บทที่ 178: เขาวงกต (2)
“อา… อา”
เหล่านักล่าสิ้นหวังขณะที่มองมารูนที่กลายเป็นศพไป
พวกเขาไม่อาจกระทั่งคิดหนีได้
มันคืออารูคอน
ผู้ที่ครอบครองเขตสีเหลืองและครอบครองป้อมปราการดาวเทียม
ไม่มีใครสามารถทำให้มันหงุดหงิดแล้วมีชีวิตรอดไปได้
อคิทรัสมองไปยังเหล่าแมลงรอบๆ ก่อนจะครุ่นคิด
ในเมื่อเขาวงกตใต้ดินจะกลายเป็นตัวเลือกที่เลวร้ายที่สุดถ้าพวกมันคิดจะหนีไปจากเขา
มันจะกลายเป็นหนูที่ถูกจับ
เขาสามารถตัดสินได้ว่าการที่หมอนั่นแพร่ข่าวว่ามันกำลังจะไปยังเขาวงกตใต้ดินคือกับดัก เมินมัน และค้นหาที่ถนนสีเขียวต่อไป
แต่ถ้าหมอนั่นไม่คิดจะหนีไปล่ะ?
‘ไอ้หนูน่ารำคาญ’
อคิทรัสคำรามในลำคอ
ถ้ามันคือมนุษย์ที่จัดการดาคิดัสได้ งั้นมันก็อาจจะไปที่เขาวงกตใต้ดินจริงๆ
ในเมื่อกระทั่งพวกเขา เผ่าพันธุ์ชั้นสูง ยังยากที่จะเดินทางในที่แห่งนั้นได้
ถ้าไอ้หนูสกปรกนั่นเสือกพยายามฆ่าเขาด้วย งั้นมันก็คงจะไปที่เขาวงกต
แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นแบบพวกหนูตัวอื่นๆ และพยายามหนีไปหลังจากที่มันหลอกเขาได้
‘โอกาสมีครึ่งต่อครึ่ง…’
เขาต้องเลือกตัวเลือกที่ถูกต้อง
ถ้าไอ้หนูนั่นทำให้เขาไปค้นหาในเขาวงกตใต้ดินแล้วหนีไป?
ถ้าหมอนั่นลบร่องรอยทั้งหมดของตัวเองและหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมนุษย์ งั้นเขาก็จะไม่มีทางหามันพบ
ในเมื่อมนุษย์ที่คอยควบคุมถนนสีเขียวอยู่ เมทิรอน ย่อมไม่มีทางอยู่เฉยๆ ถ้าเขาฆ่าล้างพวกมนุษย์เพื่อหาคนแค่คนเดียว
ถ้ามนุษย์ใช้หยกทำลายล้างในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ที่อาคาลาเชียและรีบีลูงกำลังมองหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างจะเป็นปัญหา
‘การที่ฉันไม่สามารถใช้ป้อมปราการดาวเทียมได้ก็น่ารำคาญ’
อคิทรัสคำรามในลำคอ
ถ้าเขาสามารถใช้ป้อมปราการดาวเทียมได้ งั้นเขาก็คงไม่ต้องลำบากตัวเองแบบนี้ด้วยซ้ำ
ในเมื่อเขาสามารถค้นหารอบๆ ถนนสีเขียวได้ด้วยมัน
แต่พวกเขาไม่เหลือกำลังที่ว่างพอในการส่งป้อมปราการดาวเทียมมาทางนี้สักป้อมเพียงเพื่อไล่ตามแมลงตัวหนึ่ง
‘ไอ้โง่ดาคิดัสนั่น กับการแพ้แมลงตัวหนึ่งทั้งๆ ที่มีป้อมปราการดาวเทียม…’
จะยังไงก็เถอะ การค้นหาเจ้าแมลงนั่นเป็นปัญหาจริงๆ ขึ้นมาแล้วในตอนนี้
อคิทรัสที่กำลังกร่นด่าดาคิดัสครุ่นคิดไปชั่วขณะก่อนจะมองไปยังพวกแมลงรอบๆ เขา
ก่อนจะแย้มยิ้ม
“เฮ้ พวกแกน่ะ มานี่สิ”
“หา?”
