บทที่ 276 ยุทธภพวุ่นวาย
ตลอดสามวัน เย่เฟิงได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างสบายตลอดเวลานั้นและคอยดูแลหลงหวางเอ๋อเพื่อเรียนรู้การใช้งานกำไลวิญญาณหยก
ด้วยการแนะนำของเย่เฟิงที่อยู่ด้านข้าง หลงหวางเอ๋อก็คงจะใช้งานเครื่องรางคุ้มกันอันนี้ได้โดยเร็ว
ภายในใจของเธอคิดว่าการที่ถูกพิษในก่อนหน้านี้ทำให้เย่เฟิงต้องมีปัญหา เรื่องนี้เองที่ทำให้เธอได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เป็นภาระของเย่เฟิงแต่จะต้องเป็นผู้ที่ช่วยของเย่เฟิงได้
ตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ จื่อเจี้ยนหลานกับหญิงสาวทั้งสองและน้าสะใภ้ที่ต่างค่อยๆสนิทสนมกัน แต่หญิงสาวทั้งสองก็เห็นว่าเย่เฟิงและจื่อเจี้ยนหลานไม่ได้มีพฤติกรรมท่าทีที่จะส่อแววน่าสงสัยเลย พวกหญิงสาวทั้งสองต่างโล่งอกและปฏิบัติต่อจื่อเจี้ยนหลานเป็นน้องสาวคนเล็กของพวกเธออย่างดี
แท้จริงแล้วพวกเธอทั้งสามคน ซูเหมิงหานคือคนที่อายุน้อยที่สุดและน้อยกว่าครึ่งปีเมื่อเทียบกับจื่อเจี้ยนหลาน แต่เนื่องเพราะจื่อเจี้ยนหลานเรียกเย่เฟิงว่า ‘พี่ใหญ่เย่’ และเพื่อให้เกียรติแก่เหล่าแฟนสาวของเย่เฟิงแล้ว จื่อเจี้ยนหลานทำได้เพียงแค่เรียกพวกเธอว่าพี่สาวเท่านั้น
ในสามวันนี้ เย่เฟิงกับจื่อเจี้ยนต่างปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ และแน่นอนว่าในตอนนี้ทั่วทั้งยุทธภพต่างวุ่นวาย สาเหตุมาจากเรื่องการทำลายล้างสำนักเซียนเร้นลับที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานโดยเย่เฟิง
ในการต่อสู้คืนนั้น เย่เฟิงได้ต่อสู้อย่างรุนแรงกับผู้อาวุโสทั้งสี่คนและสังหารพวกเขาไป และในท้ายที่สุดก็ยังได้สังหารเจ้าสำนักเซียนเร้นลับ ฉีหลินจื่อ อย่างง่ายดายด้วยวิชากระบี่ที่ลึกลับ ในที่สุดก็สร้างชื่อเสียงอย่างมากมาย!
ข่าวเรื่องนี้แพร่สะพัดราวกับโลกระบาดไปทุกที่ภายในโลกยุทธภพ
แต่คนของหน่วย NSA ยังคงติดตามคุ้มครองเย่เฟิง และในตอนนี้เขตหลินไห่ต่างถูกล้อมรอบและตามหาตัวของเหล่าศิษย์ข้างนอกของสำนักเซียนเร้นลับเพื่อนำมาลงโทษทั้งหมด
พวกคนเหล่านี้คือพวกที่ถูกส่งมาเพื่อเตรียมการลอบสังหารเย่เฟิงโดยฉีหลินจื่อและผู้อาวุโสคุ้มกฏหลี่เทียนในตอนแรก และด้วยเรื่องคืนนั้นสำนักเซียนเร้นลับโฉมใหม่ที่ผู้อาวุโสเจี้ยนอี้เซิงดูแลอยู่ภายในนามของผู้อาวุโสต่างได้เรียกตัวคนเหล่านี้กลับมา
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้ไปรวมตัวกันที่เขตซางซาน และค้นพบว่าแท้จริงแล้วทางเข้ากลับถูกตัดขาด! ก็รอรั้งอยู่ภายในเขตหลินไห่ แต่แล้วคนของหน่วย NSA ก็ได้มาทำการกวาดล้าง แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่เหลือเวลามากมายพอที่จะทำอะไรได้เพื่อไม่ให้ต้องโทษประหารชีวิต
ภายในโลกยุทธภพต่างเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “สำนักเซียนเร้นลับพลิกโฉม”
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายคนที่ต้องการจัดการกับเย่เฟิง ล้วนหุบปากกันหมดในทันทีทันใด เหล่าผู้คนทั้งหมดเริ่มแรกคิดว่าเย่เฟิงต่างพึงพาตาเฒ่าเย่เหวินเทียน และหลงโม่หรันตระกูลหลง อีกหนึ่งคน จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าตัวเย่เฟิงเองก็ร้ายกาจเป็นพิเศษ!
