บทที่ 161 สมาชิกหัวรุนแรง
ทั้งสามคนยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน รับรู้ได้ถึงสายลมที่รุนแรงจากที่ห่างไกล ถึงแม้ว่าจะยังเป็นยามเช้า แต่ดวงอาทิตย์ก็ถูกปกคลุมไปด้วหมู่เมฆ ทำให้บรรยากาศดูมืดครึ่ม
คลื่นทะเลที่รุนแรงยังคงโหมกระหน่ำเข้าใส่โขดหินอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้นในไม่ช้า
หนานฟางเงยหน้าขึ้นมองไปยังเย่เฟิง
“ผมจะฝึกมัน”
เขากล่าวด้วยเสียงที่อยู่ในลำคอ
หลังจากขบคิดเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุด ชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าเขาจะเลือกเดินในเส้นทางนี้ และพร้อมจะเป็นผู้ติดตามของเย่เฟิง
ไซ่เชาหงตายไปแล้ว ส่วนหลัวเฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง ความแค้นที่มีในใจของเขาทั้งหมดก็ได้รับการชำระล้างไปด้วยเช่นกัน ใจของหนานฟางล้วนว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าเขาควรทำสิ่งใดต่อไปในอนาคต ในการติดตามเย่เฟิง หนานฟางเชื่อว่าเย่เฟิงจะไม่ทอดทิ้งเขา
“อืมม แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันต่อ จะไปที่ชายทะเลเพื่อล่าตัวหลัวเฟิงไหม?”
เย่เฟิงยิ้มและพยักหน้า ในตอนนี้ หลัวเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าเขาไม่ได้สังหารมัน ย่อมเป็นการทิ้งปัญหาชิ้นใหญ่ไว้ในอนาคต ก่อนหน้านี้ที่เขาใช้เพลิงสีแดง ช่างน่าประหลาดใจที่ดูเหมือนว่าหลัวเฟิงจะสามารถต่อต้านมันได้
“เออ นี่คือภรรยาพี่เย่งั้นหรือครับ?”
หนานฟางมองไปยังหลงหวางเอ๋อที่สวมหน้ากากสีขาว แล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“ใช่ แต่ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้เก็บตำราวรยุทธ์ไว้ เราจะตามล่าตัวหลัวเฟิงก่อนเป็นอันดับแรก”
เย่เฟิงเอ่ยขึ้นแล้วมองไปใต้หน้าผา ชายฝั่งทะเลนั้นไม่ได้อยู่ไกลนัก น่าจะเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทั่วทั้งเขตเซี่ยงซานเป็นส่วนของคาบสมุทร โดยที่ที่ทั้งสามคนยืนอยู่นี้อยู่ทางใต้ของคาบสมุทร
การหาตัวหัวเฟิงย่อมไม่ใช่เรื่องยากมากนัก
ทั้งสามคนมองหน้ากัน ราวกับพวกเขาต้องการจะอ้อมชายฝั่งทางใต้เพื่อตามล่าหลัวเฟิง แต่ทันใดนั้นเอง ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตื่นตัวขึ้นมา
ในป่าด้านหลัง จู่ๆก็มีกลุ่มคนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และล้อมพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้
คนเหล่านี้เป็นพวกหน่วย NSA !
“พวกแกทั้งสามคน ชูมือขึ้นไว้เหนือหัวเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงมืดมนแต่ทรงพลังของชายคนหนึ่งดังออกมาจากในป่า ทำให้พวกเย่เฟิงรับรู้ถึงอันตรายที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับแมงป่อง
หน่วย NSA เหล่านี้มีมากกว่า 20 คนด้วยอาวุธครบมือ พวกเขาปรากฏตัวขึ้นล้อมพวกเย่เฟิงไว้เป็นรูปครึ่งวงกลมที่ปลายหน้าผา หัวหน้าหน่วยหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่นอกวงล้อม มีรูปร่างผอม สวมชุดสูทสไตล์ตะวันตก พร้อมทั้งแว่นตากรอบทอง เขาไขว้มือไว้ด้านหลังและยืนนิ่งด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย
“ของที่อยู่ในมือของแก เอามันมาให้ฉัน”
หัวหน้าหน่วยหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมาด้วยคำพูดที่ดูเรียบง่าย เขามองไปยังหานฟาง และอ่านชื่อของตำราทั้งสองเล็มที่อยู่ในมือชายหนุ่ม
“คุณจะทำอะไร?”
