บทที่ 167: บททดสอบ (2)
ตัวแทนของทั้งสามเผ่าเอ่ยถามคลีเมนไทล์
<แกจะทำให้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกมนุษย์อีก? ยังไง?>
เจ้าคลีเมนไทล์นี่เป็นคนที่อวดดีมาก แต่ข้อเสนอของเธอก็น่าสนใจมาก
กับการที่เธอสามารถจัดการปัญหาเกี่ยวกับมนุษย์ให้พวกเขาได้
ในการปะทะซึ่งๆ หน้าเต็มกำลัง เผ่าพันธุ์ชั้นสูงสามารถบดขยี้มนุษย์ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
แต่ถ้ามนุษย์ใช้กลยุทธ์อื่น งั้นเรื่องก็จะเปลี่ยนไป
ในเมื่อพวกก่อนหน้านี้ได้แสดงให้พวกเขาเห็นมาแล้ว
ด้วยการสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับมาครอน
ดังนั้นแล้ว ตัวแทนของทั้งสามเผ่าจึงฟังในสิ่งที่คลีเมนไทล์เอ่ย
<ฉันจะสร้างกับดักให้กับมนุษย์ทุกคนที่จะขึ้นมานับแต่นี้… ด้วยเหยื่อล่อที่น่าสนใจอย่างมาก>
สร้างหมู่บ้านขึ้น
และทำให้ทุกคนที่ขึ้นมาจากด้านล่างรวมตัวกันที่จุดนี้
และพวกเขาจะสั่งสอนและข่มขู่พวกนั้นด้วยระบบและกฎของหมู่บ้าน และทำให้พวกนั้นมีความคิดว่าพวกเขาจะตายถ้าพวกเขาออกจากหมู่บ้านไป
นี่จะทำให้พวกเขาสามารถสร้างระบบชนชั้นขึ้นได้ รวมทั้งทำให้พวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้รับเครื่องสังเวย
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ในเมื่อพวกเขาจะสามารถฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวในพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงลงไปในมนุษย์ได้อย่างง่ายดายและแบ่งพวกเขาออกจากกันเพื่อที่พวกเขาจะไม่อาจเชื่อใจกันเองได้
แต่ถ้าพวกเขาทำเพียงมอบความหวาดกลัวให้ มนุษย์อาจจะลุกฮือขึ้น
อะไรที่พวกเขาจะคิดได้นอกจากการหลบหนีออกจากหมู่บ้านที่มีเผ่าพันธุ์ชั้นสูงคอยควบคุมดูแลพวกเขาราวกับแมลง?
ดังนั้นแล้ว พวกเขาต้องใส่ความหวังลงไป
<แม้แต่หนุก็ยังแว้งกัดถ้าพวกมันถูกไล่ต้อนจนจนมุม นี่คือเหตุผลที่ทำให้พวกนายถูกซัดซะหน้าหงาย มนุษย์ต้องการทางรอด มีเพียงแค่ตอนนั้นที่พวกเขาจะคิดถึงสิ่งอื่น>
ด้วยการสร้างเส้นทางที่ถูกเรียกว่าถนนสีเขียวเอาไว้เบื้องหน้า
พวกเขาสร้างเส้นทางระหว่างชายแดนและทำให้มนุษย์ทุกคนต้องมุ่งหน้าไปทางนั้น
ดังนั้นพวกนั้นก็จะไม่อาจหลบหนีไปในป่าได้ด้วยความหวาดกลัว
และแผนการของคลีเมนไทล์ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
หลังจากทั้งหมดนี่ถูกวางเอาไว้
เผ่าพันธุ์ชั้นสูงทั้งสามก็สามารถควบคุมมนุษย์ทุกคนที่ขึ้นมาได้ด้วยป้อมปราการดาวเทียมเพียงป้อมเดียว
ในเมื่อพวกเขาแค่ต้องเวียนไปรอบๆ หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความหวังและจัดการพวกมัน
และกระทั่งหมู่บ้านก็ยังถูกควบคุมโดยผู้ติดตามของคลีเมนไทล์
พวกเขาก็แค่ต้องไปยังหมู่บ้านรอบๆ ทีล่ะหมู่บ้านและเล่นสนุก
มนุษย์ที่เต็มไปด้วยความคิดในการต่อต้านเป็นปัจจัยอันตรายสำหรับพวกเขา
แต่มนุษย์ที่ถูกฝึกมาไม่ได้อันตรายต่อพวกเขาแม้แต่น้อย
เป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก
ดังนั้นแล้ว ทั้งสามเผ่าพันธุ์จึงเอ่ยถาม
<ทำไมแกถึงทำแบบนี้? ทำไมแกถึงทรยศเผ่าพันธุ์ของแกและทำเรื่องแบบนั้น?>
คลีเมนไทลี่ไม่ได้ต่างจากมนุษย์สามคนก่อนหน้านี้ที่สั่นคลอนพวกเขาเท่าใดนัก
ไม่สิ เธออาจจะกระทั่งยอดเยี่ยมกว่า
ถ้าคลีเมนไมล์เป็นผู้นำของมนุษย์ งั้นทั้งสามเผ่าก็คงจะต้องดิ้นรนมากกว่านี้มาก
คลีเมนไทล์หัวเราะเสียงเย็นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
และเอ่ยความคิดของเธอออกไป
‘บ้าเอ้ย… แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้?’
ดาคิดัสคิดถึงการสนทนากับคลีเมนไทล์ก่อนจะแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ตูมมมม!
ตูม!
เอคิดู คาร์ฮาล และคนอื่นๆ ได้ล้อมรอบดาคิดัสและโจมตีเขาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ก่อนหน้าที่ดาคิดัสจะสามารถฆ่าแมลงที่อยู่ด้านหน้าของเขาได้
นังผู้หญิงเอคิดูนั่นได้รวบรวมมนุษย์ทุกคนรอบๆ และนำมาที่นี่เพื่อที่จัดการเขา
“ไอ้สารเลวเอ้ย! ตาย!”
“ไอ้สัตว์เอ้ย! แอนตันตายเพราะแก!”
เหล่าผู้คนที่กราดเกรี้ยวโจมตีดาคิดัสจากรอบทิศทาง
อาวุธทุกชิ้นที่สามารถโยนได้ในคลังแสงได้ถูกขว้างไปยังดาคิดัส
“อ๊ากกกกก!”
ดาคิดัสที่โมโหอย่างหนักพยายามจะพุ่งเข้าไปฉีกกระชากมนุษย์เป็นชิ้นๆ แต่เขาไม่อาจทำได้
“แกจะไปไหน”
ตูมมมมม!
ในเมื่อฮันซูขวางเขาไว้ทุกครั้งที่เขาพยายามจะทำแบบนั้น
และเพราะแบบนั้น ดาคิดัสจึงถูกโจมตีจากพวกแมลงนับสิบที่เขาสามารถจัดการได้ด้วยการกวาดกรงเล็บออกไปครั้งเดียว
ถ้าไม่กี่ตัวมันไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องราวมันต่างออกไปเมื่อจำนวนมันเพิ่มขึ้นเป็นพัน
มันไม่มีทางที่เขาจะสามารถต้านทานการโจมตีพวกนี้ที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวสายฝนได้
ดาคิดัสสิ้นหวังและตะโกนออกไป
“กรรรรร! ไอ้พวกมนุษย์ชั้นต่ำ! คาริม! เจ้าคาริมนั่นมัวทำอะไรอยู่!”
นี่ไม่ใช่ภาพที่เขาคาดว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่เลย
ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
“บัดซบบบบบ! ไอ้พวกมนุษย์หน้าโง่! พวกแกรู้ไหมว่าพวกแกกำลังทำอะไรอยู่? พวกแกไม่ได้ยินที่คาริมพูดเลยรึไง!”
ผู้คนชะงักไปจากคำพูดนั้น
พวกเขาเองก็ค่อนข้างกระวนกระวายไม่น้อย
ว่าคำพูดสุดท้ายที่คาริมพยายามจะพูดคืออะไร
แม้ว่าจะมีการ์ดที่ติดตามคาริมอยู่ พวกเขาก็ไม่ได้อะไรจากพวกนั้นราวกับว่าพวกนั้นเองก็ไม่รู้อะไรมาก
สีหน้าของดาคิดัสสดใสขึ้นเมื่อเห็นเช่นนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้โง่เอ้ย! อย่างที่ฉันคิด! พวกแกไม่ควรทำแบบนี้ถ้าพวกแกได้ยินเรื่องนั้นแล้ว! ดูเหมือนว่าเจ้าคาริมไร้ประโยชน์นั่นกระทั่งตายก่อนที่จะได้พูดเรื่องนี้!”
มันยังมีโอกาสอยู่
ถ้าพวกนั้นทำแบบนี้กระทั่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของคาริม งั้นเขาก็สิ้นหวังแล้ว
แต่ถ้าพวกนั้นยังไม่ได้ยินว่าคาริมจะพูดอะไรล่ะ?
มันยังมีโอกาสที่เขาจะรอดอยู่
ตูมมมมม!
ดาคิดัสฟาดหอกสีทองของฮันซูที่พุ่งเข้ามาออกไปขณะที่เขาตะโกนเสียงดังไปยังคนที่อยู่รอบๆ
“ไอ้พวกหน้าโง่! ฉันควรจะบอกเรื่องตลกให้พวกแกฟังสักเรื่องไหม? มันเกี่ยวกับเจ้าคนที่ชื่อคลีเมนไทล์นั่น!”
‘เวรเอ้ย!’
เอคิดูพยายามจะปิดปากของอีกฝ่าย แต่ดาคิดัสแข็งแกร่งกว่าคาริมที่เสียแขนไปมากนัก
ความจริงเริ่มที่จะดังขึ้นจากปากของดาคิดัสในขณะที่เขากระโดดไปมารอบๆ ราวกับสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บ
เสียงนั้นดังมากพอที่ทุกคนในหมู่บ้านจะได้ยิน
ดาคิดัสที่ได้รับหน้าที่เป็นผู้รวบรวมและจัดการมนุษย์ และคลีเมนไทล์ ผู้ที่คิดแผนนี้ขึ้นได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวกันค่อนข้างมากในระหว่างสร้างถนนสีเขียว
แม้ว่าดาคิดัสจะทำเหมือนมนุษย์เป็นเพียงแมลง คลีเมนไทล์ก็ได้กระตุ้นความสงสัยของมันขึ้นไม่น้อย
คลีเมนไทล์มักจะเอ่ยออกมา ราวกับว่ามันเป็นนิสัย ในระหว่างที่กำลังสร้างหมู่บ้าน
<ฉันต้องการคนมากกว่านี้ มากกว่านี้>
<ทำไมล่ะ? แกสามารถอาศัยอยู่ที่นี่อย่างราชาได้ด้วยซ้ำ? ถ้ามันเป็นแก งั้นเราอาจจะยอมให้แกอาศัยอยู่เป็นราชาที่นี่ได้>
คลีเมนไทล์แย้มยิ้มลึกลับออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
<เป้าหมายของฉันไม่ใช่ที่นี่ แต่สูงกว่านี้มาก ฉันต้องการคนมากกว่านี้เพราะแบบนั้น>
แม้ว่าความแข็งแกร่งของคนคนหนึ่งจะสำคัญ แต่จำนวนเองก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินความแข็งแกร่งของกลุ่มเช่นกัน
แต่มันมีปัญหาอย่างหนึ่ง
การต่อสู้ไม่เคยจบสิ้น และการแข่งขันได้ปรากฏขึ้นอยู่เสมอ
การต่อสู้กับกำลังภายนอกมันรุนแรง แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือความขัดแย้งภายในระหว่างมนุษย์
การที่พวกเขาไม่มีความรู้ว่าพวกเขาต้องมุ่งเป้าไปที่ใครเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น
ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผู้คนที่พวกเขาไว้วางใจให้ช่วยระวังหลังจะหันมาแทงข้างหลังพวกเขาแทน
อย่างน้อยถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นเพื่อนพ้องกันมาหลายปี
และปัญหานี้จะปรากฏขึ้นต่อไปแม้ว่าพวกเขาจะขึ้นไปแล้ว
และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ทำให้มันไร้ซึ่งความเชื่อใจระหว่างผู้คน
ขณะที่อันตรายและความรับผิดชอบที่แต่ล่ะคนต้องแบกรับเพิ่มขึ้น มันก็มีทรัพยากรน้อยลง การต่อสู้ก็มีเพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
คลีเมนไทล์คิดแบบนี้อยู่ตลอด แต่ว่ามันยังไม่พอ
ในเมื่อพลังของกิลด์ช่วยเหลือและกิลด์ครอสที่ถูกสร้างขึ้นโดยศัตรูของเธอมันใหญ่โตมากเกินไป
แต่ทันทีที่เธอเห็นเขตสีเหลือง
และเมื่อเธอเห็นสามเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่ไม่ชอบมนุษย์
คลีเมนไทล์ก็ตัดสินว่ามันคือเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นแผนของเธอ
ถ้ามันคือโลกที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์ งั้นการควบคุมทุกอย่างย่อมไม่ยากขนาดนั้นด้วยเพียงแค่ความแข็งแกร่งของพวกเธอ แต่เขตสีเหลืองนี้ไม่เหมือนกัน
ถนนสีเขียวที่เริ่มต้นจากหมู่บ้านคือบททดสอบ
บางอย่างที่จะทดสอบเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงและผู้ติดตามของคลีเมนไทล์สร้างขึ้น
พวกที่ผ่านจะถูกส่งขึ้นไป และพวกที่ล้มเหลว… จะกลายไปเป็นเครื่องสังเวย
มันไม่มีความจำเป็นในการส่งคนที่อาจมีโอกาสเป็นอันตรายต่อเธอขึ้นไป
ดาคิดัสเอ่ยต่อ
“อืม โดยปกติแล้วพวกแกจะถูกทดสอบต่อขณะที่พวกแกเดินทางผ่านถนนสีเขียว แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น งั้นก็มาเริ่มบททดสอบให้มันเร็วขึ้นเถอะ”
“นังผู้หญิงสารเลวนั่น…”
ทุกคนหมุนลิ้นไปมา
มันไม่ใช่คำพูดที่มุ่งตรงไปยังดาคิดัส
พวกเขาแค่ตื่นตะลึงกับแผนการบ้าๆ ที่คลีเมนไทล์สร้างขึ้น
ดาคิดัสหัวเราะเสียเย็นขณะที่มองไปยังเหล่านักผจญภัย
“มันยากเกินไปเหรอ? มาทำให้มันง่ายเถอะ มาอยู่กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงและขึ้นไป หรือจะยืนอยู่ฝ่ายมนุษย์ด้วยการเล่นกับเจ้าเอคิดูกับฮันซูนั่น มันง่ายใช่ไหมล่ะ?”
“อึก…”
ทุกคนเริ่มจะพึมพำ
มันชัดเจนว่าพวกเขาควรจะอยู่ฝ่ายไหน
ในเมื่อพวกเขาคือมนุษย์
เว้นเสียแต่ปัญหาคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายชนะและฝ่ายที่แพ้นั้นชัดเจนเกินไป
ถ้าพวกเขาเข้าร่วมกับมนุษย์… งั้นพวกเขาก็จะถูกฆ่าตายกันหมด
พวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดได้อย่างไรถ้าพวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเอาจริง?
‘คิฮี่ฮี่ฮี่ ดี ดี’
ดาคิดัสเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาเมื่อเขาเห็นท่าทีของคนเหล่านั้น
การโจมตีที่มุ่งตรงมายังเขาลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง
ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังคิดอยู่
‘เจ้าโง่คาริม ถ้าแกพูดเรื่องนี้เร็วกว่านี้ งั้นทุกอย่างก็คงไม่มาไกลถึงขนาดนี้’
ถ้าคาริมเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นก่อนหน้า งั้นพวกมันก็คงจะแตกแยกกันเองและวิ่งหนีไปยังถนนสีเขียวและป่าใหญ่แล้ว
มันมีเหตุผลเดียวที่บางส่วนยังคงโจมตี
พวกเขาโจมตีเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาได้ล้ำเส้นที่พวกเขาไม่ควรจะล้ำไปแล้ว และพวกเขาจะไม่อาจได้รับการอภัยอีกต่อไป
ในเมื่อพวกเขาล้ำเส้นไปแล้ว พวกเขาก็อยากจะเห็นจุดจบของมัน
‘ในเมื่อฉันสูงส่งขนาดนี้ ฉันก็จะให้อภัยพวกแก’
ในเมื่อการโจมตีลดลงแล้ว ร่างกายของเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ดาคิดัสตะโกนเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“ในเมื่อฮันซูและนังผู้หญิงนั่นทำเรื่องโง่ๆ พวกนี้ หมู่บ้านนี้ก็จะถูกลบทิ้ง ในเมื่อมันยังมีหมู่บ้านอยู่อีกมาก แม้ว่าฉันจะตายมันก็เหมือนกัน แต่มันยังมีตัวเลือกสุดท้ายให้พวกแกอยู่! อยู่กับฉัน! แล้วฉันจะทำตามข้อตกลงที่ฉันทำกับคลีเมนไทล์ตอนที่พวกเราสร้างหมู่บ้านและทำเหมือนพวกแกเป็นฝ่ายเดียวกัน! ฉันจะยอมยกโทษให้ทุกการโจมตีที่พวกแกทำมาจนถึงตอนนี้!”
จากนั้นดาคิดัสจึงยื้ม
“ฉันรู้ว่าพวกแกอ่อนไหวง่าย พวกแกไม่ผิดหรอก พวกที่ทำให้พวกแกลังเลคือพวกที่ผิด”
ดาคิดัสแย้มรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาไปยังฮันซูและเอคิดูก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะนับถึงสิบ! พวกที่จะอยู่กับฉัน! หยุดโจมตี! ฉันไม่ได้บอกให้พวกแกมาสู้อยู่ข้างฉันด้วยซ้ำ! ตราบเท่าที่แกหยุด… แกจะได้รับการให้อภัย ถ้าฉันตาย… มันจะเป็นปัญหาใช่ไหมล่ะ?”
ผู้คนแตกแยกออกจากคำพูดเหล่านั้น
การโจมตีที่ราวกับพายุพลันลดจำนวนลงอย่างมาก
สนามรบพลันเงียบงันลง
เมื่อคนคนหนึ่งหยุดคิด เรื่องอื่นๆ ก็เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
ราวกับคลื่นแห่งความเงียบได้กวาดผ่านหมู่บ้าน
แน่นอนว่ามันยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงโจมตี
“อ๊ากกกกก!”
ผู้คนที่สูญเสียเพื่อนและครอบครัวอันเป็นที่รักให้กับเขา
และผู้คนที่ไม่ได้โยนศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ของพวกเขาทิ้งไปและโจมตีด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ไอ้พวกเวรบัดซบ! นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยม! โอกาสที่จะฆ่าไอ้เจ้านั่น! พวกแกจะทำยังไงถ้าพวกแกพลาดโอกาสนี้ไป!”
หนึ่งในคนที่หยุดโจมตีตวาดกลับไป
“เราก็ยังไม่ได้บอกว่าพวกเราจะเข้าร่วม! ไอ้เวรเอ้ย! พวกเราก็แค่คิดอยู่!”
“อะไรนะ? ไอ้บัดซบนี่!”
“และถ้าแกไม่คิดจะรับประกันชีวิตของพวกเราก็หุบปากซะหน่อยเป็นไง?”
อารมณ์ของสนามรบที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจกระวนกระวายอยู่แล้วจากดาคิดัสได้ทับถมกันลงไปอีก
ไม่ช้า ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
เอคิดูกัดฟันกรอดเมื่อเห็นเช่นนั้น
‘นี่คือ… สิ่งที่คาริมเชื่อ’
เอคิดูตกลงสู่ความสิ้นหวัง
แต่ได้มีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง
ว่าแม้หมู่บ้านจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันคือสิ่งที่จำเป็น
ว่ามันคือโอเอซิสที่จะมอบความแข็งแกร่งให้พวกเขาสามารถข้ามผ่านถนนแห่งความหวัง ถนนสีเขียว ไปได้
แต่กับการที่ถนนนั่นเป็นเพียงแค่ลานทดสอบมนุษย์เท่านั้น
‘โลกนี้มันบัดซบชะมัด’
ที่เธอสู้มาถึงตอนนี้มันเพื่ออะไร?
ในตอนนั้นเอง
ตูมมมมม!
ฮันซูถูกโจมตีโดยดาคิดัสและกระเด็นผ่านเอคิดูไปกระแทกพื้น
ครึ่ก ครึ่กกกก
“ไอ้หนู แกไม่ควรเล่นแบบนั้นด้วยข้อมูลกระจอกๆ ที่แกไปได้ยินมา ทีนี้แกจะทำยังไงดีล่ะ?”
ดาคิดัสยอมรับว่าฮันซูยอดเยี่ยม
แต่มันไม่มีการสนับสนุนเพียงพอจากรอบข้างของเขา
‘กับการที่เขาคิดจะกบฏด้วยคนพวกนี้’
สุดท้ายแล้ว มนุษย์ก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเลี้ยง
ในเมื่อโลกนี้ทั้งใบอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
มันกว้างเกินไปหน่อย แต่เพราะคลีเมนไทล์ พวกเขาจึงสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์
“กระจอกงั้นเหรอ…”
ฮันซูถุยเลือดออกจากปากก่อนจะกำหอกสายฟ้าแน่นหลังจากที่กระแทกพื้นเสียงดัง
เขาได้บอกเอคิดูไปแล้ว
ว่านี่คือการทดสอบสุดท้ายที่เขามอบให้พวกเธอ
มันจะเป็นการทดสอบได้อย่างไรถ้านักเรียนได้รับความช่วยเหลือจากผู้ทดสอบ
คว้างงงงง
ฮันซูมองไปยังปราสาทสีทองที่ลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า อัททิลลาน