แม้แต่ในมุมมองหนึ่งยังดูแข็งแกร่งกว่าเย่เหวินเทียนอีกด้วย เพียงอย่างน้อยเย่เหวินเทียนก็ไม่สามารถที่จะทำลายสำนักเซียนเร้นลับโดยลำพังได้แต่แค่รอดชีวิตออกไปได้เท่านั้น
มันจำเป็นที่จะต้องจัดการด้วยความระวังและมีไหวพริบไม่ใช่เพียงใช้แค่ความแข็งแกร่งเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วว่าจะเป็นใครหน้าไหนแต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ก็ต่างถูกสังหารตาย
เหล่าผู้คนทั้งหมดภายในยุทธภพทั้งหมดต่างพุ่งเป้าไปยังเจี้ยนจื่อหลาน เกี่ยวกับสาเหตุของความสำเร็จที่เย่เฟิงกระทำการนี้ไป
ตัวฉีหลินจื่อได้ประกาศล่วงหน้าเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยต่อเหล่าศิษย์สำนักเซียนเร้นลับ ซึ่งก็คือ จื่อเจี้ยนหลาน และตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่า ปัจจุบันเย่เฟิงมีสาวสวยผู้ไรที่เปรียบอยู่ด้านข้าง
เรื่องการต่อสู้ของเย่เฟิงในวันนั้นที่เฉินฮุยถูกต่อยกระเด็นไปก็ไม่ได้แพร่กระจายออกไป
เฉินฮุยไม่ยอมเสียหน้าได้! เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่เฟิงเพียงอ่อนกว่าเขาแค่เพียงห้าปีและวรยุทธก็เพียงมากกว่าสิบปีเท่านั้น แต่กลับมีความเร็วที่มากมายกว่าเขา เพียงพริบตาก็ถูกต่อยกระเด็นออกไป ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปแล้วล่ะก็ ตัวเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้กัน?
เขาได้สั่งให้ศิษย์สหายทั้งสี่คนในวันนั้นต่างหุบปากให้สนิท ซึ่งเรื่องในวันนั้นห้ามเปิดเผยออกไป
หลังจากที่กลับมาแล้วเขาก็ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อของเขา พ่อของเขาคือ เฉินเจี้ยนหยง อายุ 55 ปี ขณะที่มีชีวิตยอดเยี่ยมเป็นถึงหนึ่งในแปดผู้อาวุโสของวังไท่จี๋ สถานะเทียบเท่าได้กับตาเฒ่าหลี่เสวียน
เฉินเจี้ยนหยงได้ยินว่าลูกชายบอกว่าถูกเย่เฟิงต่อยกระเด็นในการต่อสู้ตัวต่อตัว ก็ไม่ได้มีอารมณ์โกรธอะไร แต่ดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง เกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือของเย่เฟิงได้ถูกไตร่ตรองดูแล้ว ผลสรุปที่ได้ก็คือเย่เฟิงมีโอกาสที่จะเป็นชายหนุ่มที่ยากจะจินตนาการได้เลย ตัวเฉินฮุยในปัจจุบันไม่ใช่คู่มือของเขา!
เฉินฮุยได้ยินเรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะไม่พอใจ แต่เฉินเจี้ยนหยงก็ฟาดเขาด้วยพัดในมือพลางด่าตำหนิ “แกคิดว่าเก่งกาจที่สุดในโลกนี้แล้วหรือ?”
การฟาดด้วยพัดครั้งนี้คือเพื่อเตือนสติเฉินฮุย!
เคยได้ยินหลี่เสวียนเฝ้ารอเย่เฟิงเพราะเรื่องของหลิงเฉินเช่นกัน เฉินเจี้ยนหยงจึงหารือกับหลี่เสวียนตลอดทั้งคืน และตัดสินใจว่าช่วงเวลานี้จะไม่ไปตอแยเย่เฟิง หลังจากสองเดือนนี้เย่เฟิงจะต้องมาอธิบายเรื่องของความลับที่เกี่ยวข้องกับหลิงเฉิน
วังไท่จี๋จัดตั้งเตรียมการสองกำลังอย่างเข้มงวดด้วยความรวดเร็ว
สามวันต่อมา
หลินชื่อฉิงผู้รับผิดชอบการแสดงเครื่องประดับก็ได้เปิดพิธี สถานที่งานจัดอยู่ที่ศูนย์การแสดงสินค้านานาชาติที่อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยเหยียนจิง
สำหรับงานแสดงสินค้าก็ดำเนินการได้อย่างราบรื่น หลินชื่อฉิงจัดการได้อย่างดีทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสถานที่ จำนวนผู้เข้าร่วม เอกสารการรับรอง ฯลฯ ทำให้เห็นถึงความสามารถของเธอที่ไม่เป็นสองรองใคร
เริ่มแรกงานแสดงสินค้าคงคิดว่าดูไม่ดีนักสาเหตุเพราะบริษัทหยกฟ้าได้ถอนตัวไป และได้บอกข่าวต่อกันไปตลอดสามวันที่ผ่านมา แต่กลับกลายเป็นคึกคักอย่างร้อนแรงอีกครั้งเมื่อเทียบกับการโฆษณาดึงดูดก่อนหน้านี้เพียงเพราะการโฆษณา “เพชรจักพรรดิ”
ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าหลินชื่อฉิงจะโฆษณาสินค้าชิ้นหนึ่งที่น่าเหลือเชื่อ “เพชรจักรพรรดิ!”
