บทที่ 171: ขี้เถ้า (2)
‘…อย่างที่ฉันคิด’
เอคิดูทีเดินอยู่ข้างๆ ฮันซูแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาขณะที่มองสีหน้าของคนอื่นๆ
ความกลัวคือบางอย่างที่ผู้นำต้องสร้างขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ปริมาณของมันในตอนนี้มันมากเกินไป
ในเมื่อทุกครั้งที่ฮันซูเดินผ่าน ผู้คนจะสะดุ้ง
‘อืม พวกเขาก็เห็นภาพแบบนั้น…’
เอคิดูส่ายศีรษะ
เธอเห็นมาหลายอย่างในระหว่างที่เดินทางในอีกโลกมา 8 ปี
แต่เธอไม่เคยแม้แต่จะได้กินเกี่ยวกับสกิลที่สามารถลบชีวิตของคนนับพันในเสี้ยววินาทีได้ด้วยพลังของคนเพียงคนเดียว
‘ปฏิกิริยาแบบนั้นในตอนที่พวกเราต้องรวมกลุ่มกันให้ดีในวันข้างหน้า…’
มันอาจจะต่างออกไปถ้ามันยังมีความสบายอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังในไม่ช้า ความรู้สึกแบบนี้สามารถจะระเบิดออกได้ตลอดเวลาที่มันเกิดประกายไฟขึ้น
“คุณจะทำยังไงต่อ? แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?”
ฮันซูผงกศีรษะกับคำถามที่มีความนัยบางอย่างซ่อนอยู่
ถ้าผู้คนหวาดกลัวเขาจะกลายเป็นปัญหา งั้นเขาก็ต้องอธิบาย
นั่นไม่ใช่สกิลที่เขาสามารถใช้ได้ตามที่เขาต้องการ และเขาต้องใช้อัททิลลานในการใช้มัน
แต่ฮันซูไม่ได้อธิบาย
เพราะตอนนี้เขาต้องการความหวาดกลัว
อืม เขาต้องการพลังที่ทำให้กระทั่งมิตรของเขาหวาดกลัวเ
ผู้นำที่ใจดีและมีเมตตาไม่จำเป็นในตอนนี้
ทุกคนต้องการใครบางคนที่มีพลังที่สามารถมอบความแน่ใจให้พวกเขาได้
และอย่างที่เขาคาด สีหน้าหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้คน แต่สีหน้าโล่งอกก็ปรากฏอยู่เช่นกัน
ความโล่งอกที่ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับใครบางคนที่มีพลังแบบนั้น
ในตอนนั้นเอง
แคร่ก
หยกผนึกในมือของฮันซูได้ส่งเสียงออกมาและแตกลง
‘พังแล้วงั้นเหรอ’
มันมีเหตุผล
ในขณะที่ปิดผนึกมานามหาศาลของอัททิลลาน มันก็ยังปิดผนึกมานาของคนนับพันไปพร้อมๆ กันด้วย
แม้ว่ามันจะเป็นหยกผนึก มันก็ไม่อาจรองรับทั้งหมดนั่นได้
วูบบบบ
“หืม? มานา?”
ทุกคนแสดงสีหน้ายินดีออกมาเมื่อพวกเขารับรู้ได้ถึงมานาที่กลับมายังร่างกายของพวกเขา
ความเร็วในการฟื้นตัวของพวกเขาเพิ่มขึ้น และพลังได้ไหลไปยังกล้ามเนื้อของพวกเขาที่อ่อนล้าจากการต่อสู้และเติมเต็มพวกมันด้วยพลังงาน
ผู้คนที่รู้สึกว่างเปล่าเพราะมานาที่คอยค้ำจุนร่างของพวกเขาอยู่พลันแสดงสีหน้ายินดีออกมา
แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็แสดงสีหน้าเป็นกังวล
มานากลับมา และพวกเขาก็เต็มไปด้วยพลัง
และการที่ตอนนี้พวกเขาต้องสู้แล้วได้เข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นไปอีก
พวกเขาพังการควบคุมของคลีเมนไทล์และฆ่าดาคิดัส
ถ้าเผ่าพันธุ์ชั้นสูงรู้เรื่องนี้ พวกมันย่อมไม่มีทางอยู่นิ่งๆ
“คุณจะทำยังไงต่อ?”
ทุกคนตื่นขึ้นจากคำถามของเอคิดูและเริ่มรวมตัวกันรอบฮันซู
อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพียงเพราะความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อดาคิดัส
เป้าหมายของพวกเขา สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงเป็นการเอาชีวิตรอด และพวกเขาแค่ตัดสินใจว่าฝั่งนี้มีโอกาสสูงกว่า
‘และ… หมอนี่มีกุญแจ’
บุคคลที่ลากดาคิดัสที่เป็นราวกับพระเจ้าลงมาที่พื้นดินและกระทั่งฆ่าเขา
มันไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน แต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อเช่นนั้น
ในเมื่อฮันซูคงไม่ทำเรื่องทั้งหมดนี่โดยไม่มีแผนอะไร
ฮันซูยกบางอย่างที่อยู่แถวๆ เอวของเขาขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าชองผู้คน
“นั่นมัน…”
ทุกคนขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่มองไปยังของชิ้นนั้น
มงกุฎสีฟ้าที่ดูมีขนาดเหมาะสมกับศีรษะของมนุษย์
มันดูธรรมดา ทว่าพวกเขาไม่อาจรับรู้ถึงมันได้แม้ว่ามันจะถูกแขวนไว้ที่ข้างเอวของฮันซู
แต่เมื่อมานากลับมาและมันได้กลับมาส่องประกายเช่นเดิม ทุกคนก็ตระหนักถึงตัวตนของมงกุฎนั้นได้
มันคือมงกุฎสีฟ้าที่ดาคิดัสสวมอยู่
ไม่ว่ามันจะสร้างขึ้นจากอะไร มงกุฎยักษ์ที่มีขนาดพอๆ กับฮูล่าฮูปได้หดลงมาจนวางบนศีรษะมนุษย์ได้
แต่ผู้คนส่ายศีรษะเมื่อพวกเขามองไปยังมงกุฎสีฟ้าที่ส่องประกายเจิดจ้า
“เราไม่อาจชนะได้ด้วยแค่มัน”
คาร์ฮาลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลังจากเดินเข้าไปใกล้ฮันซู
ป้อมปราการดาวเทียม อัททิลลาน
พลังของมันคือเป็นสิ่งอันเป็นที่สุดจริงๆ
มันสามารถที่จะปกป้องพวกเขานับหมื่นคนให้ปลอดภัยได้จริงๆ
อย่างน้อยก็จากสัตว์อสูรและมนุษย์
แต่การสู้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอย่างอารูคอนนั้นเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อพวกนั้นมีของแบบนี้นับสิบ
ฮันซูผงกศีรษะให้กับคำพูดของคาร์ฮาล
ในเมื่อพวกเขาไม่มีโอกาสชนะหากปะทะกันตรงๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีป้อมปราการดาวเทียมอันทรงพลังมากมายแค่ไหน มันก็เหมือนกับการเอาไข่ไปกระแทกหิน
ป้อมปราการดาวเทียมหนึ่งป้อมสามารถลบหมู่บ้านได้นับสิบ
แต่เขาก็ไม่อาจที่จะใช้หยกผนึกไปจัดการพวกนั้นลงทีล่ะตัวได้
ในเมื่อเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจะรู้ตัวและเริ่มระแวง
เหตุผลที่เขาโจมตีดาคิดัสเป็นเพราะเขาต้องการป้อมปราการดาวเทียมป้อมหนึ่งในการเริ่มเรื่องทั้งหมดนี่ ความจริงแล้ว การทำให้ป้อมปราการดาวเทียมทั้งหมดหมดพลังลงและสู้แบบซึ่งๆ หน้าจึงจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
เหตุผลที่ความตายของดาคิดัสและป้อมปราการดาวเทียมถูกขโมยยังไม่ถูกเปิดเผยเป็นเพราะว่าป้อมปราการดาวเทียมเพียงป้อมเดียวของดาคิดัสได้ควบคุมพื้นที่ของมนุษย์อันกว้างใหญ่นี้
การลาดตระเวนรอบหนึ่งใช้เวลานับเดือน การขาดการติดต่อไปไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดขนาดนั้น
พวกมันอาจจะมีช่องทางติดต่อฉุกเฉินเผื่อเอาไว้ว่าพวกมันถูกมนุษย์โจมตี แต่เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นนัก
แต่พื้นที่อื่นๆ มันต่างออกไป
ป้อมปราการดาวเทียมที่ถูกกำหนดไว้ในพื้นที่ที่ศัตรูอาจจะปรากฏตัวขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นป้อมไหนที่ถูกทำลาย พวกมันจะรู้ตัวในทันที
ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องกวาดล้างพวกมันในทีเดียว
และเขารู้ว่าต้องทำอย่างไร
ในเมื่อเขามาจากอนาคต
‘แต่ฉันพูดมันออกไปไม่ได้’
ถ้ามันไม่มีข้อมูลอะไรเลย งั้นเขาก็ไม่อาจที่จะมอบความมั่นใจให้กับคนเหล่านี้ได้
แต่ในการโน้มน้าวผู้คน เขาจำเป็นต้องดึงข้อมูลจากอนาคตมา
สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่มันก็ยังมีวิธีอยู่
ทันทีที่ฮันซูสวมมงกุฎนั้นลงบนศีรษะ
กิ้งงงง
ป้อมปราการดาวเทียมก็ได้เข้าสู่กระบวนการรับรองผู้ครอบครองคนใหม่
มันไม่ได้ยากขนาดนั้น
ในเมื่อมันไม่ได้มีระบบป้องกันหรืออะไรแบบนั้น
ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่อารูคอนขโมยมาจากนักปราชญ์ เพื่อที่จะใช้มันเพื่อตนเอง พวกมันต้องจัดการระบบป้องกันทั้งหมด
พวกมันอาจจะไม่ได้ใส่ใจนักตอนที่พวกมันพังระบบเหล่านั้นทิ้ง
ในเมื่อพวกมันคงไม่เคยคาดคิดว่ามันจะถูกมนุษย์ยึดครองไป
“ขึ้นไป คนที่เหลือจัดการคลังแสงและรวบรวมรูนกับอาร์ติแฟค ฉันจะไปกับคนอีกจำนวนหนึ่งที่จะส่งต่อข้อความมาทีหลัง”
ผู้คนผงกศีรษะเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดที่บอกว่าไม่ใช่พวกเขาทุกคนที่ต้องไป
ในเมื่อคำพูดเหล่านั้นมันน่าฟังมากสำหรับพวกเขาที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างมาก
ในเมื่อมานาของพวกเขากลับมา พวกเขาก็ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูพละกำลังของพวกเขา
และไม่ช้า แสงสว่างที่ลงมาจากป้อมปราการดาวเทียมก็ได้เริ่มดึงร่างของผู้คนขึ้นไป
“โว้ว”
ผู้คนเริ่มที่จะอุทานออกมาขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปยังห้องควบคุมเป็นครั้งแรก
แสงสีฟ้าที่พวกเขามักจะเห็นจากหนังไซไฟในอดีตได้ปรากฏขึ้นรอบพวกเขา
แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก
ขณะที่พวกเขากำลังชื่นชมภาพนั้นอยู่
ฮันวูได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากอัททิลลานอย่างกระหายหลังจากที่เขาขึ้นมา
เริ่มจากข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ที่สุดจนถึงบางอย่างที่ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นรู้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
‘…ง่ายขนาดนั้น?’
คาร์ฮาลหัวเราะออกมาแห้งขณะที่เขาเห็นข้อมูลปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง
มันดูเหมือนว่าจะมีระบบป้องกันอยู่ แต่จากโค้ดที่ฮันซูใส่เข้าไป ระบบป้องกันเหล่านั้นก็พลันหายไป
‘เขาไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญเรื่องแบบนั้น… มันเหมือนกับว่าเขารู้รหัสผ่าน’
ขณะที่คาร์ฮาลมองไปยังฮันซูอย่างสงสัย
ฮันซู ราวกับว่าเขาอ่านความคิดของคาร์ฮาลได้ ได้เอ่ยตอบขึ้น
“อย่าประหลาดใจนัก มันคือสิ่งที่ฉันได้ยินมาจากดาคิดัส”
“โอ้…”
ทุกคนผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในเมื่อคำถามองพวกเขาได้รับคำตอบจนถึงระดับหนึ่ง
‘เจ้านั่นไม่ได้ตายอย่างสงบสินะ’
เอคิดูเดาะลิ้น
เธอสงสัยว่าฮันซูเอาอีกฝ่ายไปที่ไหนในตอนสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ข้อมูลบางอย่างมา
ในตอนนั้นเอง
ติ้งง
แผนที่ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่พวกเขากำลังมองอยู่
แผนที่ที่แสดงให้เห็นหมู่บ้านอีกร้อยแห่งอย่างชัดเจนพร้อมด้วยข้อมูลมหาศาล
มันไม่ใช่แค่ในเขตแดนของอารูคอน แต่กระทั่งหมู่บ้านในเขตของอีกสองเผ่าพันธุ์ด้วย
‘… เวรเอ้ย นี่มันเป็นฟาร์มจริงๆ เลยไม่ใช่รึไง’
คาร์ฮาลแสดงสีหน้าขมขื่นออกมาขณะที่เขามองไปยังเส้นสีแดงที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน
มันไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่ตำแหน่งของหมู่บ้านที่ถูกเขียนเอาไว้บนแผนที่นี้
แผนที่ที่กระทั่งบอกถึงกำลังรบของแต่ล่ะหมู่บ้านนับว่าเป็นอาวุธอันล้ำค่าในสงคราม
จนถึงจุดที่ฮันซูยึดป้อมปราการดาวเทียมเพราะเรื่องนี้
และมันจะมีแผนที่แค่แผนที่เดียวในป้อมปราการยักษ์นี่หรือ?
