บทที่ 241 การกลับมาของเย่เฟิง

เมื่อเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อกลับมายังเขตเซี่ยงซาน ทั้งคู่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึม

เมื่อเกิดพายุไต้ฝุ่นและคลื่นสึนามิขึ้น ที่พักอาศัยตามแนวชายฝั่งจึงได้รับผลกระทบมากมายมหาศาล โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้มีการอพยพผู้คนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น จำนวนคนไร้บ้านก็เพิ่มขึ้นมากมาย ดูเหมือนว่ารัฐบาลคงต้องเจอเรื่องหน้าปวดหัวไม่น้อย

เพราะมีจ้าวอี้เป่ยและหลิงเฉินอยู่ด้วย พวกเขาจึงค้นพบที่อยู่ของเย่เวิ่นเทียนได้อย่างรวดเร็ว สำหรับร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของซูเฟยหยิ่งนั้น ด้วยที่ไม่ต้องการพบปะผู้คนมาก เมื่อถึงชายฝั่งแล้วจึงกลับไปพร้อมกับหลงจื่อและหลงชิงทันที

เธอต้องการเพ่งความสนใจไปยังการจัดการปัญหาของหน่วย NSA ร่วมถึงการแสดงเป็นหลงโม่หรัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังมีอยู่อีกมาก

เย่เฟิงระลึกคำกล่าวของซูเฟยหยิ่งไว้ในหัวอยู่เสมอ ก่อนที่จะแยกทางกัน ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวว่า “พยายามเพิ่มระดับวรยุทธ์เข้าล่ะ หากสามารถเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 40 ปีได้ภายในเวลาหนึ่งปี เธอและอาจารย์จะสามารถร่วมมือกันจัดการกับหัวหยุนเหยาได้อย่างแน่นอน”

บางที เขาควรจะเดินทางไปยังทะเลทรายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อตามหาร่องรอยของเวทเคลื่อนย้าย เพราะว่า……

เย่เฟิงส่ายหัวไล่ความคิดออกไป อย่าพึ่งคิดถึงเรื่องกลับไปยังถ้ำมังกรเลย ห่วงเรื่องที่ร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของซูเฟยหยิ่งก่อนดีกว่า หวังว่าจะไม่มีใครจับได้ก็แล้วกัน

นอกจากนี้ ไม่รู้ว่าในตอนนี้ หัวหยุนเหยาหลบหนีไปซ่อนตัวเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ที่ไหน ในยามที่มันฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทั้งหมดและปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง โลกนี้คงต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่เป็นแน่

แต่ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุดเขาก็มีเวลาได้พักหายใจหายคอเสียทีในช่วงสั้นๆนี้

ในที่สุดตอนนี้ เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อ ตลอดจนวิญญาณของจ้าวอี้เป่ยและหลิงเฉินก็มาถึงโรงแรมที่เย่เวิ่นเทียนและคนอื่นๆพักอยู่แล้ว

“เย่เฟิง!”

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงแสดงความประหลาดใจของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาทันที

เมื่อพวกเขาหันไปมองจึงพบกับหญิงสาวตระกูลเสี่ยว เวลานี้ เสี่ยวฉีสวมเสื้อยืดสีชมพูกระโปรงผ้ายีนและกำลังสอบถามบางสิ่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โรงแรม เมื่อเห็นเย่เฟิง เธอจึงโบกมือทักทาย

ตอนนี้ เสี่ยวฉีรู้แล้วว่าเย่เฟิงคือชายสวมหน้ากากที่ช่วยชีวิตเธอไว้ถึงสองครั้ง ความรู้สึกที่เธอมีต่อเย่เฟิงในใจจึงซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

แต่เมื่อใคร่ครวญอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายเสี่ยวฉีจึงตัดสินใจจะซ่อนความรู้สึกนี้ไว้แค่เพียงในใจ ตอนนี้เย่เฟิงมีคนที่เขารักแล้ว ซ้ำหลินชื่อฉิงที่เป็นคู่หมั้นก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอไม่มีทางขโมยผู้ชายของเพื่อนรักมาได้หรอก

เมื่อได้พบเย่เฟิงอีกครั้ง เธอจึงย้ำกับตัวเองว่าเขาเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้องเท่านั้น!

