม้ มีดสับเนื้อ ฯลฯ ส่วนอาวุธสวรรค์เป็นสิ่งที่ทรงพลังกว่ามัน มันสามารถตัดผ่านเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดายเหมือนตัดผ่านโคลน ซึ่งในอดีต มีข่าวลือว่ามีดาวชั้นยอดสิบเล่มปรากฏขึ้นในประเทศจีน ซึ่งความรุนแรงของพวกมัน เย่เฟิงประมาณว่าใกล้เคียงกับอาวุธปืนในสมัยนี้
ดังนั้น อาจบอกได้ว่าใบมีดสีดำอันนี้ มีความรุนแรงเทียบเท่ากับปืนกระบอกหนึ่ง
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงอาวุธที่แตกหักเสียหาย
“สวัสดีครับ”
เวลานี้ ชายหนุ่มท่าทางฉลาดสังเกตเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามาในแผงลอยของเขา เขาจึงรีบส่งยิ้มพร้อมกับเริ่มอธิบาย “ใบมีดสีดำอันนี้เป็นอาวุธของอาจารย์ผมหลายปีมาแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะแตกหักเสียหาย แต่มันก็เคยเป็นถึงอาวุธระดับสวรรค์ หากคุณต้องการเราจะขายให้ในราคาร้อยล้าน”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มคนนั้นพูดคำว่าร้อยล้านอย่างง่ายๆ เย่เฟิงถึงกับเดาะลิ้น ร้อยล้านงั้นหรอ?
ดูเหมือนว่าคนของยุทธภพในประเทศจีนจะร่ำรวยกันเสียเหลือเกิน ราคาของใบมีดแตกหักเล่มนี้ถึงขายเสียแพงหูฉี่ หากมันไม่แตกหักเสียหายละก็ ราคาขายคงเยียบ 800 ล้านได้
มิน่าเล่า ทำไมผู้คนถึงส่ายหัวเมื่อเดินออกจากแผงลอยแผงนี้ ชัดเจนว่าราคาร้อยล้านถือว่าแพงเกินไป ที่พวกเขาขายแพงขนาดนี้อาจเป็นเพราะหวงเหล่ายังอาลัยอาวรณ์กับมีดเล่มนี้ก็เป็นได้
“อย่าสนใจเลย ผมก็แค่เดินดูไปเรื่อยๆเท่านั้น”
เย่เฟิงยิ้มพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นจึงถามชายหนุ่ม “ผมมียาผสมบางชนิดมาขาย แต่ผมไม่มีแผงลอยมาตั้ง ผมขอใช้แผงลอยของคุณได้ไหม? แล้วผมจะให้ส่วนแบ่ง 30% ของราคาทั้งหมด”
เขาหันไปเห็นผู้คนไม่กี่คนกำลังขายยาผสมด้วยตัวเองอยู่หน้าทางเข้า นี่ทำให้เย่เฟิงรู้สึกขบขันในใจ เขามายังโลกใบนี้เกือบครึ่งเดือนแล้ว และด้วยการช่วยเหลือของแก๊งอสรพิษสวรรค์ ทำให้เขาได้รับยาสมุนไพรที่หายากและราคาสูงมามากมาย สุดท้าย เขาจึงใช้ทักษะจากโลกเทวะกลั่นมันขึ้นมาเป็นยาผสม
ยาผสมเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ขายได้ราคาดี พวกมันสามารถช่วยรักษาบาดแผล อาการบาดเจ็บภายในฟื้นฟูเจินฉี และยังมีความสามารถอีกมากมาย แน่นอนเย่เฟิงเก็บยาผสมบางส่วนไว้ใช้เองด้วย และนำส่วนที่เหลือมาขายแลกเงิน
“เรื่องนี้…….”
