บทที่ 217 ทักษะเพลิงสุดขั้ว

ไม่นาน เย่เฟิงก็เลิกขบคิดถึงเรื่องเวทเคลื่อนย้าย มันคงเป็นเรื่องโง่มากหากเข้าไปสำรวจสุ่มสี่สุ่มห้า เขาคิดว่าไว้ช่วยซูเฟยหยิ่งได้เมื่อไหร่แล้วค่อยถามความเห็นของเธอก่อนจะดีกว่า

เพลิงสีแดง จงลุกไหม้!

ชายหนุ่มได้ใช้เพลิงสีแดงลนไปรอบๆปฏิมากรรมน้ำแข็งของซูเฟยหยิ่งอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ชิ้นน้ำแข็งนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลอมละลายเลยแม้แต่น้อย และอาจารย์ของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาเช่นกัน

นี่ทำให้เย่เฟิงเริ่มรู้สึกร้อนใจ

“หรือว่าเราควรจะพาอาจารย์ออกไปจากที่นี่ก่อนดี?”

ชายหนุ่มคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงหันไปมองแท่งน้ำแข็งพันปี

หากเขาพาซูเฟยหยิ่งออกไปจากที่นี่โดยเลือกที่จะไม่สนใจน้ำแข็งพันปี มันคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง แต่หากสัมผัสน้ำแข็งพันปีสุ่มสี่สุ้มห้า สุดท้ายเขาก็อาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับซูเฟยหยิ่งซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องตลกเลย

แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรดี?

ไม่นาน เย่เฟิงก็พบว่าตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว เขาเข้ามาที่นี่ได้จากการใช้ทักษะกระบี่ผ่ามิติ แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยหากใช้วิธีนี้เพื่อพาชิ้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกไปด้วย

พูดอีกอย่างก็คือ เขาติดอยู่ในนี้เสียแล้ว!

เย่เฟิงรีบกลับไปที่ตำแหน่งใกล้กับชั้นน้ำแข็งทั้งสามชั้นและมองออกไปหาหลงหวางเอ๋อที่อยู่ภายนอก เขาโบกมือให้หญิงสาวและกล่าวว่า “หวางเอ๋อ ใช้ศรดารายิงเข้ามาอีกที!”

หากชั้นน้ำแข็งทั้งสามนี้ถูกเจาะทะลวง น้ำทะเลก็จะไหลทะลักเข้ามาทั่วบริเวณนี้ทันที แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะตอนนี้เขาสามารถดูแลร่างของซูเฟยหยิ่งได้แล้ว

น่าเสียดายที่ชั้นน้ำแข็งทั้งสามนี้หนาเกินไป ถึงแม้จะสามารถมองทะลุผ่านได้อย่างชันเจน แต่เสียงก็ไม่อาจทะลุผ่านออกไปได้

หลงหวางเอ๋อพบว่าเย่เฟิงกำลังพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่ได้ยินเสียงนั้นเลย หญิงสาวจับใจความได้ว่าชายหนุ่มต้องการให้เธอยิงศรดาราเข้าไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่มั่นใจ 100% แล้วหากเธอเกิดเข้าใจผิดขึ้นมาล่ะ?

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของหญิงสาว เย่เฟิงจึงทำได้เพียงแสดงท่าทางการใช้ทักษะศรดาราเพื่อยิงเข้าใส่ชั้นน้ำแข็งโดยตรง

ระหว่างที่อยู่ในเมืองน้ำแข็งนี้ เขาไม่สามารถดูดซับพลังจากดวงดาวได้ ฉะนั้นแล้ว พลังของมันจึงอ่อนเสียจนไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนบนผิวน้ำแข็งได้ แต่นั่นก็มากพอจะทำให้หลงหวางเอ๋อเข้าใจว่าชายหนุ่มต้องการให้ทำอะไร

หลงหวางเอ๋อพยักหน้าตอบรับ จากนั้น เธอจึงเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในดงปะการังใต้ก้นทะเล และเริ่มรวบรวมพลังของทักษะศรดารา

เมื่อเห็นหญิงสาวเข้าใจภาษามือของเขาในที่สุด เย่เฟิงจึงค่อยโล่งใจ ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำคือการรอคอยประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อให้หลงหวางเอ๋อรวบรวมพลังและยิงศรดาราเจาะทะลวงชั้นน้ำแข็ง หลังจากนั้น เขาก็จะรีบไปจากที่นี่พร้อมกับหญิงสาวและร่างของซูเฟยหยิ่งทันที

สำหรับเรื่องของน้ำแข็งพันปีนั้น……..ค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลัง

ในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของซูเฟยหยิ่ง เพราะเขาไม่คนประเภทสนใจแต่ประโยชน์ส่วนตน

ขณะที่ยืนอยู่ข้างชิ้นน้ำแข็ง เย่เฟิงมองผ่านชั้นน้ำแข็งไปหาหลงหวางเอ๋ออยู่หลายครั้งพร้อมกับคำนวณเวลาอยู่ในใจ และในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปจากช่องน้ำแข็งที่เชื่อมต่อมาถึงพื้นที่นี้ทั้งสองช่องด้วย

ภายในช่องน้ำแข็งทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำทะเล แต่ที่น่าสนใจคือ น้ำทะเลไม่ได้ไหลเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ หากพวกหน่วย NSA หรือคนอื่นๆภายนอกต้องการจะเข้ามาในที่แห่งนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงค้นหาเส้นทางที่เชื่อมต่อมาถึงช่องน้ำแข็งทั้งสองช่องนี้เท่านั้น

“ด้วยเขาวงกตที่ซับซ้อนขนาดนั้น แม้แต่หน่วย NSA ก็คงอีกนานกว่าจะเข้ามาที่นี่ได้”

เย่เฟิงส่ายหัว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะสามารถพาซูเฟยหยิ่งไปจากที่นี่ได้แล้ว หลังจากนั้น เขาจะหาพื้นที่ลับตาคนเพื่อสร้างร่างเทียมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับใช้ในการแย่งชิงน้ำแข็งพันปีมาในภายหลัง

เย่เฟิงได้แต่หวังว่าทุกสิ่งจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้….

ชายหนุ่มอธิษฐานอยู่ในใจว่าขอให้แผนที่วางไว้สำเร็จไปได้ด้วยดี ทุกๆครั้งที่เขามองไปยังร่างของซูเฟยหยิ่ง เรือนผมสีดำที่ยาวลงมาจนถึงสะโพกนั้น ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในโลกเทวะ ช่วงเวลาที่เขาติดตามหญิงสาวผู้นี้

บางที เย่เฟิงก็คาดหวังว่าอยากให้ซูเฟยหยิ่งตื่นจากการหลับใหลขึ้นมาเสียตอนนี้เลย หลังจากนั้น พวกเขาก็จะได้ท่องเที่ยวไปทั่วในโลกใบนี้…….

“จริงสิ”

เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จนพลันนึกขึ้นได้ถึงบางสิ่ง เขารีบกางมือออกและมองเข้าไปที่ฝ่ามือ

ในเมื่อทักษะเพลิงสีแดงในชั้นแรกไม่สามารถหลอมละลายน้ำแข็งได้ ทำไมเขาไม่ลองเพิ่มระดับมันขึ้นเป็นขั้นสอง – เพลิงสุดขั้ว เสียเลยล่ะ? ถ้าอุณหภูมิของเพลิงสีแดงสูงกว่าเพลิงทั่วไปประมาณ 10 เท่า เพลิงสุดขั้วก็ควรมีอุณหภูมิสูงกว่าเพลิงสีแดงอีก 10 เท่าเช่นกัน!

เพลิงสุดขั้วนั้นมีความสามารถในการเผาไหม้ถึงแม้จะอยู่ในน้ำก็ตาม หากผู้ที่ระดับวรยุทธ์สูงมากโยนบอลไฟสีขาวลงไปในทะเลสาบแล้วละก็ มันอาจถึงขั้นที่น้ำในทะเลสาบระเหยไปหมดเลยก็เป็นได้

ในโลกเทวะนั้น เมื่อมีมีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี ทักษะโจมตีแรกของเย่เฟิงที่เย่เฟิงได้เรียนรู้ก็คือทักษะเพลิงสีแดง และหลังจากผ่านมาพักใหญ่ เมื่อซูเฟยหยิ่งพบว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ดีแล้ว เธอจึงสอนทักษะเพลิงสุดขั้วให้เขาเล็กน้อย

น่าเสียดายที่ในเวลานั้น พวกเขาได้พบกับจ้าวอสูรมังกรไฟซึ่งทำให้ซูเฟยหยิ่งติดพันอยู่กับการต่อสู้อันยืดเยื้อ และในขณะที่เย่เฟิงเข้าสู่ถ้ำมังกรไฟเพื่อจะตามไปช่วย เขารู้ตัวอีกทีก็ถูกส่งมายังโลกใบนี้เสียแล้ว…..

“ต่อให้ไม่มีอาจารย์คอยสอน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฝึกฝนทักษะเพลิงสุดขั้วเองไม่ได้ จริงไหม?”