นักล่าที่อยู่ใกล้ๆ แสดงสีหน้ากระวนกระวายขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอคิทรัส
ตูมมมม!
ตูมมมมมมมม!
ลำแสงเลเซอร์จำนวนมากได้ลบทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของพวกเขาออกไปและทำลายสภาพแวดล้อม
“อ๊ากกกก!”
คาร์ฮาลและเอคิดูวิ่งอยู่ระหว่างลำแสงเหล่านั้นพร้อมกับกรีดร้อง
อันตรายเพิ่มมากขึ้นทุกขณะที่จำนวนของลำแสงเหล่านั้นเพิ่มขึ้น
ตูมมมมม!
ฮันซูรับลำแสงด้วยร่างของเขาอีกครั้งก่อนจะตะโกนออกไป
“เราเกือบจะถึงแล้ว! ตรงนั้น!”
ห่างออกไป
มันมีพื้นดินที่แตกออกอย่างแปลกประหลาด
หลุมกว้าง 50 เมตรพร้อมกับอุโมงค์สีดำมืดด้านใน
มันควรจะใหญ่เท่านี้เป็นอย่างน้อยเพื่อที่ไอ้สัตว์อสูรใหญ่โตเหล่านั้นจะได้สามารถเข้าออกได้อย่างสบาย
และในระหว่างช่วงเวลานั้น คาร์ฮาลกลืนน้ำลายขณะที่ต้องไปยังอุโมงค์นั้นที่กำลังปิดลงอย่างเชื่องช้า
‘เวรเอ้ย เรากำลังจะเข้าไปจริงๆ สินะ’
แต่การเข้าไปดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในตอนนี้
ในเมื่ออย่างน้อยมันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่ในตอนนี้แล้ว
ครืนนนนน
เพียงแค่ตอนที่เอคิดูและคาร์ฮาลพุ่งไปถึงหน้าประตูขณะที่ฮันซูกำลังป้องกันลำแสงด้วยร่างกายของเขาและกำลังจะกระโดดลงไป
ตูมมมมมม!
ตูมมม!
สิ่งของและสกิลได้พุ่งออกมาจากด้านใน
“เฮ้ย!”
คาร์ฮาลที่ไม่ได้สนใจหลุมเพราะเขากำลังเพ่งสมาธิไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังเขาตื่นตระหนกขึ้นในทันที
‘… ลูกน้องของคลีเมนไทล์มาถึงนี่แล้วเหรอ?’
เอคิดูแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา
มันอาจจะต่างออกไปถ้ามีเพียงแค่ลูกน้องของคลีเมนไทล์ แต่สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ได้ไล่ตามพวกเธอมาอย่างกระชั้นชิดเช่นกัน
ทว่าไม่ช้าเอคิดูก็ตระหนักได้ว่าเธอวิตกกังวลมากเกินไป
‘พลังมัน… อ่อนแอ’
ถ้าพวกนั้นอยู่ในระดับของคาริม งั้นสกิลที่อยู่ในระดับเดียวหรือเหนือกว่าลำแสงห้าเท่าของคาร์ฮาลก็คงพุ่งเข้ามาหาพวกเธอแล้ว
ทว่าสกิลที่พุ่งออกมาจากด้านในนั้นค่อนข้างอ่อนแอ
อ่อนแอเสียจนเอคิดูสามารถรับมันได้ด้วยเกราะหยางโลหิตและวิชามารธาราขาวที่ยับเยินจากสัตว์อสูรสามสายพันธุ์
“ขึ้นมาบนหลังฉัน!”
เอคิดูตะโกนใส่คาร์ฮาล
ในเมื่อความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอสูงกว่า
“เวรเอ้ย… อย่างน้อยก็ไว้หน้าฉันหน่อยเถอะ”
คาร์ฮาลบ่นทว่าก็รู้ว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันขณะที่เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของเอคิดู
และเอคิดูเพิ่มความเร็วขึ้นและเริ่มพุ่งตรงไปยังหลุมนั้น
“ไสหัวไปไอ้พวกเวรเอ้ย! อย่าลากพวกมันมาที่นี่!”
“ไอ้พวกเสียสติ! พวกแกทำอะไรของพวกแก!”
เอคิดูรับรู้ถึงตัวตนของคนเหล่านี้จากคำพูดของพวกเขา
ผู้คนที่หนีจากสัตว์อสูรสามสายพันธุ์และซ่อนอยู่ในหลุมที่ดูน่าสงสัย
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหาความสงบได้ แต่ต้องตื่นตระหนกและโจมตีออกไปเมื่อพวกคนแปลกประหลาดจำนวนหนึ่งกำลังลากสัตว์อสูรพวกนั้นมายังที่ที่พวกเขาซ่อนอยู่
แต่เอคิดูขบฟันแน่นและยิ่งวิ่งเข้าไปด้านในเร็วกว่าเดิม
ในเมื่อเธอไม่อาจจะสนใจสถานการณ์ของคนเหล่านั้นได้ในตอนนี้
ถ้าใครบางคนถามเธอว่าเธอจะสู้กับอะไรระหว่างพวกที่อยู่ตรงหน้าเธอกับสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ข้างหลังเธอ มันก็ไม่มีแม้แต่ความจำเป็นให้พิจารณาถึงตัวเลือกแรก
กลิ่นอายโหดเหี้ยมในร่างของเอคิดูระเบิดออก
พลังของวิชามารธาราขาวที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เธอบ้าคลั่งยิ่งขึ้น
ตูมมมมม!
ตูมมม!
“อ๊ากกกก!”
ในขณะที่ผู้คนถอยหลังไปจากกลิ่นอายที่แพร่ออกจากร่างของเอคิดูที่กำลังพุ่งเข้ามา
วูบบบบบบ!
คาร์ฮาลและเอคิดูได้เข้าไปในหลุมอย่างปลอดภัย
เอคิดูรีบยืนอยู่ด้านในของประตูที่กำลังปิดลงอย่างช้าๆ ปิดกั้นวิชามารธาราขาวที่กำลังทำให้กลิ่นอายโหดเหี้ยมของเธอแพร่กระจายขณะที่เธอตะโกนไปยังฮันซู
“เร็วเข้า!”
“เฮ้! วิ่ง!”
พวกเขาแค่ต้องให้ฮันซูเข้ามา
เสียงตะโกนอย่างเร่งร้อนของเอคิดูและคาร์ฮาลดังขึ้น ทว่าฮันซูยังคงเพ่งสมาธิไปกับการหลบการโจมตีของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์และวนไปรอบๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของทั้งสองคน
คาร์ฮาลเห็นเช่นนั้นและตระหนักได้ถึงบางอย่างขณะที่เขาคว้าเอาคนที่กำลังนั่งอยู่ในหลุมข้างๆ พวกเขา
“เฮ้! รีบๆ ส่งการโจมตีสนับสนุนไปสิวะ!”
“หะ? หา?”
“มัวทำอะไรอยู่ไอ้พวกเวรเอ้ย! เขากำลังซื้อเวลาจนกว่าประตูจะปิด! พวกแกคิดเหรอว่าไอ้พวกตัวข้างนอกนั่นจะเดินหายไปเฉยๆ เพราะหมอนั่นตาย?”
จากนั้นคาร์ฮาลจึงชี้ไปยังฮันซูที่ร่างท่วมไปด้วยเลือด
คนนับสิบตื่นขึ้นจากคำพูดเหล่านั้นขณะที่พวกเขาเริ่มส่งการโจมตีของพวกเขาไปยังสัตว์อสูรสามสายพันธุ์
ตูมมมมม! ตูมมมมมมม!
กรรร?
การโจมตีพุ่งออกไปจากด้านใน สัตว์อสูรสามสายพันธุ์หันศีรษะของมันก่อนจะมองมาที่ด้านในหลุม
มันไม่รับรู้ถึงตัวตนของคนเหล่านั้นตอนที่มันเพ่งความสนใจไปยังสิ่งที่อยู่ด้านหน้ามัน แต่เมื่อพวกที่อ่อนแอกว่าโจมตีมัน สัญชาตญาณของมันก็ตื่นขึ้น
กิ้งงงงง
หนึ่งในลำแสงที่พุ่งไปยังร่างของฮันซูได้มุ่งมายังปากทางเข้าอุโมงค์
และผู้คนตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น
ในเมื่อพวกเขาล้วนรู้ถึงพลังของลำแสงนั้น
“ว๊ากกกก! หลบ!”
“เวรเอ้ย! ทำไมเราถึงทำแบบนั้นกัน!”
ผู้คนที่กำลังส่งการโจมตีออกไปรีบซ่อนอยู่ด้านหลังประตูที่กำลังปิดลง
‘เวรเอ้ย! ไอ้… ไอ้ประตูนี่มันคงจะทำลายไม่ได้!’
คาร์ฮาลปิดเปลือกตา
ถ้าประตูนี่ละลายลงจากลำแสงนั่น งั้นทุกอย่างก็จะจบลง
ตูมมมมม!
ลำแสงที่ออกมาจากปากของสัตว์อสูรกระแทกลงไปยังประตูที่ปิดลงครึ่งหนึ่ง
ชี่!
ประตูโลหะส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาเมื่อมันถูกยิงและมีควันลอยออกมาบางส่วน
“อึก…”
เสียงร้องของคนอื่นๆ ดังขึ้นเพราะความร้อนจากลำแสงที่ทะลวงผ่านประตูที่ปิดลงครึ่งหนึ่งนั่นเข้ามาในอุโมงค์
ในเมื่อมันร้อนมาก
คว้างงงง
โชคดีที่ประตูสามารถป้องกันลำแสงของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ได้
“… บัดซบ”
แต่ตอนนี้ผู้คนได้หวาดกลัวเสียจนไม่กล้ากระทั่งยื่นศีรษะของพวกเขาออกไปนอกประตูที่กำลังปิด
เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นอีก สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ก็เมินกลุ่มของพวกเขาและเริ่มให้ความสนใจกับฮันซูอีกครั้ง
ตูมมมม!
ตูมมมม!
เปรี้ยงงงง!
พวกมันทั้งสองตัวได้ยิงลำแสงไปยังฮันซูอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในพวกมันได้พุ่งตรงไปยังฮันซูราวกับว่ามันต้องการจะกลืนเขาเข้าไป
และมานาของฮันซูที่เหลืออยู่ไม่มากก็เริ่มแห้งเหือดลง
พร้อมกับที่สกิลเสริมพลังมังกรปีศาจถูกฉีกเป็นชิ้นและทหารพันเกราะขาดวิ่นราวผ้าขี้ริ้ว
‘ยอดเยี่ยม!’
ป้าบ!
ฮันซูหลบการโจมตีของขาหน้าของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์และกระโดดลงไปในหลุม
คว้างงงง!
สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่หงุดหงิดกระทั่งหยุดลำแสงของพวกมันขณะที่พวกมันวิ่งมายังทางเข้าของเขาวงกต
กึงงงง!
ประตูที่เกือบจะปิดลงนั้นกว้างพอให้ฮันซูเข้าไป ทว่าเล็กเกินไปสำหรับสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่มีขนาดน้องๆ ตึกเล็กๆ ตึกหนึ่งในการเข้าไป
ตูมมมมม!
ตูมม!
โฮกกกกกกก!
ผู้คนตึงเครียดขึ้นกับการโจมตีของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ที่กระแทกลงมาบนประตูที่ปิดลงขณะที่พวกเขาเพิ่มพลังของสกิลในมือของพวกเขา
ในเมื่อพวกเขาคงจะตายกันหมดถ้ามันเข้ามาได้
แสงอ่อนๆ จากสกิลในความมืดมิดได้เผยให้เห็นใบหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวังของผู้คน
ไม่ช้า
กรรรร
“ฮ๊า….”
