บทที่ 260 สังหารหัตถ์มารทลายเทพ

ก่อนหน้านี้ จื่อเจี้ยนหลานพยายามหาโอกาสในการหลบหนีด้วยตัวเอง เธอจึงถูกกองกำลังไล่ล่า และได้รับพิษผงทลายใจจากมีดเล่มหนึ่ง

เดิมที ความหวังเดียวของเธอคือการรอคอยเฉินฮุยมาช่วย ด้วยที่เขาเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของวังไท่จี๋ เขาต้องขอยืมกระจกสุริยันของสำนักมาช่วยถอนพิษให้เธอได้แน่

แต่สุดท้าย ความหวังของเธอก็ต้องสูญสลายไป

“ตอนนี้ถ้าฉันไม่กลับไป ฉันก็ต้องตายในสองวัน”

น้ำเสียงของจื่อเจี้ยนหลานแฝงไปด้วยความเศร้า

“พวกเราจะไปเอายาแก้พิษ เธอคอยบอกฉันเกี่ยวกับกลไกของทางเข้าสำนักให้ดีก็แล้วกัน”

เย่เฟิงคิดว่าเขาต้องขอความร่วมมือจากสาวชุดม่วงคนนี้ จะอย่างไรพวกเขาก็มีความต้องการเหมือนกัน หญิงสาวย่อมเห็นด้วย

แต่เขากลับคิดผิด

จื่อเจี้ยนหลานกล่าว “มันอันตรายเกินไป ฉันทำให้นายเดือดร้อนไม่ได้ ฉันจะเข้าไปเอง ฉีหลินจื่อคงไม่ทำอะไรฉันมาก ยังไง ฉันจะลอบขโมยยาถอนพิษมา คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง”

“……”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย

จื่อเจี้ยนหลานคนนี้ช่างใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ ราวกับไม่เคยเห็นความโหดร้ายในโลกใบนี้ ทั้งเขาและเธอก็เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก หญิงสาวกลับเต็มใจจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเขาเสียแล้ว

แบบนี้จะไร้เดียงสาหรือโง่งมดี?

ถึงอย่างไรเย่เฟิงก็มีมโนธรรมในตัวเองพอที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากสาวน้อยไร้เดียงสาคนนี้ เขามาที่นี่เพื่อจัดการกับสำนักเซียนเร้นลับอยู่แล้ว แล้วเหตุใดจะต้องถอนตัวกลางคัน?

“คุณไม่ต้องห่วง”

เย่เฟิงกล่าวกับจื่อเจี้ยนหลาน “คุณบอกผมเรื่องกลไกของสำนักก็พอ ขอแค่ได้พบฉีหลินจื่อ ผมมั่นใจว่าเราได้ยาถอนพิษมาแน่ แล้วก็พวกสำนักเซียนเร้นลับ อย่าได้หวังว่าจะนอนหลับอย่างสงบสุขเลยคืนนี้!”

“คุณ”

จื่อเจี้ยนหลานยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นเย่เฟิงที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยวถึงขั้นนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงของเขาต้องมีความสุขมากแน่

เมื่อเย่เฟิงมองเห็นท่าทีชื่นชมอย่างออกนอกหน้าของหญิงสาว มุมปากของเขาก็โค้งขึ้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงถูกเฉินฮุยจากวังไท่จี๋หลอกลวง ก็ดันใสซื่อเสียขนาดนี้นี่นะ

ถือว่าโชคยังดี เย่เฟิงพบว่าความบริสุทธิ์ของหญิงสาวคนนี้ยังไม่ถูกเจ้าคนที่ชื่อเฉินฮุยนั่นพรากเอาไป ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก (แหม่)

เดี๋ยวสิ นี่เขาคิดอะไรอยู่?

เย่เฟิงส่ายหัวไล่ความคิด แล้วกระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปในบริเวณ 150 เมตรรอบตัว เขาสัมผัสได้ถึงสะพานโซ่เส้นหนึ่ง เชื่อมต่อไปยังอีกด้านหนึ่งของหน้าผาที่สูงชัน

ตามที่หลงหวางเอ๋อบอกไว้ นี่คงเป็นทางเข้าของสำนักเซียนเร้นลับ

ตัวสะพานทั้งหมดนั้นเป็นเพียงโซ่ยาวหลายสิบเมตรที่ขึงอยู่ระหว่างทั้งสองฝั่ง  ตลอดทางล้วนถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาจนยากจะมองเห็นได้ชัดเจน แม้แต่นักกายกรรมที่เชี่ยวชาญการเดินบนลวดก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเจอกับสะพานมรณะเส้นนี้

แต่สะพานแห่งนี้เป็นเพียงด่านทดสอบแรกเท่านั้น ทางเข้าสำนักเซียนเร้นลับยังถูกจัดวางไว้ด้วยกลไกค่ายกลต่างๆอีกมากมาย

“ไปกันเถอะ”

ก่อนหน้านี้เย่เฟิงเพิ่งใช้ทักษะเพลิงสุดขั้วสังหารและทำลายศพไป มันบริโภคเจินชี่ของเขาไปมาก แต่ด้วยที่ถือน้ำแข็งพันปีไว้ตลอดทาง เจินชี่ในร่างจึงถูกฟื้นฟูกลับมาเต็มที่แล้ว

ด้วยทักษะย่างก้าวไร้เงา เย่เฟิงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสะพานแห่งนี้ เขาแบกจื่อเจี้ยนหลานวิ่งผ่านสะพานโซ่ไปอย่างรวดเร็ว

พิษร้ายของผงทลายใจในร่างจื่อเจี้ยนหลานปะทุบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้ความช่วยเหลือของเย่เฟิง เธอไม่มีทางผ่านสะพานโซ่เส้นนี้ไปอย่างปลอดภัยได้แน่ ในระหว่างทางก่อนหน้านี้ เย่เฟิงได้ทดลองใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิรักษาอาการของผงทลายใจแล้ว เขาพบว่ามันไม่ได้ผล ทางเดียวที่จะแก้พิษนี้ได้คือต้องเอายาถอนพิษมาจากฉีหลินจื่อเท่านั้น

ความจริงมีอีกทางหนึ่งคือใช้กระจกสุริยันของวังไท่จี๋ แต่ต่อให้เย่เวิ่นเทียนเป็นคนออกหน้าเอง เย่เฟิงก็ไม่มั่นใจว่าจะเอามาได้ เขาไม่มีทางยอมเสี่ยงเสียเวลาแน่

“ยังทนไหวไหม?”

เย่เฟิงพบว่าร่างบางที่อุ้มไว้กำลังสั่นสะท้าน จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ยังไหว”

จื่อเจี้ยนหลานกล่าวเสียงอ่อน สองมือหญิงสาวจิกเสื้อของเย่เฟิงไว้แน่น

ร่างกายของเธอเย็นมาก พิษของผงทลายใจ กำเริบง่ายในตอนกลางคืน และจะคร่าชีวิตของเหยื่อในอีกสองวันถัดมา

“เราต้องไปทางไหน?”

เมื่อเย่เฟิงวิ่งผ่านสะพานโซ่มาแล้ว ข้างหน้าของเขาคือหุบเขาที่แคบและเล็ก สองข้างทางประกอบด้วยยอดเขาที่สูงชัน แต่เส้นทางนั้นแตกแขนงออกเป็น 7-8 เส้น

“ทางที่สามนับจากทางซ้าย ระวังกลไกด้านข้างด้วย”

จื่อเจี้ยนหลานกล่าว

เย่เฟิงกระจายทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปก็พบว่าเส้นทางที่สามจากทางซ้ายนั้นเต็มไปด้วยกลไกกับดัก หากใครที่ย่างก้าวเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะก็ คงถูกกระบี่นับพันเสียบร่างจนพรุน ถึงแม้จื่อเจี้ยนหลานไม่กล่าวเตือน เย่เฟิงก็ไม่ตกไปในกับดักเหล่านั้นอยู่แล้ว

ร่างของชายหนุ่มวิ่งผ่านเข้าไปในทางแยกที่สามอย่างรวดเร็ว ดวงจันทราส่องแสงสลัวๆ เหล่าดอกไม้และพืชพันธุ์ตามโขดหินทอแสงส่องประกายแวววาว หมู่แมลงส่งเสียงยามราตรี ชวนให้รู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

เย่เฟิงคิดว่า การหลบหนีของจื่อเจี้ยนหลานอาจทำให้ศัตรูเพิ่มการคุ้มกันที่หนาแน่นขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

ทักษะเซียน – ล่องหน!

เย่เฟิงและร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของจื่อเจี้ยนหลานพลันจางหายไปในที่สุด ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้ กลับคืนสู่ความสงบ ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตจากมนุษย์คนใด

เย่เฟิงมุ่งหน้าต่อไป พร้อมกับคอยหลบกลไกกับดักไปด้วย ชายหนุ่มคิดในใจว่าสถานที่นี้อันตรายมาก หากไม่มีทักษะสัมผัสวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านมันไปได้ ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาก็พบว่าในป่าของหุบเขาข้างหน้า มีร่างของคนผู้หนึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ คนๆอยู่ในชุดท่องราตรี และมีระดับวรยุทธ์สูงถึง 55 ปี!

‘คิดจะลอบโจมตีงั้นหรอ?’

เย่เฟิงหัวเราะในใจ ตามข้อมูลที่หลงหวางเอ๋อบอกมา ชายคนนี้คงเป็นหัตถ์มารทลายเทพ‘ฉินสือ’ ซึ่งหัตถ์ภูติสังหารเทพ‘ฉินเกอ’น้องชายของมัน ถูกเขาสังหารไปแล้วก่อนหน้านี้ที่ทะเลจีนตะวันออก

เวลานี้ หัตถ์มารทลายเทพฉินสือ จับจ้องมายังเส้นทางในหุบเขาอย่างมีเจตนา น่าเสียดายที่เย่เฟิงและจื่อเจี้ยนหลานอยู่ในสภาพล่องหน ชายคนนั้นจึงไม่รับรู้ถึงการคงอยู่ของพวกเขาแม้แต่น้อย

เย่เฟิงเคลื่อนที่เข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ!

“นั้นมัน”

เมื่อเข้าไปใกล้ แสงจากดวงจันทร์ส่องลงมา ทำให้จื่อเจี้ยนหลานมองเห็นฝ่ายตรงข้ามในที่สุด ใบหน้าของหญิงสาวซีดลงไปทันที

‘นี่มันอะไรกัน ทำไมเย่เฟิงถึงไม่หลบหนี ซ้ำยังลอบเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามด้วย? แล้วทำไมชายคนนั้นถึงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย?’

จนกระทั่งเย่เฟิงเข้าใกล้เป้าหมายในระยะ 5 เมตร หัตถ์มารทลายเทพฉินสือก็รู้สึกตัวในที่สุด

ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!

วรยุทธ์เฉพาะของสำนักเซียนเร้นลับ ทักษะเทพธิดาหว่านดอกไม้ ผสานกับวรยุทธ์และประสบการณ์ขั้นสูงของหัตถ์มารทลายเทพฉินสือ แม้ไม่พบตัวเป้าหมาย แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงอันตราย และจู่โจมด้วยอาวุธลับออกไปทันที

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเย่เฟิงที่ต้องประมือกับคนของสำนักเซียนเร้นลับ แน่นอนว่าเขาเตรียมตัวรับมือเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ทักษะย่างก้าวไร้เงาพลันปะทุขึ้นมา ส่งร่างของชายหนุ่มให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!

เมื่อใช้ทักษะเซียนชนิดอื่น สภาพล่องหนของเย่เฟิงก็คลายออกทันที เผยให้อีกฝ่ายมองเห็นร่างของจื่อเจี้ยนหลานที่เขาอุ้มไว้

“นางสารเลว! ถึงกับกล้าสมคบคิดกับศัตรู”

เมื่อหัตถ์มารทลายเทพฉินสือมองเห็นทั้งสอง ความเดือดดาลก็ปะทุขึ้นมาทันที ถึงอย่างนั้น กระบี่สีเขียวเข้มของเย่เฟิงก็ฉายวาบขึ้นมา แทงเข้าใส่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!

ฉีก!

ฉินสือพยายามตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ช้าเกินไป ทันทีที่แทงถูกเป้าหมาย เย่เฟิงก็ปลดปล่อยบอลไฟเผาไหม้ร่างของอีกฝ่ายจนสลายเป็นเถ้าถ่านโดยที่แม้แต่เลือดยังไม่ทันได้หลั่งริน

“นี่คุณ”

จื่อเจี้ยนหลานที่ถูกเย่เฟิงโอบร่างไว้ รู้สึกถึงความเร็วอย่างยิ่งยวดของเขา หญิงสาวตกตะลึงไปในทันทีเมื่อเห็นเย่เฟิงสังหารหัตถ์มารทลายเทพฉินสือที่มีระดับวรยุทธ์สูงถึง 55 ปีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จื่อเจี้ยนหลานตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง บางทีเย่เฟิงคนนี้อาจจะเอายาถอนพิษมาได้จริงๆ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อคิดว่าฉีหลินจื่อนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แข็งแกร่งเสียจนหัตถ์มารทลายเทพฉินสือยังเทียบไม่ติด ต่อให้สังหารฉินสือได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคู่มือของฉีหลินจื่อได้

…………….

แปลโดย Solar Spark