เย่เฟิงกัดฟันและพยายามนึกถึงช่วงเวลาที่ซูเฟยหยิ่งแสดงทักษะเพลิงสุดขั้วให้ดู

แต่เพลิงสุดขั้วนั้นแตกต่างจากเพลิงสีแดง เมื่อใช้ทักษะนี้แล้ว เปลวเพลิงสีขาวจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกับอุณหภูมิที่สุดยิ่ง ในตอนนั้น ซูเฟยหยิ่งไม่กล้าโยนเปลวเพลิงลูกนี้ออกไป เพราะมันมีความสามารถมากพอจะเผาไหม้ผู้คนจนระเหยกลายเป็นอากาศธาตุ

สำหรับตัวเย่เฟิงนั้น เขาถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากคนหนึ่งในเทวะ ไม่เช่นนั้นแล้ว ซูเฟยหยิ่งคงไม่เลือกจะรับเขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียวแน่ และก่อนที่จะได้พบกับซูเฟยหยิ่ง เย่เฟิงเป็นเพียงเด็กกำพร้าอายุ 10 ขวบคนหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยได้กินอาหารจนอิ่มสักมื้อ……….

ถึงแม้เขาอยากจะอาศัยพรสวรรค์ของตัวเองเพื่อบรรลุทักษะเพลิงสุดขั้ว แต่ทักษะเซียนชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการเข้าใจ

หากสมมติเย่เฟิงเกิดเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที ต่อจากไป ไม่ว่าทักษะเซียนแบบไหน เขาก็คงสามารถเข้าใจมันได้ในพริบตา แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งเห็นจริง แม้แต่อัจฉริยะอย่างซูเฟยหยิ่งที่มีวรยุทธ์ระดับ 100 ปี ก็เข้าสู่สภาวะนี้ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

เปลวไฟ ถือว่าเป็นหนึ่งในธาตุพื้นฐานของโลกเทวะ

หากต้องการจะบรรลุทักษะเพลิงสุดขั้วนี้ ก็ย่อมต้องเข้าใจในธรรมชาติของไฟอย่างลึกซึ้ง ทั้งในเรื่องการแปรสภาพเจินชี่ให้กลายเป็นเปลวไฟ และการอัดแน่นเจินชี่เพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้สูงสุดขั้ว

“ต้องทำให้เจินชี่เข้มข้นกว่านี้!”

เย่เฟิงคิดถึงสิ่งนี้ด้วยแววตาที่พลันเปล่งประกาย ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยากในการบีบอัดเจินชี่ แต่หากทำได้สำเร็จ มันอาจจะทำให้เขาสามารถใช้ทักษะเพลิงสุดขั้วได้

แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพยายามอยู่ ทันใดนั้น เสียงประหลาดก็พลันดังขึ้นมาเหนือหัวของเขา

มันเป็นเสียงของกระแสน้ำที่มาพร้อมกับเสียงลมหายใจถี่ๆของใครบางคน!

ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงนั้นไม่อาจใช้งานได้ในที่แห่งนี้ ฉะนั้นแล้ว เขาจึงรีบเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าขนาดกลมเล็กของใครบางคนที่ร่วงลงมาจากช่องน้ำแข็งช่องหนึ่ง

คนผู้นั้นคือหญิงชราที่เคยนั่งอยู่บนแพไม้ไผ่ แม่เฒ่าเจวี๋ยฉิง!

เย่เฟิงพลันเตรียมพร้อมขึ้นมา และหยุดคิดถึงเรื่องเพลิงสุดขั้วชั่วคราว

ร่างของหญิงชราแคระที่เต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง ร่วงลงมาจากช่องน้ำแข็งที่เชื่อมต่อมาถึงที่แห่งนี้ จากนั้น เธอจึงใช้ทักษะตัวเบาที่ทำให้สามารถลงมายืนอย่างมั่นคงได้แม้จะร่วงลงมาจากระดับความสูงถึง 10 เมตร

หญิงชราผู้นี้สูงเพียง 1.3 เมตรเท่านั้น ดูคล้ายกับเด็กเล็กทั่วไป แต่กลิ่นอายรอบตัวหญิงชราทำให้เย่เฟิงหรี่ตามองด้วยความประหลาดใจ

แม่เฒ่าเจวี๋ยฉิงผู้นี้คือผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์สูงถึง 50 ปี!

…………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: ผมไปดำน้ำมาละ กว่าอาจารย์จะตื่นนี่ปาเข้าไปตอนที่231 เพราะงั้นใจเย็นๆ รอกันไปก่อนนะครับ55