บทที่ 22: ถนนท้องฟ้า (1)
<ซีรี่ย์ตัวเลข>
ระดับของอาร์ติเฟคทุกชิ้นแตกต่างกัน
มันมีหลายเกณฑ์ที่ใช้วัด แต่ที่สำคัญที่สุดคือสี
ชนิดของพลังงานที่มันสามารถซึมซับได้
มันอาจเป็นอาร์ติเฟคที่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่เมื่อใช้พลังงานไร้สีในเขตไร้สี หรือมันอาจเป็นอาร์ติเฟคที่จะสามารถแสดงความสามารถได้เต็มที่เมื่ออยู่ในเขตสีแดงหรือเขตสีส้มซึ่งถัดจากเขตสีแดง
แน่นอนว่าอาร์ติเฟคที่ใช้พลังงานคุณภาพสูงกว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า ดังนั้นแล้วระดับของอาร์ติเฟคจึงเปลี่ยนแปลงไปโดยมีสีเป็นเกณฑ์
อาร์ติเฟคไร้สี อาร์ติเฟคสีแดง และอื่นๆ…
เมื่อแบ่งมันออกด้วยระดับเหล่านี้ มันก็จะถูกแบ่งออกไปอีก
เว้นเสียแต่จะเป็นอาร์ติเฟคพิเศษ มันไม่มีทางที่อาร์ติเฟคนั้นๆ จะมีค่าสูงกว่าอันที่มีสีสูงกว่า
อาร์ติเฟคไร้สีคุณภาพสูงนั้นด้อยกว่าอาร์ติเฟคสีแดงคุณภาพต่ำ
ดังนั้นแม้ว่าคุณจะเป็นใครคนหนึ่งที่ตระเวนไปรอบๆ พื้นที่ของคุณอย่างสบายๆ คุณก็จำเป็นจะต้องเพิ่มมาตรฐานของอาร์ติเฟคของคุณในพื้นที่กลาง จากนั้นจึงจะสามารถไปต่อได้
เมื่ออาวุธจากเขตก่อนหน้าไม่อาจใช้งานได้ดีในเขตต่อไป
แต่บางครั้ง อาร์ติเฟคที่พิเศษมากๆ ก็ได้ออกมา
อาร์ติเฟคเติบโต
ความพิเศษของพวกมันคือการที่พวกมันเติบโตได้
เหมือนกับที่นักผจญภัยดูดกลืนรูนและเปลี่ยนสีรูนของพวกเขาจากไร้สีเป็นสีแดง ต่อด้วยสีส้ม อาร์ติเฟคเองก็ได้ดูดกลืนบางอย่างและพัฒนาสีของมันเช่นกัน
ไม่ใช่อาร์ติเฟคเติบโตทุกอันที่ล้ำค่า
หากมันไม่ได้ดีเท่าเทียมกับอาร์ติเฟคอื่นแม้ว่าคุณจะลงทุนไปอย่างมากเพื่อพัฒนามัน เช่นนั้นมันก็ดีกว่าที่จะหาอาวุธที่เหมาะสมสักชิ้นในพื้นที่กลางก่อนจะไปยังเขตต่อไป
แต่แน่นอนว่าอาร์ติเฟคเติบโตเองก็มีหลายระดับเช่นกัน
ลูกหลานของมังกรย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นในยามอายุหนึ่งขวบ และจะแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นในยามที่อายุสิบขวบ ช่องว่างนี้มีเพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น
อาร์ติเฟคเติบโตเองก็เติบโตเช่นนี้ และสิ่งที่มักจะจัดเป็นอาร์ติเฟคชั้นยอดอยู่เสมอถูกเรียกว่า <ซีรี่ย์ตัวเลข>
บางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า <ซีรี่ย์มังกร> เพราะมันเติบโตราวกับมังกร พวกมันเป็นอาร์ติเฟคที่แข็งแกร่งที่สุด กระทั่งเหนือกว่าอาร์ติเฟคที่ระดับสีสูงกว่า
จากหมายเลข 1 ถึง 999
ไอเท็ม 999 ชิ้นที่กิลด์มาโนรอสที่เป็นหนึ่งในเก้าเสาหลักได้ตัดสินและเลือกออกมาด้วยความเข้มงวด ไอเท็มที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยพบมา
มันไม่สนใจว่าจะเป็นแหวน เกราะ หรืออาวุธ
เพียงแค่เอามาเรียงกัน แล้วนับ
ตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 9 เป็นหมายเลขเดี่ยว
ตั้งแต่อันดับ 10 ถึง 99 เป็นหมายเลขคู่
ตั้งแต่อันดับ 100 ถึง 999 เป็นหมายเลขสามหลัก
