*ขอเปลี่ยนชื่อ ‘กระบี่บุปผาร่วงโรย’ เป็น ‘กระบี่บุปผาเยือกแข็ง’ นะครับ
บทที่ 175 ถ่ายทอดทักษะเซียน
เวลายังคงไหลผ่านไปเรื่อยๆ เย่เฟิงที่ได้พักผ่อนกว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็สามารถฝืนคืนเจินชี่ได้เกือบครึ่งแล้ว เขาจึงรีบใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่หน้าอก
เพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นที่สอง กระบี่บุปผาเยือกแข็ง ทำให้เส้นลมปราณที่หน้าอกของเขาถูกแช่แข็ง ผลของมันนั้นช่างน่าตกใจ เพราะเย่เฟิงต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะฝืนคืนมันให้กลับมาเป็นปกติได้
ถ้าเขาเดาไม่ผิด เพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นที่สามคงให้ผลเยือกแข็งที่มากยิ่งกว่านี้แน่ ทั้งหมดนั้นมาจากคำว่า “เยือกแข็ง”ในชื่อของมันนั่นเอง
‘ดูจากระดับวรยุทธ์ของหลงโม่หรัน ถึงจะโดนพายุพัดปลิวไปก็ไม่น่าจะตายง่ายๆ เพราะงั้น มันต้องเข้าร่วมการแย่งชิงปะการังราชันย์ในเย็นวันนี้แน่ บางที…..’
เย่เฟิงคิดในใจว่าเขาควรรอจนถึงช่วงเย็นแล้วค่อยออกไป ก่อนหน้านั้น ตัวเขาต้องเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย
ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงก็พบว่าหลงหวางเอ๋อที่หมดสติอยู่ก่อนหน้านี้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปหาเธอ ชายหนุ่มเห็นหลงหวางเอ๋อลืมตาขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม เพราะบางทีเธออาจจะกำลังอยู่ในสภาวะตื่นตกใจ และยังไม่เข้าใจสถาการณ์ในปัจจุบัน
เธออยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงตอนทำลายตันเถียนตัวเองไม่ใช่หรอ? ในเมื่อหลงโม่หรันกลับคำสัญญา แล้วทำไมมันถึงไม่สังหารพวกเธอ? แล้วทำไมเธอถึงมานอนอยู่ในห้องแบบนี้ได้?
หลงหวางเอ๋อรู้สึกได้ชัดเจนถึงกระแสของพลังที่แปลกประหลาดในร่างตัวเอง และพลังชี่ภายในของเธอก็ดูต่างออกไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม พลังประหลาดนี้ไม่ได้ไหลเวียนไปตามเส้นทางที่ควรจะเป็น มันกำลังปั่นปวนและไร้ทิศทางเหมือนกับเส้นลมปราณของผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกวรยุทธ์ใหม่
ถึงแม้หญิงสาวจะผ่านกระบวนการ ‘เปิดจุดชีพจร’แล้ว และระดับวรยุทธ์ที่มีนั้นก็มากกว่าระดับ 10 ปี แต่เพราะเธอยังไม่ได้ฝึกทักษะเซียนใดๆเลย เจินชี่ภายในร่างจึงมีลักษณะเช่นนี้
แย่แล้ว!
หลงหวางเอ๋อพลันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าอยู่แม้แต่ชิ้นเดียว ถ้างั้นเธอก็นอนเปลือยกายอยู่น่ะสิ?
หญิงสาวตื่นตกใจ และพยายามจะลุกขึ้นเพื่อดูว่าทั้งหมดนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!
“หวางเอ๋อตื่นแล้วใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลนะ นี่ฉันเอง”
เย่เฟิงวิ่งเข้ามาหาหญิงสาวและพูดปลอบประโลม เขาพยุงร่างของเธอขึ้นมาแล้วกอดไว้ในอก “ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
ในช่วงเวลานี้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างและมองเห็นเย่เฟิงที่ร่างกายเปลือยเปล่าเหมือนเธอ นี่ทำให้หญิงสาวพลันหน้าแดงขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
หลงหวางเอ๋อรีบเอ่ยถามเพราะหญิงสาวคิดว่า ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านในตอนที่เธอหมดสติไป และมันทำให้หลงโม่หรันปล่อยพวกเธอให้มีชีวิตรอด ไม่เช่นนั้นด้วยลักษณะนิสัยของหลงโม่หรัน มันไม่มีทางปล่อยให้พวกเธอหนีมาได้แน่
เป็นธรรมดาที่หลงหวางเอ๋อจะคิดเช่นนี้ เพราะในตอนนี้เธออยู่กับเย่เฟิงโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเลยสักอย่าง
ทันใดนั้นเอง หลงหวางเอ๋อพลันดึงเย่เฟิงเข้ามาแล้วพลักเขาลงบนเตียงนอน!
เย่เฟิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เฮ้อ ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงได้ก้าวร้าวอย่างนี้นะ?
บนเตียงนอนภายใต้ผ้าห่ม แขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มโอบร่างบางที่นุ่มนวลเอาไว้ เย่เฟิงค่อยๆเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหมู่บ้านชาวประมงให้แกหลงหวางเอ๋อฟัง มันกินเวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว “……..เพราะงั้น เธอเลยกลายเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนแล้ว เธอจึงใช้ทักษะของตระกูลหลงก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ได้อีก”
“วรยุทธ์วิถีเซียน ใครหรอ?”
ดวงตาคู่สวยเผยแววตาของความไม่เข้าใจและประหลาดใจออกมา
ยิ่งหลงหวางเอ๋อได้ฟังคำพูดของเย่เฟิงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อมากขึ้นเท่านั้น เธอมีร่างชีพจรเทวะในตำนานอย่างงั้นหรอ? ร่างกายนี้มีจุดชีพจรลับทั้งหมด 7 จุดที่กักเก็บพลังวิญญาณเอาไว้มหาศาล? การปะทุของพลังวิญญาณนี้ในร่างของเธอทำให้เกิดการสั่นพ้องและพายุขนาดใหญ่ ต่อมาจึงก่อตัวเป็นพายุเฮอริเคนแล้วพัดพาหลงโม่หรันให้กระเด็นหายไปที่ใดสักแห่ง?
แต่ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือในโลกนี้มีวรยุทธ์วิถีเซียนด้วยงั้นหรอ?
แต่หญิงสาวเชื่อว่าเย่เฟิงต้องไม่หลอกลวงเธอ!
ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง งั้นก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเย่เฟิงถึงสามารถล่องหนและปล่อยบอลไฟได้ ดูเหมือนสิ่งต่างๆพวกนั้นจะมาจากทักษะเซียน
“ถ้างั้นตอนนี้ ฉันก็สามารถล่องหนและปล่อยบอลไฟแบบเดียวกับนายได้แล้วใช่ไหม?”
คำถามของหลงหวางเอ๋อแฝงด้วยความไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย
“ถ้าได้ฝึกทักษะเซียนแล้วล่ะก็ เธอก็ใช้มันได้”
เย่เฟิงยิ้มและดึงหญิงสาวเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม จากนั้นจึงค่อยๆเคลื่อนใบหน้าไปที่หูของเธอ “เอาละ ตอนนี้ฉันจะสอนเธอเอง”
ความจริงแล้ว วรยุทธ์วิถีเซียนนั้นคล้ายคลึงกับวรยุทธ์ทั่วไปมาก แม้แต่การใช้เจินชี่และพลังชี่ภายในก็แทบจะเหมือนกัน เย่เฟิงเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของหลงหวางเอ๋อ เธอจะสามารถฝึกฝนทักษะเซียนได้โดยใช่เวลาไม่นาน
ถ้าเทียบกับซูเหมิงหานแล้ว แน่นอนว่าพื้นฐานของหลงหวางเอ๋อนั้นแน่นกว่ามาก นอกจากนี้หญิงสาวยังเริ่มฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนในขณะที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 12ปี 6เดือน แล้ว มันกว่าระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงในตอนนี้เสียด้วยซ้ำไป
ตอนที่อยู่ในสุสารโบราณนั้น เย่เฟิงไม่มีทางเลือกจึงได้ดูดซับพลังวิญญาณของเธอมา 1 ปี
ถ้าเขาต้องการทำให้หลงหวางเอ๋อกลายเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนเต็มตัว ก็ต้องเริ่มจากวิถีโคจร ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาเริ่มด้วยการสอนวิถีโคจรสุสานดาราแก่เธอเป็นอย่างแรก
ถึงแม้เย่เฟิงจะรู้จักทักษะเซียนอยู่มากมาย แต่วิถีโคจรสุสานดารานั้นเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด การฝึกฝนวิถีโคจรนี้จึงแทบไม่มีความผิดพลาดใดๆ นอกจากนี้ ทักษะเซียนต่างๆที่เขาใช้ ล้วนแล้วแต่มีวิถีโคจรสุสานดารา มันจึงต้องฝึกฝนวิถีโคจรนี้ก่อน จึงจะสามารถใช้ทักษะอื่นๆได้
ในโลกเทวะ ก่อนจะมีวรยุทธ์ถึงระดับ 20 ปี มันมีทักษะเซียนทั่วไปที่ใช้ได้มากมายอย่างเช่น ทักษะล่องหน, เพลิงสีแดง, แสงศักดิ์สิทธิ์ และอื่นๆ แต่เมื่อถึงระดับ 20 ปีแล้ว มันจะมีทักษะเซียนทั่วไปเหลืออยู่อีกเพียงน้อยนิด สำหรับซูเฟยหยิ่งนั้น ทักษะเซียนของเธอส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับวิถีโคจรสุสานดารา
ทักษะเซียนมากมายที่ถูกใช้โดยผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนระดับสูงล้วนแตกต่างกันออกไป เพราะคนสองคนนั้นมีพื้นฐานของวิถีโคจรที่ต่างกัน
สำหรับวิถีโคจรสุสานดารานั้น หลงหวางเอ๋อสามารถเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็สามารถหมุนเวียนเจินชี่ในร่างได้ดั่งใจต้องการ
ทักษะล่องหน ย่างก้าวไร้เงา เพลิงสีแดง แสงศักดิ์สิทธิ์ เย่เฟิงค่อยๆสอนทักษะเหล่านี้แก่หลงหวางเอ๋อ แต่จุดสำคัญคือด้วยพรสวรรค์ของเธอ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะสามารถบรรลุทักษะทั้งหมดนี้ได้
ชายหนุ่มคิดว่าในแถบทะเลจีนตะวันที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมแบบนี้ เขาควรจะสอนทักษะเต่ามังกรกลั้นใจแก่หญิงสาวด้วย ด้วยทักษะนี้เมื่อลงไปในทะเล เธอจะไม่จมน้ำตาย และสามารถอยู่ในน้ำได้อย่างน้อยหนึ่งถึงสองวัน
หลงหวางเอ๋อจดจำทักษะเซียนที่เย่เฟิงสอนแต่ละอันลงไปในความทรงจำ ร่างบางที่ขาวเนียนดังหิมะดิ้นขลุกขลักอยู่ในอกของชายหนุ่ม เธอยิ้มและเอ่ยขึ้นมาอย่างซุกซน “ตอนนี้ฉันแยกตัวออกมาจากตระกูลหลงแล้ว แต่ถ้านายกล้าทิ้งฉันล่ะก็ ฉันจะป่าวประกาศตัวตนของนายให้ทุกคนได้รู้เลยว่านายเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน คิคิ”
เย่เฟิงรู้ว่าหญิงสาวแค่แกล้งแซวเขา ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูชั่วร้าย “ถ้าเธอกล้าประกาศออกไปล่ะก็ ฉันจะจับเธอมาตีก้นเสียให้เข็ด หึหึ”
“เจ้าตัวร้าย นายกล้าหรอ!”
แก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อแล้วจึงรีบลุกขึ้นนั่งบนเอวของเย่เฟิง แต่ทันใดนั้น เธอก็พลันนึกได้ถึงบางสิ่ง “ใช่แล้ว น้าฉันล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง เธอปลอดภัยดี แล้วก็อยู่ในบ้านหลังนี้แหละ”
เย่เฟิงเอ่ยปลอบประโลม จากนั้นเขาก็พลันกลืนน้ำลาย สาวน้อยคนนี้ช่างใจถึงจริงๆ ถึงกับกล้ามานั่งบนเอวเขาในสภาพเปลือยเปล่าอย่างนี้ ไม่กลัวจะปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขาให้ตื่นขึ้นมากินเธอเข้าไปทั้งตัวเลยหรือไง?
ไว้ถึงเวลา เขาค่อยสอนให้สาวน้อยคนนี้ได้รู้ถึงความน่ากลัวของมัน แต่ดูเหมือนว่ากว่าจะถึงเวลานั้น เธอคงได้ยั่วยวนเขาทุกวันแน่ ให้ตายเถอะ! แบบนี้ใครจะไปทนไหว อ้าก! ต่อให้เป็นไอร่อนแมนก็ยังทนไม่ไหวเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ เขายังไม่ได้สอนสิ่งที่สำคัญที่สุดแกหญิงสาว
ผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนที่มีวรยุทธ์ตั้งแต่ระดับ 10 ปีขึ้นไปนั้น สามารถปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณได้ ซึ่งทักษะนี้คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปกับผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน! เมื่อหลงหวางเอ๋อสำเร็จทักษะนี้ เธอจะสามารถรับรู้ถึงเสียงและการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัวได้อย่างง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวการซุ่มโจมตีอีกต่อไป
“เดี๋ยวฉันจะสอนทักษะพิเศษให้”
เย่เฟิงดึงร่างของหญิงสาวลงมาเพราะเขาไม่อยากปล่อยให้เธอยั่วยวนเขาจนเสียสมาธิ จากนั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มอธิบายความสามารถของทักษะสัมผัสวิญญาณให้ฟัง
ยิ่งหลงหวางเอ๋อได้ฟังความสามารถของมัน เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้น “มันโกงเกินไปแล้ว แบบนี้มันก็เหมือนกับเรดาร์เลยน่ะสิ!”
……………………
แปลโดย Solar Spark