บทที่ 183: สุสานราชา (1)
ชิ้งงง
ครืนนนน
เขาวงกตเปิดและปิดลง
กำแพงเบื้องหน้าพวกเขาหายไป และเส้นทางใหม่ได้ปรากฏขึ้นแทนที่
ทุกคนที่อยู่ใกล้ฮันซูสะดุ้งไปกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสภาพแวดล้อม
ทว่าความเปลี่ยนแปลงยังคงดำเนินต่อไป
ครืนนนน
และภายใต้การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อุโมงค์ตรงยาวที่ดูเหมือนปากของปีศาจได้ปรากฏขึ้นทางแล้วทางเล่า
อุโมงค์นับร้อยได้ปรากฏขึ้นในเขาวงกต
‘ทำไม… ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้?’
ยิ่งคิดมากเท่าใด ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ฮันซูก็หมุนตัวกลับไปเอ่ยขึ้นกับคนเหล่านั้น
“คนที่อยากจะออกก็ออกไปก่อน ประตูเปิดหมดแล้ว”
สีหน้าของคนจำนวนหนึ่งสดใสขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
‘ถ้าพวกเรายังเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ต่อ ต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่พอ’
ดาร์ลตันที่พวกเขาไม่อาจกระทั่งคาดฝันจะต่อกร
และชายที่ชื่อว่าจุงฮวานที่ฉีกร่างของเจ้าดาร์ลตัลนั่นกับอีกสามคนได้ในเสี้ยววินาที
และ… ชายตรงหน้าพวกเขาที่ทำให้จุงฮวานนั่นวิ่งหนีหางจุกตูด
มันไม่ใช่สนามรบที่พวกเขาควรอยู่ พวกเขารู้สึกผิดต่อฮันซู ทว่าพวกเขาอยากออกจากการต่อสู้นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หนึ่งในนักล่ามองไปยังเส้นทางคดเคี้ยวของเขาวงกตก่อนจะแสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมาขณะเอ่ยว่า
“เอ่อ… ขอโทษนะที่ต้องถาม แต่นายจะเปิดทางตรงไปข้างนอกให้พวกเราได้ไหม?”
คนจำนวนหนึ่งผงกศีรษะเมื่อได้ยินประโยคนั้น
อุโมงค์มันคดเคี้ยวไปมาและเต็มไปด้วยทางเลี้ยว
แม้ว่าพวกเขาจะแกะรอยจากตำแหน่งที่พวกเขามา ทว่าพวกเขาก็อาจจะไปบังเอิญเจอกับสัตว์อสูรสามสายพันธุ์หรือสัตว์อสูรอื่นๆ ได้
ถ้าฮันซูช่วยพวกเขา งั้นพวกเขาก็จะสามารถลดความเสี่ยงได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทว่าฮันซูส่ายศีรษะ
“นั่นไม่ได้อยู่ในอำนาจของฉัน”
“…?”
คนจำนวนหนึ่งแสดงสีหน้างุนงงออกมา
“นายหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ว่านายเพิ่งควบคุมทั้งหมดนี่เหรอ? นายก็แค่เปิดทางตรงออกไปข้างนอก…”
ทุกคนคิดว่าฮันซูมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงเขาวงกตเมื่อเห็นว่าทั้งเขาวงกตเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ฮันซูจับลูกแก้วสีแดง ทว่ากับการที่อีกฝ่ายบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
ถ้าพวกเขาได้พลังที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงแบบนั้นได้ งั้นไม่ใช่ว่าอย่างน้อยเขาควรจะเปิดทางตรงไปข้างนอกให้พวกเขาเหรอ?
ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในเมื่อเขาไม่ได้รับอำนาจอย่างสมบูรณ์ในการควบคุมเขาวงกต
เขาแค่กดปุ่มเริ่มต้นเท่านั้น
ไปยัง <สุสานราชา> ที่หลบซ่อนอยู่ด้านใต้เขาวงกต
‘อืม…ถ้าจะให้พูดจริงๆ แล้วมันคือกับดักมากกว่า’
ฮันซูจ้องมองไปยังอุโมงค์นับสิบเบื้องหน้าเขาขณะที่เขาดึงหยกฟ้าที่อยู่บนลำคอของดาร์ลตันออกมา
จากนั้นจึงเอ่ยกับคนที่อยู่ใกล้ๆ เขา
“ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อีกไม่นานมันจะวุ่นวายแล้ว”
“เวรเอ้ย…”
ผู้คนที่รู้สึกค่อนข้างกระวนกระวายอยู่แล้วพลันวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
คาร์ฮาลเอ่ยถามฮันซูขณะมองไปยังหยกฟ้าในมือของอีกฝ่าย
“นายจะทำอะไรต่อ?”
ฮันซูกำหยกฟ้าที่ปนเปื้อนแน่นขึ้นก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ล่อพวกมันเข้ามา”
ฮันซูพึมพำขณะที่เขามองไปยังเขาวงกตยักษ์ที่อยู่ด้านหน้าเขา
‘นี่มันอะไรกัน’
ครืนนนนน
อคิทรัสที่กำลังมองไปยังเขาวงกตที่สั่นสะท้านขมวดคิ้ว
‘เวรเอ้ย ฉันเดาว่าเจ้าพวกภูเขาเหลียงนั่นกำลังทำงานอยู่’
เขาจะรู้สถานการณ์ภายในได้ก็ต่อเมื่อคนที่มีหยกฟ้ารายงานเขา ทว่าในเมื่อพวกที่มีหยกแดงอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีทางรู้สถานการณ์ปัจจุบันได้
อคิทรัสที่กำลังขมวดคิ้วและมองไปยังการเปลี่ยนแปลงของเขาวงกตเป็นครั้งแรกพลันนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างขึ้นมา
‘เดี๋ยวนะ… ถ้าเจ้าพวกภูเขาเหลียงนั่นแพ้ให้กับหมอนั่นล่ะ?’
เขาไม่รู้เกี่ยวกับหยกแดงมากนัก ทว่าเขารู้หนึ่งในความสามารถของมันเป็นอย่างดี
ว่ามันสามารถเปิดปิดประตูได้
‘เวรเอ้ย เจ้านั่นจะหนีไปทั้งๆ แบบนี้เหรอ?’
สีหน้าของอคิทรัสมืดทะมึนลง
เขาไม่ได้สนใจมากนักในเมื่ออีกฝ่ายติดอยู่ภายในเขาวงกต
แต่ถ้าทางเข้าออกนับสิบของเขาวงกตยักษ์นี่เปิดออกในเวลาเดียวกัน?
การที่หมอนั่นจะหนีออกมาได้เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
และอย่างที่เขาคาด
ประตูที่พังไปกว่าครึ่งเบื้องหน้าเขากำลังเปิดออก
ซึ่งหมายความว่าประตูอื่นๆ เองก็กำลังเปิดออกเช่นกัน
‘ฉิบหายเอ้ย ฉันตรวจสอบพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ไอ้พวกหมาล่าเนื้อมัวทำบ้าอะไรกันอยู่!’
เขาจะสามารถตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดได้ด้วยความช่วยเหลือจากป้อมปราการดาวเทียม ทว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงสงคราม
พวกเขาไม่อาจขอความช่วยเหลือจากป้อมปราการดาวเทียมมาในสถานที่แบบนี้ได้
กรอด กรอด…
‘ฉันต้องถอย? แล้วไปขอความช่วยเหลือ? ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้แล้ว… เวรเอ้ย’
การที่เขาไม่อาจทำภารกิจให้สำเร็จได้ด้วยตนเองนับเป็นเรื่องน่าอาย ทว่ามันยังดีกว่าล้มเหลว
ในขณะที่อคิทรัสกำลังกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด
ชิ้งง
สัญญาณได้ปรากฏขึ้นจากหยกฟ้า
<เจอเขาแล้ว! ท่านอารูคอน! เราเจอหมอนั่นอีกครั้งแล้ว!>
อคิทรัสครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจ
‘เข้าไปข้างใน’
เขาสงสัยเจ้าพวกภูเขาเหลียงนั่น แต่พวกนั้นไม่มีทางกล้าต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย
มันอาจจะต่างออกไปถ้าเขาไม่รู้ตำแหน่ง แต่ในเมื่อหมาล่าเนื้อเจอตำแหน่งของเจ้านั่นแล้ว การที่ไม่อาจจับหมอนั่นได้จะทำให้ศักดิ์ศรีของผู้ตัดสินอย่างเขาปนเปื้อน
‘ไอ้พวกภูเขาเหลียงเวรเอ้ย กับการที่ทำให้ฉันต้องลงมือด้วยตัวเอง ฉันจะอาละวาดให้เละเลย’
ตอนนี้เขาวงกตที่พวกมันภูมิใจคงเต็มไปด้วยรูแล้ว
แต่มันไม่สำคัญ
ในเมื่อเขามั่นใจในความสามารถของเขา
ตูมมมม! ตูมมม ตูมมม ตูมมมม!
ไม่ช้า ร่างสูง 5 เมตรของอคิทรัสที่กระทั่งใหญ่โตกว่าเดิมด้วยอุปกรณ์ชุดเกราะเริ่มที่จะพุ่งไปยังสถานที่ที่สัญญาณถูกส่งมา
“แฮ่ก แฮ่ก”
เขาวงกตยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าจุงฮวานไม่ได้ตื่นตระหนกขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังฐานทัพด้านในอย่างเยือกเย็น
‘มันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด’
เส้นทางคดเคี้ยวและเส้นทางใหม่ได้ปรากฏขึ้น ทว่าเป้าหมายของมันไม่ใช่เพื่อสร้างความสับสนให้ผู้ที่อยู่ด้านใน
จริงๆ แล้วมันตรงกันข้าม
มันราวกับว่าเส้นทางลับได้ถูกเปิดออก
‘หืมม…’
ในขณะที่จุงฮวานกำลังวิ่งไป เขาครุ่นคิดขณะที่มองไปยังถนนเส้นอื่น
ถนนที่แตกต่างออกไปนับสิบที่อยู่รอบข้างเส้นทางที่เขากำลังใช้ราวกับกำลังเรียกหาเขา
ราวกับว่าพวกมันกำลังบอกให้เขานำสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ด้านในมันไป
ทว่าจุงฮวานส่ายศีรษะ
‘ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ’
เขาต้องกลับไปรวมกลุ่มกับหัวหน้ากิลด์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากที่วิ่งไปนาน
ข้อความข้อความหนึ่งได้ดังขึ้นในใบหูของจุงฮวาน
<เกิดอะไรขึ้น?>
สัญลักษณ์ที่เบื้องหลังลำคอของจุงฮวานส่องแสงสว่างจ้า
และจุงฮวานสะดุ้งไปกับข้อความที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนั้น
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหัวหน้าของพวกเขา ผู้นำของภูเขาเหลียงก็ไม่ได้ชื่นชอบการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสารนัก
เขาบอกว่ามันคือวิธีการเดียวในการทำให้พวกเขาคุยกันต่อหน้า
ทว่าหัวหน้ากิลด์คนนั้นกำลังส่งข้อความมาหาเขา
‘… ฉิบหาย’
จุงฮวานครุ่นคิด
โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนความรู้สึกไวต่อเรื่องที่เกี่ยวกับความล้มเหลว และมันค่อนข้างยากสำหรับเขาในการพูดมันออกไปด้วยปากของเขาเอง
ลูกผู้ชายไม่ควรพูดหรือสนใจความล้มเหลว ทว่าศักดิ์ศรีของจุงซานทำให้เขาไม่อาจยอมรับมันได้
<ผมล้มเหลว และ…>
จากนั้นจุงฮวานจึงรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ไป
อย่างละเอียด
และหัวหน้ากิลด์ตอบกลับมาด้วยความเงียบงันหลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิด
และจุงฮวานแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกไป
‘อึก… ฉันไม่เคยบอกได้เลยว่าหัวหน้ากิลด์คิดอะไรอยู่’
ชายที่ปีนป่ายอีกโลกพร้อมกับคลีเมนไทล์และตัดสินใจจะอยู่ที่นี่
คนอื่นๆ ในภูเขาเหลียงได้ถูกแทนที่ตลอดเวลา ทว่าตัวเขาคือหนึ่งในสมาชิกรุ่นแรกสุดพร้อมกับเมทิรอนที่ควบคุมถนนสีเขียว
และไม่ใช่พวกไร้ชื่อที่โดนโยนลงไปในหมู่บ้าน ทว่าเป็นคนที่คลีเมนไทล์ใส่ใจจริงๆ
มันมีอะไรให้คิดกัน?
พวกเขาก็แค่ต้องฆ่าไอ้สารเลวนั่น
ทว่าคำตอบที่เขาได้ยินกับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวัง
<ถอยมาก่อน ออกจากพื้นที่ 11 และรวมกลุ่มกัน พวกเราถอยกันหมดแล้ว>
จุงฮวานเผลอเอ่ยทวนคำพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“ถอย?”
จุงฮวานแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
พวกเขากำลังบอกว่าถอย มันก็เหมือนกับการหนีไปนั่นแหละ
ข้อความอีกข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นหลังจากนั้น
<มันให้ความรู้สึกไม่ดีเลย รีบอออกมา>
ข้อความที่มีความกังวลปริมาณมหาศาล
เขาทำได้เพียงแค่นั้น
ในเมื่อพวกเขาเชื่อมต่อกันด้วยสัญลักษณ์กิลด์
‘เชี่ย’
จุงฮวานกัดฟันกรอด
ในเมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
เขาวงกตยังคงบิดเบี้ยวปรับเปลี่ยนราวกับว่ามันมีชีวิตและลมหายใจ
และมือขวาของเขาที่ถูกตัดก็ยังคงเจ็บปวดไม่น้อย
‘เวรเอ้ย ฉันต้องทิ้งเจ้าหมอนั่นเอาไว้จริงๆ เหรอ?’
จุงฮวานครุ่นคิดไปชั่วขณะก่อนจะส่ายศีรษะ
เขาคนเดียวจะทำอะไรได้?
เขากัดฟันกรอดในความไร้พลังที่เขารู้สึกมาเป็นเวลานาน
<เข้าใจแล้ว ผมจะหนีออกไปทั…>
ในตอนนั้นเอง
การเปลี่ยนแปลงอย่างที่สองได้เกิดขึ้น
ตูมมม ตูมมมม ตูมมมมม!
“อ๊ากกกกก!”
พื้นของเขาวงกตแตกออก
ในเวลาเดียวกัน กำแพงของเขาวงกตที่คอยค้ำยันเพดานเอาไว้ก็เริ่มหดตัว
“ไอ้ฉิบ… หายเอ้ย!”
จุงฮวานพยายามดิ้นรนด้วยการเตะกำแพง ทว่าเขาไม่อาจเอาชนะแรงของกำแพงที่กำลังผลักดันเขาลงไปพร้อมกับที่ร่างของเขาจมลง
“อ๊ากกกก!”
“ว้ายย!”
เอคิดูและคาร์ฮาลที่เริ่มร่วงลงไปด้านล่างอย่างช้าๆ กรีดร้องออกมาอย่างลนลาน
แม้ว่าพวกเขาจะบินได้ ความรู้สึกของการที่พื้นแตกออกใต้ร่างของพวกเขาก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี
เหมือนกับหนวดที่ยื่นออกมาทุกทิศทางได้ถูกดึงกลับไป เขาวงกตเริ่มหดตัวลงด้วยความรวดเร็วขณะที่พวกฮันซูทั้งสามถูกพาไปยังที่ไหนสักแห่ง
ราวกับว่ามันกำลังนำอาหารที่มันจับได้ในใยไปยังทิศทางหนึ่ง
“เวร… เอ้ย!”
ตูมมม!
พวกเขาพยายามทำลายกำแพง ทว่ามันไร้ประโยชน์
และเมื่อพวกเขาหันหลังกลับไป บนใบหน้าของฮันซูคือความเยือกเย็น
“ไอ้เชี่ย… นี่นายรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
กับการที่อีกฝ่ายยังสามารถแสดงสีหน้าแบบนั้นได้แม้ว่าจะกำลังร่วงลงไปด้านล่าง
ฮันซูผงกศีรษะ
“มันถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ดังนั้นมันควรจะทำงานเมื่อมีพวกนั้นเข้ามา”
มันอาจจะต่างออกไปถ้ามันถูกปิดอยู่ แต่ในเมื่อเขาเปิดมันแล้ว มันก็ถูกตั้งให้พาทุกคนลงไปด้านล่างเมื่ออารูคอนเข้ามา
‘อ่า เอาเถอะ’
คาร์ฮาลทำสมองให้โล่งกับท่าทีของฮันซู จากนั้นจึงเริ่มดิ่งลงไปด้านล่าง
และไม่ช้า
“ฉันเห็นแล้ว!”
พื้นที่อยู่ห่างออกไป
วูบบบบ!
พวกเขาใช้สกิลบินในการลดความเร็วการร่วงของพวกเขา
กำแพงกำลังผลักพวกเขาลงมา แต่แรงกระแทกจะมากเกินไปด้วยความเร็วแบบนั้น
ตึงง
ขณะที่พวกเขาลดความเร็วด้วยสกิลบิน กำแพงที่ไล่พวกเขาลงมาก็กระแทกลงไปที่ร่างของพวกเขา
“ฉิบหายเอ้ย!”
