บทที่ 182: ข้อเสนอ (2)
จุงฮวานไม่ได้หยุดอยู่แค่การควักหัวใจ
วูบบบบ!
มือของจุงฮวานพุ่งตรงไปยังอีกสามคนหลังจากที่กระโจนเข้าไปหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
“ไอ้สารเลวนี่!”
“อัก!”
พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจน
ว่าเขาคือศัตรู
คนที่มีหยกฟ้าสบถออกมาขณะที่พวกเขาเริ่มส่งสกิลทั้งหมดของพวกเขาไปยังจุงฮวานที่อยู่ด้านหน้า
ตูมมมม!
ตูมมม ตูมมม ตูมมมมม!
การโจมตีที่กระทั่งวิชามารธาราขาวของเอคิดูยังรับมือได้ลำบากได้พุ่งฝ่าอากาศและมุ่งตรงไปยังร่างของจุงฮวาน
ทว่า
กร๊อบ! กร๊อบ! ฉัวะ!
จุงฮวานรับการโจมตีเหล่านั้นเอาไว้อย่างน่าตื่นตะลึงและมุ่งตรงไปยังทั้งสาม
เพื่อนของดาร์ลตันผวาไปเมื่อเห็นเช่นนั้น
มันไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่แข็งแกร่งเกินไป
ปัญหาอยู่ที่พวกเขา
“หือ!? บ้าอะไรเนี่ย! มานามัน…”
หยกฟ้าที่ถ่ายทอดมานาให้พวกเขาอย่างต่อเนื่องไม่ทำงาน
อืม มันกำลังถูกกดดันโดยหยกสีแดงในมือของอีกฝ่ายและไม่อาจทำงานได้
มานาที่ใช้ออกเป็นสกิลนับสิบได้หายไปพร้อมกับที่สกิลที่ทรงพลังที่มุ่งหน้ไปยังเอคิดูอ่อนแรงลงจนดูเหมือนกับกำปั้นเล็กๆ ของเด็ก
อืม มันไม่ใช่ว่าตัวสกิลที่อ่อนแอลง
มันก็แค่กลับไปเป็นสภาพเดิมหลังจากที่สูญเสียพลังของหยกฟ้าไป
ทว่าเมื่อพวกเขาสูญเสียพลังที่แข็งแกร่งไปในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกลายเป็นเด็กที่ยืนล่อนจ้อนอยู่
พวกเขาลนลานและตะโกนไปยังสร้อยคอ
“เวรเอ้ย! อารูคอน! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
“อารูคอน! ถ้าแกจะส่งพวกเรามาในที่แบบนี้ งั้นอย่างน้อยแกก็ควรจะรับผิดชอบซะหน่อยนะไอ้เวรเอ้ย!”
พวกเขากระวนกระวายเสียจนสบถด่าออกมา
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะกระวนกระวายสิ้นหวังแค่ไหน หยกฟ้าก็ทำเพียงส่องประกายจางๆ ออกมาหลังจากที่ถูกหยกแดงปิดกั้น
การโจมตีของจุงฮวานพุ่งตรงไปยังลำคอของพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม หลังจากที่พวกเขาถูกจับเอาไว้ด้วยสกิลถ่วงการเคลื่อนไหวจำนวนนับไม่ถ้วน
จากนั้น
กร๊อบ!
“อ๊ากกกก!”
“อึกกก…”
เกราะที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของจุงฮวานก็ยิ่งท่วมไปด้วยเลือด
จากเลือดของเพื่อนของดาร์ลตันทั้งสาม
‘… ฉันก็สงสัยว่าเลือดพวกนั้นมาจากไหน’
ทุกคนขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
แสงของหยกแดงในมือของชายคนนั้นพลักดันแสงของหยกฟ้าที่อ่อนจางและสาดส่องไปทั่วทั้งอุโมงค์
ในเวลาเดียวกัน ทุกสิ่งภายในอุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของจุงฮวาน
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือมงกุฎของผู้เก็บเกี่ยว
สีหน้าของเขาสดใสขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนั้น
ในเมื่อมันทำให้การค้นหาทั้งหมดคุ้มค่า
‘มันเป็นเรื่องจริง!’