อาร์ติเฟคเหล่านี้นั้นเลื่องชื่อด้วยตัวของมันเอง ทว่าพวกมันกระทั่งมีชื่อมากขึ้นด้วยผู้ครอบครองพวกมัน
เพราะแม้ว่าคนอ่อนแอที่โชคดีจะได้ครอบครองพวกมัน พวกมันก็จะตกไปอยู่ในมือของผู้ที่แข็งแกร่งในที่สุด
มันยากกว่าและสำคัญกว่าในการเก็บรักษาอาร์ติเฟคพวกนี้เมื่อเทียบกับการได้รับพวกมันมา
และหมายเลขเดี่ยว <9> <แหวนของเนอร์มาฮา> เป็นหนึ่งในอาร์ติเฟคที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีชื่อขึ้นมาเพราะกวางกุนจู และเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียง
ฉายา [แหวนแห่งความเป็นที่สุด]
‘กวางกุนจู ไอ้หมอนี่ ฉันสงสัยมาตลอดว่าเขาเอามันมาจากไหน…’
มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะครอบครองมัน ทว่ามันไม่ใช่สิ่งเดียวที่ปรากฏขึ้น เมื่อมันเป็นซีรี่ย์ตัวเลข
เหมือนอย่างที่แม้ว่ามังกรตัวหนึ่งจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่ได้มีเพียงตัวเดียว
และนั่นเป็นเหตุผลให้เมื่อผู้คนเห็นกวางกุนจูสังหารหมู่ พวกเขาจึงพยายามที่จะหาแหวนนั่นแทบจะพลิกแผ่นดิน
เมื่อพลังทั้งแปดของแหวนนั่นออกมา เพียงแค่ถูกมันสะกิดเล็กๆ ก็ทำให้พวกเขาโทรมราวกับผ้าขี้ริ้ว
และพวกยอดฝีมือเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แต่สิ่งนั้นที่ไม่อาจหาเจอได้กลับถูกพบที่นี่
‘อ่าใช่ หากมีเพียงกวานกุนจูที่เคลียร์ภารกิจนี้ มันก็เป็นเรื่องถูกต้องที่มันจะไม่สามารถหาได้จากที่อื่นอีก’
พื้นที่ฝึกซ้อมไม่สามารถเข้ามาได้เว้นเสียแต่จะเป็นตอนนี้ มันมีเหตุผลที่ทำให้นักผจญภัยไม่อาจหามันได้แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม
‘ดีมาก’
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ให้รางวัลผู้คนเพียงเพราะพวกเขาได้เคลียรข้อกำหนดที่ยากลำบาก
เมื่อบางสิ่งที่ยากสำหรับคนอ่อนแอนั้นง่ายกว่าทุกสิ่งสำหรับผู้ที่แข็งแกร่ง
รางวัลที่ดีที่สุดจะออกมาเมื่อคนอ่อนแอได้เคลียร์ภารกิจที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในระดับของพวกเขา
เหมือนกับชิ้นส่วนลับที่ฮันซูได้ฆ่าสัตว์อสูรกินเนื้อ
เขาได้คาดว่าจะมีบางอย่างเช่นนี้ ว่าอาร์ติเฟคที่เขาจะได้รับที่นี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถโยนทิ้งไปได้ง่ายๆ ในเขตสีอื่น
แต่ใครจะคาดว่ามันจะเป็นหมายเลขเดี่ยวที่ออกมา
ทันทีที่ฮันซูสวมแหวนนั้นไปที่นิ้วของเขา มันก็ได้หดลงจนพอดีกับขนาดนิ้ว
<แหวนของเนอร์มาฮา>
อาร์ติเฟคเติบโตที่มีพลังทั้งหมดแปดอย่าง
มันดูดกลืนรูนและเติบโต และทุกครั้งที่มันเพิ่มระดับสี มันจะปลดล๊อกพลังอีกอย่าง
แหวนของเนอร์มาฮาในตอนนี้เป็นอาร์ติเฟคไร้สี
และเพราะว่าเป็นเช่นนั้น มันจึงมีพลังเพียงอย่างเดียวที่สามารถใช้ได้
แต่ชายหนุ่มมีรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า
‘นี่แหละ’
พลังแรก <พลังทำลายล้าง>
มันไม่ใช่การยกเลิกเวทมนต์และสามารถจัดการสกิลได้ง่ายๆ แบบนั้น
