บทที่ 169: บททดสอบ (4)
ตูมมมมม!
ตูมมม!
ก่อนที่ฮันซูกำลังจะยึดครองอัททิลลานได้
การต่อสู้ได้เกิดขึ้นในระหว่างชาวบ้านที่อยู่ห่างจากตำแหน่งที่ฮันซูอยู่
ไม่ใช่แค่การปะทะฝีปาก แต่เป็นการปะทะที่พวกเขาหันอาวุธเข้าหากัน
การต่อสู้ระหว่างผู้ที่พยายามจะฆ่าดาคิดัสและเหล่าผู้ที่ต้องการจะคงสถานการณ์ปัจจุบันเอาไว้
“บ้าเอ้ย! เราต้องไป!”
“พวกแกไปไม่ได้!”
“ไอ้สารเลวพวกนี้นี่…”
คาร์ฮาลกัดฟันกรอด
แค่การทำตัวเป็นกลางก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว แต่กับการที่พวกนี้ทำถึงขนาดนี้
“เราไม่ได้ขอให้พวกแกช่วยซะหน่อย เพราะงั้นก็ไสหัวไปได้แล้ว!”
ตูมมมมม!
จากนั้นหนึ่งในการ์ดที่เหวี่ยงอาวุธของพวกเขาใส่คาร์ฮาลก็ตะโกนออกมา
“ไม่มีทาง คังฮันซู ไปโทษเจ้าหมอนั่นสิ”
“อะไรนะ?”
“ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะไอ้สารเลว คังฮันซูนั่น! ไอ้เวรนั่น… ถ้ามันไม่สร้างปัญหาขึ้นมา งั้นทุกอย่างก็คงจะดำเนินไปอย่างที่มันเคยเป็น!”
และเริ่มจากจุดนี้ คนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งก็ตะโกนออกมาเช่นกัน
“ทำไมไอ้สัตว์นั่นถึงได้เริ่มเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้น!”
“เขาควรจะอยู่อย่างที่เขาควรอยู่!”
แมคคิลกัดฟันกรอดเมื่อเห็นเช่นนั้น
ตอนนี้การ์ดก็ร่วมตะโกนออกมาด้วย คนราวๆ หนึ่งในสิบที่นี่กำลังโจมตีมั่วซั่วไปทุกทิศทาง
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหนึ่งในสิบ พลังที่พวกเขามีก็เกือบครึ่ง
ในเมื่อคนที่ลงมือโจมตีส่วนมากคือนักล่าและการ์ด
แม้ว่าจะไม่มีมานา พวกเขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าชาวนามาก
คนระดับสูงที่ได้เหยียบย่ำชาวนาจากตำแหน่งที่ปลอดภัยขณะที่ได้รับผลประโยชน์จากหมู่บ้านในระหว่างช่วงเวลาสงบสุข
‘ไอ้พวกเวรสารเลว พวกแกปลอดภัยนี่’
แมคคิลหลบการโจมตีของนักล่าคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหาเธอได้อย่างเฉียดฉิวและขบฟันแน่น
มันมีเหตุผลสำหรับความโกรธของเธอ
แม้ว่าหมู่บ้านจะดำเนินไปอย่างที่มันเคยเป็น มันก็ไม่มีข้อเสียสำหรับพวกระดับสูงมากนัก
พวกนั้นจะไม่ถูกเลือกไปเป็นเครื่องสังเวยแม้ว่าพวกเขาจะอยู่นิ่งๆ และแม้ว่าคำพูดของดาคิดัสจะถูกต้อง พวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะผ่านบททดสอบจำนวนมากที่คลีเมนไทล์กำหนดเอาไว้และขึ้นไปยังเขตต่อไปได้
มันเป็นไปได้มากสำหรับพวกที่อยู่ในระดับการ์ด
แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
แน่นอนว่าชาวนาย่อมไม่จัดอยู่ในจำพวกนั้น
‘ไอ้พวกสารเลว ความสงบสุขที่พวกแกได้รับจากการขายพวกเรามันดีขนาดนั้นเลย?’