มันไม่ใช่อะไรที่จะมากลิ้งอยู่ในที่แบบนี้ได้
หลักฐานที่ชัดเจนว่าดาคิดัสถูกฆ่าโดยใครบางคน
‘ดี ดี ดี ดีมาก ดีมากๆ’
จุงฮวานแย้มรอยยิ้มพึงพอใจออกมาขณะที่เขากวาดตาไปรอบๆ
สิ่งต่อมาที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาคือเหล่านักล่าที่ยืนกระจัดกระจายอยู่ห่างออกไป
มงกุฎของดาคิดัสตกอยู่ระหว่างพวกเขา ทว่าเขารู้ว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนร้าย
‘เป็นพวกที่อ่อนแออะไรแบบนี้’
คนที่สนใจแต่เพียงแค่การมีชีวิตรอดและเติมเต็มความต้องการของพวกเขา
พวกมันก็เหมือนกับสัตว์อสูรที่หาอาหารไปวันๆ ในสายตาของจุงฮวาน
เมื่อเขาหันศีรษะไป ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาจึงปรากฏขึ้นในสายตา
ชายที่ราวกับหอคอยโลหะและผู้หญิงที่แสนงดงามที่กำลังเดินมาหาเขา
‘สองคนนี้ไม่แย่’
แต่มันชัดเจนว่าใครเป็นคนฆ่าดาคิดัส
“ดี ดี ดูเหมือนว่านายจะเป็นคนที่ทำมัน ฉันชื่อคิมจุงฮวาน ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับจุงฮวานที่กำลังพูดกับเขา
“นายคิดอะไรอยู่? อารูคอนไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ถ้าพวกมันรู้”
จุงฮวานชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของฮันซู
‘เขารู้ว่าฉันคือใคร?’
คำพูดเหล่านั้นคงไม่ถูกเอ่ยออกมาเว้นเสียแต่ว่าหมอนี่รู้ว่าเขาเป็นพันธมิตรกับอารูคอน
ทว่าจุงฮวานผงกศีรษะ
‘อืม ถ้าเขาฆ่าดาคิดัส งั้นมันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะได้ข้อมูลไปจำนวนมาก มันก็ดีที่ฉันไม่ต้องอธิบายมาก’
จุงฮวานผงกศีรษะกับสถานการณ์ที่เขารู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
คำพูดของฮันซูไม่ผิด
เขาฆ่าสุนัขล่าเนื้อของอารูคอน
มันก็เหมือนกับการไปหาเรื่องพวกอารูคอน
ทว่าจุงฮวานทำเพียงแย้มยิ้ม
“นี่คืออาณาเขตของเรา ไอ้เวรนั่นจะไปรู้ได้ยังไง?”
จุงฮวานไม่ได้ทำเรื่องทั้งหมดนี่โดยที่ไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน
หยกแดง
หยกฟ้านั้นทรงพลังและมีประโยชน์มาก ทว่าหยกแดงที่ปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้มาความสามารถในการปิดกั้นพลังส่วนมากของหยกฟ้านั้น
ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านพวกที่ใช้หยกฟ้า
แน่นอนว่าความสามารถบางส่วนของหยกฟ้าก็จะถูกปิดกั้นเช่นกัน
“มันไม่เป็นไรตราบเท่าที่ฉันไม่ถูกจับได้ใช่ไหมล่ะ? มันจะแปลกอะไรกับการที่พวกนั้นจำนวนหนึ่งตายในขณะที่เผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่าดาคิดัส? จะยังไงก็เถอะ ถ้านายรู้ว่าพวกเราคือใคร งั้นฉันก็จะทำให้ทุกอย่างมันง่าย เข้าร่วมกับพวกเรา”
จุงฮวานสงสัยจริงๆ
‘หมอนี่ฆ่าดาคิดัสที่อยู่บนป้อมปราการดาวเทียมได้ยังไง?’
