บทที่ 29
“นี่มัน … เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินห่าวเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกขอรับศิษย์พี่ ท่านต้องการส่งภารกิจอะไรหรือ?” สาวกที่ต้อนรับเขายิ้ม
“ว้าว! นั่นน่ะหรือศิษย์พี่ฉินห่าว? เขาหล่อจัง!”
“ได้ยินว่าศิษย์พี่ฉินเจอคนของกองกำลังลึกลับ และกุดหัวพวกมันไปไม่น้อย”
“ไม่ใช่แค่ฆ่าพวกกองกำลังลึกลับนะ แม้แต่ชื่อของพวกมัน เขาก็รู้ว่าคือเซี่ยถู แถมระหว่างออกทำภารกิจศิษย์พี่ยังเจอพวกสำนักเซี่ยเจี้ยนที่สังหารสาวกนิกายเราไปมากมาย ศิษย์พี่เลยล้างแค้นให้พวกเรา และช่วยชีวิตสาวกไว้ได้คนหนึ่ง”
“โอ้ ศิษย์พี่ช่างอหังการ!”
ฟังเสียงกระซิบของทุกคน ฉินห่าวค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเผยยิ้มเป็นกันเอง ตอบสาวกต้อนรับไปว่า “ข้ามาส่งภารกิจหมุ่บ้านเชิงสุ่ย , ภารกิจสำรวจพื้นที่เสี่ยง และกองกำลังลึกลับ อ้อ ข้าได้สังหารขอบเขตแก่นทองคำของพวกมันไป …”
“อะไรนะ? ฆ่าขอบเขตแก่นทองคำ? ข้าจำได้ว่าศิษย์พี่ฉินอยู่ในขอบเขตเปิดภูมิปัญญาไม่ใช่หรือ?”
“ข่าวเจ้าเก่าแล้ว ในพื้นที่เสี่ยง ตอนที่ศิษย์พี่ช่วยสาวกจากอันตราย เขาอยู่ในขอบเขตขจัดสิ่งโสมม ลูกสะใภ้ของน้องชายของพี่ชายคนรองของข้าเคยเห็นมากับตาตัวเอง”
สาวกต้อนรับที่มีหน้าที่รับภารกิจก็ตะลึงเช่นกัน
สังหารแก่นทองคำด้วยขอบเขตขจัดสิ่งโสมม?
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงความบ้าระห่ำในสงครามช่วงฉินห่าวอยู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณแล้ว เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ยังไม่หมด ข้าบังเอิญกุดหัวขอบเขตก่อเกิดจิตมาได้อีกคน” ฉินห่าวกล่าวพร้อมโยนผ้าขี้ริ้วเลอะเลือดลงบนโต๊ะ
“อาาาา!”
สาวกต้อนรับตะลึง
คนอื่นๆก็ตกใจจนพูดไม่ออก แววตาของพวกเขาว่างเปล่า
ขอบเขตก่อเกิดจิต? รู้หรือไม่ว่าประมุขนิกายเซียวเหยาอยู่ในขอบเขตก่อเกิดจิตเท่านั้น!
แต่ศิษย์พี่ฉินสามารถกุดหัวขอบเขตก่อเกิดจิตทั้งๆที่ตัวเองอยู่ในขอบเขตขจัดสิ่งโมม? นั่นไม่หมายความว่าเขาสามารถสังหารประมุขนิกายได้เลยหรือ?
แม้พวกเขาจะเคยได้ยินว่าอัจฉริะสามารถสังหารข้ามขอบเขตได้ แต่การสังหารข้ามสองขอบเขตเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อนเลย
ขจัดสิ่งโสมม แก่นทองคำ ก่อเกิดจิต
เห็นไหมว่ามีขอบเขตใหญ่หนึ่งขอบเขตคั่นกลาง และรู้ไว้เถอะว่า ในแต่ละขอบเขตยังมีขั้นย่อย …
“นี่ … นี่ … ศิษย์พี่ .. ขะ ข้าประเมินเองไม่ได้ ต้องไปเรียนถามผู้อาวุโส”
สาวกต้อนรับพูดตะกุกตะกัก
ฉินห่าวพยักหน้า ปล่อยให้สาวกต้อนรับปลีกตัวออกไป
สาวกคนอื่นๆยังไม่ตอบสนอง ขอบเขตก่อเกิดจิตสำหรับพวกเขา นั่นคือการดำรงอยู่ระดับชั้นฟ้า แต่ขอบเขตนี้กลับถูกศิษย์พี่กุดหัว ความห่างชั้นนี่มันอะไรกัน!
ไม่นาน ผู้อาวุโสทั้งห้าก็มาพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาเคร่งขรึม รับเอาห่อผ้าขี้ริ้วไปและเปิดดู
เมื่อมองแวบแรก มันคือหัวของชายชราที่มีสีหน้าและการแสดงออกเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับได้พบเจอสิ่งสยองขวัญที่สุดในชีวิตก่อนตาย
ใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งห้าแข็งค้าง พยายามสัมผัสถึงพลังที่เหลืออยู่
“ไม่ผิดแล้ว นี่คือหัวของผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อเกิดจิตขั้นต้นจริงๆ”
ในที่สุดผู้อาวุโสจินก็พยักหน้า
ถึงจุดนี้ คนอื่นๆมองฉินห่าวด้วยความตกใจ ไม่คาดหวังว่าจะเป็นเรื่องจริง
“เจ้าฆ่าเขาได้อย่างไร?”
“ฮี่ ฮี่ พอดีเขาอยู่ในฐานที่มั่นเล็ก ข้าเลยวางกับดักเอาไว้ตามทางเพื่อฆ่าพวกเขา ผู้อาวุโสสามารถไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบดูได้”
ฉินห่าวยิ้มอย่างเชื่องช้า
“พวกเราต้องไปตรวจสอบแน่ แต่ผลงานของเจ้าเบื้องหน้านี้ไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตาม รางวัลตามผลงานเกรงว่าคงมากเกินไป พวกเราไม่อาจมอบรางวัลตามปกติให้เจ้าได้ … เจ้าลองพูดมา ว่าอยากได้อะไร ทางนิกายจะพยายามหามาให้อย่างเต็มที่”
ผู้อาวุโสทั้งห้ามองกัน ก่อนที่ผู้อาวุโสจินจะเอ่ยเบาๆ
“เอ่อ ข้าไม่อยากได้อะไร แค่อยากทำอะไรบางอย่างเพื่อนิกาย!” พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉินห่าวปรบมือ และหยิบแหวนมิติของหมีแพนด้าออกมา
“จริงสิ นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับมา ข้างในมีทั้งโอสถและอาวุธวิเศษจำนวนมาก ข้ายินดีมอบพวกมันเพื่อสนับสนุนนิกาย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ยอดเยี่ยม เจ้าเด็กแสบ เราผู้เฒ่าขอชื่นชมเจ้า!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะแก่ๆดังมาจากท้องฟ้า
ฉินห่าวรู้สึกว่ามือตัวเองว่างเปล่า แหวนมิติหายไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นและพบชายชราผอมแห้งหนังติดกระดูกคนหนึ่งลอยอยู่ข้างบน และกำลังยกแหวนมิติขึ้นดู
“เด็กน้อย เจ้าชื่อฉินห่าวใช่ไหม? ต้องการรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?” ชายชราลูบเครายาว แสดงท่าทีเมตตาประหนึ่งตนลงมาจากสรวงสวรรค์
“ผู้อาวุโสมีน้ำใจนัก แต่ข้าไม่ต้องการอาจารย์” ฉินห่าวส่ายหัว ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
รอยยิ้มของชายชราเบื้องบนกลายเป็นแข็งค้าง ไม่นึกฝันว่าตัวเองจะเจอจังหวะช็อตฟิลเช่นนี้
ทุกคนที่อยู่รอบๆ “ … ”