หลงหวางเอ๋อไม่เข้าใจ เธอกล่าวออกมาว่า “หน่วย NSA มีหน้าที่รับผิดชอบแค่จับกุมอาชญากรในโลกยุทธภพ พวกเราไม่ได้ทำลงมือต่อคนธรรมดา แล้วคุณมาขวางพวกเราทำไม?”
“อ่อ”
หัวหน้าหน่วยหัวเราะและดันแว่นตาขึ้น “งั้นหรือ? ไม่ว่าจะลงมือต่อคนธรรมดาหรือไม่ หน่วย NSA มีแนวทางตัดสินของพวกเราเอง ไม่ต้องลำบากให้พวกแกมาตัดสินให้หรอกนะ ผู้ฝึกยุทธ์แบบพวกแกมักจะรังแกผู้ที่อ่อนแออยู่เสมอ แม้ประเทศนี้จะไม่อาจทำอะไรคนแบบพวกแกได้ แต่ถ้าเป็นความต้องการของฉันละก็ ฉันก็สามารถจัดการพวกแกได้โดยไม่มีข้อยกเว้น!”
“แกคือหลี่เฟิง!”
หลงหวางเอ๋อพลันนึกขึ้นมาได้ หญิงสาวกุมแขนเย่เฟิงไว้แน่นขึ้น
หลี่เฟิง?
มันเป็นใครกัน?
เย่เฟิงไม่รู้จักหัวหน้าหน่วยคนนี้ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่มันอย่างระวังและพบว่าดวงตาของฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความดูถูกและเกลียดชัง ฟังจากคำพูดของมันแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่าเจ้านี่คงมีความแค้นกับพวกคนของโลกยุทธภพไม่น้อย
มันคงถึงขนาดอยากจะกำจัดผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนออกไปจากโลกใบนี้เลยทีเดียว……
“โอ้ ดูเหมือนว่าชื่อหลี่เฟิงของฉันจะมีชื่อเสียงไม่เบา”
หลี่เฟิงยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมา “พวกแกทุกคนชูมือขึ้น ฉันจะให้เวลาตัดสินใจ 8 นาที ไม่อย่างงั้น ลูกน้องของฉันจะยิงทันที”
เมื่อพูดเช่นนั้น หน่วย NSA ทั้งหมด 20 คน ยกปืนในมือขึ้นเล็งไปยังกลุ่มของเย่เฟิงทันที!
ปืนของหน่วย NSA นั้นเป็นปืนชนิดพิเศษและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งไม่อาจดูถูกได้ และเย่เฟิงก็เคยลิ้มรสมันมาแล้ว ใจของเขาจึงย้ำเตือนให้ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่จุดที่น่าสงสัยคือ ทำไมฝ่ายตรงข้ามต้องให้เวลาพวกเขาตัดสินใจ 8 นาที?
“หลี่เฟิงมักทำเป็นนี้เป็นประจำ”
หลงฟวางเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิงกล่าวออกมาเบาๆ “หลี่เฟิงนั้นเกลียดชังผู้ฝึกยุทธ์ตั้งแต่ยังเด็ก ในตอนนี้มันได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย NSA แล้ว ถ้าผู้ฝึกยุทธ์คนใดตกอยู่ในกำมือของมันในฐานะอาชญากร คนๆนั้นยอมมีจุดจบไม่สวย นอกจากนี้ มันยังสนับสนุนให้กำจัดโลกยุทธภพออกไปโดยไม่มีข้อยกเว้น…….”
“หยิ่งยโสไม่เบา”
เย่เฟิงหลี่ตามองไปยังหลี่เฟิง
หลี่เฟิงดันแว่นตาขึ้น สายลมที่รุนแรงพัดผ่านร่างของเขาไป ทำให้ชายเสื้อกระพือไปมา ชุดสูทที่สวมใส่อยู่ ทำให้เขาแลดูมีอำนาจ
ทุกๆครั้งที่เขาออกคำสั่งให้จับกุมผู้ฝึกยุทธ์ เขามักจะให้เวลาฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจ 8 นาที ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ หลี่เฟิงจะมองดูอีกฝ่ายอย่างหยิ่งยโสจนพวกมันยอมจำนน และจะให้พวกมันคลานเหมือนสุนัขต่อหน้าเขา
ในหน่วย NSA หลี่เฟิงคนนี้ถือเป็นสมาชิกหัวรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อยืนยันเสมอต้นเสมอปลายว่าจะกำจัดผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน นี่คงเป็นเหตุผลที่มันมีชื่อเสียงอย่างมากในโลกยุทธภพ ไม่สิ ไม่ใช่ชื่อเสียง เป็นชื่อเสียซะมากกว่า
เวลานี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันที่ยอดหน้าผา!
“หลี่เฟิงคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
เย่เฟิงหัวเราะเสียงดัง เขารวบเอวหลงหวางเอ๋อไว้ขณะมองไปยังหนานฟาง ตำราวรยุทธ์ทั้งสองเล็มนี้แม้ถูกฝังอยู่ใต้ดินเป็นเวลานาน ก็ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ฉะนั้นหากโดนน้ำก็ย่อมไม่เป็นปัญหา
ในใจของเย่เฟิง หนานฟางเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับฝึกฝนทักษะวรยุทธ์ประเภทอาวุธลับ เพราะเขามีความสามารถในการซ่อนตัวและอำพราง ตามที่ได้ยินมา เพลงดาบปีศาจคำรามนั้น สามารถกรุยทางให้สำนักเซียนเร้นลับขึ้นเป็นสำนักอันดับต้นๆของโลกยุทธภพ ฉะนั้นประสิทธิภาพของมันย่อมไม่น่าผิดหวัง
เวลานี้ สิ่งสำคัญคือการคุ้มครองหลงหวางเอ๋อและหนานฟาง แน่นอนว่าการกระโดดลงจากหน้าผานี้ถือเป็นอันตรายสำหรับสองคนนี้มาก
ยังมีเวลาอีก 8 นาทีให้ตัดสินใจ
เย่เฟิงขบคิดอย่างรวดเร็ว ในพื้นที่ที่เล็กและแคบนี้ ถ้าอีกฝ่ายเปิดฉากยิงขึ้นมา พวกเขาคงยากจะรอดไปได้ นอกจากนั้น ไม่ว่าทักษะล่องหนหรือทักษะอำพรางก็ไม่อาจใช้การได้ในสถานการณ์นี้ ถ้าเขาต้องการหลบนี้แล้วล่ะก็ มีเพียงหนทางเดียวนั้นคือการกระโดดลงไปในทะเล
………………..
ในเวลานี้อีกด้านหนึ่ง หลัวเฟิงกำลังพยายามว่ายน้ำ พาร่างตัวเองไปยังชายฝั่งของหมู่บ้านประมงเล็กๆแห่งหนึ่ง
ผู้ฝึกยุทธ์มากมายรวมตัวกันอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เพราะมันอยู่ใกล้กับสถานที่ซึ่งปะการังราชันกำลังเติบโต นอกจากนั้น มันจะเติบโตเต็มที่ในคืนนี้แล้ว
เมื่อหลัวเฟิงขึ้นฝั่งได้ในสภาพที่ดูราวกับผ้าขี้ริ้ว รวมทั้งผิวหนังที่เต็มไปด้วยบาดแผลไฟไหม้ กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายก็ต่างตื่นตกใจ!
“ใครทำให้เจ้ามีสภาพเช่นนี้?”
ผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักหมัดเทพทวารา ฉีเสี่ยวหยู ผู้ซึ่งกล้าพูดถากถางหลงโม่หรันก่อนหน้านี้ที่เขาฉางไป่ ก็อยู่ที่นี่เพื่อรอคอยเวลาในคืนนี้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นศิษย์รักของเขาที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ชายชราก็แทบจะสูญเสียความเยือกเย็นไปหมดสิ้น
สถานะของฉีเสี่ยวหยูนั้นเป็นรองแค่สองผู้อาวุโสหลักของสำนักหมัดเทพทวารา และมีชื่อเสียงว่า “หมัดเทพหนานเต่า” ในปัจจุบันนี้ ชายชรายังมีระดับวรยุทธ์สูงถึงระดับ 80 ปี!
สำหรับหลัวเฟิงแล้ว เขาคือศิษย์ที่ฉีเสี่ยวหยูชื่นชอบที่สุด โลกยุทธภพในปัจจุบันนี้ พรสวรรค์ของหลัวเฟิงนั้นถือว่าสูงพอจะยืนอยู่ในกลุ่มหนึ่งในสามของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“ช…ชายสวมหน้ากาก……บนหน้าผา…..มันปล่อยบอลไฟได้…….”
หลังจากหลบหนีมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุด หลัวเฟิงก็หมดสติไป
ปล่อยบอลไฟได้?
ฉีเสี่ยวหยูถูกแผดเผาไปด้วยความเกรี้ยวกราด ใครจะรับผิดชอบต่อหลัวเฟิงที่มีสภาพเช่นนี้? แล้วใครในโลกนี้จะสามารถปล่อยบอลไฟได้ มันเป็นแฮรี่พอตเตอร์หรือไง?
…………………………
แปลโดย Solar Spark