“สวัสดีครับ”

เย่เฟิงไม่ได้รับรู้สิ่งที่เสี่ยวฉีคิดเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเพียงพยักหน้าทักทาย “ปู่ของผมกับคนอื่นๆละครับ?”

“กำลังทานข้าวเช้าอยู่ที่ห้องอาหารอยู่เลย เดี๋ยวฉันพาไปนะ”

เสี่ยวฉีกล่าวขณะเดินนำไป

สายตาของหญิงสาวจ้องมองไปยังหลงหวางเอ๋อที่ควงแขนเย่เฟิง ขณะแอบชื่นชมในใจ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ไม่ว่าจะผิวพรรณหรือรูปลักษณ์ล้วนไม่มีที่ติ เทียบกับหลินชื่อฉิงแล้ว มีเพียงสไตล์เท่านั้นที่ดูแตกต่างกัน

แต่หากเทียบกับเธอแล้ว เธอไม่มีอะไรที่จะสู้กับผู้หญิงคนนั้นได้เลย

เวลานี้ หลงหวางเอ๋อดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด เธอได้ใช้เวลาพักอยู่ในถ้ำเมื่อคืนแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น จึงรู้สึกเหมือนยังนอนไม่พอ

เสี่ยวฉีนั้นมองหลงหวางเอ๋อด้วยความระมัดระวัง ขณะคิดว่าเธอต้องกระตุ้นเพื่อนของเธอให้รีบทำคะแนนบ้างแล้ว ไม่งั้นเย่เฟิงต้องถูกผู้หญิงคนนั้นฉกไปแน่ แต่เปลือกนอกนั้น เสี่ยวฉียังคงยิ้มบางๆราวกับไม่ได้คิดวางแผนอะไรในใจ

ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงห้องอาหาร

ห้องอาหารของโรงแรมแห่งนี้เป็นห้องโถงซึ่งมีผู้คนนั่งอยู่มากมาย ซึ่งโต๊ะของพวกเขานั้นประกอบด้วยเย่เวิ่นเทียน ซูเหมิงหาน หนานฟาง และคนอื่นๆ

เมื่อเห็นเสี่ยวฉีเดินนำเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อเข้ามา เย่เวิ่นเทียนก็รีบยืนขึ้น

“ไอ้หนู รีบมานี่เร็ว”

เย่เวิ่นเทียนรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“…..”

เย่เฟิงเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องของหลงโม่หรันแน่ที่ทำให้เย่เวิ่นเทียนรู้สึกร้อนใจขนาดนี้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเล่าเรื่องนี้ในสถานที่แบบนี้

การคงอยู่ของซูเฟยหยิ่ง จะให้คนอื่นรับรู้ไม่ได้เด็ดขาด

“เย่เฟิง”

เมื่อซูเหมิงหานเห็นเย่เฟิงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้จะเห็นหลงหวางเอ๋ออยู่ข้างๆ ซูเหมิงหานก็ไม่ได้แสดงความหึงหวงออกมา เมื่อสองวันก่อนนั้น เย่เวิ่นเทียนได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับหลงหวางเอ๋อทั้งหมดให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่พ่อของหญิงสาวเป็นศัตรูของเย่เฟิง และเรื่องที่เธอเกือบถูกพ่อตัวเองเอาชีวิต

แน่นอนว่าเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ เย่เฟิงย่อมไม่มีทางทอดทิ้งหลงหวางเอ๋อแน่นอน แล้วเธอจะใจร้ายไล่ผู้หญิงคนนี้ไปได้อย่างไร?

