บทที่ 3: การฝึกซ้อม (2)

 

 

กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของฮันซูเริ่มขมวดเกร็งแน่นในระดับเซลล์ ร่างกายของเขา ซึ่งเขารู้สึกไม่คุ้นเคยด้วยความแตกต่างของช่วงเวลา เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยความต้องการของชายหนุ่ม

ฮันซูผู้ที่ได้เตรียมพร้อมร่างกายของเขา เดินตรงไปยังเหล่าก๊อบลินที่วิ่งตรงมาอย่างบ้าคั่งด้วยความเชื่องช้า

พวกมันนั้นได้พยายามอย่างหนักที่จะมาให้ถึงตัวเขา แล้วจะวิ่งหนีไปเพื่ออะไรล่ะ? มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรักษาแรงไว้เพื่อตวัดมีดของเขา

ฮันซูเบี่ยงร่างหลบดาบที่ตวัดมายังร่างของเขา

กิกี้?

ชายหนุ่มที่ดูผ่อนคลายราวกับผู้ที่ออกไปเดินเล่นบนภูเขาพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงในขณะที่ก๊อบลินนั้นกำลังฉุนเฉียว

เขาปลดปล่อยแรงที่เขากักเก็บมาทั้งหมดออกไป

รูนทุกอันหายไป

สกิลทุกอันก็หายไปเช่นกัน

แต่ในค่าพลังกายเดียวกัน ค่าความอดทนเดียวกัน หรือว่าสถานะที่เท่าเทียมกันนั้นมีความแตกต่างอย่างมากในด้านของประสิทธิภาพซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน

ร่างกายนั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการต่อสู้ และผลลัพธ์ที่แตกต่างราวสวรรค์กับนรกก็ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้เครื่องมือเหล่านั้น

ฮันซูพุ่งเข้าไประหว่างเหล่าก๊อบลินและเริ่มฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งไปทุกทิศทุกทาง

กิกี้!

ก๊อบลินที่วิ่งหนีไปที่ถูกฟันโดยชายหนุ่มกรีดร้องออกมาเยี่ยงเดรัจฉานก่อนจะล้มลงบนพื้น กลิ้งไปมา

ณ จุดที่ร่างของก๊อบลินนั้นล้มลงปรากฏสองสิ่งเหลือไว้

ง้าวสั้นที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ ที่ดูคุกคามกว่ามีดสั้นเล็กๆ ร่วงหล่นอยู่ และยังมีรูนเล็กๆ อีกอัน

ฮันซูเอื้อมมือขวาออกไปและจับง้าวสั้นก่อนจะวาดมันอย่างดุดันขณะที่มือซ้ายของเขาคว้ารูนเอาไว้ในเวลาเดียวกัน

ในตอนนั้นเอง ส่วนหนึ่งของร่างกายของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

‘โชคฉันดี’

 

[คังฮันซู]

พลังกาย: 11

ความคล่องแคล่ว: 10.1

ความอดทน: 9

 

เมื่อรูนนั้นได้เพิ่มค่าความคล่องแคล่วขึ้น 0.1 ค่าสถานะของฮันซูก็เปลี่ยนไป ค่าความคล่องแคล่วที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนได้แสดงขึ้นบนหน้าต่าง

ในด้านของประสาทสัมผัส พลังกายนั้นทำให้คนเร็วขึ้น แต่ความคล่องแคล่วนั้นต่างออกไป การรับรู้เวลาของคนผู้นั้นจะเร็วขึ้น 0.1 เท่า และปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาจะรวดเร็วขึ้นเช่นกัน การเคลื่อนไหวแบบเดียวกันจะรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย

เมื่อค่าความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น คนผู้นั้นก็เริ่มที่จะอยู่ในอีกมิติหนึ่ง

ทุกๆ ค่าสถานะของรูนนอกเหนือไปจากพลังกายและความอดทนซึ่งเป็นค่าปกติของมนุษย์ จะเริ่มต้นที่ 10 เพราะมันเป็นค่าที่ไม่ได้ปรากฏในมนุษย์มาก่อน

ฮันซูขยับร่างกายใหม่ที่รวดเร็วขึ้นโดยไร้ซึ่งความลังเลไปยังเหล่าก๊อบลินที่ดาหน้าเข้ามา และเริ่มที่จะหั่นพวกมันเป็นชิ้นๆ

