บทที่ 162 ความวุ่นวายที่กำลังใกล้เข้ามา

ในโลกแห่งวรยุทธ์นั้น สถานะของหลัวเฟิงถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก

ถึงแม้ว่าสำนักหมัดเทพทวาราจะไม่ถือว่าเป็นหนึ่งในสามอิทธิพลใหญ่ของโลกยุทธภพ แต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มสามสำนักใหญ่ สำหรับหลัวเฟิงนั้น พรสวรรค์ของเขาเป็นที่รู้กันไปทั่ว เขายังได้รับการสนับสนุนจาก‘หมัดเทพหนานเต่า’ฉีเสี่ยวหยู ด้วยเหตุนี้เอง พฤติกรรมของหลัวเฟิงจึงหยิ่งผยองไม่น้อย

แต่ในวันนี้ ไม่เพียงถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากใครบางคน เขาถูกไฟไหม้จนสภาพดูแทบไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกตกตะลึง

‘หมัดเทพหนานเต่า’ฉีเสี่ยวหยู คือชายชราเคราขาว ร่างกายของเขานั้นดูแข็งแรงและสุขภาพดี ส่วนความแข็งแกร่งนั้นแน่นอนว่าสูงยิ่ง แต่เวลานี้เขากำลังเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด ผู้คนต่างรีบพาร่างของหลัวเฟิงเข้าไปในบ้านพัก ส่วนฉีเสี่ยวหยูรีบนำศิษย์สำนักมากฝีมือกว่า 10 คน มุ่งไปยังยอดหน้าผาที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้านทันที

หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ไม่ใช่มีแค่คนของสำนักหมัดเทพทวาราเท่านั้น แต่ยังมีคนจากสำนักและตระกูลอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งตระกูลหลงด้วย

เวลานี้ หลงโม่หรันยืนอยู่ไม่ไกลจากหลงจื่อและหลงชิง ที่กำลังยืนคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และมองดูหลัวเฟิงที่ถูกพาตัวเข้าไปในบ้านพัก แต่เมื่อมองไปยังชายชราเคราขาวฉีเสี่ยวหยู ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ชายสวมหน้ากากสามารถปล่อยบอลไฟได้?”

ใจของหลงโม่หรันถูกกระตุ้นขึ้นมา เขาเค้นเสียงก่อนจะโบกมือออกคำสั่ง “หลงจื่อ หลงชิง พวกเจ้ามากับข้า ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่าชายสวมหน้ากากคนนั้นมันใช่เจ้าเด็กเวรนั่นหรือไม่!”

“ครับ”

หลงจื่อและหลงชิงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว

หลงชิงดูเหมือนกับชายอายุราวๆ 27 ปี ที่มีใบหน้าที่ดูเฉยเมย เมื่อได้ยินว่าหลงโม่หรันจะไปดูชายสวมหน้ากาก เขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ขณะที่หลงจื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกลขมวดคิ้วแน่น เขาเคยประมือกับชายสวมหน้ากาก และถูกทักษะกรงเล็บมังกรจู่โจมกลางอากาศจากระยะไกลมาแล้ว ชัดเจนว่าคนๆนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ! นอกจากนี้ หลงหวางเอ๋อยังถูกใจชายสวมหน้ากากอีกด้วย…….

ช่างน่าสงสาร

หลงจื่อปรายตามองด้านหลังของหลงโม่กรันและลอบส่ายหัว เขาคิดว่าผู้นำตระกูลช่างเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบเสียจริง

ในตอนที่หลงจื่อมาถึงที่นี่ เขาเคยเลียบเคียงพูดเรื่องนี้กับหลงโม่หรันแล้ว แต่เมื่อได้ฟังความเห็นของเขา หลงโม่หรันกลับบอกว่าไม่ว่าชายสวมหน้ากากจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางยอมรับให้มันมาเป็นลูกเขยเด็ดขาด เหตุผลเดียวก็คือมันมีความสัมพันธ์กับเย่เฟิง

เรื่องที่เกิดขึ้นมา 20 ปีก่อนนั้น หลงโม่หรันไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต!

“ในเมื่อมันอยู่ที่ยอดหน้าผา เจ้าลูกไม่รักดีก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วยแน่ เมื่อถึงเวลานั้นก็จับตัวพวกมันทั้งคู่ไว้ให้ได้”

หลงโม่หรันออกคำสั่งด้วยสีหน้าหนักแน่น หลังจากนั้นจึงหันตัวเดินออกจากหมู่บ้านไป ฝักกระบี่ที่ดูธรรมดาถูกแขวนอยู่รอบๆเอวของเขา

หลงจื่อและหลงชิงเดินตามไปเช่นกัน ด้านหน้าของทั้งสามก็คือ ‘หมัดเทพหนานเต่า’ฉีเสี่ยวหู รวมทั้งกลุ่มศิษย์สำนักหมัดเทพทวารานับสิบ

หลงโม่หรันนั้นไม่เกรงกลัวการเผชิญหน้ากับฉีเสี่ยวหยู เพราะในมุมมองของเขา หลังจากพบตัวชายสวมหน้ากากแล้ว เขาคือผู้ที่มีคุณสมบัติในการตัดสินเท่านั้น

ถึงแม้หลงโม่หรันจะมีระดับวรยุทธ์อย่างน้อย 60 ปี แต่ด้วยพรสวรรค์ที่มี เขาสามารถบรรลุเพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นที่สามได้อย่างเหลือเชื่อ แม้จะต้องประมือกับ ‘หมัดเทพหนานเต่า’ฉีเสี่ยวหยูที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 80 ปี เขาก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด

นี่คือหนึ่งในสามอิทธิพลใหญ่ ความแข็งแกร่งของหัวหน้าตระกูลหลงนั้นอยู่เหนือกว่าทุกตระกูล!

คนสองกลุ่มเริ่มมุ่งหน้าไปยังหน้าผาใกล้ชายฝั่งที่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร เวลานี้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นที่ดึงดูดความสนใจและกระตุ้นความอยากรู้ของผู้ฝึกยุทธ์มากมาย ทำให้พวกเขาคิดจะติดตามคนทั้งสองกลุ่มไปเช่นกัน

พวกเขาอยากจะตามไปดูเรื่องสนุกแต่ก็กลัวจะถูกลากไปสู่ความหายนะด้วย เพราะฉะนั้นจึงเลือกที่จะตามไปโดยเว้นระยะไว้ และจับตาดูจากระยะที่ห่างไกลออกไปแทน

คลื่นทะเลที่แสนจะรุนแรง รวมทั้งท้องฟ้าที่มืดครึ่ม มาพร้อมกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูงมากมาย ทั้งหมดทั้งมวลนี้รวมกันแล้วเหมือนกับฉากที่เป็นมหากาพย์ในภาพยนตร์

…………….

5 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เย่เฟิงยืนอยู่สงบนิ่งขณะรวบเอวของหลงหวางเอ๋อไว้ รอคอยโอกาสที่เหมาะสมในการหลบหนีด้วยการกระโดดลงไปในทะเล

อีกด้านหนึ่ง หลี่เฟิงอยากจะเห็นอีกฝ่ายยอมจำนนต่อหน้าเขา แต่เมื่อพิจารณาจากแววตาของพวกมัน ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ ทำให้หลี่เฟิงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยของ NSA เขายังคงมีความอดทนเหลืออยู่ จึงทำได้เพียงแค่ดันแว่นตาสีทองขึ้นและยืนรอต่อไป

ห่างออกไปจากยอดหน้าผาริมทะเล ดูเหมือนว่าพายุในแทบทะเลจีนตะวันออกเริ่มก่อตัวขึ้นด้วยหิมะและน้ำแข็งจำนวนมาก ขณะกำลังเคลื่อนตัวอย่างคงที่มายังริมหน้าผา กัดกร่อนโขดหินตามรายทางไปทั่ว

ลมพายุที่ถูกพัดมาจากระยะไกล เริ่มรุนแรงและแรงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนชั้นกลุ่มเมฆดำ ราวกับมันกำลังจะกลืนกินพวกเขาเข้าไป

เหล่านกทะเลมากมายที่เห็นท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน พวกมันจึงบินเข้าไปในป่าและหายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ เริ่มมีฟ้าแลบเกิดขึ้นในระยะที่ห่างออกไป ราวกับว่าพวกมันพร้อมจะดูดกลืนทุกสิ่งที่เข้าใกล้ไปอย่างรวดเร็ว

ชุดของทั้งสามกระพือไปกับสายลมทะเลที่เยือกเย็น ขณะที่ใบไม้มากมายถูกลมพัดให้หมุนไปรอบๆ

“เราจะทำไงดี?”

หลงหวางเอ๋อเอ่ยขึ้นมาขณะอิงกับแขนของเย่เฟิง เมื่อหญิงสาวไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขา เธอจึงถามขึ้นมาด้วยเสียงอันเบาที่มีร่องรอยของความกังวลในใจ

‘หลี่เฟิง’ ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกยุทธภพราวกับเสียงฟ้าผ่า

แม้ผู้ฝึกยุทธ์คนใดที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม แต่หากตกไปอยู่ในมือของมันล่ะก็ พวกเขาย่อมมีจุดจบที่ไม่สวย เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ ไม่เพียงจะถูกถอดหน้ากากออกเท่านั้น ตำราวรยุทธ์หายากทั้งสองเล่มก็จะถูกมันยึดไปด้วย

แล้วจะต่อต้านอย่างไร?

ขณะเผชิญหน้ากับคนของหน่วย NSA มีผู้คนเพียงหยิบมือที่กล้าขัดขืนหรือแม้แต่สังหารคนของหน่วยนี้ แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ถูกตัดสินให้ประหารตามกฎพิเศษ หรือต่อให้โชคดีหนีรอดไปได้ พวกเขาก็จะถูกประกาศจับในฐานะอาชญากรที่ต้องการตัวมากที่สุดของประเทศ

อย่างเช่น ขวานวายุ อาวุธคุ้มกันจุยหุน หรืออาชญากรคนอื่นๆ พวกมันต่างเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว สุดท้ายก็ล้วนมีจุดจบที่น่าอนาถ

หลงหวางเอ๋อคิดว่าเธอกับเย่เฟิงอาจจะอยู่ในประเทศจีนต่อไปไม่ได้อีก

“อย่าห่วงเลย”

เย่เฟิงตอบกลับเบาๆ ถึงอย่างนั้น คิ้วของเขาพลันขมวดขึ้น เพราะด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงกลุ่มคนที่กำลังมุ่งตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว

กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมาก!

‘คนของหมัดเทพทวารางั้นหรือ?’

เย่เฟิงพบว่ากลุ่มคนที่กำลังมุ่งมาที่นี่นั้น นำโดยคนที่เขาเคยพบครั้งหนึ่งเมื่อตอนอยู่ที่เขาฉางไป่ เป็นคนที่กล้าพูดจาถากถางต่อหน้าหลงโม่หรัน และเป็นชายชราเคราขาวที่ดูน่าเกรงขาม

เย่เฟิงรู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังแย่ลงไปอีก เขาคิดว่าทำไมหลัวเฟิงถึงได้กลับไปเร็วนัก ไม่ใช่แค่นั้น มันยังว่ายน้ำกว่า 5 กิโลเมตรในระยะเวลาสั้นๆ และพาคนของหมัดเทพทวารากลับมาที่นี่

ภาพเงาของชายชราเคราขาว และกลุ่มคนของเขากำลังปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคนอีกคนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นมาในระยะสัมผัสของเย่เฟิง ใจของชายหนุ่มก็พลันตื่นตระหนก เขาสัมผัสได้ถึงร่างๆหนึ่งที่แขวนฝักกระบี่เก่าไว้ที่เอว ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากหลงโม่หรัน!

“พ่อของเธอกำลังมาที่นี่”

เย่เฟิงกระซิบบอกหญิงสาว

“อะไรนะ?”

หลงหวางเอ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนก หลงโม่หรันกำลังมาที่นี่ ถ้าพวกเธอถูกจับได้ล่ะก็………

หนานฟางยืนอยู่ข้างพวกเขาด้วยท่าทีเคร่งขรึม แต่ในใจกำลังคิดถึงวิธีตอบโต้ อย่างไรก็ตาม หลังจากขบคิดอยู่นาน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวก NSA หัวรุนแรงอย่างหลี่เฟิง และยิ่งในสถานที่แบบนี้ เขาก็ไม่อาจหาทางออกได้

แต่ทันใดนั้น คนของหน่วย NSA ก็พบว่าคนของหมัดเทพทวารารวมทั้งคนตระกูลหลงกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่

หลี่เฟิงดันแว่นตาขึ้นขณะกำลังจ้องมองไปที่ชายชราเคราขาว ที่นำกลุ่มคนนับสิบมุ่งหน้ามาที่นี่ด้วยท่าทีคุกคาม เขาจึงเค้นเสียงเย็น “หน่วย NSA จะจัดการเรื่องนี้เอง คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด!”

บรรยากาศเดิมพลันเปลี่ยนไปทันที เพราะคนทั้งสองกลุ่มนั้นไม่ถูกกัน

“เยี่ยมเลย”

โดยไม่ลังเล เย่เฟิงหันตัว ผลักร่างหนานฟางและกระโดดลงหน้าผาอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้คนของหน่วย NSA จะรีบตอบสนอง แต่ก็ยังถือว่าช้าไป เวลานี้ เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อได้กระโดดลงไปแล้ว เงาของทั้งสามพลันหายไปจากปลายหน้าผาต่อหน้าต่อตาคนของหน่วย NSA

ถึงอย่างนั้น คลื่นทะเลที่แสนรุนแรง ตลอดจนพายุสายฟ้ากำลังคลื่นที่เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน!

…………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: อ่านตอนต่อๆไปแล้วหมั่นไส้หลี่เฟิงมากครับ อยากเอาปัตตาเลี่ยนไถหัวมัน แล้วตบแรงๆดัง “แป๊ะ!”