ความจริงแล้ว ซูเหมิงหานกลับรู้สึกดีกับหลงหวางเอ๋อ เพราะพวกเธอทั้งคู่นั้นคล้ายกัน มีพ่อที่เลวร้ายเหมือนกัน! ดังนั้นความรู้สึกของหลงหวางเอ๋อ ซูเหมิงหานจึงเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่ได้ยินว่าหลงโม่หรันเป็นคนที่จิตใจคับแคบและโหดร้ายไม่ใช่หรอ ทำไมเช้าวันนี้ถึงมีข่าวเรื่องที่เขาออกตัวปกป้องเย่เฟิงล่ะ?

ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเย่เฟิงเป็นศัตรูคู่อาฆาตอันดับหนึ่งของชายคนนั้น!

ทุกๆคนต่างต้องการรู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่เย่เฟิงเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น เขาไม่อธิบายอะไรออกมาราวกับต้องการเก็บเป็นความลับ

“ปู่ เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ ว่าแต่ทำไมปู่ถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”

เย่เฟิงลูบหัวซูเหมิงหานเบาๆ จากนั้นจึงดึงมือเธอนั่งลงตรงข้ามกับเย่เวิ่นเทียน

เมื่อเห็นเย่เฟิงที่รายล้อมไปด้วยสาวสวยมากมาย หลายๆคนที่อยู่ในห้องอาหารนี้จึงจ้องมองเขาด้วยสายตาชิงชัง ทำไมโลกใบนี้ถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้!

แล้วทำไมโต๊ะนั้นถึงได้มีสาวสวยอยู่มากมายขนาดนั้นกัน?

พวกเขานั้นล้วนไม่รู้ว่าเย่เฟิงเป็นใครและมีสถานะอย่างไร แม้แต่หลินชื่อฉิงเองก็ยังมีไม่กี่คนที่จำเธอได้

“ก็รอนายไง”

ซูเหมิงหานรู้สึกขัดเขิน เด็กสาวอยากจะแกะมือเย่เฟิงออก แต่เย่เฟิงนั้นกุมมือเธอไว้แน่นมาก

“พวกเธอด้วยหรอ?”

เย่เฟิงมองไปยังเสี่ยวเยวี่ย หลินชื่อฉิง และเสี่ยวฉี ที่อยู่บนโต๊ะอาหารด้วย การที่เย่เวิ่นเทียน ซูเหมิงหาน และชูชูรอเขาอยู่ที่นี่ ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจ แต่ทำไมทั้งสามสาวถึงยังอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ? เขาไม่คิดว่าแถบทะเลจีนตะวันออกนี่จะมีอะไรน่าสนใจหรอกนะ

“ก็รอนายนั้นแหละ”

เสี่ยวเยวี่ยกล่าวขณะกินข้าวอยู่ จากนั้น เธอจึงหยิบผ้ามาเช็ดปาก ถึงแม้ท่าทางของหญิงสาวจะไม่น่าดูเท่าไหร่ แต่หน้าอกหน้าใจคู่นั้นของเธอก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้ชายหลายคนในห้องอาหารแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวในชุดสีแดงคนนี้ไม่สนใจสายตาคนรอบตัวเลยแม้แต่น้อย

“น้องเย่ช่วยพวกเราไว้ ถ้าพวกเรากลับไปเฉยๆจะไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกหรอ?”

หลินชื่อฉิงส่งยิ้มให้เย่เฟิง

“อ่อ งั้นก็ตามสบายครับ”

เย่เฟิงไม่ได้สนใจอะไร เขาหันไปกล่าวกับเย่เวิ่นเทียน “งั้นกลับกันเลยมั้ยปู่?”

เขายังต้องกลับไปศึกษาชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปีอีก เพราะสมบัตสวรรค์ชิ้นนี้ยังมีสิ่งที่เขาไม่รู้อยู่อีกมาก

……………………..

แปลโดย Solar Spark

(แปลจากเว็บ lnmtl.com และ Raw จีนโดยใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย)