บทที่ 169 รังสีกระบี่อัสนี
ในระยะเวลาที่แสงเจิดจ้า ผู้คนโดยรอบมองเห็นเพียงแค่ภาพเงาของคนๆหนึ่ง แม้หลงจื่อและหลงชิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่สามารถมองเห็นร่างของหลงโม่หรันได้ชัด
เสียงกู่ร้องดังก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน!
“กระบี่อัสนีสายฟ้าฟาด!”
เย่เฟิงร้องคำราม พร้อมกับใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณเพื่อรับรู้ถึงสรรพสิ่งโดยรอบ เขาพบว่ากระบี่เจินชี่ได้ถูกหลอมรวมเข้ากับสายฟ้าแล้ว ส่งผลให้ปริมาณเจินชี่ในร่างเหือดแห้งไปมาก
ซี่! ซี่! ซี่!
เสียงประกายของสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ประกายสายฟ้ารูปครึ่งพระจันทร์เสี้ยวก่อรวมขึ้นเป็นรังสีกระบี่อัสนี คล้ายกับอสรพิษที่แสนบ้าคลั่ง พัดพาทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เข้าใส่หลงโม่หรันที่ยืนห่างออกไปด้วยลมพายุที่ปั่นป่วน!
ม่านน้ำที่เกิดจากสายฝน ได้ถูกผลกระทบจากรังสีกระบี่อัสนีและกระจัดกระจายจดแทบจะกลายเป็นสูญญากาศ
ในที่สุด ผู้คนก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นที่ให้พวกเขามีสีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก พวกเขามองเห็นรังสีกระบี่อัสนีที่กำลังพุ่งอย่างรวดเร็วเข้าใส่หลงโม่หรัน
ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่สามารถสัมผัสถึงความน่ากลัวของทักษะนี้ได้-ทักษะรังสีกระบี่
ชายสวมหน้ากากคนนี้ถึงกับสามารถปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกมาได้!
สำหรับรังสีกระบี่อัสนีนั้น เย่เฟิงโชคดีที่สามารถใช้ทักษะนี้ได้ในสภาพอากาศเช่นนี้ นอกจากที่เจินชี่ของเขาจะสามารถดึงดูดพลังธรรมชาติมาใช้ได้แล้ว ความแข็งแกร่งของมันยังเกิดกว่าที่ใครจะจินตนาการได้!
ดวงตาของหลงโม่หรันหรี่มองรังสีกระบี่อัสนีที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
เขาสามารถหลบมันได้ไม่ยาก แต่การหลบหลีกต่อหน้าชายหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งแบบนี้ถือเป็นเรื่องเสียหน้าที่เขาไม่อาจยอมรับได้ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงดึงเอาสายฟ้ามาใช้ได้ แต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง ชายวัยตัดสินใจจะไม่เคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว
แต่เขาจะใช้วิธีที่ง่ายกว่านั้น
หลงโม่หรันกระทืบฝีกเท้าอย่างแรง ก่อนจะปล่อยพลังชี่ภายในเข้าไปจับตัวชูชูที่ยืนอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังหนึ่ง เนื่องจากเธอจากยืนอยู่ไม่ไกลนัก จึงได้ตกเป็นเป้าหมายของหลงโม่หรัน
หลงโม่หรันตั้งใจจะจับตัวชูชูที่ไม่สามารถต่อต้านได้ แล้วดึงเธอมาใช้เป็นโล่จากรังสีกระบี่อัสนีที่พุ่งเข้ามา
“น้าคะ!”
หลงหวางเอ๋อร้องตะโกนเตือนออกมาเมื่อมองเห็นทุกอย่างชัดเจน หลงโม่หรันช่างไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาถึงกับใช้ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเป็นโล่ ทั้งที่เธอไม่เป็นวรยุทธ์แม้แต่นิดเดียวเลยด้วยซ้ำ
สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันที เพราะเขาไม่คิดเลยว่าหลงโม่หรันจะเป็นพวกอุบาทว์ชาติชั่วถึงขนาดนี้!
ในความคิดของหลงโม่หรัน การที่ชูชูช่วยลูกสาวของเขาหนีไป นี่ทำให้หลงโม่หรันอยากจะสังหารเธอเสีย เขาจึงมอบให้หลงหวู่เหรินเป็นผู้พรากพรหมจรรย์แล้วค่อยสังหาร แต่ในเมื่อมันล้มเหลว เขาก็จะใช้เธอมาเป็นโล่ในตอนนี้เสียเลย
ชูชูถูกหลงโม่หรันจับตัวไว้ เธอลอยขึ้นมาอยู่ที่กลางอากาศ ดวงตาคู่สวยสะท้อนกับแสงสว่างจากกระบี่สายฟ้าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นกลัว
ชูชูนั้นเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว แต่การต้องมาตายแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้อย่างที่สุด นอกจากจะทำให้แผนของหลงหวางเอ๋อและเย่เฟิงล้มเหลวแล้ว เธอยังกลายเป็นโล่ให้แก่หลงโม่หรันอีก แต่ด้วยร่างกายที่แสนอ่อนแอนี้ เธอจะทำสิ่งใดได้?
แต่ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งพลันพุ่งตัวออกมาจากด้านข้างและผลักร่างของชูชูออกไป
คนๆนั้นกลับเป็นเด็กหนุ่มสวมหน้ากากจากวังไท่จี๋!
ในช่วงเวลาวิกฤต เขากระโดดออกไปเพื่อหมายจะตอบแทนบุญคุณเย่เฟิง อย่างไรก็ตาม……
กระบี่สายฟ้านั้นรวดเร็วเกินไป!
ฉัวะ!
ท่ามกลางพายุฝน ต้นขาของเด็กหนุ่มถูกแทงอย่างสาหัสด้วยกระบี่ของเย่เฟิงจนทำให้เขาร่วงลงบนพื้นอย่างแรง สายฟ้าได้ลามไปทั่วทั้งร่าง ทำให้เด็กหนุ่มชักกระตุกไปทั่วทั้งตัว
เขาเสียสละตัวเองเพื่อพยายามจะช่วยชูชู!
รังสีกระบี่อัสนียังคงพุ่งต่อไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงเสียดสีกับอากาศดัง “ซี่ซี่” มันพุ่งตรงเข้าใส่หลงโม่หรัน!
“เพลงกระบี่พร่ำเพ้อ!”
หลงโม่หรันพลันเปลี่ยนสีหน้า เขารีบกวัดแกว่งกระบี่ในมือด้วยเพลงกระบี่ทั้งสามท่า – กระบี่ทลายเมฆา กระบี่บุปผาร่วงโรย และกระบี่เยือกแข็งอัสดง!
ท่วงท่าที่แตกต่างกันของรังสีกระบี่ควบแน่นกันอยู่ที่ปลายกระบี่ของหลงโม่หรัน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าปะทะกับกระบี่อัสนีของเย่เฟิง
ทั่วไปแล้ว อย่าว่าแต่ชายหนุ่มผู้มีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี ต่อให้เป็นชายชราที่มีระดับวรยุทธ์ 40-50 ปี ก็ล้วนถูกหลงโม่หรันสังหารด้วยเพลงกระบี่อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรังสีกระบี่อัสนีที่แท้จริง เพลงกระบี่ทั้งสามท่าของเขาล้วนไร้ความหมาย
หากเทียบกับพลังแห่งธรรมชาติแล้ว ความแข็งแกร่งของหลงโม่หรันนั้นไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
ถึงแม้เย่เฟิงจะหยิบยืมเพียงแค่ส่วนเล็กๆของพลังแห่งสายฟ้า แต่พลังของมันก็เกินขอบเขตที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะสามารถทำได้
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดสามครั้งดังขึ้นติดต่อกันเหนือหลังคา เมื่อกระบี่อัสนีและเพลงกระบี่พร่ำเพ้อเข้าปะทะกัน แสงสว่างจ้าก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดูราวกับแสงจากดอกไม้ไฟ
ทุกๆครั้งที่กระบี่ชี่เข้าปะทะกัน ระยะของแรงระเบิดก็เข้าใกล้หลงโม่หรันขึ้นเรื่อยๆ และในการระเบิดครั้งสุดท้ายนั้น มันห่างจากชายวัยกลางคนไม่ถึงหนึ่งเมตร ทำให้สีหน้าของเขาซีดด้วยความตื่นตระหนก
แรงลมที่โหมกระหน่ำทำให้ร่างทั้งสามที่ยืนอยู่บนหลังคาถูกพัดให้กระจัดกระจายออกไป
หลงจื่อและหลงชิงนั้นถูกพัดให้กระเด็นออกไปและร่วงลงบนพื้นทรายของชายหาดที่ห่างออกไป ส่วนหลงโม่หรันนั้น เนื่องจากปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกไปในอากาศ ย่างก้าวของเขาจึงมีมวลอากาศที่หนาแน่นมารองรับ และสามารถร่วงลงสู่พื้นได้อย่างมั่นคง
“แค่ก……”
แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ชายวัยกลางคนก็พลันกระอักเลือดจนไหลออกมาตรงมุมปาก ความรุนแรงของแรงระเบิดครั้งสุดท้ายนั้นอยู่ใกล้เสียจนทำให้หลงโม่หรันได้รับบาดเจ็บไปถึงอวัยวะภายใน เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามานานมาแล้ว
ที่อีกด้านหนึ่ง ชูชูที่ถูกเด็กหนุ่มสวมหน้ากากผลักออกไปจากวิถีกระบี่อัสนี กำลังอยู่ในความตกตะลึง กระบี่อัสนีถึงกับสามารถทำให้ร่างกายของหลงโม่หรันได้รับบาดเจ็บสาหัสได้!
หลังจากผลของการระเบิดอย่างต่อเนื่อง บ้านเรือนแต่ละหลังถูกผลปะทะจนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ สภาพแวดล้อมกลายเป็นยุ่งเหยิง เศษฝุ่นและเศษทรายล้วนพัดปลิวไปทั่ว ปิดกั้นสายตาของผู้คนที่อยู่ภายนอกเหตุการณ์
“น้าคะ!”
หลงหวางเอ๋อไม่ได้รอให้เศษฝุ่นทรายหายไป เธอรีบถอดเสื้อคลุมของเย่เฟิงที่เขาให้ไว้ก่อนหน้านี้ วิ่งเข้าไปหาชูชูที่นั่งอยู่บนพื้นและใช้มันคลุมร่างของเธอเพื่อป้องกันเศษฝุ่นจากลมพายุ
ในเวลานี้ เย่เฟิงไม่ได้อยู่เฉย ชายหนุ่มรีบอาศัยช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้วิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่มีบาดแผลตรงต้นขา แล้วใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาเขา
แสงสีทองที่ส่องประกายบนฝ่ามือช่วยให้เลือดของเด็กหนุ่มหยุดไหล
“หวางเอ๋อ รีบวิ่งเร็ว!”
เย่เฟิงพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงหันไปบอกหญิงสาวอย่างรีบร้อน
“อะไร แกคิดจะหนีรึไง?”
ในขณะนั้น น้ำเสียงมืดมนของหลงโม่หรันก็พลันดังทะลุหมอกควันเข้ามา
ลมพายุยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป สายฝนที่ตกลงมาดูเหมือนกับจะกลายเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ทั่วหมู่บ้านเปียกชุ่มไปด้วยมวลน้ำปริมาณมหาศาล
เศษฝุ่นควันจากบ้านเรือนที่พังทลายได้จางหายไปอย่างรวดเร็วจากสายฝนที่ตกลงมา
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลงโม่หรันที่กำลังยืนเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก และกำลังยิ้มเยาะเย้ยมายังเขา
“คิดจะพาลูกสาวฉันหนีไปงั้นหรือ? ขอดูหน่อยสิว่าพวกแกทั้งคู่จะหนีไปไหนพ้น……..”
น้ำเสียงของหลงโม่หรันฟังดูเย็นเยียบและมืดมน ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสั่นหลัง
“อย่ามาเรียกฉันว่าลูกสาว”
หลงหวางเอ๋อเงยหน้าขึ้นแล้วถอดหน้ากากออก ใบหน้างดงามและละเอียดอ่อนพลันปรากฏร่องรอยของความรังเกียจ เธอมองไปที่หลงโม่หรันและเอ่ยขึ้นว่า “คนอย่างแกไม่สมควรจะเป็นพ่อของฉัน!”
ความจริงแล้ว หญิงสาวไม่เคยถือว่าหลงโม่หรันเป็นคนสำคัญเลยตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับเธอแล้ว มีเพียงชูชูเท่านั้นที่เป็นคนสำคัญที่สุด แต่ในวันนี้ พ่อของเธอกลับใช้ชูชูเป็นโล่โดยไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้หลงหวางเอ๋อได้เห็นธาตุแท้ของพ่อเธอเอง
ในตอนนี้ หญิงสาวไม่คิดจะหลบหนี และไม่สนใจที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาด้วยการถอดหน้ากากออก
ถึงแม้ชูชูจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลงหวางเอ๋อก็จะปกป้องเธออย่างถึงที่สุด
ตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าหญิงสาวจะถูกรังแกจากเด็กคนไหนในตระกูลหลง ชูชูก็จะคอยปกป้องเธอเสมอ
ตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าหญิงสาวจะก่อเรื่องอะไรจนถูกลงโทษ ชูชูก็จะออกหน้ารับแทนเธอเสมอ
แม้ไม่นานมานี้ เมื่อถูกขังไว้ในห้อง ชูชูยังแอบช่วยเธอออกมาโดยไม่สนว่าจะต้องเจอกับอะไร
อาจบอกได้ว่าชูชูคือคนผู้เดียวที่อยู่ในใจหลงหวางเอ๋อมาโดยตลอด ชูชูเปรียบเสมือนแม่บังเกิดเกล้าของเธอเอง!
“ได้”
ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ไม่แยแส หลงโม่หรันเอ่ยตอบ “ฉันก็ไม่ต้องการคนอย่างแกเป็นลูกเหมือนกัน ถ้าแกทำลายจุดตันเถียนเพื่อทิ้งทักษะวรยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลหลง ฉันจะยอมปล่อยแกไปก็ได้”
คำพูดของชายวัยกลางคนทำให้ผู้คนโดยรอบพากันตื่นตระหนก
แต่สำหรับหลงหวางเอ๋ เมื่อได้ยินว่ามันจะปล่อยเธอไป ประกายของความหวังก็ส่องสว่างขึ้นในใจของหญิงสาวอีกครั้ง
ตราบใดที่……….เธอทำลายตันเถียนของตัวเอง เรื่องทั้งหมดก็จะจบลงแล้วใช่ไหม?
……………………………………..
แปลโดย Solar Spark