บทที่ 19: แท่นบูชา (4)
ฮันซูตรวจสอบข้อมือของเขาก่อนที่จะเข้าไปในแท่นบูชา
‘ลูกแก้วของแมวบิน’
มันเป็นบางสิ่งที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตเล็กน้อยเมื่อกินมันเข้าไป
มันเป็นสิ่งที่เขาเก็บอย่างตั้งใจขณะที่ล่าสัตว์อสูรในไม่กี่วันก่อน มันไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บจริงๆ แต่มันก็ยังคงมีประโยชน์
เมื่อของทุกชิ้นมีผลลัพธ์แตกต่างกันตามวิธีและเวลาที่ใช้
ชายหนุ่มเก็บลูกแก้วไว้ในถุงที่เขาผูกไว้กับเอว
หากกดลงไปที่ถุงที่สร้างขึ้นจากหนังก๊อบลินนี้ ลูกแก้วก็จะหลุดออกมาลูกหนึ่ง
เมื่อเขาจะไม่มีเวลานำมันออกจากข้อมือขณะที่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องสร้างอะไรแบบนี้ขึ้น
ฮันซูที่กระทั่งลับคมของปลายเข็ม ไปมองไปยังก้นบึ้งของแท่นบูชา
กรรรรร!
ตูม ตูม
สัตว์อสูรกินเนื้อกำลังโจมตีด้านในของแท่นบูชาราวกับว่ามันกำลังจะเสียสติไปจากความหิว
‘หืม พิษของก๊อบลินคงใช้ไม่ได้’
พิษจะทำงานก็ต่อเมื่อค่าต่อต้านกายภาพและค่าต่อต้านเวทมนต์ต่ำ แต่หากนับรวมกับความเร็วในการฟื้นตัวแล้ว มันก็เรียกได้ว่าไร้ประโยชน์
มันย่อมดีกว่าที่จะพึ่งพาเพียงพิษอัมพาตของเงือกดินและแทงไปยังจุดที่เส้นประสาทรวมตัวกัน
ฮันซูมองลงไปขณะที่หยิบบุหรี่เมฆาใส่ปากหลังจากที่เขาบีบขวดแชมพูและราดพิษอัมพาตจำนวนมากลงบนเข็มของเขา
จากนั้นเขาจึงสูดควันเข้าไปในร่างของเขา
‘มันก็สักพักแล้วจริงๆ ถึงมันจะรุนแรงมากก็เถอะ’
ขณะที่ควันถูกสูดเข้าไปในร่างของเขา เขาก็รู้สึกได้ว่าแต้มสถานะที่เป็นกฎที่แน่นอนบนร่างได้พุ่งทะยานขึ้น
84 85 86…
และเมื่อมันพุ่งขึ้นสูงกว่า 100 ความเปลี่ยนแปลงก็ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของชายหนุ่มอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แคร่ก แคร่ก
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น
‘ดี ฉันได้เข้าสู่ขั้นถัดไปแล้ว’
ชายหนุ่มตรวจสอบค่าสถานะปัจจุบันของเขา
[คังฮันซู]
พลังกาย (ไร้สี): 0.01% (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
ความอดทน (ไร้สี): 0.01% (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
ความคล่องแคล่ว: 50.5 (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
ความเข้าใจ: 50.6 (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
มานา: 26.4 (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
ต่อต้านเวทมนต์: 15.6 (ยาสูบเมฆาคลั่ง: +20%)
‘เสร็จแล้ว’
พลังงานใหม่ที่แตกต่างจากที่เคยปรากฏขึ้นก่อนหน้าได้หมุนเวียนไปทั่วร่างของเขา พวกมันแสดงขึ้นเป็นตัวเลขเพื่อที่จะทำให้มันง่ายต่อผู้คนให้เข้าใจในตอนแรกเริ่ม ทว่ารูนนั้นจริงๆ แล้วเป็นตัวแสดงความก้าวหน้า
อย่างเช่นประสบการณ์
มันบอกว่ามันเป็นไร้สี แต่ออร่าที่เปล่งแสงจางได้ล้อมรอบร่างของฮันซูไว้
เมื่อสีถูกรวบรวม มันก็จะกลายเป็นรูนจากอีกโลกจริงๆ นับแต่จุดนั้น
ในคำพูดหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คล้ายๆ กัน
เช่นเดียวกับการที่คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งขึ้นเมื่อจำนวนรูนมากขึ้น เมื่อเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น
ความจริงที่ว่าต้องรวบรวมรูนเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นยังคงเหมือนเดิม
หากจะมีความแตกต่าง มันก็คงเป็นเมื่อมันเพิ่มถึง 100% เมื่อนั้นรูนของคุณก็จะเปลี่ยนไปเป็นรูนอีกขั้น
จากไร้สีเป็นสีแดง จากแดงเป็นส้ม จากส้มเป็นเหลือง และถัดไปเรื่อยๆ
มันเพิ่มขึ้นตามขั้นที่ผ่านพ้นไป
และทุกครั้งที่รูนได้เปลี่ยนไปเป็นอีกขั้น คุณก็จะได้รับประโยชน์อย่างมาก
มันมีความแตกต่างเพียงเล็กๆ ระหว่างรูนธรรมดา 99.9 และรูนไร้สีที่ 0.01% แต่ทว่ากลับมีช่องว่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างนั้น
เมื่อออร่าที่กระตุ้นรูนนั้นได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น
‘ดี’
คุณต้องการเท่านี้เป็นอย่างน้อยเพื่อที่จะทะลวงผ่านพลังป้องกันของมัน
เมื่อเพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ามันเองก็ใช้ออร่าของรูนไร้สีเช่นกัน
พลังของสัตว์อสูรนั้นรู้สึกใกล้เคียงมากกว่าที่เขาเห็นมันจากด้านบน
‘อย่างที่ฉันคาด กวางกุนจู เขาอาจค่อนข้างเสียสติ แต่เขาก็ยังคงไม่ธรรมดา’
แม้ว่าเขาจะใช้ลักษณะพิเศษของเขาและสกิล แม้ว่าร่างของเขาจะกลายเป็นศพไปครึ่งหนึ่ง ความจริงที่ว่าเขาฆ่าไอ้สิ่งนั้นก็ยังคงน่าเหลือเชื่อ
มันเป็นสิ่งที่คุณจะพบได้ในเขตไร้สี ซึ่งจะกลายเป็นสถานที่สำหรับขั้นสองของบทฝึกซ้อม และพบในช่วงปลายของขั้นเสียด้วย
โดยสรุปแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะออกมาในขั้นหนึ่งของบทฝึกซ้อม
และมันกระทั่งเป็นปัญหาสำหรับเขามากขึ้นไปอีกเมื่อเขาไม่อาจใช้สกิลและลักษณะพิเศษของเขาได้
‘ชิ ฉันอาจจะจัดการมันได้เร็วขึ้นถ้าฉันเรียนอะไรประมาณ Troll’s Essence’
ทว่าเขาก็ยังคงมีความคาดหวังอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรจะกลายเป็นชิ้นส่วนลับหลังจากที่เขาจัดการมันได้
เมื่อคนเพียงคนเดียวที่จัดการมันได้เท่าที่เขารู้ก็มีเพียงกวางกุนจู
แอรีส กังเต้ และเคลเดียนต่างล้มเหลว
ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่รู้ว่าอะไรจะออกมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ
ว่าโลกบัดซบนี่ได้ปั่นหัวผู้คนไปรอบๆ แต่รางวัลของมันนั้นค่อนข้างชัดเจน
ยิ่งสิ่งนั้นจะยากและเป็นไปไม่ได้มากเท่าใด รางวัลก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
และนี่เป็นชิ้นส่วนลับที่มีคนเพียงคนเดียวทำสำเร็จเมื่อก่อน
มันไม่มีทางที่จะเป็นขยะ
‘มันอาจเป็นรางวัลใหญ่ถ้าอาร์ติเฟคตัวเลขหรือสกิลออกมา’
เลขสองหลัก ไม่สิ กระทั่งเลขสามหลักก็นับว่าเป็นรางวัลใหญ่แล้ว
‘เริ่มได้’
ฮันซูที่เตรียมตัวเสร็จแล้วได้นำลูกแก้วของแมวบินไปไว้ในกระพุ้งแก้มก่อนจะกระโดดลงไปอย่างไร้ซึ่งความลังเลพร้อมด้วยบุหรี่เมฆาที่อยู่ในปาก
การลดลงของพลังกายก็จะเริ่มขึ้นในตอนนี้อยู่แล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากนับรวมกับความเร็วในการฟื้นฟูของลูกแก้วแล้วมันย่อมช่วยได้เมื่อเข้าไปพร้อมกับกินมัน
กร๊าซซซซซ!
ไม่ช้า สัตว์อสูรร่างยักษ์ก็ได้ส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวดังก้องออกมาจากภายในแท่นบูชา
กร๊าซซซซ!
ซังจินกลืนน้ำลายเมื่อเขาได้ยินเสียงคำรามนั้นจากที่ไกลๆ
เพราะมันรู้สึกราวกับว่าขาของเขาจะสั่นจากเพียงเสียงนั้น
มันไม่ใช่เรื่องของพลัง แต่มันเป็นเรื่องของความแตกต่างของบุคคล
‘งั้นเขาก็กำลังสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับไอ้สิ่งนั้น…’
ความรู้สึกอยากเป็นอย่างฮันซูและความอิจฉา รวมทั้งความต้องการที่จะถูกยอมรับโดยฮันซูได้ปนเปกันอยู่ในสมอง
และมันได้ช่วยกระตุ้นให้ขาที่สั่นสะท้านของชายหนุ่มขยับ
‘ใช่ ถ้านายทำมันสำเร็จ ฮันซูก็จะไม่สามารถเมินนายได้อีก’
จากนั้นซังจินจึงมองไปยังเบื้องหลังของเขา
ด้านหลังปรากฏคนกว่าสิบคนที่เขาพูดคุยด้วยก่อนหน้ารวมตัวกันอยู่
ซูยอนที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีสีหน้ารำคาญขึ้นเล็กๆ ชั่วครู่ แต่กลับหัวเราะขึ้นเมื่อเขามองไปยังซังจิน
“มันดีที่นายเลือกที่จะไม่เอาเพื่อนของนายมาด้วยใช่ไหม? เพื่อนของนายอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้”
ซังจินส่ายศีรษะ
“นายพูดถูก ฉันไม่ได้คิดมาก่อนว่าฮันซูกำลังตกอยู่ในอันตรายในตอนนี้”
ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
เขาและซูยอนได้พูดคุยกันมากมาย
และมันมีคำถามหนึ่งอีกฝ่ายเอ่ยถามขึ้น
<เราต้องร่วมมือกันในอนาคตซึ่งหมายความว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างฮันซูนั้นจำเป็นอย่างมาก แต่มันมีบางอย่างที่ฉันกังวล… ไม่ใช่ว่างานนี้อันตรายสำหรับฮันซูอย่างมากเหรอ?>
และเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันหลังจากได้ยิน มันก็ค่อนข้างมีเหตุผลอยู่
มันมีเรื่องที่คล้ายคลึงกันมาก่อน
ฮันซูกันพวกเขาออกเมื่อเขาไปยังสถานที่ที่อันตรายจริงๆ
และความจริงที่หมอนั่นไปคนเดียวในครั้งนี้หมายความว่ามันอันตรายมาก
และเขากระทั่งเอ่ยหารูนเพิ่ม
ฮันซูไม่ใช่คนที่จะโกหกเพื่อที่จะข่มขู่เอารูน
ซึ่งหมายความว่าศัตรูทำให้เขาต้องใช้รูนจำนวนอย่างน้อยเท่านั้นถึงจะต่อกรด้วยได้
‘ใช่ ถึงจะเป็นฮันซู มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่เขาจะได้เปรียบกับสัตว์ประหลาดนั่น’
ซังจินผงกศีรษะขณะเอ่ยตอบ
<ใช่ ศัตรูคราวนี้คงเป็นเรื่องยากถึงจะเป็นฮันซูก็ตาม>
ซูยอนหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยต่อ
<ใช่มะ? งั้นทำไมเราไม่ช่วยล่ะ?>
<หา?>
<คิดแบบมีเหตุผล เราจะเสียเปรียบได้ยังไงเมื่อเรามีจำนวนมากกว่า ไม่ว่าเราจะอ่อนแอแค่ไหน เราก็ยังสามารถเป็นโล่ห์มนุษย์หรือตัวล่อได้>
ซังจินผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
อย่างที่ฮันซูพูดก่อนหน้า ยิ่งมีคนจำนวนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
สิ่งเดียวที่จำนวนจะเสียเปรียบก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่ไม่ชัดเจนและพวกเขาต้องขยับไปรอบๆ แต่คนตรงนี้คือผู้ที่แข็งแก่งที่สุดใน 60 คน
พวกเขาย่อมช่วยเหลือได้อย่างมากแม้ว่าพวกเขาจะทำตัวเป็นโล่มนุษย์ก็ตาม
ซูยอนมองไปยังซังจินที่มีสีหน้าสับสนก่อนเอ่ย
<อย่างที่ฉันเห็น เพื่อนคนนั้นของเราพยายามที่จะเอาทุกอย่างหรือบางอย่างไปเป็นของตัวเองคนเดียว>
<…ของตัวเอง?>
จากนั้นซังจินจึงมีสีหน้าหดหู่เล็กๆ ขณะที่ผงกศีรษะ
มันมีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้น
มันเหมือนกับตอนนั้นในสถานีรถไฟ หรือกระทั่งในคืนแรกที่ฮันซูไม่แบ่งสิ่งใดที่เขาได้มาด้วยตนเองให้ผู้อื่น
เขาแสร้งทำเป็นให้ของเล็กๆ น้อยอย่างรูนที่สามารถรวบรวมได้อย่างง่ายดายแก่ผู้อื่น แต่ว่าเก็บของดีทั้งหมดไว้กับตนเอง
<มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะทำแบบนั้น>
<ใช่ไหม? และนั่นคือสิ่งที่ฉันสงสัย เราควรหาโอกาสและเข้าไปช่วย>
<หืม?>
<จากสายตาของพวกเรา ถ้านายฮันซูนั่นตายมันจะเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ถ้าหมอนั่นเพียงแค่โลภมากและตายแบบนั้น มันก็น่าเศร้าจนเกินไป>
<หืมมม… แต่มันจะไม่อันตรายเกินไปรึไง?>
ซังจินนึกถึงภาพที่เขาเห็นก่อนหน้าและมีสีหน้าบิดเบี้ยว ซูยอนตบหน้าอกของเขา
<ดูสิ ฮันซูนั่นเข้าไปคนเดียว มันหมายความว่ายังไง? มันหมายความว่าเขาเข้าไปแม้ว่ามันจะอันตราย เพราะว่ามันเป็นไปได้ ใช่ไหมล่ะ?>
<อ่า…>
<เราก็แค่ต้องให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ดูสิว่าเราแข็งแกร่งแค่ไหนในตอนนี้ เราอาจช่วยไม่ได้มาก แต่นายไม่เป็นแบบนั้น>
ซังจินผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
<งั้นฉันจะไปเรียกเพื่อนมาก่อน>
แต่ซูยอนส่ายหัว
<ไม่ ไม่ เราต้องรีบ เพื่อนนายอยู่ข้างล่างนั่นแล้ว และเมื่อเรากำลังจะไปช่วยเหลือ แค่วินาทีเดียวก็มีค่า นายต้องการที่จะพาเพื่อนของนายมาและไปทีหลังเหรอ?>
ซังจินส่ายหัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ถ้าฮันซุตกอยู่ในอันตรายก่อนหน้านั้น เขาจะสูญเสียโอกาสสำคัญ
‘ใช่ ถ้าฉันช่วยในคราวนี้… งั้นฮันซูก็จะไม่อาจเมินฉันได้อีก’
“นายกำลังคิดอะไรอยู่ ตามเขาไปกันเถอะ”
“อ่า… ได้…”
ซังจินผงกศีรษะจากนั้นจึงมุ่งตรงไปยังเหนือแท่นบูชา ซูยอนแสยะยิ้มไปยังเบื้องหลังของซังจิน
TL: โล่เนื้ออะไร เอาตัวเองไปเป็นโพชั่นน่ะสิ//กลอกตา
ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