บทที่ 213 แพไม้ไผ่กลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่

ฉัวะ!

ประกายกระบี่ได้ตวัดผ่านแขนของตัวประหลาดผมยาวที่แบกสวี่เล่อไว้บนไหล่

เมื่อระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงเพิ่มขึ้นเป็น 15 ปี สีของกระบี่เจินชี่ก็เปลี่ยนไปพร้อมกับความคมที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงต้องฟาดกระบี่เข้าไปหลายต่อหลายครั้งเพื่อสังหารตัวประหลาดรุ่นแรก แต่มาถึงตอนนี้ ผิวหนังของตัวประหลาดรุ่นสองไม่ต่างอะไรกับเต้าหู้เมื่อต้องเจอกับกระบี่เจินชี่อันแหลมคมเล่มนี้

ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ ตัวประหลาดในใช้แขนของมันมาบังกระบี่เย่เฟิงไว้ เมื่อแขนถูกตัดออกไป เลือดสีแดงเข้มก็สาดกระจายไปทั่ว

สวี่เล่อกรีดร้องไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวไม่รู้ก็คือเย่เฟิงไม่ได้ฟาดกระบี่เข้าใส่ร่างเธอ แต่เป็นรีโมทควบคุมที่ห้อยไว้ที่เอว มันถูกฟันออกเป็นชิ้นๆ

“โฮก!”

ทันใดนั้น ตัวประหลาดที่แบกสวี่เล่อไว้บนไหล่ก็สูญเสียการควบคุมและกู่ร้องออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง จากนั้น มันจึงฉีกชุดรัดรูปของหญิงสาวออกเป็นชิ้นๆ และผลักร่างของเธอลงไปในน้ำทะเล

ตัวประหลาดที่เหลืออีกห้าตัวก็สูญเสียการควบคุมไปเช่นกัน และเริ่มบ้าคลั่งด้วยความหื่นกระหาย พวกมันถูกยับยั้งความต้องการไว้เป็นเวลานานแล้ว ฉะนั้น เมื่อมองเห็นร่างของสวี่เล่อตรงหน้าที่เปรียบเสมือนเนื้อแกะอันโอชะ พวกมันจึงไม่อาจยับยั้งความใคร่ได้อีกและรุมฉีกเสื้อผ้าของเธอออกอย่างโหดร้าย

เมื่อเห็นดังนั้น เหล่ากัปตันวัยกลางคนทั้งสามที่ลอยอยู่บนน้ำก็เริ่มร้องตะโกนว่า “พระเจ้า” พร้อมกับกุมมือไว้ที่หน้าอกเพื่อสวดภาวนา “พระเจ้า ได้โปรดช่วยลูกด้วย”

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ร่างของสวี่เล่อก็ถูกตัวประหลาดทั้งหกลากลงไปยังก้นทะเล!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น แม้แต่เย่เฟิงเองก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน

“เย่เฟิง!”

ในเวลานี้ ใบหน้าอันงดงามของหลงหวางเอ๋อได้โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาในตำแหน่งที่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร หญิงสาวร้องตะโกนหาเย่เฟิงเพราะชายหนุ่มไม่อยู่ในระยะตรวจจับของทักษะสัมผัสวิญญาณ แต่เธอก็เชื่อว่าเขาต้องไม่เป็นไร

“ฉันอยู่นี่”

เย่เฟิงมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจ เผ่ยเขิงกรุ๊ปได้สร้างเหล่านักสู้ขึ้นมา แต่พวกมันแทบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นศัตรู แต่เขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำพอจะมองดูอีกฝ่ายตายไปอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตา

ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายเย็นเยียบ พร้อมกับกระบี่สีเขียวเข้มที่ปรากฏขึ้นมาในมืออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะดำลงไปยังก้นทะเลเพื่อไล่ตามตัวประหลาดทั้งหกอีกในตอนนี้

ฉัวะ!

ฉัวะ!

ด้วยความรวดเร็ว หัวของตัวประหลาดทั้งหมดก็ถูกตัดขาดออกไปติดๆกัน ถึงแม้ผิวบริเวณลำคอจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยความหนาเป็นพิเศษ แต่ด้วยกระบี่ของเย่เฟิง มันก็ไม่ต่างอะไรกับเยื่อกระดาษ

พวกตัวประหลาดทั้งหกสิ้นชีพไปในทันที แต่ในเวลานี้ พวกมันได้พาร่างของสวี่เล่อดำลึกลงไปลงไปที่ก้นทะเลกว่า 200 เมตรแล้ว ดวงตาของหญิงสาวจึงเบิกกว้างขณะที่โลหิตหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ร่างของเธอนิ่งสนิทไปแล้ว

(ผมเดาว่าพระเอกคงปล่อยรังสีกระบี่ใส่พวกตัวประหลาดมั้งครับ)

ด้วยการที่ถูกลากลงไปในน้ำทะเลด้วยความเร็วสูง ร่างกายของคนธรรมดาจึงไม่อาจทนต่อการเปลี่ยนแปลงความดันอย่างรวดเร็วได้ ด้วยเหตุนี้เอง อวัยวะภายในของสวี่เล่อจึงถูกบดขยี้ด้วยแรงดันน้ำอันเข้มข้น แม้เย่เฟิงจะสังหารตัวประหลาดทั้งหกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจช่วยชีวิตเธอไว้ได้

“แบบนี้มัน……”

เย่เฟิงร้องออกมาเบาๆ จากนั้นจึงเก็บกระบี่และหันไปหาหลงหวางเอ๋อที่กำลังว่ายน้ำเข้ามา

สำหรับพวกคนที่เหลือทั้งสามนี้ เขาไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจอีก เพราะอีกเดี๋ยวทางกองทัพก็ส่งคนมาจับกุมพวกเขาอยู่แล้ว ผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างคนพวกนี้คงทำให้ประเทศจีนได้รับประโยชน์ไม่น้อย

ดังนั้นแล้ว เย่เฟิงจึงว่ายน้ำไปจากที่นี่พร้อมกันกับหลงหวางเอ๋อ โดยไม่บอกหญิงสาวเรื่องที่ตัวประหลาดทั้งหกได้เสียการควบคุมไปเมื่อครู่นี้

“ไปกันเถอะ”

ในที่สุดทั้งคู่ก็จากไป โดยทิ้งเหล่าสมาชิกระดับสูงของเรือดำน้ำทั้งสามที่ยังคงลอยคออยู่ในทะเลไว้เบื้องหลัง

ไม่นานนัก เรือรบขนาดเล็กสองลำของกองทัพจีนก็แล่นเข้ามาในบริเวณนี้

สุดท้ายแล้ว ชายวัยกลางคนทั้งสามก็ไม่อาจหลุดรอดไปจากกำมือของทางการจีนได้

………

ตั้งแต่ออกไปจากเกาะภูเขาน้ำแข็งจนถึงตอนนี้ เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อใช้เวลาไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

พวกเขาได้มุ่งหน้ากลับไปยังเกาะภูเขาน้ำแข็งโดยที่เหลือระยะทางไม่ถึง 10 กิโลเมตรแล้ว แต่ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของทั้งคู่ก็ค้นพบบางสิ่งที่ลอยอยู่เหนือผิวทะเล

มันคือแพไม้ไผ่ที่มีคนสองคนยืนอยู่ด้านบน พวกเขาสวมชุดที่ดูโบราณและปรากฏตัวขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดมากในท้องทะเลอันกว้างใหญ่แห่งนี้

หนึ่งในนั้นเป็นชายชราที่มีร่างกายผอมแห้งและสิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือ มือทั้งสองข้างของเขามีนิ้วอยู่ทั้งหมดข้างละ 6 นิ้ว ส่วนอีกคนเป็นหญิงชราผมหงอกซึ่งมีความสูงน่าจะประมาณเมตรเดียว จึงดูไม่ต่างอะไรจากคนแคระ

อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรกับชายหญิงชราคู่นี้อยู่แล้ว แต่ด้วยที่หลงหวางเอ๋อเป็นสมาชิกของตระกูลหลง จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับตัวตนต่างๆของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในโลกยุทธภพ ทันทีที่คู่ชายหญิงชราเข้ามาในระยะการตรวจจับของทักษะสัมผัสวิญญาณ หญิงสาวก็เอ่ยแนะนำทั้งคู่ทันที

“ชายชราคนนั้นถูกเรียกว่า ‘ลิ่วจื่อไกว้’(เฒ่าประหลาดหกนิ้ว) และหญิงชราคือเจวี๋ยฉิง เมื่อสิบปีก่อน ทั้งคู่ได้ขโมยหยกพิเศษอันหนึ่งจากแถบทะเลจีนตะวันออกและหลบหนีไปยังหุบเขาสวรรค์”

เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อมุ่งความสนใจไปยังชายหญิงชราและค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ทั้งคู่มีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ 50 ปี

หากเป็นหลงหวางเอ๋อก่อนหน้านี้ เมื่อได้พบกับทั้งคู่ หญิงสาวคงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้ที่เธอกลายเป็นผู้ฝึกเซียนและมีเย่เฟิงอยู่ข้างกาย ถึงแม้จะมีระดับวรยุทธ์เพียง 18 ปี แต่เธอก็แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 36 ปี ทั้งยังมีทักษะเซียนสารพัดประโยชน์อีกมากมาย

“พวกมันมาที่นี่ทำไม?”

เย่เฟิงขมวดคิ้ว ในเมื่อคู่ชายหญิงชราได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่แล้ว แต่ในหลายปีต่อมา พวกเขากลับมาขี่แพไม้ไผ่กลางทะเลชิวๆแบบนี้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!

“เป็นเรื่องยากมากที่เหล่าผู้เฒ่าจะออกมาจากหุบเขาสวรรค์ นี่หมายความว่าต้องมีบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาแน่นอน”

หลงหวางเอ๋อเอ่ยตอบ

จากนั้น เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อก็หันมามองหน้ากัน สิ่งที่น่าดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในแถบทะเลจีนใต้นี้ มันก็มีเพียงสิ่งเดียวก็คือเกาะภูเขาน้ำแข็ง!

“อีกเรื่องนะ ลิ่วจื่อไกว้คนนั้นยังเป็นคู่อริกับตระกูลเย่ของนายด้วย”

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ถึงแม้จะลังเลเล็กน้อยแต่เธอก็เอ่ยออกมาในที่สุด “เมื่อสมัยก่อน ตระกูลเย่ถือว่าเป็นหนึ่งในสามอิทธิพลใหญ่ของประเทศจีน ลิ่วจื่อไกว้นั้นเคยเหลื่อมใสทักษะวรยุทธ์ของตระกูลเย่เป็นอย่างมาก และอยากจะเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของถ้ำหลัวฝู แต่สุดท้ายก็ถูกตระกูลเย่ขับไล่ออกไป ตั้งแต่นั้นมา เขาก็รู้สึกเกลียดชังต่อตระกูลเย่เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้เมื่อ 20 ปีก่อน ชายชราคนนี้ก็มีส่วนร่วมในการกวาดล้างตระกูลเย่ด้วย”

“งั้นหรอ?”

เย่เฟิงหรี่ตาลง

ทั้งคู่ค่อยqติดตามแพไม้ไผ่นี้ไป และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็พบว่าเป้าหมายที่อีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้าไปคือเกาะภูเขาน้ำแข็งจริงๆ

“ไม่ต้องสนใจพวกมันอีกแล้วล่ะ รีบไปกันเถอะ”

หลังจากติดตามมาครู่หนึ่ง เย่เฟิงก็พบว่าทั้งสองเฒ่าที่อยู่บนแพไม้ไผ่นี้ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ เขาจึงส่ายหัวและตัดสินใจว่าไม่ควรเสียเวลาต่อไปอีก

หลงหวางเอ๋อพยักหน้าตอบและรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของทั้งคู่ แต่ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบแห้งบนแพไม้ไผ่ก็ดังขึ้นมา

“เฒ่าไกว้ ที่เจ้าเสนอเงินสิบล้านให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถขโมยตำราวรยุทธ์ของตระกูลเย่มาได้ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

หญิงชราเจวี๋ยฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่มีร่องรอยของการเยาะเย้ย

“อืม ดูเหมือนว่าเราผู้เฒ่าจะไม่มีความหวังจริงๆ”

ชายชราไกว้เอ่ยครวญคราง “เรื่องของแถบทะเลจีนตะวันออกได้สร้างความโกลาหลไปทั่วประเทศ แล้วอีกอย่าง เจ้าเด็กตระกูลเย่ก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้วด้วย เราผู้เฒ่าก็แค่ตอบสนองคำขอร้องของหมัดเทพทวารากับสำนักเซียนเร้นลับ หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน พวกเราก็จะลงมือไล่ล่าเจ้าเด็กตระกูลเย่นั่น”

“การมาที่นี่คงทำให้พวกเราได้รับสมบัติบางอย่างจากเกาะภูเขาน้ำแข็งบ้าง”

หญิงชราเจวี๋ยฉิงเอ่ยขึ้นขณะจ้องมองไปยังเกาะภูเขาน้ำแข็งที่ห่างออกไป ที่แห่งนี้ไม่ไกลจากที่ซึ่งพวกเขาขโมยหยกชิ้นนั้นไป ดูเหมือนว่านี่คงเป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้!

ไม่เช่นนั้นแล้ว ในภารกิจไล่ล่าเจ้าเด็กตระกูลเย่ พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมเท่าไรนัก แล้วแบบนี้จะเอาไปโอ้อวดให้ใครฟังได้?

จนถึงปัจจุบันนี้ ชายชราลิ่วจื่อไกว้ก็ยังคงปรารถนาต่อทักษะหมัดมวยของตระกูลเย่ ในช่วงชีวิตนี้ของเขา สิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียวคือการได้ฝึกฝนทักษะหมัดมวยอันแสนร้ายกาจนั่น!

………………

“หึ ผู้คนมากมายล้วนมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อน้ำแข็งพันปีรวมทั้งอาจารย์ของฉัน”

เย่เฟิงเค้นเสียงเย็น

ต่อให้หน่วย NSA และสองผู้เฒ่านั่นร่วมมือกัน เย่เฟิงก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันได้ทำสำเร็จแน่ สำหรับน้ำแข็งพันปีนั้น เย่เฟิงไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่เขาต้องช่วยซูเฟยหยิ่งมาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!

เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อรีบว่ายน้ำไปยังเกาะภูเขาน้ำแข็งด้วยความเร็วสูงสุด

และในอีกสิบนาทีต่อมา กำแพงน้ำแข็งหนา 10 เมตรก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง………

……………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: สงสัยว่าจะมีแต่พวกเผ่ยเขิงกรุ๊ปนี่แหละครับ ที่ตายง่ายจนงง ไซ่เชาหงก็ทีนึงละ55