บทที่ 163: เทวาที่ร่วงหล่น (1)
“หืมมม?”
ดาคิดัสขมวดคิ้ว
กับการที่ฮันซูพูดขึ้นมาอย่างหยาบคายเช่นนั้น
เขากำลังจะทำตัวดีๆ กับอีกฝ่าย แต่กับการที่อีกฝ่ายล้ำเส้นมาแบบนั้น
‘ฉันควรจะตัดแขนขาเขาออกสักหน่อย’
ทันทีที่ดาคิดัสคิด
ตูมมมมม!
ลำแสงสีฟ้าได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าเป็นเส้นตรง
ไปยังบริเวณที่ฮันซูยืนอยู่
แต่ดาคิดัสช้าไปก้าวหนึ่ง
คว้างงงงง!
ก่อนหน้าที่ลำแสงสีฟ้าจะลงมาจากฟากฟ้า
หยกผนึกที่หลับใหลอยู่ภายในกระเป๋าของฮันซูก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
และไม่ช้า
คว้างงงงงงง
คลื่นกระแทกจากหยกผนึกได้กวาดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
และลำแสงสีฟ้าที่กำลังลงมาจากท้องฟ้าก็หายไปกลางอากาศ
ราวกับว่าลำแสงสีฟ้นั้นได้หลอมละลายลง
และมันไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่หายไป
“หือ? หืออออออ!”
บาเรียสีฟ้ารอบร่างของเฮลลัมที่กำลังพุ่งเข้าไปยังการต่อสู้ระหว่างเอคิดูและฮันซูหายไปทั้งหมด
“ว๊ากกกก!”
เฮลลัมตื่นตระหนกและเปลี่ยนทิศทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปและวิ่งกลับหลังไปแทน
ฉากที่สร้างความอับอายให้เขาอย่างมาก แต่มันคือการตัดสินใจที่ชัดเจนสำหรับสถานการณ์ของเฮลลัม
การต่อสู้ระหว่างฮันซูและเอคิดูนั้นรุนแรงมากแม้จะได้ยินเพียงเสียง
เขาจะกลายเป็นเนื้อบดและตายอนาถถ้าไม่มีพลังของดาคิดัส
เฮลลัมกัดฟันกรอดขณะที่วิ่งหนีไป
‘บ้าเอ้ย ฉันมันไอ้โง่ กับการที่ไปเชื่อไอ้หมาสารเลวเสียสตินั่น’
เฮลลัมคิดความเป็นไปได้ออกเพียงอย่างเดียว
ดาคิดัสได้หยอกล้อเขา
แรงสั่นสะเทือนลึกลับที่ปรากฏขึ้นมาจากฮันซูได้ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ทว่าเขาสลัดความเป็นไปได้นั้นออกไปในทันที
‘ไม่มีทาง’
กับการที่มนุษย์สามารถสร้างความเสียหายให้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อน
‘บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ย!’
จะยังไงก็เถอะ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการหนี
เฮลลัมที่ไม่กระทั่งสนใจรอบข้างและรีบหนีไปพลันหยุดชะงักลง
‘ทำไมมันถึงไม่มีเสียงระเบิด?’
การต่อสู้ระหว่างเอคิดูและฮันซูที่สู้กันราวกับต้องการจะกระชากหัวใจของอีกฝ่ายออกมาพลันหยุดลง
ในเวลาเดียวกัน เสียงแปลกประหลาดได้ดังขึ้นจากด้านบน
‘เกิดอะไรขึ้น…’
เฮลลัมที่กำลังจะหมุนตัวกลับรู้สึกสงสัยในเสียงที่ดังขึ้นจากด้านบนก่อนจะเหลือบมองไปด้านบนแทน
ในตอนนั้นเอง
เฮลลัมหยุดอยู่กับที่ในทันที
‘ฉิบหายเอ้ย…’
‘…ทำไมฉันถึงยังไม่เป็นไร?’
เอคิดูตรวจสอบร่างกายของเธอที่ถูกฝังอยู่ในมุมหนึ่งของตึกก่อนจะแสดงสีหน้างุนงงออกมา
มันมีร่องรอยการต่อสู้จำนวนมาก ทว่าร่างกายของเธอยังคงมีสภาพดีอยู่
และสติของเธอได้กลับมาเป็นปกติเช่นกัน
ตอนที่เอคิดูใช้วิชามารธาราขาว เธอได้คำนวณถึงผลที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้และใช้มัน
มีเพียงสองสถานการณ์ที่จะทำให้วิชามารธาราขาวหยุดทำงาน
การที่อาชญากรทั้งหมดที่สร้างความวุ่นวายให้หมู่บ้านตาย
หรือตัวเธอเองที่ตาย
แม้ว่าเธอจะไม่อาจต้านทานนักล่าและการ์ดจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวของเธอเองก็ตาม
แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันต่างจากที่เธอคาดเอาไว้มากเกินไป
ไม่สิ บางอย่างที่เธอไม่อาจแม้แต่จะฝันกำลังเกิดขึ้น
‘เผ่าพันธุ์ชั้นสูง… ดาคิดัสกำลัง…’
ครืนนนน
ดาคิดัสตกลงมาจากความสูงไม่น้อย
เหมือนกับเทพที่สูญเสียปีกของเขา
จากท้องฟ้าสู่พื้นดิน
มงกุฎสีฟ้าที่ดูสง่างามบนศีรษะของเขาได้สูญเสียประกายของมันไปนานแล้ว
มันไม่ใช่แค่นั้น
ครืนนนนน
ปราสาทยักษ์ที่ลอยอยู่ด้านบน
ปราสาทสีทองที่เคยส่องประกายสีฟ้าเหมือนกับมงกุฎกำลังร่วงหล่นลงมา
“ว๊ากกกกก!”
“ชิบ! วิ่ง!”
‘มันวุ่นวาย’
ไม่เหมือนเอคิดูที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างสมบูรณ์ การ์ด นักล่า และชาวนาล้วนวิ่งหนีไปทุกทิศทาง
พวกเขาต้องทำแบบนั้น
ไม่ว่าร่างกายของพวกเขาจะทรงพลังแค่ไหน ถ้าน้ำหนักมากมายขนาดนั้นร่วงลงมาทับหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตนเองทั้งนั้น
ในตอนนั้นเอง
“แทนที่จะมามัวเหม่ออยู่ก็ลุกขึ้นมาเถอะ นี่แค่จุดเริ่มต้น”
ครึ่กกกก
“…ฮันซู?”
เอคิดูพึมพำขณะที่เธอมองไปยังฮันซูที่ดึงเธอออกมาจากกองเศษหิน
คนที่ดูคล้ายกับฮันซูที่เธอรู้จัก ทว่ามีหลายอย่างที่ต่างออกไป
เกล็ดที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา
‘… เขาโดดเด่นจริงๆ’
การที่เขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลยไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เธอคิดเช่นนั้น
มันเป็นเพราะท่าทีต่อสถานการณ์ในยามนี้
ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการร่วงหล่นของป้อมปราการดาวเทียม ฮันซูยังคงสามารถรักษาความเยือกเย็นของเขาเอาไว้ได้ได้ทำให้เขายิ่งโดดเด่นออกมา
ทว่าเอคิดูรู้ในทันที
“มันเป็นว่า… คุณเป็นสาเหตุรึเปล่า?”
เธอไม่อาจกระทั่งจินตนาการว่าเขาทำยังไงเมื่อเห็นท่าทีของเขา แต่มันไม่มีความเป็นไปได้อื่นแล้ว
อืม การที่ดาคิดัสที่เหมือนพระเจ้าได้ร่วงลงมาจากท้องฟ้าแค่อย่างเดียวก็เกินกว่าจินตนาการของเธอแล้ว
และฮันซูก็ได้ผงกศีรษะให้เอคิดู
สีหน้าของเอคิดูซับซ้อนขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของฮันซู
‘… แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ?’
มุมหนึ่งในความคิดของเอคิดู แทนที่จะรู้สึกโกรธในตัวของดาคิดัสที่ร่วงลงมา มันกลับปรากฏความกังวลที่ก่อตัวขึ้น
ดาคิดัสร่วงและอาทิลลานจม
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเธอที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่ควรจะเกิดขึ้น
และการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทำให้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวลจากการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหมู่บ้าน ชาวบ้าน และตัวเธอเอง
ในเมื่อมีอย่างหนึ่งที่ชัดเจน
ความโกรธเกรี้ยวของดาคิดัสได้พุ่งทะยานขึ้นสูง
และราวกับว่ามันกำลังยืนยันว่าการคาดคะเนของเธอไม่ได้ผิดพลาด
ตูมมมมมม!
“กรรรรรรรรร!”
เสียงคำรามที่ดังขึ้นห่างออกไปได้ดังก้องไปถึงคลังแสงที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขา
เสียงคำรามของดาคิดัสหลังจากที่เขาร่วงลงมา
เสียงหอนที่เต็มไปด้วยความงุนงงและกราดเกรี้ยวดังก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
‘บ้าเอ้ย’
คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นจากเสียงนั้นได้สั่นสะท้านร่างกายของทุกคน
เอคิดูเซไปมาเพื่อที่จะรักษาสมดุลร่างกาย
โดยปกติแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
มีเพียงแค่ตอนนั้นเองที่เอคิดูรู้ว่าทำไมเธอถึงได้กลับมามีสติและทำไมดาคิดัสถึงได้หล่นลงมาจากท้องฟ้า
ในเมื่อวิชามารธาราขาวที่ป้องกันทั้งร่างของเธอเอาไว้ได้หายไป
ไม่สิ แม้จะไม่คิดถึงวิชามารธาราขาว ไม่ว่าจะเป็นสกิลใดของเธอก็ไม่อาจใช้ได้
‘มานา… ถูกแช่แข็งหมด’
ขณะที่สีหน้าของเอคิดูแข็งค้างจากการค้นพบนี้
ตูมมมมม!
ฮันซูได้ทะยานร่างไปด้านหน้าและเตะเอาคลังแสงที่พังไปครึ่งหนึ่งแล้วออกไป
เผยให้เห็นภายในที่เปราะบางทว่าถูกจัดระเบียบไว้เป็นอย่างดี เกราะและอาวุธจำนวนมากได้ส่องประกายให้เห็น
“เฮ้! เฮ้! นั่นมันของหมู่บ้าน…”
“ฉันก็ใช้มันเพื่อหมู่บ้าน”
ฮันซูเดินเข้าไปและเริ่มสวมใส่ของที่มีประโยชน์ลงบนร่างของเขา
มันค่อนข้างจะด้อยกว่าสิ่งที่เขามีไปสักหน่อย ทว่าพวกมันก็ยังคงยอดเยี่ยม
ฮันซูเดาะลิ้นใส่เอคิดูที่มองเขาด้วยความสับสนก่อนจะทำลายกำแพงอีกส่วน
ตูมมมมมม!
มันมีไอเทมที่แตกต่างออกไปนิดหน่อยจากไอเทมที่ปรากฏขึ้นจนถึงตอนนี้ในคลังส่วนนี้
ไอเทมที่มีระดับสูงกว่าอันอื่นๆ แม้ว่าจะเพียงแค่เหลือบมอง
‘ไอ้นี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ’
หมายเลข 779 เกราะโลหิตหยาง
เกราะนี้ที่กระตุ้นความกระหายเลือดของผู้ใช้ไม่ค่อยเหมาะกับเอคิดูที่สามารถบ้าคลั่งได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วเท่าใดนัก ดังนั้นแล้วมันจึงได้ถูกเก็บอยู่ในมุมหนึ่งของคลังนี้ ทว่าแต่เดิมแล้วมันคือไอเทมที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้หัวหน้าหมู่บ้าน
ฟึ่บ!
ฮันซูหยิบเกราะโลหิตหยางออกมาและโยนมันไปยังเอคิดูก่อนจะเอ่ยขึ้น
“รีบๆ สวมมัน ในเมื่อมานาถูกแช่แข็ง เธอคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของมัน”
สีหน้าของเอคิดูแข็งทื่อขึ้นขณะที่เธอจ้องไปยังฮันซู
ในเมื่อสิ่งที่ฮันซูกำลังวางแผนอยู่นั้นค่อนข้างจะชัดเจน
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะเป็นกังวล
“เฮ้! นายจะไม่หนีไปเหรอ? นายจะทำยังไงกับไอ้นั่น…”
ขณะที่เอคิดูชี้ไปยังอัลทิลลานที่กำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า
กิ้ง กิ้ง กิ้งงง
ความเร็วในการตกลงมาของอัลทิลลานพลันลดลง
และแสงสีฟ้าอ่อนจางก็ได้ปรากฏขึ้นที่ก้นของปราสาทสีทอง
“หืมมม”
‘ถึงแม้ว่ามันจะถูกเสริมพลังมาแล้ว… ระยะห่างจากที่นี่ไปยังอัลทิลลานก็ยังไกลเกินไป’
ฮันซูมองไปยังท้องฟ้าก่อนจะสัมผัสหยกผนึกในมือของเขา
ถ้าเขาสามารถยิงตรงไปยังเครื่องยนต์มานาได้โดยตรง งั้นเขาก็คงจะยิงมันร่วงลงมาไปแล้ว
แต่ในเมื่อเขาไม่อาจทำได้ ปราสาทก็จะฟื้นฟูและกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากผ่านไปสักพัก
เขาต้องฆ่าดาคิดัสให้ได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
‘อืม มันก็ไม่เลว’
ในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกปราสาทหล่นทับอีกต่อไป
ในตอนที่ฮันซูกำลังจะออกจากคลังแสง
ตูมมมมม!
บางอย่างได้ทะลวงผ่านคลังแสงเข้ามา
แคร่ก แคร่กก
สิ่งนั้นลอยผ่านฮันซูและกระแทกไปยังกลางดงเกราะและอาวุธ
และสิ่งนั้นพลันส่งเสียงร้องออกมาหลังจากกระแทก
“อึก…”
“… เฮลลัม”
สีหน้าของเอคิดูแข็งค้างขณะที่เธอมองไปยังเฮลลัมที่กระแทกกับคลังแสงพร้อมกับแขนขาที่ถูกหัก
มันมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้
ในตอนนั้นเอง
เสียงตะโกนดังลั่นได้ดังขึ้นจากห่างออกไป
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! พวกแกจะทำยังไง? พวกแกจะพยายามเหวี่ยงไอ้ดาบของเล่นพวกนั้นมาที่ฉันงั้นเหรอ?”
หลังจากนั้นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจก็ดังขึ้น
ตูมมมมมม!
ราวกับว่าบางอย่างได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นอย่างรุนแรง
คลื่นกระแทกมหาศาลได้กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นดิน
เหมือนกับแผ่นดินไหว
ครืนนนน!
จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้ สิ่งก่อสร้างที่รักษาสภาพของมันเอาไว้ได้อย่างหมิ่นแหม่ก็เริ่มพังทลายลง
และเอคิดูรู้ว่าสิ่งใดที่สร้างแผ่นดินไหวนั้นขึ้น
‘ชิบ… แค่ก้าวเดียว…’
กำแพงและสิ่งก่อสร้างพังทลายลงพร้อมกับร่างของดาคิดัสที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้าได้ปรากฏขึ้นให้เห็นห่างออกไป
แสงสีฟ้าที่ครอบคลุมร่างของเขาอยู่ได้หายไป
และมันได้ทำให้อีกฝ่ายโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
ร่างใหญ่โตสูงสี่เมตรที่ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้ได้ตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า
กล้ามเนื้อที่แข็งราวเหล็ก
กรงเล็บที่มีขนาดเท่ามนุษย์คนหนึ่งและดูราวกับจะฉีกกระชากเกราะได้ทุกชิ้น
ผิวหนังสีดำส่องประกายที่ดูเหมือนว่าไม่มีอาวุธธรรมดาชิ้นใดสามารถกระทั่งสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้
และดาคิดัสนั่นกำลังเหวี่ยงกรงเล็บของเขาไปรอบๆ และเริ่มการสังหารหมู่
ตูมมมม!
ตูมมมมมม!
“ไอ้พวกสวะหน้าโง่! วางกับดักงั้นเหรอ?! อวดดี! เข้ามาสิ! ไอ้พวกแมลงเอ้ย! ผู้รวบรวมคนนี้จะฉีกพวกแกเป็นชิ้นๆ!”
“อ๊ากกกกก!”
นักผจญภัยที่พุ่งเข้าไปหลังจากที่เห็นดาคิดัสร่วงลงมาและคิดว่ามันคือโอกาส
นักผจญภัยเหล่านั้นทั้งหมดกำลังถูกบดขยี้
กรรรรรรร!
ทุกครั้งที่ดาคิดัสเหวี่ยงกรงเล็บและกัดด้วยปาก ร่างกายของมนุษย์จะถูกหั่นครึ่ง ศีรษะกระเด็นลอยออกไป
พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ได้ตอนที่อีกฝ่ายถูกโอบล้อมด้วยแสงสีฟ้า
แต่เมื่อภาพของเทพได้หายไป ดาคิดัสที่ร่วงลงมาสู่พื้นดินก็ได้กลับกลายเป็นปีศาจไปด้วยตนเอง
‘บ้าเอ้ย… บ้าเอ้ย’
เอคิดูแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น
พวกเธอได้ดึงอีกฝ่ายลงมาจากท้องฟ้าและหักปีกของเขา
ทว่ามันยังไม่พอ
ไม่สิ ดาคิดัสรู้สึกว่าอำนาจของเขากำลังถูกท้าทายและเขากำลังฆ่าล้างด้วยความบ้าคลั่ง
ภาพนั้นมันเหมือนกับสัตว์ประหลาดคลั่งที่พวกเขามักจะเผชิญหน้าด้วย
เว้นเสียแต่ว่าสกิลและอาร์ติแฟตที่พวกเขามักจะมีบนร่างล้วนไร้ประโยชน์
นี่คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขากำลังถูกฆ่าล้าง
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับเอคิดู
“ตื่นได้แล้ว มันก็แค่สัตว์เลี้ยง หัวขโมยมาถึงจุดนี้ได้ก็ไกลมากพอแล้ว”
‘หัวขโมย?’
เอคิดูแสดงสีหน้างุนงงออกมาก่อนจะตะโกนออกไปอย่างเร่งรีบ
“…นายจะฆ่าไอ้ตัวนั้นงั้นเหรอ? ยังไง!?”
ฮันซูมองไปยังเอคิดู
“เราควรจะทำในส่วนของเรา”
ถ้าดาคิดัสถูกปล่อยไว้แบบนั้น ความสูญเสียก็มีแต่จะมากขึ้น
เขาต้องจัดการกับหมอนั่นก่อน
ฮันซูที่เตรียมตัวออกไปสู้อย่างเต็มที่เอ่ยขึ้นกับเอคิดู
“ฉันจะรับมือเรื่องนี้เอง เธอรวบรวมคน ติดอาวุธให้พวกเขาโดยใช้ไอเทมจากคลังแสงแล้วพาพวกเขามา”
เขาแค่คนเดียวดูจะยากเกินไปหน่อย
ในเมื่อดาคิดัสยังคงมีร่างกายของสัตว์อสูรแม้ว่าเขาจะไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
ในตอนนั้นเอง
เฮลลัมที่ติดอยู่ที่มุมหนึ่งก็แสยะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา
“คิ… ฮี่ฮี่ แกคิดเหรอว่าคนอื่นๆ จะช่วยแก?”
สิ่งที่แข็งแกร่งขนาดนั้นแม้ว่าจะไม่มีมานา
เขารู้ในเมื่อเขาได้สัมผัสพลังนั่นมาแล้ว
ใครจะอยากไปเข้าร่วมการต่อสู้นั่นหลังจากที่เห็นภาพนั้นแล้ว?
ฮันซูเดินไปยังเฮลลัม ยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นด้วยคอเสื้อก่อนจะเอ่ยขึ้น
ครืนนนนน
“ใครบอกว่าให้ช่วย?”
“อะไรนะ?”
เขาไม่ได้ขอให้พวกนั้นทำอะไรที่พวกเขาไม่อาจทำได้
ในเมื่อดาคิดัสที่มีมานาก็คือเทพสำหรับพวกเขา
แต่มันไม่ใช่ในตอนนี้
มันก็แค่สัตว์อสูรที่กลับลงมาบนพื้น
ถ้าพวกนั้นไม่อาจกระทั่งทำหน้าที่ที่เขามอบโอกาสให้ งั้นพวกนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
“ฉันกำลังมอบโอกาสให้พวกเธอ โอกาสที่จะแทงดาบเข้าไปในร่างของมัน”
‘นี่คือบททดสอบสุดท้ายที่ฉันจะมอบให้กับพวกนาย’
ฮันซูเอ่ยขึ้นกับเอคิดู