บทที่ 179 กลุ่มก้อนปะการัง

หนึ่งในผู้ที่หวังเฉ่าตงได้จ้างวานให้ค้นหาชายสวมหน้ากาก ได้ส่งข้อความมาบอกว่าสามารถใช้เส้นทางลับที่ทะลุผ่านป่าเนินเขาและทะลุผ่านการปิดกั้นของตำรวจ ซึ่งจะสามารถไปถึงฝั่งทะเลได้

หลังจากผ่านป่าเนินเขาไปแล้ว จะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ผู้คนต่างอพยพกันออกไปแล้วซึ่งมีน้ำทะเลท่วมถึงระดับข้อเท้า ที่นั่นมีพวกคนจรจัดพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้น!

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยืนยันว่าชายสวมหน้ากากอยู่ที่ันั่น แต่ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะว่าข่าวเรื่องพายุฝนได้กระจายไปทั่วทุกที่แล้ว ฉะนั้น คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่กล้าที่จะพักอยู่ในหมู่บ้านตามแนวชายฝั่งอีก หรือต่อให้พวกเขาไม่อยากอพยพออกไป ก็จะถูกเจ้าหน้าที่บังคับให้ออกไปอยู่ดี

หวังเฉ่าตงได้ยินดังนั้นก็รีบยืนขึ้นราวกับว่าอยากจะไปที่นั่นคนเดียว ขณะเดียวกัน เขาก็ได้แอบส่งข้อความลับๆไปยังคนจรจัดว่าให้พวกเขาหาตัวชายสวมหน้ากากและจัดการฆ่ามันทิ้งเสีย จากนั้นก็โยนศพมันลงทะเลไป ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ รับรองว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่!

ขณะเดียวกัน เสี่ยวเยวี่ยในชุดเดรสสีแดงก็ลุกขึ้นและเดินตามหวังเฉ่าตงไป จึงเหลือแค่หลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีที่อยู่ในห้อง ทั้งสองสาวไม่ได้ไปด้วยเพราะรู้ว่าพวกเธออยู่ภายใต้การจับตาดูของหน่วย NSA บางที พวกเธอจะออกจากเขตเซี่ยงซานไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

“พี่เยวี่ย ระวังตัวด้วยนะ”

เมื่อเสี่ยวฉีมองเห็นพี่สาวของเธอตามหวังเฉ่าตงไป หญิงสาวก็อดรู้สึกกังวลอยู่ในใจไม่ได้ แค่มองผ่านๆก็ดูรู้แล้วว่าหวังเฉ่าตงไม่ใช่คนที่ดีอะไรนัก แล้วเสี่ยวเยวี่ยจะตามเขาไปโดยลำพังงั้นหรอ?

“ไม่ต้องห่วง”

รอยยิ้มของเสี่ยวเยวี่ยมีร่องรอยของความมั่นใจปรากฏอยู่

สำหรับหลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีนั้น พวกเธอมาที่นี่เพราะต้องการมาพบชายสวมหน้ากากและพาเขากลับไปอย่างปลอดภัยด้วยกัน แต่หวังเฉ่าตงและเสี่ยวเยวี่ยนั้นไม่ได้คิดเหมือนพวกเธอ หวังเฉ่าตงต้องการจะสังหารชายสวมหน้ากาก ขณะที่เสี่ยวเยวี่ยนั้นไม่ต้องการให้ชายสวมหน้ากากได้เข้าใกล้เสี่ยวฉีแม้แต่เพียงครึ่งก้าว………

หวังเฉ่าตงและเสี่ยวเยวี่ยนำอุปกรณ์ออฟโรดอย่างเช่นไฟฉายและอื่นๆสำหรับใช้กลางคืนมารวมไว้ด้วยกัน พวกเขาตัดสินใจจะไปที่ฝั่งทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“พวกเราหาทางกันเองดีกว่านะ”

หลินชื่อฉิงกระซิบบอกเสี่ยวฉี ชายสวมหน้ากากสำคัญสำหรับพวกเธอมาก และตอนนี้หน่วย NSA ก็ไม่มีเวลามาตามหาเขา ทั้งสองสาวจึงได้แต่พึ่งตัวเอง

สำหรับหวังเฉ่าตงและเสี่ยวเยวี่ยนั้น แน่นอนว่าหลินชื่อฉิงไม่ได้เชื่อว่าทั้งคู่จะช่วยหาตัวชายสวมหน้ากากได้อย่างสนิทใจ

เสี่ยวฉีพยักหน้า และแล้วทั้งสองสาวก็เริ่มคิดแผนของพวกเธอเอง………

ช่วงเวลาสั้นๆในร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง หลังจากเย่เวิ่นเทียนและซูเหมิงหานกินอาหารเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเลทางทิศใต้

สำหรับเย่เวิ่นเทียนนั้น ถึงแม้ซูเหมิงหานจะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย แต่การมุ่งหน้าฝ่าเขตปิดกั้นของตำรวจนั้นก็ยังเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาอยู่ดี

…………………

เวลานี้ เย่เฟิงสามารถสร้างร่างวิญญาณหยินเทียมขึ้นมาได้แล้ว

ร่างเทียมนี้มีทักษะสัมผัสวิญญาณอยู่เช่นเดียวกัน เย่เฟิงนั้นสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายและสามารถรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบๆร่างเทียมนี้ แน่นอน รัศมีการตรวจจับของร่างเทียมถือว่าเล็กมาก มันสามารถรับรู้สถานการณ์ได้ในระยะเพียง 10 เมตร แต่นั่นก็ถือว่ามากเกินพอ

หลังจากสร้างร่างเทียมขึ้นมา เย่เฟิงก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งปะการังราชันย์กำลังเติบโตอยู่

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของเขา น้ำทะเลก็กลายเป็นหนาวเย็นจนแสบกระดูกพร้อมกับคลื่นใต้น้ำที่เข้ากดดันอย่างรุนแรง ถึงแม้เขาจะใช้ทักษะเต่ามังกรกลั้นใจ แต่ก็ยังได้รับผลกระทบของความหนาวเย็นอยู่ดี

มันทำให้จินตนาการได้เลยว่า เมื่อหลงโม่หรันและคนอื่นๆกระโดดลงสู่ทะเล พวกเขาจะได้พบกับอุปสรรคที่ร้ายแรงเพียงใด

‘หนาวจริงๆ ใกล้กับก้นทะเลนี้ต้องเกิดเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่างขึ้นแน่ๆ ไว้เอาปะการังราชันย์มาได้เมื่อไหร่ เราค่อยไปดูให้แน่ใจ อาจเป็นไปได้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับอาจารย์………’

เย่เฟิงคิดอยู่ในใจขณะที่ยังคงว่ายน้ำไปยังจุดหมายของเขาอย่างรวดเร็ว

ที่ก้นทะเล คลื่นใต้น้ำนั้นปั่นป่วนอย่างมาก นอกจากนี้ยังคงเศษน้ำแข็งที่แหลมคมกระจัดกระจายไปทั่วทำให้ฝูงปลาแตกฮืออยู่หลายครั้ง ปลาตัวไหนที่หลบไม่พ้นก็จะถูกเศษน้ำแข็งผ่าออกเป็นสองส่วนไปในทันที

เย่เฟิงเป็นเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆของนักดำน้ำ ขณะที่คนอื่นๆรวมทั้งหลงโม่หรันจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าวก่อนจะลงไปในทะเล

ต่อให้เอาเวลาในการกลั้นหายใจของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่รวมตัวกันทั้งหมดมารวมกัน ก็ยังไม่อาจเทียบกับเวลาในการกลั้นหายใจของเย่เฟิงได้ สิ่งนี้เองคือความสุดยอดของทักษะเต่ามังกรกลั้นใจนี้

ใต้ก้นทะเลนั้นแสนจะมืดมิน มันมองเห็นแค่แสงเรืองรองของสิ่งมีชีวิตใต้ก้นทะเลเพียงบางครั้งบางคราว

ระยะการตรวจจับของทักษะสัมผัสวิญญาณนั้นถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเย่เฟิงในตอนนี้จึงสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้เพียงในระยะ 50 เมตร ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็สัมผัสสิ่งแปลกหลาดบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจเขา

ถึงแม้จะยังไปไม่ถึงตำแหน่งที่ตั้งของปะการังราชันย์ แต่ก็สามารถมองเห็นอุปกรณ์ซับซ้อนบางอย่างถูกติดไว้ทั่ว ความจริงแล้วมันคือกล้องตรวจจับใต้น้ำที่ถูกติดตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง

หากใครเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ปะการังราชันย์ คนๆนั้นจึงถูกพบโดยเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทันที!

ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักเทคโนโลยีสมัยใหม่ กลับกัน พวกเขานั้นช่ำชองในเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าคนปกติด้วยซ้ำไป

เย่เฟิงไม่ได้ลงมือทันที เขาหันมองไปรอบๆอย่างระวังและพบกล้องตรวจจับเดียวกันนับสิบถูกติดตั้งอยู่ในถ้ำใต้ก้นทะเล บนดิน และสถานที่แอบแฝงอื่นๆ

ถ้าเย่เฟิงเป็นเพียงคนธรรมดา เขาย่อมไม่อาจพบกล้องตรวจจับเหล่านี้ได้ แต่ด้วยที่เป็นผู้ฝึกเซียนที่มีทักษะสัมผัสวิญญาณ กล้องพวกนี้ก็ไม่อาจหลุดรอดจากการรับของเขาไปได้

‘อืม มีกล้องหลายตัวที่ถูกทำลายจากเศษน้ำแข็งในคลื่นที่ปั่นป่วนนี้แล้ว ถ้าเราเคลื่อนที่ช้าๆ ก็น่าจะสามารถทำลายพวกกล้องที่เหลืออยู่โดยไม่ให้คนสงสัยได้!’

เจินชี่ของเย่เฟิงพลันควบแน่นเป็นกระบี่สีทองขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ใต้ก้นทะเลอันมืดมิดแห่งนี้ตลอดสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้น้ำทะเลขุ่นมัวไปแทบทั้งหมด แม้แต่แสงสีทองของกระบี่ก็ไม่อาจส่องสว่างออกไปได้ไกล

ฉัวะ…….ฉัวะ………ฉัวะ……..

กล้องใต้น้ำราคาสูงทั้งหลายถูกทำลายด้วยกระบี่สีทอง!

คลื่นใต้น้ำยังคงปั่นป่วนพร้อมกับพัดพาเศษน้ำแข็งเล็กๆมาด้วย เขาไม่รู้ว่าเศษน้ำแข็งเหล่านี้ลอยมาจากไหน เพราะมันไม่เพียงมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ยังมีขนาดที่เล็กมากอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง การที่กล้องตรวจจับถูกทำลายจึงถือเป็นเรื่องปกติ ต่อให้มีคนคอยเฝ้าจับตาดูที่หน้าจออยู่ตลอดเวลาและรู้สึกสงสัย พวกเขาก็ไม่มีทางสาวตัวมาหาเย่เฟิงได้

หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อทำลายกล้องตรวจจับใต้น้ำไปหมดแล้ว เย่เฟิงก็แหวกว่ายเข้าไปหาปะการังราชันย์อย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึง กลุ่มปะการังสีแดงพลันปรากฏขึ้นมาในการรับรู้ของเย่เฟิง ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

‘มันไม่ได้มีแค่ปะการังราชันย์ แต่ยังมีปะการังชิ้นเล็กๆด้วย!’’

ใจกลายของกลุ่มก้อนปะการัง ปะการังราชันย์ส่องสว่างและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังวิญญาณ ส่วนรอบๆนั้นจะมีกลุ่มปะการังต้นเล็กๆกระจายอยู่มากมาย ถ้าได้ดูซับมันล่ะก็ มันจะเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นได้หนึ่งถึงสองปี!

ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับซูเหมิงหาน หนานฟาง และชายหน้าบาก เพราะพวกเขาไม่มีสิ่งใดที่ช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์เลย แต่เขากลับมาเจอสถานที่ที่น่าตกใจแบบนี้ได้อย่างไม่คาดคิด

“อืม พวกนั้นเริ่มลงมือแล้วรึ?”

ในเวลานี้ ร่างเทียมของเย่เฟิงสัมผัสได้ถึงกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รวมทั้งหลงโม่หรัน หลังจากเตรียมตัวอยู่นาน ในที่สุดแต่ละคนก็สวมชุดอุปกรณ์ดำน้ำและกระโดดลงในทะเลเพื่อเตรียมแย่งชิงปะการังราชันย์ต้นนี้

และผลก็คือ ร่างเทียมที่ซ่อนอยู่ใต้ก้นทะเลถูกคนพวกนั้นพบตัวเข้าแล้ว!

……………….

แปลโดย Solar Spark