กับการที่คนคนหนึ่งทำในสิ่งที่กระทั่งพวกเขายังไม่อาจที่จะฝันถึงได้โดยที่ไม่มีหยกทำลายล้าง
จุงฮวานไม่อาจกระทั่งคาดเดาได้ว่าฮันซูใช้วิธีการไหน
แม้ว่าพวกเขาจะรักษาความเป็นพันธมิตรไว้ได้ด้วยหยกทำลายล้าง มันก็ชัดเจนว่าฝ่ายไหนที่ถือไพ่เหนือกว่า
ถ้าพวกเขาเสียสติและใช้หยกทำลายล้าง งั้นเขาก็จะสามารถจัดการหนึ่งในพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย
ในเมื่ออีกสองเผ่าย่อมไม่นั่งดูอยู่เฉยๆ
ทว่าสองเผ่านั้นก็อาจจะกวาดล้างพวกเขาในโอกาสนั้นเช่นกัน
‘เราต้องการวิธีอื่นนอกเหนือไปจากหยกทำลายล้าง’
พวกเขาก็เหมือนกับถูกขังอยู่ในถนนสีเขียว
ป้อมปราการดาวเทียมสามป้อมที่บินไปมาบนท้องฟ้าก็ช่วยพวกเขาได้ ทว่ามันให้ความสำคัญกับการจับตามองพวกเขามากกว่า
เพื่อที่พวกเขาจะไม่หนีไปและสร้างปัญหา
ทว่าถ้าพวกเขามีวิธีในการรับมือกับป้อมปราการดาวเทียมโดยที่ไม่กระทั่งใช้หยกทำลายล้าง?
จุงฮวานหัวเราะไปยังฮันซู
“ดูเหมือนว่านายจะมีความแค้นกับอารูคอน… มันไม่จำเป็นว่าต้องลุยคนเดียวใช่ไหมล่ะ? ทำมันด้วยกันเถอะ”
ฮันซูมีวิธี และเขามีความแข็งแกร่งที่เขารวบรวมมาเป็นเวลานาน
ข้อเสนอที่จะช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองฝ่าย
เขาไม่กระทั่งคิดว่าจะถูกปฏิเสธ ดังนั้นมันก็ไม่สำคัญหรอกแม้ว่าฮันซูจะเอ่ยว่าไม่
ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการคือวิธีการของฮันซู ไม่ใช่ตัวฮันซู
ถ้าฮันซูไม่ตอบว่า <ตกลง> งั้นมันก็ไม่มีเหตุผลให้เขาอยู่เฉยๆ
ในตอนนั้นเอง
ใบหน้าของเหล่านักล่าที่กำลังฟังอยู่ก็ขาวซีดลงด้วยความหวาดกลัว
‘นี่มันแย่แล้ว’
มันเป็นแค่บทสนทนาสั้นๆ ที่พวกเขาได้ยิน ทว่าพวกเขาก็รู้บางอย่างได้จากสิ่งที่พวกเขาได้ฟัง
อย่างแรก พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ทว่าชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันนั้นร่วมมือกับอารูคอน
สอง ชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันนั่นมอบข้อเสนอให้กับฮันซูเพื่อที่จะฆ่าอารูคอนด้วยกัน
สาม เขาฆ่าพวกที่มีปลอกคอสุนัขของอารูคอนทั้งหมด
ผู้คนที่ได้เห็นและได้ยินข้อมูลเหล่านี้ที่ไม่อาจปล่อยให้เล็ดรอดไปถึงหูของอารูคอนได้
‘เวรเอ้ย… หนี!’
หลบหนีออกจากเขาวงกตไม่ใช่ส่วนสำคัญ
ในตอนที่พวกที่เร็วกว่ากำลังจะหนีไป
กำแพงของเขาวงกตได้ร่วงลงมาและปิดกั้นอุโมงค์ที่พวกเขาจากมา
นักล่าตะโกนใส่กำแพงที่จู่ๆ ก็ปิดลงมา
“นี่มันบ้าอะไรกัน!”
ตูม! ตูมมม! ตูมมมมม!
พวกเขาพยายามใช้สกิลจำนวนมากโจมตี ทว่าไม่มีสกิลไหนเลยที่ใช้ได่
แม้ว่ามันจะมีรอยปรากฏขึ้นเล็กน้อยราวกับว่ามันแข็งแกร่งน้อยกว่าบานประตูที่ป้องกันสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ พวกเขาก็ไม่อาจทำลายมันลงได้ง่ายๆ
ในเมื่อมันทั้งแข็งและหนา
เหล่านักล่าร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
“ฉิบหายเอ้ย…”
จุงฮวานที่มองไปยังนักล่าที่อยู่ห่างออกไปหัวเราะใส่พวกเขา
“พวกนายคิดจะไปไหน?”
ตราบเท่าที่เขามีหยกแดง อำนาจในการสั่งการเขาวงกตจะอยู่ในมือของเขา
จุงฮวานแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
‘ไอ้พวกแมลงเอ้ย’
แม้ว่าพวกมันจะมีชีวิตรอดเพราะชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่ ทว่าพวกมันก็พยายามจะหนีไปทันทีที่รู้ว่าชีวิตตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
เขาไม่ต้องการพวกคนแบบนั้นแม้แต่น้อย
‘แต่เดี๋ยวก่อน…’
ขณะที่จุงฮวานแสดงสีหน้างุนงงออกมาและมองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งท่ามกลางนักล่าทั้งหมด
เมื่อฮันซูเห็นจุงฮวานนำกำแพงเขาวงกตลงมาปิด เขาก็ตัดสินใจ
“ไม่ล่ะ”
“อะไรนะ? ทำไม?”
ขณะที่จุงฮวานแสดงสีหน้าสับสนออกมา
ฮันซูก็หัวเราะและเอ่ยขึ้น
“ใครบอกล่ะว่าฉันจะฆ่าแค่อารูคอน?”
“ไอ้เวรนี่”
กระทั่งก่อนที่จุงฮวานจะสบถออกมาได้ ฮันซูก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นและพุ่งตรงไปยังจุงฮวาน
วูบบบบ!
ภายในอุโมงค์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ร่างสูง 2 เมตรของฮันซูนับว่าค่อนข้างเล็ก
ทว่าจุงฮวานรู้สึกราวกับมีบางอย่างใหญ่โตถาโถมเข้ามาหาเขา
มันเกินกว่าที่เขาคาดคิด
‘กับการที่มันมากขนาดนี้…!’
เหตุผลที่จุงฮวานมั่นใจเป็นเพราะเขาแน่ใจว่าเขาจะชนะถ้าพวกเขาสู้กัน
ในเมื่ออีกฝ่ายควรจะเป็นแค่เด็กใหม่ที่ออกมาจากหมู่บ้านไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถอะไรก็ตาม
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาคาดหวังกับมันมาก
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาหวัง
ถ้ามันเป็นบางอย่างที่ทำให้คนที่อ่อนแอแบบนั้นสามารถฆ่าดาคิดัสได้ งั้นมันก็จะยิ่งมีประโยชน์สำหรับพวกเขา
ทว่าจุงฮวานตระหนักได้ในไม่ช้าว่าความคิดก่อนหน้าของเขาผิดพลาด
‘บ้าอะไรเนี่ย… มันเกินไปแล้ว! ดาคิดัสคงตายเพราะแค่นั้นแน่ๆ!’
จุงฮวานรีบกำหยกแดงเอาไว้
ในเสี้ยววินาทีนั้น
ตูมม! ตูมมม!
กำแพงสองกำแพงได้ปิดกั้นระหว่างฮันซูและจุงฮวานและแยกพวกเขาออกจากกัน
กำแพงที่นักล่านับสิบโจมตีและไม่อาจทะลวงฝ่าออกไปได้ พวกมันสองกำแพงได้ปรากฏขึ้น
ตูมมมม…
จุงฮวานที่ใจเย็นลงหลังจากที่กำแพงปิดลงมาและไม่อาจมองเห็นฮันซูได้อีกต่อไปกำลังจะหมุนตัวจากไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด
กับการที่เขาต้องหนีไปราวกับสุนัขเช่นนี้
จุงฮวานหัวเสียกับสภาพเลวร้ายของเขาจากนั้นจึงตะโกนใส่กำแพง
“ไอ้โง่เอ้ย! แกพลาดแล้ว!”
มันไม่มีความจำเป้นให้เขาต้องลงมือด้วยตนเอง
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องตายในวินาทีที่อคิทรัสเข้ามา
‘ติดอยู่ในนั้นไปเถอะไอ้เวรเอ้ย’
ถ้าอคิอนถูกปลดปล่อย กำแพงและคนทั้งหมดในนั้นย่อมหลอมละลายลงไปพร้อมกัน
วินาทีที่จุงฮวานหัวเราะเสียงเย็นและกำลังจะจากไป
ตูมมมม!
กำแพงเบื้องหน้าเขาพลันเกิดเสียงดังสนั่นและสั่นสะท้าน
ราวกับว่ามีบางอย่างกระแทกมัน
‘ไม่มีทาง… หรือว่ากำแพงชั้นแรกมัน…?’
ตูมมมม!
มือข้างหนึ่งทะลวงผ่านกำแพงออกมา
ตูมมมม!
‘ฉิบหาย!’
ในตอนที่จุงฮวานรีบถอยหลัง
หมับ!
มือข้างหนึ่งได้ยื่นออกมาและคว้าแขนขวาของจุงฮวานเอาไว้
‘ไม่!’
จุงฮวานผวา
มันเป็นแค่แขนข้างหนึ่งที่ถูกจับ ทว่าสัญญาณเตือนถึงอันตรายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา เม็ดเหงื่อเย็นเยียบไหโชกแผ่นหลัง
หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับว่ามันกำลังเอ่ยเตือนเขาถึงอันตรายมหาศาล
สกิลของจุงฮวาน <ดวงอาทิตย์แห่งอัลมาดาน> ระเบิดสกิลเสริมพลังออกมา
ในเสี้ยววินาที บาเรียสีรุ้งได้ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาและผลักดันมือข้างนั้นที่พยายามบดขยี้ข้อมือของเขา
มือที่จับเขาอยู่พลันถูกเผาไหม้ด้วยแสงเจ็ดสี
สกิลเสริมพลังรอบมือที่กำลังจับเขาอยู่ไม่ได้ธรรมดา และมันได้ผลักดันพลังของเขากลับ ทว่าสกิล <ดวงอาทิตย์แห่งอัลมาดาน> ของเขาไม่ใช่สกิลกระจอก
ไม่ช้า มือของอีกฝ่ายก็เริ่มไหม้จากสกิลของจุงฮวาน
ทว่าจุงฮวานสบถออกมาในไม่ช้า
“ไอ้… ไอ้เวรเสียสตินี่!”
มือนั่นยังคงกำข้อมือของเขาแน่นราวกับว่าพยายามจะหักมันแม้ว่าจะกำลังถูกเผาอยู่
แม้ว่าแขนของเขาจะได้รับความเสียหายมหาศาล ฮันซูก็ยังคงกำข้อมือของเขาแน่นราวกับจะหักมัน
ไม่สิ อีกฝ่ายกำลังดึงเขาอยู่
ไปยังกำแพงนั่น
“ฮึกก!”
ครืดดด
เขาพยายามอย่างถึงที่สุดในการรั้งตัวเองเอาไว้ ทว่าพื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาปรากฏรอยลากยาวและเขาเริ่มที่จะเคลื่อนเข้าใกล้กำแพงไปทุกขณะ
และจุงฮวานผวาไปเมื่อเห็นดวงตาน่าพรั่นพรึงที่กำลังจ้องมองเขาจากช่องว่างนั้น
มันชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาถูกดึงกลับไปแบบนี้
‘เวรเอ้ย!’
จุงฮวานมองไปยังแขนขวาของเขาพร้อมกัดฟันกรอด จากนั้นจึงหยิบมือสั้นออกมาด้วยแขนซ้าย
จากนั้นจึงเหวี่ยงมันลงไปที่มือขวาของเขา
ฉัวะ!
“อึกก…”
ข้อมือขวาของเขาถูกตัดออกในเสี้ยววินาที และแรงสะท้อนกลับทำให้ร่างของจุงฮวานกระเด็นถอย
‘เวรเอ้ย… เวรเอ้ย!’
จุงฮวานชะงักไปอีกครั้งหลังจากที่มองเข้าไปในรูที่ขโมยมือขวาของเขาไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความแค้น
มองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความเสียดาย
“เวรเอ้ย!”
จุงฮวานแสดงสีหน้าหวาดผวาออกมาขณะที่เขารีบล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
‘ไอ้พวกสารเลว ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด’
ไม่ช้า ร่างของจุงฮวานก็จางหายไปในอากาศ
“ถ้านายทำลายกำแพงอันหนึ่งได้แล้ว จะทำลายอีกอันก็ไม่ใช่ว่าง่ายเหมือนกันเหรอ?”
ในขณะที่คาร์ฮาลกำลังมองไปยังจุงฮวานที่หายไปผ่านรู
ฮันซูส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กๆ
“มันยากที่จะระเบิดมานานั่นทั้งหมดในครั้งเดียว”
สกิลที่ทำให้สามารถระเบิดมานาของผู้ใช้และได้ครอบครองพลังที่มากมายกว่าเดิมหลายเท่าตัว
มันเรียกว่าสถานะบ้าคลั่ง
ทว่าฮันซูไม่ค่อยชอบพวกมันเพราะเส้นมานาทั่วทั้งร่างจะถูกทำลายจากสกิลพวกนี้
เขาทำลายกำแพงชั้นแรก และสร้างรูขึ้นบนกำแพงชั้นที่สอง ทว่าการทำลายกำแพงทั้งสองไปจนหมดนั้นค่อนข้างจะเกินกำลังไปหน่อย
“แล้วนายจะทำอะไรต่อ?”
เอคิดูแสดงสีหน้ากังวลออกมา
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเขาจะติดอยู่ที่นี่
ฮันซูแย้มยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นก่อนจะยกมือของเขาขึ้น
ลูกแก้วสีแดงที่อยู่ที่มือขวาของจุงฮวาน
“ไม่เป็นไร ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว”
เหมือนกับการที่จุงฮวานเจาะจงไปที่ข้อมูลของเขาแทนที่จะเป็นตัวเขา
เขาเองก็ไม่ได้ต้องการอีกฝ่ายเช่นกัน
‘จากนี้ไปมันจะเป็นทางตรง’
นี่ไม่ใช่บางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นเพียงแค่เพื่อเปิดปิดประตู
วูบบบบ!
เมฆสีดำได้ปรากฏขึ้นจากมือของฮันซูและเริ่มที่จะกัดกินลูกแก้วสีแดง
ครืนนนน
ในขณะที่จุงฮวานกำลังวิ่งอยู่นั้น
“หืมมม?”
จุงฮวานตื่นตระหนกกำแพงที่พลันปรากฏขึ้นก่อนจะหยุดลง
‘บ้าอะไรเนี่ย…’
อุโมงค์ได้เปลี่ยนแปลงและเส้นทางใหม่ถูกสร้างขึ้น
มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จุงฮวานมองไปยังเขาวงกตยักษ์ที่เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยความลนลาน
TL: แต่ล่ะตอนเหมือนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ เลยล่ะค่ะ…