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาก็จะกลายเป็นเนื้อบดจากกำแพงและพื้น
วินาทีที่พวกเขากรีดร้องออกมา มันเหลือระยะห่างเพียงแค่ 10 เมตรเท่านั้น
ตูมมมม!
กำแพงที่ผลักพวกเขาลงมาพลันหยุดชะงัก
ตูมมมม!
“โอย…”
แม้ว่ากำแพงจะหยุดแล้ว ความเร็วของพวกเขาก็ยังคงสร้างแรงกระแทกรุนแรง เอคิดูยืนขึ้นอย่างยากลำบาก
โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากด้วยสกิลเสริมพลังของเธอ
‘… ที่นี่มันที่ไหนกัน?’
เอคิดูยืนขึ้นและตรวจสอบรอบกายของเธอ
น่าแปลก สถานที่ที่พวกเขาร่วงลงมาไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาเดินผ่านมานัก
ความกว้างของเขาวงกตที่สองที่อยู่ด้านใต้เขาวงกตอยู่ที่ราวๆ 10 เมตร
และเมื่อพวกเขามองขึ้นไป กำแพงที่ผลักพวกเขาลงมาก็ได้กลายเป็นเพดานใหม่
จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่มีอย่างหนึ่งที่ทำให้ทั้งหมดแตกต่างออกไป
‘นี่มัน…’
พวกเขามองไปรอบๆ และแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
มันมีกระดูกกระจัดกระจายอยู่รอบๆ พวกเขา
และมีโครงกระดูกมนุษย์อยู่มากเช่นกัน
และสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วก็ดูจะเลวร้ายขึ้นไปอีก เอคิดูมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้างุนงง
“ที่นี่คือที่ที่มีสิ่งที่นายต้องการอยู่? เราต้องไปเอาเจ้านั่นแล้วออกไปเหรอ?”
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาแค่ต้องหามงกุฎของราชาที่สาบสูญและเอาชนะมงกุฎของผู้ตัดสินที่อคิทรัสน่าจะใส่อยู่
“ไปกันเถอะ ในเมื่อที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก มันคงใช้เวลาไม่นาน”
ไม่ช้า ฮันซูและอีกสองคนก็หายไปในความมืดมิด
“อึก… ที่นี่ที่ไหน?”
จึงฮวานจัดท่าทางตัวเองหลังจากที่ตกลงมาแล้วมองไปรอบๆ
‘…มันดูเหมือนเขาวงกตใต้ดิน มันมีที่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?’
มันเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้วตั้งแต่ที่ภูเขาเหลี่ยงเริ่มอาศัยอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าพวกเขาสำรวจทุกซอกทุกมุมเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้
อืม พวกเขาคิดว่าพวกเขาทำแบบนั้น
ทว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นที่นี่
‘อืม… ไอ้การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วย’
ครึ่ก
จุงฮวานมองไปรอบๆ
‘มันดูเหมือนถ้ำใต้ดิน’
และเป็นถ้ำที่ค่อนข้างใหญ่ด้วย
เขาสามารถมองเห็นอุโมงค์แปดอุโมงค์ได้
รวมทั้งรายละเอียดของพวกมัน
‘เวรเอ้ย… ที่นี่เป็นสุสานหรืออะไรแบบนั้นรึไง?’
โครงกระดูกยักษ์ที่ดูเหมือนจะเป็นของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง
และมันยังมีโครงกระดูกมนุษย์อีกนับพันในระหว่างนั้นด้วยเช่นกัน
จุงฮวานแสดงสีหน้าสับสนออกมากับสถานการณ์วุ่นวายเบื้องหน้าเขาขณะที่บางอย่างปรากฏขึ้นในสายตา
“นี่มันบ้าอะไร?”
ใจกลางถ้ำ
โครงกระดูกที่มีรอยกรงเล็บและถูกทะลวงกะโหลก
เหนือศีรษะของโครงกระดูกที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยักษ์คือมงกุฎสีแดง
‘มันให้ความรู้สึกไม่ดีเลย’
จุงฮวานเข้าใกล้บัลลังก์และมองไปยังมงกุฎเหนือศีรษะของโครงกระดูกอย่างระมัดระวัง
TL: 14 หน้า A4 มันยาวขึ้นทุกทีสิน่า