มันเป็นพลังที่สามารถลบล้างได้ตั้งแต่สกิลติดตัวจนกระทั่งลักษณะพิเศษของคนคนหนึ่ง
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ว่าผู้ที่ถูกโจมตีโดยมันจะกลายเป็นผู้ไร้ลักษณะพิเศษและสูญเสียมานาจำนวนมหาศาลไป
อีกโลกไม่ใช่สถานที่ที่ง่ายดายแบบนั้น
เพียงเพราะคุณได้ครอบครองดาบเทพสักเล่มไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถกลายเป็นยอดนักดาบ เพราะอาร์ติเฟคกระต่ายหรือหมูก็ไม่อาจกลายเป็นมังกรได้เช่นกัน
และแม้ว่ามันจะมีเรื่องแบบนั้นจริงๆ มันก็ย่อมไม่เกิดขึ้นในเหล่ากระต่ายหรือหมู
และแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นในเหล่ากระต่ายหรือหมูจริงๆ พวกมันก็ไม่อาจใช้ได้เพราะข้อจำกัด
และแม้ว่าพวกมันจะใช้ได้ พวกมันก็ปกป้องไม่ได้อยู่ดี
เพื่อที่จะใช้มัน มันต้องเข้ากับลักษณะพิเศษของคนคนนั้น หรือยามพวกเขาใช้ลักษณะพิเศษ และทุกๆ ครั้งที่ใช้มันจะต้องสูญเสียมานา รวมทั้งพลังทำลายจะสะท้อนกลับในที่สุด
แต่การที่คุณสามารถลบล้างพลังของคู่ต่อสู้ได้ในเวลาที่เหมาะสมและสถานที่ที่เหมาะสมเป็นข้อได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง
เมื่อในยามที่พลังของอีกฝ่ายกลับมา พวกมันก็กลายเป็นศพไปแล้ว
มันไม่ใช่เพียงแค่ซีรี่ย์มังกร
มันถูกเรียกเช่นนั้นเพราะมันได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ในเขตไร้สี
และมันเป็นอาร์ติเฟคเติบโต นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
‘ดูเหมือนว่าฉันต้องใช้รูนจำนวนมากนับแต่นี้ แม้ว่าฉันจะยังใช้มันไม่ได้ก็ตามที’
ฮันซุแตะใบหูของเขา
[คังฮันซู]
พลังกาย: 92.3
ความอดทน: 88.8
ความคล่องแคล่ว: 47.1
ความเข้าใจ: 50.2
มานา: 22
ต่อต้านเวทมนต์: 13
แม้ว่ามันจะอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุด มันก็ยังคงเป็นอาร์ติเฟคไร้สี
เพื่อที่จะสามารถใช้มันได้ รูนของคนผู้หนึ่งจำเป็นต้องอยู่ในระดับไร้สี
เขาจำเป็นต้องมีรูนไร้สีหนึ่งอันเป็นอย่างน้อย หรือจะดีกว่าถ้าหากเป็นรูนไร้สีทั้งหมด
แต่เขาในตอนนี้ไม่มีรูนไร้สี
ฮันซูครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
ว่าจะทำให้รูนของเขาไร้สีก่อนหรือจะสร้างสมดุลก่อน
ยังคงเหลือบุหรี่เมฆาอีกแปดตัว
บุหรี่เมฆาใช้ไม่ได้ในรูนระดับไร้สี
ชายหนุ่มที่ครุ่นคิดได้ตัดสินใจ
‘ทำให้รูนอันหนึ่งเป็นรูนไร้สีก่อน จากนั้นจึงสร้างสมดุล’
หากมันมีศัตรูที่ทำให้เขาต้องใช้รูนไร้สีและแหวนของเนอร์มาฮา มันจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการขณะที่ค่าสถานะของเขายังไม่สมดุล
และในทางกลับกัน ถ้าศัตรูไม่ทำให้เขาต้องใช้แหวนเนอร์มาฮา งั้นรูนไร้สีก็ไม่จำเป็นเช่นกัน
ฮันซูที่ตัดสินใจแล้วเริ่มเดินออกจากแท่นบูชาอย่างเชื่องช้า
‘ไม่เลว’
ฮันซูพึมพำขณะที่เขามองไปยังหน้าจอค่าสถานะของเขาในวันที่เจ็ด
[คังฮันซู]
พลังกาย (ไร้สี): 0.01%
ความอดทน: 88.8
ความคล่องแคล่ว: 84.0
ความเข้าใจ: 85.1
มานา: 58.4
ต่อต้านเวทมนต์: 13
พลังกายได้หยุดอยู่อย่างมั่นคงที่ 0.01%
เขาตัดสินใจว่ามันดีกว่าที่จะทำให้ค่าสถานะอย่างหนึ่งกลายเป็นรูนไร้สีในกรณีฉุกเฉิน แต่เขาไม่อาจเพิ่มมันไปได้มากกว่านั้น
เมื่อมันกลายเป็นรูนไร้สี มันก็จะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อดูดกลืนรูนไร้สีเท่านั้น
มันเป็นเช่นเดียวกับแหวนเนอร์มาฮา
เมื่อรูนไร้สีไม่ปรากฏขึ้นในช่วงแรกของบทฝึกซ้อม เขาก็ต้องหามันในช่วงที่สองของบทฝึกซ้อมนับแต่บัดนี้
เมื่อเขตไร้สีที่เป็นพื้นที่ของช่วงที่สองของบทฝึกซ้อมได้ดรอปทั้งรูนธรรมดาและรูนไร้สีออกมาอย่างเหมาะสม
เมื่อทั้งพลังกายและค่าความอดทนยังเป็นสิ่งที่มีคนต้องการอยู่ ฮันซูจึงได้ลงทุนโดยการแลกรูนพลังกายและรูนความอดทนทั้งหมดที่เหลือของเขาไปเป็นรูนความคล่องแคล่ว รูนความเข้าใจ และรูนมานา
มานาไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชายหนุ่มที่ไม่มีสกิลแม้แต่สกิลเดียว แต่เพื่อที่จะใช้พลังทำลายล้างอย่างอิสระ มันจะดีกว่าถ้ามีมานามาก
มันเป็นการแลกเปลี่ยนแบบได้ทุกฝ่าย
เมื่อความคล่องแคล่ว ความเข้าใจ หรือมานานั้นสามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยราคาสูงกว่าพลังกายและความอดทน ดังนั้นผู้คนที่โชคดีดรอปรูนเหล่านี้จะรีบนำมันไปให้ฮันซูและเพิ่มพลังกายและค่าความอดทนของพวกเขาในอัตราที่รวดเร็ว
หากชายหนุ่มล่าเพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็คงไม่อาจที่จะสร้างสมดุลของเขาได้ทันเวลา
‘เอาเถอะ ฉันไม่สามารถทำภารกิจให้เสร็จทั้งหมดได้’
เพราะเขาได้ใช้เวลาไปในการล่าสัตว์อสูร เขาจึงไม่อาจที่จะทำภารกิจทั้งหมดให้สำเร็จได้ แต่มันไม่ได้สำคัญเท่าใดนัก
เมื่อเขาได้บางอย่างที่มีค่ามากกว่านั้นมาแล้ว
การได้รับทุกสิ่งไม่ใช่ส่วนที่สำคัญ
เขาก็แค่จำเป็นต้องได้รับส่วนสำคัญที่จะทำให้เขาเหนือกว่าผู้อื่นเมื่อเขาปีนขึ้นไป
คนส่วนมากคิดว่ารูนนั้นสำคัญ แต่รูนไม่ใช่ส่วนสำคัญของความแข็งแกร่งเสมอไป
สัตว์อสูรมีอยู่ทุกที่ ดังนั้นรูนจึงสามารถหาได้ทุกแห่ง และเมื่อรูนนั้นเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน มันก็ยากที่จะสร้างความแตกต่างกับผู้อื่น
รูนสำคัญ แต่คุณภาพของลักษณะพิเศษ สกิล และอาร์ติเฟคที่จะทำให้คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัวมากกว่ารูนสำคัญมากกว่า
รูนสามารถหาได้แม้ว่าจะฆ่าสัตว์อสูรที่อ่อนแอกว่า
แต่สามสิ่งข้างบนนั้นไม่ใช่เช่นนั้น มันเป็นสิ่งหายากที่มีจำกัด และเพราะแบบนั้น ช่องว่างจึงถูกสร้างขึ้น
‘บุหรี่เมฆาเหลืออีกหก… ในถุงอาหารมีเนื้อก๊อบลินเต็มแล้ว เข็มเองก็ถูกลับแล้วเหมือนกัน’
ฮันซูสำรวจผู้คนจากที่ไกลๆ ขณะที่เขาตรวจสอบสิ่งของของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะผ่านพ้นหลายๆ สิ่งมาในหนึ่งอาทิตย์ มันก็ดูเหมือนระยะเวลาสั้นๆ สำหรับบางคนและยาวนานสำหรับบางคนจนกระทั่งดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปในขณะที่ผู้อื่นยังคงดิ้นรนอยู่