ไม่สิ มันไม่ใช่ความสงบสุขที่ถูกสร้างขึ้นจากการขายแค่พวกเขา
มันคือความสงบสุขที่สร้างขึ้นจากการขายทุกคนที่ไม่อาจผ่านบททดสอบที่คลีเมนไทล์สร้างขึ้นได้
ความสงบสุขสำหรับผู้ที่ผ่านเท่านั้น
แต่จิตใจของการ์ดที่กำลังเหวี่ยงอาวุธเข้าใส่แมคคิลก็ไม่ได้สงบนิ่งมากนัก
มันไม่ใช่เพราะการต่อสู้กับมนุษย์คนอื่นๆ
‘เวรเอ้ย… ไอ้ฉิบหายเอ้ย กับการที่ทุกอย่างมันพลิกผันกลายเป็นแบบนี้’
แม้ว่าพวกเขาจะกำลังสู้กับพวกชาวนาอย่างสบายๆ พวกเขาก็รู้สึกกระวนกระวายไม่น้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไปอยู่ฝ่ายเดียวกับดาคิดัส มันก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอด
สภาพร่างกายของดาคิดัสที่พวกเขาเห็นล่าสุดได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผิวหนังถูกฉีกกระชากออกด้วยการโจมตีของฮันซู ขนที่แวววาวล้วนถูกเผา กระดูกแตกหัก และกล้ามเนื้อถูกทำลาย
ถ้าพวกเขาเป็นดาคิดัสล่ะ?
และถ้าสิ่งที่โดยปกติแล้วเขาจัดให้เป็นเพียงแค่แมลงกลับกลายเป็นสิ่งที่โจมตีเขา?
อีกฝ่ายย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไป
แม้ว่าอีกฝ่ายจะยอมให้อภัยพวกเขาในตอนนี้ มันก็จะฝังอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่ายตลอดไป
ภาพที่อีกฝ่ายเห็นในวันนี้
และถ้าความทรงจำนี้สะกิดขึ้นในความคิดของเขาและทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ?
มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขาในการถูกลากไปฆ่าในขณะที่พวกเขาอยู่บนถนนสีเขียว
การที่ในโลกที่อันตรายมากพออยู่แล้วนี้ดันเกิดเหตุการณ์ที่มีต้นเหตุมาจากคนอื่นและทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงมหาศาลคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาหัวเสียอย่างมาก
‘นี่คือสาเหตุ… ที่ทำให้เราต้องเลือกฝ่ายดีๆ’
และตอนนี้มันคือสงคราม
และมันไม่มีพื้นที่สำหรับคนเป็นกลางในสงครามนี้
ทุกคนคือศัตรูของพวกเขาถ้าพวกนั้นไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา
พวกเขาต้องเลือกฝั่งหนึ่ง
และพวกเขาได้เป็นผู้ชนะมาตลอดจนถึงตอนนี้
และครั้งนี้พวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะอีกเช่นกัน
‘ไอ้พวกโง่ การมีชีวิตรอดคือเรื่องที่สำคัญที่สุด’
พวกเขาดิ้นรน
เพื่อที่จะมีชีวิตรอด
ใครสนใจกันว่ามันจะมีกลลวงหรือการทดสอบรออยู่
พวกเขาก็แค่ต้องชนะ
และดาคิดัสต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแบบนั้น
ดังนั้นนี่คือสาเหตุที่คนพวกนี้ไม่อาจไปโจมตีดาคิดัสได้
คาร์ฮาลกัดฟันกรอดขณะที่เขาโจมตีนักล่าที่อยู่ด้านหน้าเขา
“ไอ้พวกสวะเอ้ย! ไสหัวไป!”