จำเป็นต้องรู้ว่าเครื่องเพชรชุดนี้มันเป็นชุดที่หายากมากเมื่อปีก่อน คนรวยก็ซื้อไม่ได้ มันไม่มีที่ให้ซื้อได้เลย เรื่องนี้ได้ดึงดูดเหล่าคนชนชั้นสูงของเหยียนจิงและเหล่าคนดังแห่งปีหรือลูกหลานของเศรษฐีทั้งหมด ทำให้พวกเขาตัดสินใจจะมาดูด้วยตาของพวกเขาเองเมื่องานแสดงสินค้าเริ่มขึ้น
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถครอบครองเพชรจักรพรรดิได้ แต่สามารถเห็นเพชรที่สวยงามนั้นได้ก็พอ!
เนื่องจากเป็นเพราะเรื่องเพชรจักรพรรดินี้ เหล่าคนมีอำนาจคงมารวมตัวกันที่งานแสดงสินค้าแห่งนี้ ทุกคนต่างต้องการเพื่อมาทำความรู้จักกัน เพื่อที่จะขยายความคิดทางธุรกิจ ดังนั้นตอนเช้าวันนี้ ทางเข้าที่หน้าศูนย์การแสดงสินค้าก็เต็มไปด้วยรถหรูหราและเป็นภาพฝูงชนที่ดูคึกคัก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้คนมากมายเข้าไปแล้ว แต่กลับพบว่างานแสดงไม่ได้เป็นดั่งที่โฆษณาเอาไว้ บางบูธงานแทบว่างเปล่าจนทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย
หลังจากที่ผู้คนต่างได้แลกเปลี่ยนความเห็นส่วนตัวกันพลันรู้ว่าสาเหตุเริ่มแรกเป็นเพราะผู้รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยที่ทำให้พวกบริษัทค้าอัญมณีหลายคนที่จะมาเข้าร่วมลดน้อยลง
แต่โชคดียิ่งนัก เหล่าพวกคนมีอำนาจทางราชการที่มาต่างไม่ได้มีความสนใจพวกเพชรธรรมดา สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือเพชรจักรพรรดิ
หลินชื่อฉิงมองดูบูธที่ค่อนข้างว่าง คิ้วคู่งามขมวดเล็กน้อย ในความจริงเธอได้ทำในเรื่องบริจาค แต่เป็นเพราะสาเหตุที่เย่เฟิงควบคุมอำนาจการรักษาความปลอดภัย และการขัดขวางจากหลายคนจากตระกูลหลิน ผลลัพธ์ทำให้บริษัทค้าอัญมณีหลายแห่งต่างถอนตัวออกจากงานแสดงสินค้า
จำนวนบริษัทที่ได้ถอนตัวออกไปเกินกว่า 50% เกินกว่าการคาดคำนวณของหลินชื่อฉิง เรื่องเหล่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการเล่นสกปรกของกลุ่มคนของหลินเหรินเทียน หลินชื่อฉิงก็คงไม่เชื่อเด็ดขาด
ขณะที่ใช้โฆษณานี้แล้วแต่งานแสดงสินค้าก็ยังมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากเพชรจักรพรรดิดึงดูดผู้คนมากมายแต่ผลสุดท้ายก็คงออกมาไม่ดีนัก
งานแสดงสินค้าได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แต่หลินชื่อฉิงได้ยืนอยู่ใกล้กับบูธศูนย์การแสดงสินค้า พบเห็นกลุ่มประธานบริษัทหยกฟ้าจูอี้ฉวินพูดคุยกันอยู่ แต่ดูจากที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันแล้วต่างมีท่าทางที่ไม่พอใจ
หลินชื่อฉิงสวมใส่เสื้อเชิ้ตคอวีและกระโปรงสีดำ ทำให้เต็มไปด้วยความเซ็กซี่สไตล์พี่สาว ร่างที่งดงามต่างดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
แต่ขณะนี้คิ้วดำของเธอขมวดแน่นพลางจ้อมมองไปยังจูอี้ฉวินที่กำลังยิ้มอยู่ในตอนนี้ และคิดในใจว่าคนนี้มันจะไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยหรอ?
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ GSI