บทที่ 248 ความข้องใจของหลี่เสวียน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ เย่เฟิงกำลังอารมณ์เสียสุดๆ เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่นานก็มีคนตามมาหาเรื่องอีกแล้ว

“คุณน้า ผมออกไปข้างนอกแป๊บนึง”

เมื่อกล่าวเสร็จ เย่เฟิงก็ก้าวลงบันไดไปทันที

“เอ๊ะ?”

ชูชูไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเด็กหนุ่มถึงดูรีบร้อนขึ้นมา แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามเขาไว้

ในเวลานี้ ประตูห้องนอนได้ถูกเปิดออกมาแล้ว

“หวางเอ๋อ เสี่ยวเฟิงเพิ่งลงไปเมื่อกี้เอง”

ชูชูกล่าว

“ค่ะ มีคนน่าสงสัยอยู่หน้าบ้าน หนูจะลงไปดูด้วย”

หลงหวางเอ๋อนั้นมีระยะสัมผัสวิญญาณถึง 250 เมตร ดังนั้น เธอจึงรับรู้ว่ามีชายชราร่างค่อมในชุดคลุมสีขาวเข้ามาในบริเวณนี้ก่อนเย่เฟิงเสียอีก

หญิงสาวหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน จากนั้นจึงก้าวลงบันไดไป

“ฉันไปด้วย”

ซูเมหิงหานตามลงไปด้วยอย่างร้อนใจ

“อะไรกันเนี่ย”

ชูชูงงงวยกับการกระทำของทั้งสามคน แต่เธอก็คิดว่าคงมีใครมาที่นี่จริงๆ

‘เราคงไม่ต้องลงไปด้วย เดี๋ยวจะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ’

ชูชูคิดได้ดังนั้นจึงก้าวไปยังระเบียงชั้นบนของบ้านเพื่อคอยสังเกตสถานการณ์จากระยะไกล

“เจ้าเด็กตระกูลเย่ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

ภายนอกตัวบ้าน ชายชราร่างค่อมตะโกนเสียงดังก้องจนได้ยินไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

ยามหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เขาพยายามขัดขวางชายชราคนนี้แล้วแต่ไม่สำเร็จ ชัดเจนว่าชายชราคนนี้มาเพื่อหาเรื่องเย่เฟิง

“สุนัขเฒ่าตัวไหนมาเห่าอยู่หน้าบ้าน?”

เย่เฟิงก้าวออกมานอกบ้าน จากนั้นจึงมองเห็นชายชราร่างค่อมในชุดคลุมสีขาว ชุดคลุมของเขาประดับลวดลายหยินหยางราวกับพวกนักพรตของลัทธิเต๋า การกระทำของชายชราคนนี้ชัดเจนว่าจงใจมาหาเรื่องเขา ชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพเช่นกันจึงเรียกอีกฝ่ายว่า “สุนัขเฒ่า” อย่างไม่ไว้หน้า

“ท่านอาจารย์?”

ทันใดนั้น ร่างเลือนรางตรงประตูบ้านก็เปล่งเสียงออกมาซึ่งมีเพียงเย่เฟิงเท่านั้นที่ได้ยิน

ร่างเลือนรางนั้นคือดวงวิญญาณของหลิงเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

‘อาจารย์งั้นหรอ?’

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็คือว่าชายชราคนนี้คงเป็นคนของวังไท่จี๋ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงมาหาเรื่องเขา

“เจ้าเด็กตระกูลเย่ ฉันคือหลี่เสวียน ผู้อาวุโสแห่งวังไท่จี๋ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงมาหาแกวันนี้?”

ชายชราเค้นเสียงและเอ่ยถามเย่เฟิงอย่างไม่อ้อมค้อมทันที

“โทษที ผมจำไม่ได้ว่าเคยไปมีเรื่องกับวังไท่จี๋ตอนไหน แต่ถ้าคิดจะมาหาเรื่องก็ลองดู”

เย่เฟิงหรี่ตาลง ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาค้นพบว่าชายชรานามว่าหลี่เสวียนคนนี้มีระดับวรยุทธ์ถึง 95 ปี แต่ยังนับว่าด้อยกว่าเย่เวิ่นเทียน หากต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ เย่เวิ่นเทียนย่อมสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ นี่ยังไม่นับเรื่องที่มีเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อร่วมต่อสู้ด้วย

แต่จุดสำคัญหรือหลิงเฉิน ชายชราผู้นี้คงเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตหลิงเฉินไว้จากเหตุการณ์ไฟไหม้ในวันนั้น ถ้าเป็นไปได้ เย่เฟิงก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเท่าไหร่

“หึ”

หลี่เสวียนเค้นเสียง “วังไท่จี๋ของฉันไม่เคยมีเรื่องกับแกอยู่แล้ว แต่การที่แกใช้ลูกศิษย์ของฉันเป็นโล่ นี่เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้!”

เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ใช้เป็นโล่งั้นหรอ?

หลิงเฉินตั้งใจเข้ามารับกระบี่เพื่อช่วยเขาด้วยตัวเอง ซ้ำตอนนี้ยังกลายเป็นผู้ฝึกวิญญาณและล่องลอยอยู่ใกล้ๆนี้ ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้คงไปได้ยินข่าวผิดๆมาจากพวกผู้ฝึกยุทธ์ในเหตุการณ์นั้นแน่ๆ

ถึงแม้จะเป็นเหตุการณ์เดี๋ยวกัน แต่การถูกใช้เป็นโล่หรือการยอมเป็นโล่ด้วยตัวเอง แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฟ้าดินเป็นพยานได้ ตัวเขาไม่มีทางทำสิ่งสกปรกอย่างการใช้คนอื่นมาเป็นโล่เหมือนหลงโม่หรันแน่!

“ท่านผู้เฒ่า ผมเสียใจที่ต้องบอกว่า สิ่งที่คุณได้ยินมามันไม่ใช่เรื่องจริง”

เย่เฟิงหรี่ตาลง “อีกสองเดือนข้างหน้า ผมจะแสดงให้ดูเอง”

อีกสองเดือนข้างหน้า เมื่อหลิงเฉินสามารถสร้างกายหยาบขึ้นมาได้แล้ว เขาจะให้เด็กหนุ่มไปบอกเล่าเรื่องราวแก่ผู้อาวุโสคนนี้ด้วยตัวเอง เพราะนี่คือการแก้ความเข้าใจผิดที่ดีที่สุด

“หึ อีกสองเดือนงั้นหรอ แกจะแสดงอะไรให้ฉันดู?”

ชัดเจนว่าหลี่เสวียนไม่เชื่อคำพูดของเขา น่าเสียดายที่ชายชราคนนี้ไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณของหลิงเฉินที่กำลังมีท่าทีร้อนใจและพยายามตะโกนเรียกอาจารย์อยู่ข้างๆนี่

“ผมจะให้หลิงเฉินไปเล่าความจริงให้คุณฟังด้วยตัวเอง”

เย่เฟิงโบกมือให้หลิงเฉินใจเย็นลง ด้วยสภาพของเด็กหนุ่มในตอนนี้ มีเพียงผู้ฝึกเซียนระดับ 10 ปีขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณรับรู้การคงอยู่ของเขาได้ ต่อให้หลิงเฉินพยายามตะโกนเรียกเท่าไหร่ หลี่เสวียนก็ไม่ได้ยินอยู่ดี

“อย่ามาพูดบ้าๆ!”

สีหน้าของหลี่เสวียนมืดครึ่ม ชัดเจนว่าลูกศิษย์ของเขาตายแล้ว แม้แต่ศพก็ยังถูกส่งไปที่วังไท่จี๋แล้ว เจ้าเด็กนี่กลับบอกว่าจะให้หลิงเฉินมาหาเขาด้วยตัวเอง นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?

“ถ้างั้นใครบอกคุณว่าผมใช้น้องหลิงเฉินมาเป็นโล่?”

เย่เฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ เขาจึงได้แต่กล่าวต่อไปว่า “คนของสำนักเซียนเร้นลับ? หมัดเทพทวารา? หรือวังกระบี่สวรรค์? นี่ผู้อาวุโสหลี่ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของตระกูลเย่ทั้งนั้น คุณคิดว่าคำพูดของพวกมันเชื่อถือได้งั้นหรอ?”

หลี่เสวียนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าอ่อนลง “ถ้างั้นความจริงคืออะไร? ลูกศิษย์ของฉันตายได้อย่างไร?”

“อีกสองเดือน เขาจะไปเล่าความจริงให้คุณฟังเอง”

เย่เฟิงกล่าวดังนั้นก็หรี่ตาลง “คุณคงไม่เชื่อว่าตอนนี้ เขาก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง หลิงเฉิน ใช้ทักษะสายลมปีศาจพัดใบไม้มาเรียงเป็นชื่อของนายสิ”

ทักษะสายลมปีศาจถือว่าเป็นทักษะแรกของผู้ฝึกวิญญาณ ความสามารถของมันถึงขนาดพัดเอาวิญญาณมนุษย์ให้หลุดออกจากร่างได้ แต่แน่นอนว่าด้วยระดับวรยุทธ์ของหลิงเฉินในตอนนี้ ไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หลี่เสวียนก็มึนงงไปหมด เจ้าเด็กนี่ป่วยหรือไง หรือมันตั้งใจจะเล่นกลอันใด?

แต่ทันใดนั้นเอง ชายชราก็ต้องตกตะลึง

จู่ๆลมหนาวก็พัดมาอย่างรวดเร็ว พาเอาเศษใบไม้หลายสิบใบให้มาร่วงอยู่หน้าประตู เรียงกันเป็นเป็นคำว่า “ซานเอ๋อ”

การใช้ลมพัดเศษใบไม้เพื่อเรียงเป็นตัวอักษร ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด หลี่เสวียนได้ยินว่าเย่เฟิงสามารถปลดปล่อยพลังชี่มาใช้ภายนอกได้ การทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือ ตัวอักษรสองตัวที่อ่านว่า “ซานเอ๋อ” นี่คือชื่อในวัยเด็กของหลิงเฉินซึ่งเย่เฟิงไม่มีทางรู้ได้!

เรื่องจริงงั้นหรือ?

ใบหน้าของหลี่เสวียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารีบหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่พบสิ่งน่าสงสัยแต่อย่างใด

“ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันยากที่จะเชื่อ”

เสียงของเย่เฟิงเยียบเย็นลง “แต่ผมจะบอกให้ว่า ปู่ของผมอยู่ที่บ้านข้างๆนี่ ถ้าคุณคิดจะจัดการผม คุณก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล สู้รออีกสองเดือนข้างหน้าดีกว่าไหม? แล้วคุณจะได้รู้ความจริงทั้งหมดเอง”

ดวงตาของหลี่เสวียนเริ่มมีความลังเล เขาเงียบราวกับกำลังขบคิดบางสิ่งในใจ

ชายชราเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ระเบียงบ้านข้างๆ ที่นั่น เย่เวิ่นเทียนในชุดคลุมสีขาวยืนเอามือไขว้หลังอยู่อย่างสงบ ท่าทางองอาจน่าหวั่นเกรง

“หึ ก็ได้ งั้นฉันจะให้เวลาสองเดือน”

ในที่สุดหลี่เสวียนก็ยอมถอย เขาหันหลังกลับ แต่ก็ทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะจากไป “อีกสองเดือนข้างหน้า ถ้าแกไม่ทำตามคำพูด วังไท่จี๋จะไม่ไว้หน้าตระกูลเย่อีก!”

“ตามสบายเลย ผู้อาวุโส”

เย่เฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ในที่สุดก็ไล่ชายชราคนนี้กลับไปได้แล้ว

เขาจะได้กลับไปนอนอย่างเป็นสุขเสียที

คิดดังนี้ เย่เฟิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

……………..

แปลโดย Solar Spark

ตื่นเต้นอะไรครัชพี่เย่