ดาคิดัสสูญเสียความแข็งแกร่งของมันไปแล้ว
แต่มนุษย์กำลังสู้กันเองแทน
‘ฉันกำลังรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ…’
คาร์ฮาลคิดถึงความทรงจำในอดีต
ตอนที่เขาขึ้นมาที่นี่ครั้งแรก
ตอนที่เขาถูกโจมตีโดยพวกหมาล่าเนื่อที่พวกนั้นสร้างขึ้นเพื่อความสนุก
คาร์ฮาลไม่อาจต้านทานมานาปริมาณมหาศาลที่มาจากหยกฟ้าได้และต้องหนีไป
ในขณะที่มองน้องของเขาที่เขาใช้ความพยายามมหาศาลในการตามหาและดูแลเป็นอย่างดีถูกส่งผ่านไปโดยแสงสีฟ้านั่น
ถ้าเจ้าพวกนั้นออกมาตั้งแต่เริ่มและกวาดล้างพวกเขา งั้นเขาคงไม่รู้สึกโกรธ
การทำให้มนุษย์สู้กันเองและคอยเฝ้าดูภาพนั้น
‘ไอ้พวกบัดซบ ฉันไม่มีวันพลาดโอกาสนี้แน่’
เวลาแห่งการแก้แค้นได้มาถึงในที่สุด
จากนั้นคาร์ฮาลจึงคิดถึงฮันซู
เขายังคงไม่อาจเข้าใจหมอนั่นได้ในหลายๆ เรื่อง
เขาไม่รู้ว่าฮันซูกำลังคิดอะไรอยู่
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน
ว่ามันมีคนไม่มากที่ทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล
เขาต้องตามพวกที่ทำสิ่งที่ไม่มีเหตุผลแบบนั้น
คนที่ทำสิ่งไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อยในโลกบัดซบนี่ที่การรักษาชีวิตตัวเองและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาช่วยเอคิดู และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาช่วยฮันซูในตอนนี้
คาร์ฮาลและคนอื่นๆ ที่ตัดสินใจจะต่อสู้กับดาคิดัสล้วนมีความคิดที่ใกล้เคียงกันในขณะที่พวกเขาสู้
พวกเขาไม่ได้สู้แค่เพราะความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวฮันซู
‘… ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แม้ว่าเราจะขึ้นไปเราก็จะถูกฆ่าอยู่ดี’
จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ความสมดุลที่ควบคุมหมู่บ้านเอาไว้ได้ถูกทำลายไปแล้ว
พวกเขาเกลียดชังฮันซูในตอนแรก ทว่าคำพูดของดาคิดัสได้ทำให้พวกเขาตัดสินใจให้เด็ดขาดได้
กฎที่ตั้งขึ้นเพื่อเผ่าพันธุ์ชั้นสูงและพวกคนทรยศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องถูกทำลาย
‘พวกที่พยายามขัดขวางการทำลายกฎนี่ก็แหมือนกัน’
“ฆ่าพวกมัน! ไอ้สารเลวพวกนี้!”
ถ้พวกเขามองไม่เห็นความหวังเลยแม้แต่น้อยมันอาจจะต่างออกไป แต่ดาคิดัสเกือบจะตายแล้ว พวกที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าพวกเขาและขวางทางพวกเขาได้ทำให้พวกเขาโกรธแค้นอย่างมาก
แต่ในตอนที่คาร์ฮาลที่กำลังหัวเสียอย่างมากกำลังจะจัดการนักล่าที่อยู่ด้านหน้าเขา
ตูมมมมมม!
“…หือ?”
ห่างออกไป
เสาแสงได้ระเบิดออกมาจากบริเวณที่ฮันซูและดาคิดัสสู้กันอยู่
เสาแสงศักดิ์สิทธิ์สีฟ้า
และทันทีที่พวกเขาเห็นมัน
“โอ้ ไม่…”
คาร์ฮาลและคนอื่นๆ สิ้นหวัง
ในเมื่อเสาแสงนั่นที่ปรากฏขึ้นจากอัททิลลานหมายความได้เพียงอย่างเดียว
การ์ดที่กำลังโจมตีคาร์ฮาลหัวเราะเสียงดัง
“อุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เห็นไหม!? เจ้าหมอนั่นมันจะทำอะไรได้! ตอนนี้พวกแกตายกันหมดแน่!”
แต่ในตอนนั้นเอง
กรรรรรรรรร!
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดได้ดังขึ้นก้องไปทั่วอากาศ
ดังเสียจนทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“กรรรรรร! จับตัวประกัน! ตัวประกัน!”
“อะไรนะ?”
ทุกคนแสดงสีหน้างุนงงออกมากับเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของดาคิดัส
“ฮี่ฮี่ฮี่… แกคิดเหรอว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่แกหวัง?”
ดาคิดัสหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงไปยังฮันซูขณะที่หอบหายใจ
บนท้องของดาคิดัสมีรูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่
การโจมตีแค่ครั้งเดียว
แขนขวาของเขาถูกระเบิดออกโดยฮันซูที่ได้มานาคืนมาและรูถูกสร้างขึ้นที่ท้องของเขา
แต่ดาคิดัสหลบจุดตายไปได้อย่างเฉียดฉิวเพราะสภาพของฮันซูเองก็ไม่สมบูรณ์นัก
ในเมื่อร่างกายไม่อาจที่จะฟื้นฟูตัวได้ในทันทีแม้ว่ามานาจะกลับมา
ถ้าฮันซูอยู่ในสภาพสมบูรณ์ งั้นเขาย่อมตายจากการโจมตีก่อนหน้าแน่นอน
ในเมื่อร่างกายของฮันซูได้เต็มไปด้วยมานาปริมาณมหาศาล
‘แต่… มันสายเกินไปแล้ว’
ในเมื่อดาคิดัส ที่มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าฮันซูหลายเท่าตัว ก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของชาวบ้านที่อยู่ห่างออกไปแม้ว่าจะไม่มีมานา
‘ในเมื่อพวกมันเลือกที่จะตามฉัน… พวกมันก็คงจะรู้ว่าควรทำยังไง’
และอย่างที่เขาคาด
พวกนั้นรู้สถานการณ์ในทันทีและเริ่มทำตามคำสั่งของเขา
<อ๊ากก! ไอ้สารเลวนี่!>
<เวรเอ้ย! รีบจับพวกมันเร็วเข้า!>
อีกฝ่ายหนึ่งมีคนจำนวนมาก แต่พวกที่ติดตามดาคิดัสมีความแข็งแกร่งรายบุคคลสูงกว่า
พวกเขาตระหนักถึงสถานการร์อย่างรวดเร็วและทำตามคำสั่งของดาคิดัสด้วยการจัดการอีกฝ่ายทีล่ะคนและรวมตัวกัน
‘ดี ดี’
“ฮี่ฮี่ ทีนี้แกจะทำยังไง? แกจะโยนพวกมันทิ้งทั้งหมดเหรอ? แล้วพวกที่ถูกจับเป็นตัวประกันล่ะ? ไม่สิ ตัวประกันอาจจะไม่สำคัญ แต่แกจะฆ่าพวกที่ติดตามฉันทั้งหมดเลยรึไง?”
ดาคิดัสกุมรูที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ที่ท้องของเขาเอาไว้และเริ่มหัวเราะราวกับว่าเขาสบายใจขึ้นมาบ้าง
“เจ้าพวกนั้นคือพวกที่จะสามารถไปยังเขตต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาแม้จะไม่มีแก แต่เป็นเพราะการกระทำของแก พวกนั้นเลยเลือกวิธีการที่สุดโต่งแบบนั้น พวกนั้นก็แค่ดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอด แต่… แกจะฆ่าพวกนั้นทั้งหมดเลยรึไง? แค่เพราะพวกนั้นไม่เข้าข้างแกเนี่ยนะ? ฮ่าฮ่าฮ่า! เอคิดูยังดีกว่านี้เลย! เผด็จการอะไรอย่างนี้!”
ถ้าตัวประกันสำคัญ งั้นฮันซูก็ไม่มีทางฆ่าเขาได้
แต่ฮันซูไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับคำพูดของดาคิดัส
เขาไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิด
ในเมื่อมันไม่มีเหตุผลให้ทำแบบนั้น
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับดาคิดัสด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“แกพูดอะไรของแก?”
“หือ?”
“แกกำลังเล่นเกมหรืออะไรอยู่รึไง?”
ฮันซูจะไม่ฆ่าคนเหล่านั้นถ้าอย่างน้อยพวกนั้นทำตัวเป็นกลาง
ในเมื่อฮันซูเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของดาคิดัสในระดับหนึ่ง
ในเมื่อการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไม่ใช่เรื่องผิด
แม้แต่เขายังต้องดิ้นรนและสู้กับคนอื่นๆ เพิ่ที่จะมีชีวิตรอดและจัดการคู่ต่อสู้ของเขาลงในเขตสีเหลืองในอดีต
ถ้าเขาไม่มีลักษณะพิเศษของเขาที่เริ่มจะแสดงพลังของมันออกมาในช่วงเขตสีเหลือง เขาต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ฮันซูไม่ได้สบายมากพอที่จะสนใจทุกคนตรงนั้น
ในเมื่อนับจากนี้มันคือสงคราม
‘ฉันต้องเลือกพวกเขาออกมา คนที่ฉันจะเดินไปด้วยและคนที่ฉันจะไม่เอามาอยู่ข้างๆ’
ฮันซูเข้าใจความคิดของคลีเมนไทล์ในระดับหนึ่ง
ผู้คนที่ไม่อาจเชื่อถือได้ก็มีเพียงแต่จะฉุดรั้งเขาเอาไว้
มันมีเหตุผลที่ทำให้จักรพรรดิในอดีตบั่นคอแม่ทัพและขุนนางพร้อมๆ กับการฆ่าพวกคนทรยศ
ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
การปล่อยให้ทุกคนขึ้นมาก็เหมือนรับเอาระเบิดขึ้นมาบนเรือ
ถ้าฮันซูยังพอจะสบายอยู่บ้างและสามารถรับประกันชัยชนะของเขาได้ตลอดเวลา งั้นเขาต้องโน้มน้าวทุกคนตรงนั้นและรับพวกเขาเข้ามาแน่นอน
แต่เขาไม่ได้สู้ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเขาจะชนะได้
เหตุผลที่ทำให้เขาฆ่าดาคิดัสและเริ่มการต่อสู้กับพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนั้นไม่ใช่เพราะเขาสามารถเอาชนะได้
เขาทำเพราะเขาต้องทำ
การที่เขากลับมายังอดีตไม่ใช่เพราะเขามั่นใจอยู่เสมอในการที่จะพลิกเหตุการณ์ทุกอย่างและเอาชนะได้ในทุกสถานการณ์
สิ่งที่เขานำกลับมาเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้
แม้ว่าจะมีความรู้ของอนาคต มันก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างถูกแก้ไข
ในเมื่อกระทั่งนักวิจัยยังกังวลในขณะที่วางแผนขึ้น
<เราทำได้แค่นี้จากขีดจำกัดความสามารถของพวกเรา ขอโทษด้วย การสร้างแผนการที่สมบูรณ์แบบในขณะที่นำเอาทุกความเป็นไปได้มาใส่ในแผน… มีแต่พระเจ้าที่จะทำได้ เราขอร้องนาย แค่ทำให้ดีที่สุด>
พวกเขาไม่รู้ว่าฮันซูจะได้อะไร
เขาอาจจะได้บางอย่างที่ดีกว่า และเขาอาจจะไม่ได้รับอะไรเลย
พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาอยู่ในแผน และการเปลี่ยนแปลงแบบไหนจะเกิดขึ้น
แน่นอนว่ามันไม่มีแผนการที่ถูกรับประกัน
การสร้างแผนการที่เหมาะสมที่สุดขึ้นในทุกสถานการณ์ด้วยความรู้จากอนาคตเป็นพื้นฐาน
มันเหมือนกับการไต่ลวดอันแสนอันตราย
ในเมื่อศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้น
แม้ว่าสถานการณ์จะร้ายแรงสำหรับคนอื่นๆ เขาก็ไม่อาจปล่อยมันไปได้
นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น และเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
ทางแยกจะปรากฏขึ้นต่อไป
สิ่งที่ฮันซูต้องการในตอนนี้คือคนที่จะติดตามเขาแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
‘พวกคุณเลือกได้ตามใจ แต่พวกคุณก็ต้องรับผิดชอบมันด้วย’
เขาอาจจะชนะ และคนที่ติดตามเขาอาจจะได้รับความรุ่งโรจน์
แต่ในทางกลับกัน คนที่เลือกดาคิดัสและเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอาจจะชนะและหัวเราะแทน
พวกเขาไม่ผิด
นี่คือสงคราม และผู้ที่ตายในสงครามไม่ได้ตายเพราะว่าพวกเขาผิด
มันก็แค่ว่าฝ่ายที่พวกเขาเลือกที่จะอยู่ด้วย ในเรื่องนี้คือดาคิดัส ได้พ่ายแพ้
มันก็แค่นั้น
ฮันซูกำหอกสายฟ้าในมือของเขาและมองไปยังดาคิดัส
“อย่ามาโทษฉัน แกรู้ไหมว่าคนมากมายแค่ไหนตายไปเพราะแก?”
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากคลีเมนไทล์และเผ่าพันธุ์ชั้นสูงมากถึงนับสิบล้าน
ถ้าเขาไม่ทำลายสถานการณ์ในตอนนี้และทำลายพวกมัน ปริมาณของผู้คนที่จะขึ้นมาและตายไปจะมากถึงร้อยล้าน
นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องพยายามให้ดีที่สุด
เพื่อที่จะทำลายพวกมัน
พร้อมกับทุกคนที่อยู่กับพวกมัน
ทุกคนที่ถูกแยกแยะอย่างชัดเจนด้วยประสาทสัมผัสที่ได้รับการเสริมพลังของฮันซู
ผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา และผู้ที่ต่อต้านเขา
‘การทดสอบจบแล้ว’
ในเสี้ยววินาที
ครืนนนนน
มานาที่ไหลเวียนอยู่รอบร่างของฮันซูคำรามออกมาขณะที่มันถูกดูดไปยังบางแห่ง
ไปยังสกิลของเขา คมมีดระบาด
ครืนนนนน
สปอร์ของคมมีดระบาดกลืนกินมานาเข้าไปอย่างตะกละตะกลามพร้อมกับขยายขนาดขึ้น
ราวกับว่าพวกมันกำลังพยายามอย่างถึงที่สุดในการสร้างภาพที่พวกมันจะทำลายโลกทั้งใบ
จนถึงจุดที่ทำให้กระทั่งสกิลเสริมพลังมังกรปีศาจหายไป
ในตอนนี้เองที่ลักษณะพิเศษของฮันซูทำงานขึ้น
เจ็ดดารา
สปอร์ที่ได้รับการเติมเต็มจากมานาจนล้นปรี่เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงและสร้างขึ้นใหม่จากลักษณะพิเศษของฮันซู
ทรงพลังยิ่งขึ้น
โหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
วูบบบบบ
สปอร์สีเหลืองรอบร่างกายของฮันซูบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งสีของพวกมันยังเปลี่ยนไป
ไปเป็นสีแดงเลือด
และไม่ช้า
ตูมมมมม!
พายุสีเลือดที่ระเบิดออกมาโดยมีฮันซูเป็นจุดศูนย์กลางได้เริ่มพุ่งตรงไปยังบริเวณที่เหล่าชาวบ้านอยู่
TL: อ่านๆ ไปแล้วรู้สึกถึงความสิ้นหวังในความคิดของปู่เลยล่ะค่ะ