“ฟิ้ว”
ราวกับว่าสัตว์อสูรหมดความสนใจในประตูที่ไม่เปิดขึ้น เสียงที่พวกมันโจมตีประตูจึงหายไปและผู้คนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
และสกิลได้เผยให้เห็นสีหน้าของผู้คน
‘ใครกัน?’
เมรีลิน หญิงสาวที่เป็นผู้นำของคนด้านในแสดงสีหน้ากระวนกระวายออกมาขณะที่มองไปยังคนมาใหม่ทั้งสามที่เข้ามา
คนเหล่านั้นล้วนเหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บในระหว่างหลบหนีการโจมตีของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์
‘และมีคนหนึ่งที่ดูจะนิสัยเสียด้วย’
ชายที่เกาะหลังของผู้หญิงอีกคนมาและจับพวกเธอได้ยังคงมองมายังทิศทางของพวกเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสมเพศ
‘อืม มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น’
เมรีลินยังคงระมัดระวังตัวขณะที่เธอพึมพำ
ในเมื่อกลุ่มของเธอไม่มีทางดูดีในสายตาของคนเหล่านั้น เพราะกลุ่มของเธอพยายามจะโจมตีคนพวกนั้นตอนที่ทั้งสามคนกำลังหนีพร้อมกับสัตว์อสูรพวกนั้นที่จี้หลังมา
แต่กลุ่มของพวกเธอก็มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
‘พวกแกต้องการให้พวกเราทำบ้าอะไรในตอนที่พวกแกพาไอ้ตัวพวกนั้นตั้งสามตัวมาที่นี่’
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังมองกันและกัน
เอคิดูลูบหลังของคาร์ฮาล
“ใจเย็นก่อนคาร์ฮาล มันไม่มีประโยชน์อะไรในการมาสู้กันตรงนี้”
“ฉิบหายเอ้ย เธอช่างเป็นคนที่มีคุณธรรมอะไรแบบนี้”
คาร์ฮาลคร่ำครวญใส่เอคิดู ทว่าทำเพียงแค่ถุยน้ำลายออกไปครั้งหนึ่งและตรวจสอบบาดแผลของเขา ในเมื่อเขารู้ว่าคำพูดของเธอก็ไม่ผิด
ในเมื่อสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีในการสู้กับคนเหล่านี้
สถานที่แห่งนี้คือฐานทัพหลักของศัตรูของพวกเขา
มันไม่มีประโยชน์อะไรในการสร้างศัตรูเพิ่ม
คาร์ฮาลเอ่ยถามฮันซู
“นายจะเข้าไปตอนนี้เลยรึเปล่า?”
ฮันซูผงกศีรษะ
ครั้งนี้ ตอนที่สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ส่วนมากออกไปด้านนอกคือเวลาที่ดีที่สุดในการฝ่าเขาวงกต
แน่นอนว่าอุปสรรคในการหามงกุฎแห่งกษัตริย์ผู้พ่ายแพ้ยังคงอยู่
ในตอนนั้นเอง
ใครบางคนได้เอ่ยถามเมรีลิน
“เมรีลิน เราคงไม่ได้… ติดอยู่ในนี้ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเมรีลินก็เปลี่ยนไป
ดูๆ แล้ว อุโมงค์นี้คงเป็นที่ที่สัตว์อสูรพวกนั้นออกไป
พวกเขาติดอยู่ในรังของเจ้าตัวพวกนั้น
เมรีลินตะโกนออกไป
ไปยังคาร์ฮาลที่ดูจะอ่อนแอที่สุด
“เวรเอ้ย! พวกแกจะเอายังไง? เรากำลังจะออกไปหลังจากหลบอยู่ที่นี่สักพัก แต่เราออกไปไม่ได้แล้ว!”
“ฉิบหายเอ้ย นี่แหละฉันถึงได้ไม่อยากเข้ามาบนหลังของยายนั่น”
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาได้ยินคำพูดแบบนั้น
ในขณะที่คาร์ฮาลกำลังขมวดคิ้ว
ตูมมมม!
แรงสั่นสะเทือนจางๆ ได้สะท้านไปทั่วทั้งเขาวงกต
ฮันซูขมวดคิ้วและมองไปยังกลุม่ของเมรีลินที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาเมื่อรู้สึกถึงมัน
ครืนนนน
อีกส่วนหนึ่งของเขาวงกต
หนึ่งในประตูที่สัตว์อสูรสามสายพันธุ์ไม่อาจทำลายได้ไม่ว่ายังไงก็ตามได้ถูกทำลาย
และสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ได้นอนอยู่บนพื้นด้วยร่างเพียงแค่ครึ่งเดียว
“อุก…”
ในขณะที่ผู้คนที่ถูกไล่ล่าโดยอคิทรัสครางออกมาด้วยความหวาดกลัว
อคิทรัสที่ทำลายประตูด้วยหอกสีฟ้าในมือของเขา เอไคออน และกระทั่งฆ่าสัตว์อสูรสามสายพันธุ์สลัดเลือดที่ติดอยู่บนดวงตาของเขาออกก่อนจะส่งเสียงจิ้จ๊ะ
“ไอ้พวกเลือดผสมอวดดี”
ชี่
อคิทรัสที่ทำลายประตูด้วยเอไคออนที่ใช้พลังของป้อมปราการดาวเทียมในการใช้ออกจ้องไปยังเหล่านักล่าด้านหลังของเขา
และมันมีบางอย่างอยู่บนลำคอของนักล่าเหล่านั้นทั้งหมด
หยกฟ้า
ปลอกคอสุนัขที่ใช้สร้างหมาล่าเนื้อ
‘ดีนะที่เอามาไม่น้อย’
เขาก็แค่ต้องรออยู่ที่นี่
และให้หมาล่าเนื้อหาให้เขาตอนที่เขารอ
แล้วเขาจะสามารถวิ่งไปหาหมอนั่นและทะลวงหัวใจของหมอนั่นได้อย่างสบายๆ
ด้วยเอไคออน หอกที่ส่องประกายสีฟ้าออกมา
อคิทรัสแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะที่เขาเอ่ยขึ้น
“พวกแกครึ่งหนึ่งไปหาในป่า และอีกครึ่งไปหาในเขาวงกต เมื่อพวกแกพบมันก็ส่งสัญญาณมาด้วยปลอกคอ และสำหรับพวกที่มัวแต่ขี้เกียจอยู่…’
ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้ากระวนกระวายออกมากับคำพูดของอคิทรัส
อคิทรัสก็ลบรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาคำรามและเอ่ยขึ้น
“คนที่จะมีชีวิตอยู่ได้คือคนที่เจอหมอนั่น หามันโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าพวกแกหามันไม่เจอ… ฉันจะระเบิดสร้อยคอของพวกแก”
สร้อยคอที่มีพลังมหาศาล
มันไม่มีอะไรให้คิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสร้อยคอเหล่านี้ระเบิดออก
“ว๊ากกกก!”
ทุกคนต่างวิ่งไปยังป่าหรือไม่ก็เขาวงกตเมื่อได้ยินเช่นนั้น
อย่างรวดเร็วมาก
‘ไอ้หนูสกปรก ฉันจะเจอแกในไม่ช้า มันควรจะรู้ว่ามันจะถูกขังถ้ามันเข้าไปในเขาวงกต… มันเตรียมอะไรไว้รึเปล่า? หรือบางที…’
ถ้าไอ้หนูโสโครกนั่นหนีไปในป่า งั้นเขาก็สามารถไล่ตามไปได้อย่างสบายๆ แต่ถ้ามันไม่ได้อยู่ในป่า งั้นก็มีบางอย่างน่าสงสัย
อคิทรัสที่กำลังแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจพลันแสดงสีหน้าเคลือบแคลงออกมา