ในบรรดาคนเหล่านั้น เขาเห็นมิฮีและซังจิน ทว่าเขาไม่ได้โบกมือเพื่อทักทายอีกฝ่าย
เมื่อพวกเขาจะถูกแยกออกจากกันในไม่ช้า
‘เอาเถอะ แล้วค่อยทักทายกันด้วยรอยยิ้มเมื่อพวกเราเจอกันอีกครั้ง’
แฟรี่ปรากฏตัวขึ้นจากรอยแยกใจกลางอากาศเหนือฮันซูที่กำลังตรวจสอบสิ่งของของเขา
“ทุกคน! พวกคุณได้ทำงานอย่างหนักมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว! คุณอาจจะพอเดาได้ในตอนนี้ แต่มันมีคนหลายคนที่เหมือนกับพวกคุณด้านนอกนั่น!”
“…”
“พวกคุณจะเริ่มช่วงที่สองของบทฝึกซ้อมในตอนนี้! สถานที่ที่พวกคุณจะไปอยู่นับตั้งแต่ตอนนี้คือ <ถนนท้องฟ้า>
<ถนนท้องฟ้า>
‘… ทางที่จะขึ้นไปยังท้องฟ้า หืม’
มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
สิ่งที่พวกเขาสงสัยคืออย่างอื่น
“มีกี่คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น?”
แฟรี่แย้มรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ฉันคิดว่ามากกว่าหมื่นนิดหนึ่งนะ พวกคุณจะไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน”
“…”
“มันจะมีสิ่งน่าสนุกมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อพวกคุณไปที่นั่น มันเป็นเรื่องยากที่จะเล่นกับคนร้อยคนใช่ไหมล่ะ? แล้วมันจะสนุกแค่ไหนถ้าเล่นกับคนหนึ่งหมื่นคน พวกคุณจะมีเพื่อนเยอะขึ้นด้วย แค่คิดก็สนุกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
สีหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินคำกล่าวของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก
กระทั่งร้อยคนยังเหนื่อยขนาดนี้ แต่มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน
และมันมีเรื่องที่คาดเดาไม่ได้มากมายในเวลาหนึ่งอาทิตย์นี้
พวกเขาไม่อาจจินตนาการว่าพวกแฟรี่จะทำอะไรมากมายแค่ไหนในเวลาสามเดือนนั่น
แฟรี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่มองภาพนั้นอย่างมีความสุข
“มันมีทั้งหมด 10,842 คน… พวกคุณจะเริ่มต้นด้วยคนราวๆ 10 ถึง 11 คน”
ทุกคนเริ่มพึมพำและจากนั้นจึงเริ่มรวมตัวกับเพื่อนสนิทของตน
แน่นอนว่า 11 คนดีกว่า 10 คน
และยิ่งคนเหล่านั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีเท่านั้น
คนที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากที่สุดสิบคนต้องมีกลุ่ม
“คุณมิฮี! ได้โปรดรับผมเข้าไปด้วย!”
“ซังจิน! ฉันค่อนข้างมีประโยชน์เลยนะ! รับฉันด้วย!”
“ไอ้เวรนี่ นายเมินเราจนถึงตอนนี้! ไสหัวไป!”
แฟรี่หัวเราะกับภาพวุ่นวายด้านล่าง
“ฮะฮะฮะฮะฮะ! พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
“…?”
“มันจะสุ่มเอา พยายามอย่างหนักนะทุกคน!”
ทันทีที่สิ้นคำพูด คนที่เหลือทั้งหมด 47 คนต่างก็วาร์ปออกไปจากพื้นที่ฝึกซ้อมแรก
ไปยังจุดเริ่มต้นแบบสุ่มในพื้นที่ของช่วงที่สองของบทฝึกซ้อม ถนนท้องฟ้า
TL: เปลี่ยนแมพแล้วจา
ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