ฮันซูผ่านข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไปและพลันเปิดไฟล์หนึ่งขึ้น
เอกสารที่ถูกเขียนไว้เป็นสีดำ ไม่เหมือนกับอันอื่นๆ ที่ถูกเขียนไว้ด้วยสีฟ้า
“นี่ไง”
“หืมม?”
คาร์ฮาลและเอคิดู ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮันซูได้ยินคำพูดนั้นและเพ่งมองไปยังหน้าจอ
ฮันซูไม่ได้สนใจนัก
ในเมื่อเขารู้ว่ามันคืออะไรในระดับหนึ่ง
มรดกของนักปราชญ์ที่เพื่อนของเขาค้นพบที่ปลายทางของถนนสีเขียว
<หยกทำลายล้าง>
ไอเทมที่อยู่คนล่ะมิติกับไอเทมที่กลายเป็นฝุ่นในมือของเขา หยกผนึก
อาวุธสุดท้ายที่นักปราชญ์สร้างขึ้นและทิ้งเอาไว้เพราะพวกเขาถูกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงซุ่มโจมตีก่อนที่พวกเขาจะกระทั่งใช้มัน
ฮันซูเอ่ยต่อ
“ถ้าเราใช้มัน งั้นมานาทั้งหมดในเขตสีเหลืองก็จะถูกผนึก”
“… มานาทั้งหมด?”
ฮันซูผงกศีรษะ
มันจะผนึกมานาทั้งหมดในเขต
ป้อมปราการดาวเทียมที่ลอยอยู่บนฟ้าจะร่วงลงมา และโล่สีฟ้าที่ป้องกันร่างกายของพวกมันจะถูกปลดออก
บางอย่างที่เพื่อนของเขาได้ใช้ขึ้นในสถานการณ์อันตรายและใช้มันจัดการเผ่าพันธุ์หนึ่งทั้งเผ่าพันธุ์ในอดีต
‘นี่คือสาเหตุที่พวกแกถูกลดจำนวนเป็นสามเผ่าพันธุ์จากสี่’
เผ่าพันธุ์ที่สี่ ที่ถูกผนึกมานาและมีป้อมปราการดาวเทียมอันไร้พลังได้ถูกบดขยี้โดยสามเผ่าพันธุ์ที่เหลือ อารูคอน อาคาลาเชีย และรีบูลูง
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ภารกิจในครั้งนี้สำคัญมาก
ถ้าเขาสามารถใช้งานมันได้อย่างเหมาะสม มานาในเขตนี้ก็จะถูกผนึก
แต่เอคิดูขมวดคิ้วขณะที่เธออ่านข้อมูล
“… มันไม่บอกตำแหน่งให้กับเรา มันอยู่ที่ไหนกัน?”
เอคิดูเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตื่นเต้นเล็กๆ
มันก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้
ฮันซูได้เปลี่ยนป้อมปราการดาวเทียมให้ไร้พลังจากหยกผนึกแค่ชิ้นเดียว
แต่ไอเทมที่สามารถผนึกป้อมปราการดาวเทียมทุกป้อมที่ศัตรูมีได้ในเสี้ยวพริบตา
ความเสียหายที่พวกเธอจะได้รับย่อมมาก แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ศัตรูของพวกเธอจะได้รับ สิ่งที่พวกเธอจะต้องเผชิญก็นับเป็นเรื่องเล็กไป
‘เราอาจจะชนะจริงๆ ก็ได้’
มันไม่ใช่ว่าพวกเธอจะชนะจากแค่เพราะการป้อมปราการดาวเทียมถูกผนึก
มันก็แค่โอกาสที่พวกเธอจะชนะจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
แต่กับการที่ส่วนที่สำคัญที่สุด ตำแหน่ง ได้หายไป
‘มันเขียนข้อมูลที่เหลือทั้งหมดลงไป แต่ทำไม…’
ฮันซูเอ่ยขึ้นอย่างง่ายๆ
มันไม่ได้อยู่ในมือของเจ้าพวกนั้น
มันไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงมี
มันคือบางอย่างที่เจ้าพวกนั้นกำลังมองหาอย่างบ้าคลั่ง
“งั้นที่ไหน…”
“ปลายทางของถนนสีเขียว”
“…อะไรนะ?”
ฮันซูเอ่ยตอบอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามของเอคิดู
“ปลายทางของถนนสีเขียว ใจกลางสนามรบที่คลีเมนไทล์สร้างขึ้น”
สีหน้าของเอคิดแข็งค้างไปเมื่อได้ยินคำพูดของฮันซู
ถนนสีเขียว
จากข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ สถานที่แห่งนั้นคือนรกที่แท้จริง
แม้ว่ามันจะถูกเขียนว่าเป็นทางหนีเพียงทางเดียวของมนุษย์ มันก็เต็มไปด้วยลูกน้องของคลีเมนไทล์ที่คอยควบคุมถนนสีเขียวอยู่
และลูกน้องของคลีเมนไทล์ก็ไม่ใช่พวกกระจอก
ผู้คนที่ถูกเลือกจากนักล่าและการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุด
พวกเธาสามารถที่จะเอาชนะคาริมได้ด้วยการลอบจู่โจมตอนที่พวกเธอไม่มีมานา แต่ถ้ามันมีมานา งั้นพวกเธอก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
ความสามารถของคาริมมากมายขนาดนั้น
แต่กองกำลังของคลีเมนไทล์ มันมีคนในระดับของคาริมอีกเป็นตัน
และมันไม่ใช่แค่นั้น
‘ถ้าเรามีสิ่งนั้น… เราอาจจะทำอะไรได้บ้าง’
เอคิดูขมวดคิ้วขณะที่เธอตรวจสอบแผนที่
ถนนสีเขียวทั้งถนนถูกลาดตระเวนโดยป้อมปราการดาวเทียมสามป้อม
หลบซ่อนจากสายตาของนักผจญภัยทั่วไป
‘นี่มันแย่แล้ว’
มันมีป้อมปราการดาวเทียมเพียงสามป้อมที่คอยจัดการหมู่บ้านนับร้อย
แต่ในทางกลับกัน
ทั้งถนนสีเขียวมีป้อมปราการดาวเทียมสามป้อมจากสามเผ่าพันธุ์คอยตรวจตราอยู่
ไม่ว่าถนนสีเขียวที่ตัดผ่านป่าใหญ่จะโหดเหี้ยมแค่ไหน การที่พวกเขาฆ่าดาคิดัสก็จะทำให้พวกเขาถูกจับในทันที
การใช้หยกผนึกเช่นก่อนหน้านี้มันอันตราย แต่การนำป้อมปราการดาวเทียมของพวกเธอไปปะทะกับพวกนั้นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อพวกเขาจะจมทันทีจากการที่ป้อมปราการดาวเทียมสามป้อมร่วมมือกันยิง
‘… เราต้องใช้หยกผนึกเพื่อที่จะจมป้อมปราการดาวเทียม แต่เราต้องจมป้อมปราการดาวเทียมพวกนั้นเพื่อที่จะใช้หยกผนึก?’
มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยเพียงแค่จำนวน
พวกเขาจะถูกฆ่าล้างโดยป้อมปราการดาวเทียม
“… เจ้าคลีเมนไทล์นั่น ไม่เลวเลยนะเนี่ย เธอไปครอบครองไอ้ของแบบนั้นได้ยังไง…”
เท่าที่เธอได้ยินมา มันคือบางอย่างที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อเผ่าพันธุ์ชั้นสูง
หากไม่มีมัน พันธมิตรคงไม่ถูกสร้างขึ้น
ในเมื่อพวกเธอไม่ได้เท่าเทียมกับพวกมันในสายตาของพวกมัน
ฮันซูผงกศีรษะเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเอคิดู
‘คลีเมนไทล์โชคดีจริงๆ’
TL: โชคก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง