บทที่ 175: ถนนสีเขียว (2)
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เอคิดู! เป็นกลุ่มที่เล็กอะไรแบบนี้! พวกเธอถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเหรอ? แค่สามคนเนี่ยนะ?”
“…”
เอคิดูขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปยังคนที่เธอไม่ได้เห็นมาสักพักแล้ว
ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา เรือนผมสีทอง และถือธนูคันใหญ่อยู่ในมือ
ดวงตาของฮันซูส่องประกายขึ้นเมื่อเขาเห็นชายคนนั้น
อืม หรือจะพูดให้แม่นยำไปกว่านั้นคืออาร์ติแฟคในมือของชายคนนั้น
“…หมายเลข 301 เส้นทางอสรพิษ”
เบื้องหลังชายที่ถือธนูที่มีสีเขียวและแดงตวัดไขว่กันอย่างงดงามได้ปรากฏร่างของคนราวๆ 500 คนยืนอยู่
บนต้นไม้และข้างต้นไม้
‘หืม ส่วนมากเป็นนักล่า ฉันยังเห็นการ์ดอยู่บางส่วนด้วย…’
คนส่วนมากที่มุ่งหน้ามายังถนนสีเขียวคือชาวนา
แต่กลุ่มเบื้องหน้าพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีฝีมือในระดับของนักล่า
‘และมันยังไม่ใช่กลุ่มที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งรีบด้วย’
กลุ่มที่อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าค่อนข้างทรงพลัง
ถ้าพวกเขาสู้กัน งั้นพวกเขาคงไม่อาจรอดไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน
‘หืม นี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ การที่คาร์ฮาลมีศัตรูเป็นเรื่องที่มีเหตุผล แต่กับการที่เอคิดูดันมีศัตรูนี่สิ’
ในขณะที่ฮันซูลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เอคิดูก็ถอนหายใจและโยนลูกธนูในมือของเธอทิ้งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
“อย่ามายุ่งกับเรื่องของแต่ล่ะคนแล้วไปตามทางของพวกเราดีกว่า มารูน”
มารูนแย้มยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอ๋ แน่นอน จะยังไงก็เถอะ เธอนี่มันน่าสมเพชจริงๆ นะ เธอถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้านเหมือนกับฉันรึเปล่า?”
‘เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอน่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนี่?’
โดยปกติแล้ว เมื่อคนที่แข็งแกร่งในระดับของหัวหน้าหมู่บ้านออกมายังถนนสีเขียว นักล่าและชาวนาจำนวนมากจะตามพวกเขาไป
มันอาจจะต่างออกไปถ้านิสัยของหัวหน้าหมู่บ้านเลวร้าย แต่คนจำนวนนับไม่ถ้วนจะพยายามเกาะติดกับเอคิดูเพราะบุคลิกที่เต็มไปด้วยความซื่อตรงและยุติธรรมของเธอ
‘พวกเขายังไม่มารวมตัวงั้นเหรอ?’
เอคิดูตระหนักได้ในทันทีว่ามารูนกำลังคิดอะไรอยู่ขณะที่เธอตอกลับ
“เราจะรวมตัวกันในไม่ช้า เพราะงั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก แล้วนายหมายความว่ายังไงที่ว่าถูกเตะออกมา เราออกมาด้วยตัวพวกเราเองต่างหาก”
การที่มารูนกำลังครุ่นคิดแบบนั้นมันหมายความว่าเขากำลังคำนวณสถานการณ์
ในเมื่อมันไม่กระทั่งมีความจำเป็นให้คิดถ้าเขาได้เปรียบ
‘ในเมื่อเราไม่ได้เป็นมิตรต่อกันหรืออะไรแบบนั้นอยู่แล้ว’
เธอพยายามจะฆ่ามารูน
ในอดีต
ชายที่ไม่พึงพอใจกับแค่การพยายามตรวจตรารอบๆ พื้นที่หนึ่งและได้สั่นสะท้านทั้งพื้นที่สี่
เอคิดูพึมพำขณะที่เธอมองไปยังมารูน ชายที่เคยเป็นการ์ดของหมู่บ้านเธอ
หลังจากที่ใครบางคนได้ไปสำรวจพื้นที่หนึ่งด้วยตัวเองและทำให้หมู่บ้านเสียหายยับเยิน การสำรวจพื้นที่หนึ่งจึงถูกห้าม
แต่ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น มารูน ได้พยายามจะใช้โอกาสนั้น
<พวกนายจะติดอยู่ในหมู่บ้านนี้อีกนานแค่ไหน! วิกฤตมาพร้อมกับโอกาส! มันมีกระทั่งสิ่งแบบความมืดมิด มันอาจจะมีของที่ยอดเยี่ยมอยู่ในนั้นก็ได้!>
มารูนคิดว่าการที่การ์ดที่แข็งแกร่งรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเป็นเรื่องที่เสียเปล่าและพยายามจะสำรวจพื้นที่หนึ่งต่อ
แต่เพราะการตัดสินของเอคิดูที่บอกว่ามันอันตรายเกินไป และเพราะว่าคาริมก็ต่อต้านความคิดของเขาในการสำรวจพื้นที่หนึ่งในเมื่อมันจะเป็นการเสียกำลังการ์ดไปโดยเปล่าประโยชน์ มารูนจึงใช้ตัวเลือกที่เลวร้ายที่สุดที่เขามี
เขาได้โน้มน้าวนักล่าของพื้นที่สี่ที่เขาเคยอยู่ก่อนจะพยายามพลิกหมู่บ้าน
เขาคือสาเหตุของการสังหารหมู่พื้นที่สี่ครั้งใหญ่
ความจริงแล้ว เขาอาจจะทำสำเร็จก็ได้
ความสามารถของเขาไม่เลว และเขายังมีเพื่อนพ้องอีกจำนวนมาก
และพวกเขายังไปขโมยของจากคลังแสง รอจนเอคิดูและการ์ดคนอื่นๆ ไปทำงานก่อนจะเข้าโจมตีหมู่บ้าน
แต่มันมีอย่างหนึ่งที่มารูนไม่รู้มาก่อน
มันคือการที่เอคิดูที่โกรธอย่างมากหลังจากที่เธอกลับมาเห็นสถานการณ์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจินตนาการ
และการที่พลังของคนสิบคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับคาริมนั้นเหนือกว่าที่เขาจินตนาการเช่นกัน
การปฏิวัติของพื้นที่สี่ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีได้ถูกจัดการด้วยน้ำมือของการ์ด คาริม และเอคิดู
นักล่าส่วนมากที่อยู่กับมารูนถูกฆ่าโดยเอคิดู แต่มารูนที่ตระหนักได้ว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายได้รวบรวมคนจำนวนหนึ่งที่ยังเหลือรอดและออกไปจากหมู่บ้าน
หลังจากที่เอาเกราะหยางโลหิตและของที่ล้ำค่าที่สุด ธนู <เส้นทางอสรพิษ> ไปด้วย
มารูนแย้มยิ้มขณะที่เขามองไปยังเอคิดู
‘เอคิดู สถานการณ์ตอนนี้มันต่างออกไปจริงๆ แล้วสินะ’
เมื่อคิดว่าเอคิดู ผู้ที่ไล่ล่าเขาราวกับปีศาจในอดีตและยังคงทำให้เขาผวาในยามค่ำคืน
แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันต่างออกไป
‘ตอนนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่าชัดๆ’
เขาหนีไปเหมือนสุนัข แต่ความสามารถของเขาก็ยังคงอยู่แม้ว่าเขาจะไปยังอีกหมู่บ้าน
ไม่สิ มันไม่ใช่แค่นั้น
อาร์ติแฟคที่เขาขโมยมาจากคลังแสง <เส้นทางอสรพิษ> ได้มอบปีกให้กับเขาและทำให้เขารวบรวมอำนาจใหม่ในหมู่บ้านที่เขาหนีไปได้ และทำให้เขาสามารถรวบรวมนักล่าเกือบห้าร้อยคนให้ติดตามเขา
นักล่าที่สัญญาสิ้นสุดลงอย่างเหมาะเจาะ
และเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว อีกฝ่ายมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น
มารูนที่ตระหนักได้ว่าจะไม่มีกำลังเสริมมาช่วยอีกฝ่ายอีกแม้ว่ามันจะถูกยื้อออกไปก็เริ่มหัวเราะเสียงเย็น
เขากระวนกระวายในเมื่อมันมีโอกาส แต่กับการที่มันเป็นไปได้จริงๆ
‘ฉันควรจะตรวจสอบเผื่อเอาไว้หน่อยไหม’
มารูนหัวเราะเสียงเย็นขณะที่เขาเอ่ย
“อืม มาลืมๆ เรื่องในอดีตไปเถอะ ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมากมายขนาดนั้น”
“…”
เอคิดูที่รักษาสีหน้าเย็นชาเอาไว้ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกในใจ
แม้ว่าพวกเธอจะมีฮันซูอยู่ อีกฝ่ายก็ยังคงแข็งแกร่งมาก
และเธอก็ไม่อาจเมินมารูนไปได้เช่นกัน
ในสถานการณ์ที่พวกเธอไม่รู้ว่าอะไรจะปรากฏขึ้นในถนนสีเขียว การหลีกเลี่ยงการปะทะคือสิ่งที่ดีที่สุด
แต่กระทั่งก่อนที่เอคิดูจะคิดจบ
มารูนก็แย้มยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น
ด้วยสีหน้าของไฮยีน่าที่ได้โอกาสในการกัดเหยื่อของมัน
“ก็แค่ทิ้งแขนไว้ข้างหนึ่งก่อนที่เธอจะไป มันเป็นเรื่องที่ยุติธรรมนะ ในเมื่อฉันเองก็เสียนิ้วข้างขวาไปตอนที่เธอไล่ล่าฉันในอดีต ใช่ไหม?”
จากนั้นมารูนจึงยกมือขวาที่นิ้วกลางหายไปขึ้นมา
มือที่เขาใช้เหวี่ยงเธอออกไปและเสียนิ้วกลางไปเป็นการแลกเปลี่ยน
เฮือก
ทันทีที่เธอได้ยินมัน
วิชามารธาราขาวที่สงบอยู่พลันเดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง
‘ฉิบหายเอ้ย’
คาร์ฮาลเอ่ยขึ้นกับเอคิดูอย่างระมัดระวังในขณะที่เขาเฝ้ามองสถานการณ์ที่เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“… แค่ให้ๆ มันไปแล้วก็จบไม่ได้เหรอ?”
“…”
“โอเค โอเค ฉันรู้แล้ว”
‘จะยังไงเจ้าพวกนั้นก็ไม่มีทางหยุดอยู่ที่แขนแค่ข้างเดียวอยู่แล้ว’
ถ้าเธอยอมส่งแขนของเธอไป พวกนั้นทั้งหมดจะพุ่งเข้ามา
มันคือคำขู่
ว่าพวกนั้นจะฆ่าพวกเธอ
คาร์ฮาลกลืนน้ำลายอยู่ข้างๆ และเตรียมตัวสู้
‘อืมมม ดี ดี ทั้งหมดกำลังเป็นไปได้สวย’
สมาชิกของภูเขาเหลียง จุงฮวาน สำรวจไปรอบๆ พื้นที่ปล่องขณะที่ผงกศีรษะ
พวกเขากำลังรวมตัวกัน
ผู้คนที่เริ่มต้นจากหมู่บ้านที่แตกต่างกันกำลังรวมตัวกันมาทางถนนสีเขียว
มันมีประเภทที่แตกต่างกันจำนวนมาก
ผู้คนที่รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ด้วยกลัวในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยของถนนสีเขียว
หรือคนกลุ่มเล็กๆ ที่มั่นใจในความสามารถของพวกเขาและพยายามจะฝ่าถนนสีเขียวไปดดยไม่เป็นเป้าใหญ่
พวกเขาล้วนมีท่าทีที่แตกต่างกัน แต่มันมีอย่างหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน
‘… พวกเขาไม่สู้กันงั้นเหรอ ทำไมพวกเขาถึงไม่ทำให้เหมือนเจ้าพวกตรงนั้นให้มากกว่านี้หน่อยนะ’
จุงฮวานแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาขณะที่เขามองไปยังคนห้าร้อยคนที่กำลังข่มขู่คนสามคนอย่างเปิดเผย
พวกเขาระแวงซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาไม่ได้สู้กัน
มันมีเหตุผลอย่างหนึ่ง
ทำไมพวกเขาจะต้องเสียแรงไปกับเรื่องแบบนี้ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะโผล่มานับจากนี้ด้วย?