ชายหนุ่มคนนี้ลังเลเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องให้อาจารย์ของผมเป็นคนตัดสินใจ”
ยาผสมถือเป็นของล้ำค่าในโลกยุทธภพ แต่ชายสวมหน้ากากคนนี้กลับบอกว่าจะขายมัน? และเขายังไม่แน่ใจว่ายาผสมของชายคนนี้จะเป็นของจริงหรือไม่ หากมีใครซื้อไปใช้แล้วเกิดปัญหาขึ้นละก็ ผู้คนอาจต่อว่าคนจากเขาเทียนจู่ก็เป็นได้
เย่เฟิงมองไปที่หวงเหล่าที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ซึ่งกำลังหลับตาอยู่ ความจริงเย่เฟิงไม่แน่ใจว่ายาผสมของเขาจะสามารถฟื้นฟูฉีภายในของคนในโลกนี้ได้หรือไม่ แต่ที่เขาแน่ใจคือมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างแน่นอน แต่นั้นก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะหาคนบาดเจ็บมาทดสอบยาผสมของเขา
ขณะที่เย่เฟิงกำลังครุ่นคิด ในเวลาเดียวกัน มีชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ในห้องนี้ และพวกเขายืนอยู่ไม่ไกลจากแผงลอยที่เย่เฟิงกำลังยืนอยู่
คนหนึ่งนั้นเป็นชายหนุ่มผิวดำ ส่วนอีกคนเป็นชายร่างอ้วนวัยกลางคนสวมชุดสูทสไตล์ตะวันตก เหตุผลที่พวกเขาทะเลาะกัน น่าจะมาจากความไม่ลงรอยกันและนำไปสู่การพูดจากล่าวหากัน ซึ่งดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และอาจถึงขั้นทะเลาะวิวาทกัน
“หรือเราจะเข้าไปช่วยสุมไฟให้คนพวกนั้นต่อสู้กันดี? หากมีใครบาดเจ็บขึ้นมาจะได้ใช้โอกาสนี้ทดสอบผลของยาผสมของเราเสียเลย หากมันได้ผลดีจะได้เป็นการโฆษณาสินค้าไปในตัว”
เย่เฟิงคิดในใจ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ทันใดนั้นมีเสียงหวานใสดังขึ้นซึ่งได้ยินไปทั่วทั้งห้องโดยน้ำเสียงนี้เป็นของหญิงสาวคนหนึ่ง “นี่ พวกคุณทั้งคู่คิดจะสร้างปัญหาในงานที่ตระกูลหลงของพวกเราเป็นเจ้าภาพหรือไง?”
น้ำเสียงนี้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนในงาน
เมื่อเย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าน้ำเสียงนี้เป็นของหญิงสาวใบหน้ารูปไข่คนนั้น เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคนหลายคน พวกเขาเข้ามาหาชายหนุ่มผิวดำกับชายร่างอ้วนวัยกลางคนที่กำลังทะเลาะกัน
“หลงหวางเอ๋อมาแล้ว!”
“หลงหวางเอ๋ออยู่ที่นี่แล้ว!”
ผู้คนต่างส่งเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุด เย่เฟิงก็รู้ได้รู้ชื่อของหญิงสาวใบหน้ารูปไข่คนนี้
ร่างบางของหลงหวางเอ๋อสวมกระโปรงสีขาวน้ำเงิน แต่สิ่งที่หน้าดึงดูดที่สุดคือทรวงอกทั้งคู่ของเธอที่นูนขึ้นและถูกรัดไว้แน่นจนเหมือนกับเสื้อที่เธอสวมอยู่จะระเบิดออกมา นี่ทำให้เหล่าชายหนุ่มที่เห็นถึงกับต้องกลืนน้ำลายไปตามๆกัน
เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เขาค้นหาหญ้าใบทองในหน้าอกของเธอที่โรงแรม ความนุ่มละมุนและความยืดหยุ่นนั้นมัน……….
ถึงอย่างนั้น เหตุใดหลงหวางเอ๋อคนนี้ถึงมีชื่อเสียงและได้ความเคารพแบบนั้นกันนะ?
“หึ คนส่วนใหญ่อาจเกรงกลัวตระกูลหลงของคุณ แต่ผมไม่กลัว”
ในเวลานี้ มีน้ำเสียงแสดงความโมโหดังมาจากชายหนุ่มผิวดำซึ่งกำลังจะทะเลาะวิวาทก่อนหน้านี้ เขาแสดงความหยิ่งยโสขึ้นมาเมื่อมองไปยังหลงหวางเอ๋อ
คำพูดของเขาทำให้หลายคนในห้องนี้รู้สึกตกใจ
“อ่อ งั้นรึ?”
หลงหวางเอ๋อยิ้มบางๆขณะเดินเข้าไปหาเขา
……………………………
แปลโดย : Solar Spark