บทที่ 26
ใต้ทางเข้ามืดสนิท ตั้งแต่โดดลงมา ฉินห่าวรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่กลางอากาศเป็นเวลานานกว่าเท้าจะสัมผัสพื้น
เบื้องหน้าเขา คือทางเดินที่ไม่มีแสงสว่างใดๆ นี่ทำให้เขาเกิดความสงสัยเล็กน้อยว่าพวกเซี่ยถูไม่อยู่หรือยังไง ถึงปล่อยให้เขาถล่มทางเข้าบ้านตั้งนานจนมันถูกทำลายก็ยังไม่เห็นมีใครโผล่หัวมา?
แต่สิ่งที่ฉินห่าวไม่รู้ก็คือ ชายชุดดำที่ตายข้างบนจริงๆแล้วทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าทางเข้า และเขามีหน้าที่แจ้งหากคนแปลกหน้าหลงเข้ามา กระนั้น เนื่องจากฐานบำเพ็ญเพียรของฉินห่าวต่ำเกินไป ต่ำจนเขาสามารถกำจัดได้ด้วยตัวเอง จึงตรงเข้าสังหารโดยไม่ได้แจ้งให้คนอื่นๆทราบ
กระบวนการนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ฉินห่าวสามารถบุกเข้าฐานที่มั่นศัตรูได้โดยไม่เกิดการแจ้งเตือนใดๆ อีกทั้งทางเดินที่นี่เป็นเส้นตรง ฉินห่าวชอบอะไรแบบนี้มาก
เขาเดินไปตามทาง ทางเดินนี้ยาวมาก เดินประมาณสิบกว่านาที ฉินห่าวก็พบว่าดินข้างใต้นี้ ไม่ใช่ดินในเขตพื้นที่ป่าอีกต่อไป
“ท่านนักบวช มีเรื่องเกิดขึ้นกับสัตว์ร้ายในผนึก” ณ ขณะนี้ ร่างหนึ่งโผล่มาจากด้านหน้าเขา ฉินห่าวตื่นตัวขึ้นทันใด
ท่านนักบวช?
เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาได้ยินอะไรคล้ายๆกับศาสนาอะไรประมาณนั้น
“จงพูดมา!” เสียงของนักบวชค่อนข้างทุ้ม
“ตามรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ยินว่ามันออกมาพร้อมกับชายหนุ่มที่ถือค้อนในมือ คนผู้นี้เป็นศิษย์ชั้นสองของนิกายเซียวเหยา อยู่ในขอบเขตขจัดสิ่งโสมม” เสียงของชายคนนั้นสั่นเล็กน้อย
“ต้องฆ่า!”
ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงทุ้มต่ำของนักบวชดังขึ้นอีกครั้ง
ฉินห่าวเลิกคิ้ว นักบวชผู้นี้เล่นละครทำให้ตัวเองดูเคร่งขรึมน่ากลัวได้แบบตีบทแตกมาก หากมีร้อยคะแนนเขาจะให้มันเลย 99 คะแนน ส่วนอีกหนึ่งขอเก็บไว้ เดี๋ยวมันจะได้ใจเกินไป
“ขอรับ!”
“เอาไง กระทืบมันเลยไหม?” แพนด้าหันมองฉินห่านแล้วกระซิบ
“ยังก่อน! ไม่รู้ว่านักบวชนั่นเก่งแค่ไหน ควรดักรอมันมาใกล้ๆแล้วค่อยใช้ค้อนฟาดหัวให้เจ็บหนักดีกว่า” ฉินห่าวส่ายหัว เขาไม่สามารถตรวจสอบฐานบำเพ็ญเพียรของนักบวชคนนี้ได้ หากอีกฝ่ายเกิดอยู่ในขอบเขตก่อเกิดจิตขึ้นมา ต่อให้ฆ่าได้ แต่คงยากน่าดู
แพนด้า “ … ”
“นั่นใคร!?”
ณ ขณะนี้ เกิดเสียงตะโกนดังขึ้นข้างใน แรงกดดันอันท่วมท้นกวาดออกมาดั่งคลื่นยักษ์
ฉินห่าวหลับตาอย่างสิ้นหวัง เขาเดาได้แม่นจริงๆ อีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตก่อเกิดจิตจริงๆ แรงกดดันนี้ เหมือนตอนที่แพนด้าลดฐานบำเพ็ญเพียรรอบแรกตอนออกจากผนึกเลย อีกฝ่ายใช้มันเปิดทางในพื้นที่เสี่ยงส่วนลึกอยู่นาน เขาเลยคุ้นเคยกับมันดี
“เอายังไงต่อ … จะหนีไหม?”
แพนด้าไม่กลัว ต่อให้ศัตรูคือขอบเขตก่อเกิดจิตก็ยังไม่สามารถทำลายการป้องกันของมันได้ กระนั้น ในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็ควรจะหนี ดีกว่ารอให้ถูกทุบตี
สุภาพบุรุษจะไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงอันตราย!
“เป็นความผิดเจ้าเลย! เจ้าชวนข้าคุยจนพวกมันรู้ตัว” ฉินห่าวส่ายหัวอย่างหมดหนทางหยิบค้อนแล้วกระโดดออกมา เขาชินกับแรงกดดันในขอบเขตก่อเกิดจิตแล้ว ดังนั้นกล้าก้าวออกมา
“ท่านนักบวช เป็นเขา!”
คนที่พูดคือชายร่างเตี้ยที่โค้งตัวก้มอยู่เบื้องหน้าที่นั่งสูง
“เป็นเจ้าที่สังหารสาวกเซี่ยถูของข้า?” บนที่นั่งสูง นักบวชในชุดคลุมดำและมีลวดลายเส้นสีเงินปักตามแขนเอ่ยขึ้น
“ใช่ เป็นข้าเองที่ฆ่าพวกมัน”
ฉินห่าวพยักหน้ารับ ขว้างค้อนใส่ศัตรูพร้อมเอ่ยในใจว่า ‘ค่ายกลกระบี่เทพเต๋า!’
กระบี่เล่มเล็กในตันเถียนสั่นเทา
พรึบบบบบ!
ข้างหลังเขา กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับพันเล่มปรากฏขึ้น สร้างแสงสว่างไสวทั่วทั้งห้อง
แพนด้าตะลึง มันคิดว่าฉินห่าวใช้ได้แค่ค้อน ไม่นึกว่าจะมีกระบวนท่าใหญ่เช่นนี้ด้วย ขนาดตัวมันเอง เมื่อสังเกตแรงกดดันที่แผ่ออกมาแล้ว ก็ยังเกิดความรู้สึกไม่ดี เกรงว่าหากโดนเข้าจังๆอาจทำให้รู้สึกคันตามผิวหนังได้
“ไป!”
ฉินห่าวยื่นมือชี้ไปออกไป กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับพันเล่มส่งเสียงหึ่งหึ่ง พุ่งเข้าโจมตีนักบวช
“เจ้า … ช่างกล้า!”
นักบวบชกวาดมือปัดค้อนที่ขว้างมากระเด็น แต่เมื่อเห็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เบื้องหน้า สีหน้าใต้ชุดคลุมดำของเขาก็เปลี่ยนไป
“วิถีโลหิต!”
เมฆสีเลือดไหลมารวมตัวกันในมือเขา จับตัวกันเป็นของแข็ง และหวดเข้าต้านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
“ฮึ่ม!”
นักบวชแค่นเสียงอู้อี้ ชัดเจนว่าผู้อื่นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“เก่งนี่หว่า!”
ฉินห่าวสีหน้าซีดเซียว พลังปราณในตัวเขาหมดแล้ว หยิบมีดบางๆขึ้นมาแล้วแทงเข้าที่คอตัวเอง
แพนด้าเย็นสันหลังวาบทุกครั้งที่เห็นฉากนี้ มันไม่กล้าคิดเลย หากฉินห่าวใช้ลูกไม้นี้กับมัน ต่อให้เป็นมันก็มีโอกาสสูงที่จะตาย
“นี่ …. ”
นักบวชซึ่งเดิมตกอยู่ในอารมณ์โกรธ บัดนี้ตะลึงงัน
สถานการณ์นี่มันอะไร? หลังจากใช้กระบวนท่าใหญ่แล้วก็ฆ่าตัวตาย? ใจเจ้าช่างเหี้ยมหาญนัก! กลุ่มเซี่ยถูเราต้องการคนเช่นนี้แหละ หากเจอกันก่อนหน้านี้ข้าสาบานเลยว่าจะจ้างเจ้า!