จุงฮวานเดาะลิ้นเมื่อเห็นภาพนั้น
หมู่บ้านฝึกคนพวกนี้มากเกินไปแล้ว
‘เจ้าพวกนั้นมันไร้ประโยชน์หมด งั้นมาเริ่มกันเลยแล้วกัน’
มันถึงเวลาในการที่จะเปลี่ยนคนเหล่านั้นกลับ
ไปเป็นพวกเขาในอดีต
พวกเขาต้องสิ้นหวังมากกว่านี้อีกหน่อย
จุงฮวานหยุดคิดขณะที่เขาสัมผัสลูกแก้วสีแดงที่อยู่ในมือของเขา
เสี้ยววินาทีต่อมา
ครึ่กกกกก
เสียงดังลั่นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนได้เริ่มเกิดขึ้นรอบกายของจุงฮวาน
ในเวลาเดียวกัน พื้นดินข้างๆ เขาก็แตกออก
มันเหมือนกับแผ่นดินไหว แต่มันไม่ใช่
เมื่อพื้นแตกออก อุโมงค์สีดำสนิทก็ปรากฏขึ้น
อุโมงค์สี่เหลี่ยมที่ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นมา
จุงฮวานหัวเราะเมื่อเห็นอุโมงค์นั้น
บางคนอาจจะมองว่ามันมีคนรอดชีวิตไม่มากพอ
แต่ในสายตาของพวกเขา มันยังคงมีมนุษย์มากเกินไป
พวกเขาไม่ต้องการคนมากขนาดนั้น
การคัดแยกพวกที่อ่อนแอและจะยอมรับเพียงแค่คนที่เหลืออยู่
คนมากกว่าครึ่งที่นี่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอด้วยซ้ำ
และคนแบบเขาไม่มีเวลาที่จะมาเสียกับคนแบบนั้น
ดังนั้นแล้ว มันจึงทำให้เขาต้องทำบางอย่าง
‘มา’
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงของบางอย่างที่พุ่งออกมาได้ดังขึ้นจากด้านล่าง
กรรรร
จุงฮวานรีบหนีไปหลังจากที่ได้ยินเสียงหายใจจากด้านล่างพื้น
‘ฉันเองก็ควรหนีไปเหมือนกัน’
มันจะกลับมาเมื่อมันกินอิ่มมากพอ
การอยู่ใกล้ๆ มันจะมีผลลัพธ์แค่การตายที่ไร้ค่า
ในอดีต ไอ้สิ่งนี้ได้ถูกปล่อยออกมาโดยบังเอิญ และมันแทบจะทำลายหมู่บ้านในพื้นที่พักรบไปหมู่บ้านหนึ่งเต็มๆ
ถ้ามันยังกินไม่อิ่ม งั้นทั้งหมู่บ้านก็คงถูกลบหายไป
กรรรรรรร!
ไม่ช้า บางอย่างก็ปรากฏขึ้นจากบริเวณที่จุงฮวานหายไปและคำรามขึ้น
มันสูดลมหายใจขณะที่เริ่มจะพุ่งออกไป
เพื่อที่จะเติมเต็มความหิวโหยที่ไม่อาจจะเติมเต็มได้ในระหว่างที่มันถูกจับอยู่
กรรรรร!
“…หือ?”
มารูน ผู้ที่รั้งสายธนูของเขาได้ยินเสียงคำรามที่ดังขึ้นจากห่างออกไปพร้อมกับที่เขาชะงักลง
‘เวรเอ้ย ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย?’
มารูนที่กำลังจะบดขยี้คนทั้งสามในเสี้ยววินาทีขมวดคิ้ว
อืม การสนทนาระหว่างเขากับเอคิดูก็เป็นแค่การลองเชิงเท่านั้น
แม้ว่าเอคิดูจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น พวกเขาก็คงจะฆ่าคนพวกนั้นทั้งหมดอยู่ดี
ในเมื่อแม้มันจะดีในการหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่การที่คนห้าร้อยคนฆ่าคนสามคนมันไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการปะทะซะหน่อย
ในเมื่อการที่รถถังวิ่งทับมดไม่นับเป็นการต่อสู้
ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการเสียเปล่าในการที่คนสามคนเดินร่อนไปมาด้วยอาร์ติแฟคที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นเหรอ?
‘และ… คนสวยๆ อย่างเอคิดูก็ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น’
มารูนที่ชะงักไปชั่วขณะสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากศีรษะขณะที่เขาปล่อยสายธนูที่เขารั้งเอาไว้ออกไป
สัตว์อสูรแค่ตัวเดียวไม่ใช่ปัญหา
พวกเขาก็แค่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่มันจะมาที่นี่
ฟึ่บบบบบ!
<อสรพิษแดง>
ธนูที่รวดเร็วและแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาธนูทั้งสามดอก อสรพิษแดง ได้ถูกเสริมด้วยสกิลเสริมอีกสี่สกิลขณะที่มันพุ่งไปยังเอคิดู
‘มันหลบไม่ได้’
เส้นทางอสรพิษ
ลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากมันไม่อาจหลบได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เหมือนกับอสรพิษที่ค้นหาความอบอุ่นเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของมันอบอุ่น ลูกธนูจะมุ่งเป้าไปยังความร้อนของหัวใจและจะมุ่งตรงไปยังมันจนถึงที่สุด
ในตอนนั้นเอง
ตูมมมมม!
ลูกธนูที่มุ่งตรงไปยังเอคิดูด้วยออร่าดุดันพลันถูกระเบิด
‘… เชี่ยอะไรเนี่ย!’
มารูนตื่นตระหนก
ลูกธนูได้ถูกระเบิดโดยผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เอคิดูที่ดูจะไม่เท่าไหร่
มารูนหัวเสีย
ธนูดอกนั้นไม่ใช่อะไรที่จะทำลายได้ง่ายๆ แบบนั้น
‘และ… ทำไมสกิลถึงไม่ทำงาน?’
ดวงตาของมารูนเพ่งมองไปยังชายที่ยืนอยู่ห่างเอคิดู
‘ฉันจำใบหน้านั่นไม่ได้?’
เขาอยู่ในหมู่บ้านได้ไม่นานก่อนที่เขาจะออกจากหมู่บ้านไป
เขาไม่อาจจำทุกคนในหมู่บ้านได้ แต่ใครบางคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในระยะเวลาสั้นๆ ต้องเป็นใครบางคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้วก่อนหน้านี้
เหมือนคาร์ฮาลที่ยืนอยู่ข้างๆ เอคิดู
‘เวรเอ้ย มีบางอย่างผิดปกติ’
มารูนขมวดคิ้วทว่าก็ส่ายศีรษะและตะโกนออกไป
“พวกนายมัวทำอะไรอยู่ไอ้เวรเอ้ย! จัดการมันให้เร็วแล้วรีบๆ ไปได้แล้ว! ไม่มีอะไรเปลี่ยน”
นักล่าลบสีหน้าขบขันของพวกเขาออกไปเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของมารูนก่อนจะผงกศีรษะ
พวกเขาก็แค่ตกใจกับเสียงคำรามที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันของสัตว์อสูรและทักษะที่เหนือกว่าคาดหมาย แต่มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก
แต่ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“มีบางอย่างเปลี่ยนไป”
“อะไรนะ?”
ในตอนนั้นเอง
กิ้งงงง!
มารูนชะงักไปกับเสียงอันเป็นลางร้ายที่ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
และไม่ช้า
ตูมมมมมม!
ลำแสงเลเซอร์ที่ทะลวงผ่านป่าได้โจมตีไปยังกลุ่มนักล่า
“ว๊ากกกกก!”
“เวรเอ้ย!”
คนเกือบๆ 20 คนไม่อาจกระทั่งกรีดร้องออกมากับลำแสงที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วแสงและหายไป
และไม่ช้า
กรรรรรร!
สัตว์อสูรยักษ์ได้กระโดดออกมาท่ามกลางป่าที่หลอมละลาย
ด้วยท่าทีเย็นชาต่างกับเสียงคำรามที่แปลกประหลาดและกระหายเลือดของมัน
มารูนแสดงสีหน้างุนงงออกมา
“… นั่นมันบ้าอะไรกัน”
ร่างของหมาป่า
ปีกของนก
ศีรษะของหนู
และมันยังตัวใหญ่อีกด้วย
มันตัวใหญ่มากกว่า 30 เมตร
ในขณะที่มารูนกำลังหัวเสียกับสัตว์อสูรน่ากลัวที่เบื้องหน้าเขา
ฮันซูมองไปยังสัตว์อสูรด้วยสีหน้าเยือกเย็น
‘มันอยู่ที่นี่’
สัตว์อสูรสามสายพันธุ์
สัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งรีบโดยนักปราชญ์เพื่อที่จะรับมือกับพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่ทรยศพวกเขา
เขาต้องฆ่าสิ่งนั้นเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไป
‘แต่… มันเร็วกว่าที่ฉันคาด’
ในตอนนั้นเอง
กรรรร
ดวงตาของสัตว์อสูรสามสายพันธุ์ได้มองไปยังฮันซู
และไม่ช้า
ตูมมมมม!
ลำแสงเลเซอร์ได้ปรากฏขึ้นจากปากของหนูขณะที่มันมุ่งตรงไปยังฮันซู