บางครั้ง รูนไม่ได้หล่นออกจากศพ แม้จะมีบ้างแต่ก็น้อยนิด แต่เมื่อมันก็ยังคงมีตก ค่าสถานะของชายหนุ่มจึงเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าทว่าแน่นอน

แน่นอนว่าด้วยสถานะปัจจุบันของเขา ไม่ว่าก๊อบลินเหล่านี้จะอ่อนแอเพียงใด การฆ่าหมดทั้ง 200 ตัวนั้นก็ยังคงเกินมือเขาไปนิดหน่อย

ง้าวสั้นนั้นเปราะบางอย่างมากจนกระทั่งการฟันเพียงแค่สองสามครั้งก็ทำให้มันแตกหัก ฮันซูได้เปลี่ยนอาวุธของเขาไปเรื่อยๆ ขณะที่ขาต่อสู้กับก๊อบลิน

อาการบาดเจ็บก็ปรากฏขึ้นบนร่างของเขาเช่นกัน

ผู้คนที่เห็นภาพนั้นหยุดชะงักก่อนจะมองหน้ากันเอง

หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะตายทั้งหมด

ไม่ใช่จากก๊อบลิน แต่จากน้ำมือของมนุษย์

นอกจากนั้นพวกเขายังเริ่มที่จะเกิดความโลภขึ้น ดูเหมือนว่ารูนนั้นจะสำคัญอย่างมาก แต่การที่คนผู้หนึ่งกินมันเข้าไปทั้งหมดทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกกังวล นอกจากนั้นพวกเขายังได้รับความกล้าจากการมองฮันซู ผู้ที่ดูราวกับเป็นเพียงนักศึกษามหาลัย สู้ได้ดี

จากที่ใกล้ๆ การกระทำของเขานั้นดูสะเพร่านัก การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รวดเร็วมาก แต่มันเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันตนเอง ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นร่างของก๊อบลินที่ร่วงหล่นลงจากการฟาดฟันเหล่านั้น สิ่งมีชีวิตตัวเล็กเพียงครึ่งของพวกเขากลับดูอ่อนแอยิ่งนัก

“เวรเอ้ยยย.. ชิบ กูไม่รู้แล้ว!”

“ว๊ากกกก!”

ผู้คนกัดฟันกรอดแต่ค่อยๆ เข้าใกล้ด้านหลังของฮันซูอย่างระมัดระวังและเริ่มต่อสู้

กิกี้!

ก๊อบลินจ้องมองไปยังเหล่ามนุษย์ที่พุ่งเข้ามาหาพวกมันด้วยท่าทางลนลาน แต่ก็เริ่มตอบโต้พร้อมด้วยเสียงคำรามลั่น

จากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้น

“อ๊ากกกก!”

“ฉิบหายเอ้ยยยย! ช่วยด้วย!”

พวกเขาทุกคนล้วนมีมีดอยู่หนึ่งเล่ม

พวกเขาทุกคนรู้วิธีการต่อสู้

พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหากพวกเขาต่อสู้

คู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น

แต่แม้กระนั้น พวกเขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา และศัตรูเองก็มีอาวุธอยู่ในมือแม้ว่ามันจะค่อนข้างเปราะบาง และพวกมันเองก็มีความต้องการฆ่าอย่างมากเช่นกัน

อาการบาดเจ็บปรากฏขึ้นทุกทิศทุกทาง

ทว่าแม้ในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ ฮันซูก็ยังคงฆ่าก๊อบลินพร้อมๆ ไปกับดูดซึมรูนและค่อยๆ เดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า

พูดตามตรง มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบและเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

เขาสามารถหลบซ่อนระหว่างผู้คนและสู้อย่างช้าๆ เช่นเดียวกับการปอกเปลือกแอปเปิ้ลและฆ่าอย่างสบายๆ

แต่มันมีเหตุผลที่ทำให้เขาเร่งรีบ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ

‘ไม่มีเวลามาชักช้า’

รวมที่นี่แล้ว สถานที่แห่งนี้มีนักผจญภัยจำนวนนับไม่ถ้วน

‘อาจมีมากกว่า 10,000’

มีคน 100 คนที่นี่ แต่มันไม่ใช่ทุกคน อาจมีหลายร้อยเพียงแค่ในเกาหลี แต่หากนับรวมทั้งโลกแล้ว มันมีมากกว่านั้นมาก

ทว่าทุกคนที่นี่เป็นเพียงเด็กใหม่ปีแรก ไม่มีนักผจญภัยจากปีก่อนๆ ปรากฏตัว ความจริงที่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อาจไม่ใช่เพราะความใจดีต่อเหล่าเด็กใหม่

สถานที่แห่งนี้จะถูกปกป้องเป็นเวลา 3 เดือนในฐานะของพื้นที่ฝึกซ้อม หากไม่มีข้อจำกัดนี้ เหล่าผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าจะมาและฆ่าทุกคนก่อนจะนำรูนของพวกเขาไป

ด้วยประสบการณ์เพียงหนึ่งปี คนผู้นั้นเพียงคนเดียวสามารถฆ่าเด็กใหม่ 100 คนได้อย่างง่ายดาย

จากมุมมุมหนึ่ง มันดูราวกับว่าแฟรี่นั้นมีเมตตา แต่ความคิดของฮันซูนั้นแตกต่างออกไป

‘ฉันจะพูดยังไงดี? มันสร้างขึ้นเพื่อมีความสุขกับการต่อสู้แสนวุ่นวายของเหล่าคนอ่อนแอ?’

มันดูเหมือนว่าการป้องกันนี้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพราะมันคงจะน่าเบื่อหากผู้ที่แข็งแกร่งเข้ามากวาดทุกคนจนเกลี้ยง

ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด มันก็นับเป็นโอกาส

ในเวลา 3 เดือน พวกเขาจะต้องปะทะกับผู้อื่นที่อยู่ที่นี่มาแล้ว 2 หรือ 3 ปี ด้วยความคิดเช่นนั้นในสมอง พวกเขาจำต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยการที่ฮันซูร่อนไปรอบๆ อย่างรวดเร็วในแนวหน้า การต่อสู้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ความตึงเครียดก็ถูกปลดปล่อย บางคนไม่อาจอดทนต่อความเหนื่อยได้และทรุดลงบนพื้น

‘ตายไปประมาณ 16 คน’

มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอดีตอย่างมาก

หากฮันซูไม่ได้อยู่ที่นี่ อย่างน้อย 30 คนคงสิ้นชีวิต ในขณะที่คนร้อยคนสู้กับก๊อบลิน 200 ตัว ฮันซูก็ได้ฆ่าไปคนเดียวอย่างน้อยเจ็ดสิบตัว

ผู้คนรอบๆ จ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยความเหนื่อยอ่อน

เมื่อพวกเขาคิดถึงภาพการกระทำอันบ้าคลั่งของอีกฝ่ายที่ฟาดฟันไปทุกทิศด้วยง้าวสั้นและมีดสั้นของเขา พวกเขาก็เริ่มขยับถอยห่างออกจากร่างของชายหนุ่มอย่างช้าๆ จากนั้นแฟรี่จึงได้ปรากฏตัวขึ้น

“ว้าว ที่นี่คะแนนดีไม่น้อย เอาล่ะ นับแต่ตอนนี้ไป พวกคุณทุกคนควรรู้วิธีการเอาชีวิตรอด”

‘ไอ้แมลงเม่าบัดซบเอ้ย’

ผู้คนไม่อาจสบถออกมาเสียงดังได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงสาปแช่งอยู่ในใจ

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดว่าใครเป็นคนสร้างไอ้กำแพงเวรนั่น

“ฉันจะเอากำแพงออกเดี๋ยวนี้ จากนี้ต่อไปก็ทำแบบเดิม สู้ๆ นะ!”

เมื่อร่างของแฟรี่หายไป ผู้คนก็เริ่มที่จะพึมพำ

ฮันซูส่ายศีรษะและตรวจสอบค่าสถานะของเขา

 

[คังฮันซู]

พลังกาย: 14.3

ความคล่องแคล่ว: 10.9

ความอดทน: 10.1

ความเข้าใจ: 11.2

 

‘ไม่เลว’

ฮันซูผงกศีรษะ เช่นที่เขาคาด รูนความคล่องแคล่วนั้นไม่ตกง่ายๆ และอาจเป็นเพราะว่ามันเป็นเพียงแค่การฝึกซ้อม สกิลจึงไม่ตก

ทว่าเมื่อเทียบกับก๊อบลินสามตัวที่เขาฆ่าตอนที่เขาเริ่มต้นในอดีต มันก็ไม่เลว

เขากระทั่งได้รับรูนความเข้าใจที่จะช่วยเพิ่มความเข้าใจโดยรวมของเขา ดังนั้นแล้วการเริ่มต้นเช่นนี้จึงค่อนข้างดี

‘ฉันกระทั่งได้อะไรแบบนี้’

ฮันซูหัวเราะขณะที่เขาจ้องมองดาบที่มีคมด้านเดียว

<ง้าวสั้นได้รับจากการยอมรับของผู้ตัดสิน>

มันเป็นง้าวสั้นที่สมดุลและแหลมคม เป็นหนึ่งในไอเท็มที่มีประโยชน์ที่ได้รับในตอนเริ่มต้น

มันไม่ใช่อาวุธที่ดีที่สุด แต่เมื่อเทียบกับอันที่ทื่อบิ่นจากการฟันเพียงไม่กี่ครั้ง มันก็ดีกว่ามาก

ชายหนุ่มเก็บมีดสั้นไว้ในเสื้อและเก็บง้าวสั้นไว้ที่เอว ทั่วทั้งร่างปรากฏรอยบาดแผลจำนวนมากเมื่อเขาเร่งรีบเพื่อให้การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว

ฮันซูที่เตรียมพร้อมในระดับแรกเสร็จแล้วนึกถึงสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้

‘อย่างแรก… ฉันยังไปเจอพวกนั้นไม่ได้’

เขาเป็นเพียงนักผจญภัยปีแรก

ในทางกลับกัน เคลเดียน คังเต้ และแอรีสเป็นนักผจญภัยมากว่า 19-20 ปี

เมื่อทั้งสามเริ่มต้นก่อนเขากว่า 20 ปี พวกเขาคงวิ่งนำไปไกลแล้ว

ดังนั้นแล้ว ฮันซูจึงคิดถึงสิ่งต่อไป

‘เอาล่ะ การบอกพวกเขาเกี่ยวกับอบิสไม่สามารถทำได้’

ความเร็วในการกัดกร่อนมิติของอบิสนั้นขึ้นอยู่กับมีผู้รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่ง ข้อมูล และสกิลของอบิสมากแค่ไหน

มันเหมือนกับหมึกที่แพร่กระจายในน้ำ

หากข้อมูลเกี่ยวกับอบิสถูกแพร่กระจายออกไป การรุกรานของอบิสก็จะเริ่มต้นเร็วขึ้น

‘อย่างแรก เพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองสำคัญที่สุด’

เขาอยู่ที่นี่เพื่อที่จะเปลี่ยนการไหลของกระแสน้ำ

ทว่าการมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสน้ำนั้นเป็นจุดเริ่มต้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

และด้วยสิ่งนั้น ทำให้ชายหนุ่มคิดถึงเพื่อนของเขา

แอรีส คังเต้ และเคลเดียน

แผนถูกวางไว้ว่าทั้งสามจะกลับมาพร้อมกับเขา

พวกนั้นไม่เหมือนเขาที่แข็งแกร่งด้วยการดิ้นรนอย่างรุนแรง การกระทำของทั้งสามนั้นใกล้เคียงกับที่เขียนไว้ในหนังสือคู่มือ และการที่พวกเขามีชีวิตรอดก็เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา

‘พวกนั้นบอกว่าทำยังไงนะ?’

อีกฝ่ายเคยบอกเขาในอดีต ว่าพวกเขาแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มได้อย่างไร

แอรีสบอกเขา

<ฉันรวบรวมคนและสร้างกิลด์อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้ยากขนาดนั้นเพราะฉันเป็นนักจิตวิทยา>

‘ใช้ไม่ได้’

มันไม่เข้ากับบุคลิกของเขา และนอกเหนือไปจากนั้น คนผู้นั้นจำต้องอยู่ในระดับของแอรีสถึงจะสามารถทำได้

จากนั้นจึงเป็นเคลเดียน

<วันแรกกับคนร้อยคนในกรงเป็นความวุ่นวายถึงที่สุด หลังจากเริ่มวันแรกไปพักหนึ่ง เราก็สู้และฆ่ากันเอง ทุกคนตายเกือบหมด เหลือฉันรอดคนเดียว>

จากนั้นเคลเดียนก็กินรูนทั้งหมดและหนีไปอย่างรวดเร็ว

‘ในความคิดของฉัน เคลเดียนคงก่อกวนพวกเขานิดหน่อย’

แต่ฮันซูก็ยังคงส่ายศีรษะ

ในคำพูดของแอรีสและเขา ผู้ที่มาเพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์ การทำแบบนั้นนับว่าไร้สาระ นอกจากนั้นมันยังจะนับว่าเลวร้ายมากกว่าดีในระยะยาวหากมันกลายเป็นเช่นนั้น

หากคุณฆ่าใครสักคน รูนจะปรากฏขึ้น แต่มันไม่ได้หมายความว่าคนที่เก็บรูนนั้นไปจะได้รับความแข็งแกร่งของคนตายมาเพิ่มให้ตนเอง

รูนไม่ได้ตกเป็นจำนวนมาก

ความจริงนั้น ชายที่ตายคนแรกนั้นมีรูนมากกว่า 20 อันในตัวเมื่อคุณรวมพลังกายและความอดทนของเขาเข้าด้วยกัน แต่สิ่งที่ตกนั้นมีเพียงแต่รูนพลังกายอันเดียว

หากมองในด้านของสังคม การอยู่ร่วมกันคือคำตอบ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้แอรีสผู้รวบรวมทุกคนเป็นหนึ่งเดียว สามารถคงสถานะของหัวหน้าตราบจนวาระสุดท้าย

นอกเหนือจากสิ่งอื่น หากเขาคิดถึงแผนของเขา การฆ่าคนเพื่อเก็บรูนนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม แม้ว่ามันอาจจะแตกต่างออกไปหากพวกเขาฆ่าคนอื่นก็ตาม

‘คังเต้บอกว่าเขาทำยังไงนะ?’

<ของฉัน ตอนที่ฉันฆ่าก๊อบลิน รูนความคล่องแคล่วตกเต็มไปหมด กระทั่งรูนฟื้นฟูก็ยังตก>

‘…นี่ก็ไม่ช่วย’

ดวงของหมอนั่นดีเกินไป

ความคล่องแคล่วนั้นเป็นค่าสถานะที่มีประโยชน์มากที่สุดในยามเริ่มต้น ปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วขึ้นจะทำให้พวกเขาสามารถเหนือกว่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนั้นมันควรจะมีขีดจำกัดของดวงที่คนผู้หนึ่งจะมีได้ การฆ่าก๊อบลินเริ่มต้นและได้รูนฟื้นฟูนับว่าเกินไป

วิธีการของสามคนนั้นไม่เหมาะกับเขา

ความจริงแล้ว วิธีการของทั้งสามค่อนข้างขาดๆ เกินๆ

เขาต้องการวิธีที่จะกระโจนขึ้นไปเหนือพื้นฐานของพวกเขาและพ่งออกไปด้วยความเหนือกว่า

ฮันซูรู้วิธีนั้น

‘มีอะไรแบบนี้ด้วย’

เมื่อนานมาแล้ว หนึ่งในเพื่อนของเขาจากกองพลสุดท้ายได้บอกกับเขา

ในพื้นที่ฝึกฝนที่คนหมื่นคนถูกขังรวมกันเป็นเวลาสามเดือนนั้นมีความลับซ่อนอยู่

ในสถานที่แห่งนี้ มีดันเจี้ยนลับ

สำหรับผู้เริ่มต้นแล้ว ความยากของมันนั้นมากมาย ดังนั้นแล้วการเคลียร์ดันเจี้ยนทั้งหมดย่อมจบลงด้วยความล้มเหลว แต่เพียงแค่ไปครึ่งทางก็ทำให้พวกเขานำหน้าไปจนผู้อื่นทาบไม่ติดแล้ว

เพื่อนของเขาที่ไปได้เพียงแค่ครึ่งทางหลังจากดิ้นรนอยู่นาน แข็งแกร่งจนกระทั่งสามารถเข้าร่วมกองพลสุดท้ายได้

การเป็นหนึ่งในกองพลสุดท้าย หมายถึงเป็นหนึ่ง 100 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

เพราะเช่นนั้น ดันเจี้ยนลับจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สำคัญที่สุดในพื้นที่ฝึกซ้อม

โลกใบนี้ไม่เหมาะกับการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

บางสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าเป็นไปไม่ได้จะให้รางวัลที่ยิ่งใหญ่เมื่อทำได้สำเร็จ

‘ก่อนอื่น ฉันต้องทำมันให้สำเร็จ’

ฮันซูได้ตั้งเป้าหมายแรกแล้ว

 


TL: เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนึ่งตอนยาวมากกก

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