บทที่ 149: หมู่บ้านของผู้เหนื่อยล้า (2)
“ฉันคือการ์ดที่รับผิดชอบพวกนาย เฮลลัม ฉันจะมอบข้อมูลที่พวกนายต้องรู้เพิ่ม”
‘การ์ด?’
อัลแตร์มองไปยังชายที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ที่พักของพวกเธอ
เขามีเรือนผมสีดำและรูปลักษณ์สะดุดตา
แต่ในเมื่อเธอไม่อาจคาดเดาพลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้จากภาพลักษณ์ภายนอก เธอก็ทำได้เพียงแค่คาดเดาว่าระดับความแข็งแกร่งของคนคนนี้ในหมู่บ้านอยู่ประมาณใด
‘ฉันต้องระวังตัว พวกเรา… คือคนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาคนที่นี่’
หนึ่งในสิ่งที่อัลแตร์รู้สึกในระหว่างทางมาที่นี่
พวกเธอไม่เห็นใครที่อ่อนแอกว่าพวกเธอเลย
‘อืม มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น’
ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือเขตที่อยู่อาศัยของพวกเธออยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหมู่บ้าน
<พวกเธอคิดว่าที่นี่ดูเหมือนปลอดภัยเหรอ? ที่นี่คือที่ที่มีสัตว์อสูรจำนวนมากโจมตีหลายครั้งต่อวันนะ! เด็กใหม่อย่างพวกเธออาจจะถูกฆ่าภายในวันเดียวถ้าพวกเราปล่อยให้พวกเธออยู่ที่รอบนอก>
คำพูดของกัปตันการ์ด คาริม ไม่ได้ผิด
ในเมื่อส่วนที่ลึกที่สุดคือส่วนที่ปลอดภัยที่สุด
แต่ยิ่งพวกเธอเข้าไปลึกเท่าใด เธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายเท่านั้น
สิ่งที่แย่ที่สุดคือสีหน้าของคนอื่นๆ
หมู่บ้านถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน
ไม่เหมือนกับสีหน้าสดใสมีความสุขของคนที่อยู่ในรอบนอกที่พวกเธอได้เห็นเป็นอย่างแรก สีหน้าของคนที่อยู่ในด้านในนั้นไม่ได้สดใสขนาดนั้น
เฮลลัมเริ่มอธิบายในขณะที่มองไปยังฮันซูและกลุ่มของอัลแตร์
“พวกเธอมีสองตัวเลือก”
“อะไรล่ะ?”
เฮลลัมอธิบายตัวเลือกอย่างง่ายๆ
“พวกเธอสามารถเลือกเป็นแขกหรือว่าผู้อยู่อาศัยได้ มันคือทางเลือกของพวกเธอไม่ว่าจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าพวกเธอเลือกแล้ว พวกเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ตามใจชอบ”
“… คุณหมายความว่ายังไง?”
เฮลลัมอธิบายต่อ
“อย่างแรก เลือกเป็นแขก ถ้าพวกเธอเลือกจะเป็นแขก งั้นพวกเราก็จะไม่ขัดขวางถ้าพวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน แต่พวกเธอสามารถอยู่ที่นี่ได้ด้วยเวลาจำกัด พวกเธอจะอยู่ที่นี่ได้ไม่เกิน 3 วัน”
อัลแตร์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“สามวัน?”
เฮลลัมหัวเราะ
“พวกเธอน่าจะขอบคุณนะที่มันมากขนาดนั้น เธอคิดเหรอว่านี่เป็นงานการกุศลหรืออะไรแบบนั้นรึไง? การก่อตั้งที่นี่ขึ้นไม่ใช่ฟรีๆ นะ”
โอเอซิส หมู่บ้านที่สร้างขึ้นใจกลางพื้นที่พักรบ
เพียงแค่เพราะมันคือพื้นที่พักรบไม่ได้หมายความว่ามันจะสงบสุข
แม้ว่ามันจะถูกปกปิดอยู่ ประสาทสัมผัสของสัตว์อสูรก็มีการพัฒนาที่ดีมาก และพวกเขามักจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรพวกนี้บ่อยๆ
การที่ใครบางคนกำลังถูกปกป้อง นั่นก็หมายความว่าคนอื่นๆ กำลังทำงานอย่างหนักและปกป้องพวกเขา
“ตัวเลือกแรกก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พวกเธอก็เห็นว่าเราปฏิบัติต่อแขกของเราค่อนข้างดีเลย เรายังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก อย่างน้อยก็ต่อมนุษย์ด้วยกัน”
พวกเขาจะไม่ปล่อยให้พวกที่เพิ่งมาถึงหมู่บ้านแบกรับความรับผิดชอบใดๆ
พวกเขาสามารถออกเดินทางต่อได้หลังจากหยุดพัก
และพวกเขากระทั่งมอบข้อมูลในการเอาชีวิตรอดพื้นฐานเกี่ยวกับที่นี่ให้ เพื่อที่คนเหล่านั้นจะไม่ถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงแค่สามวัน มูลค่าที่แท้จริงของมันก็ไม่ได้เล็กจ้อยแบบนั้น
“เราจะกระทั่งมอบข้อมูลในการไปยังเขตต่อไป <ถนนเขียว> ขอบคุณคลีเมนไทน์เถอะ ถ้าคลีเมนไทน์ นักผจญภัยจากปีที่สองไม่ได้สร้างหมู่บ้านนี่ขึ้น งั้นทุกอย่างก็คงไม่ปรากฏอยู่ตั้งแต่แรก”
อัลแตร์แสดงสีหน้างุนงงขึ้นมากับคำพูดของเฮลลัม
‘คลีเมนไทน์? ใครล่ะนั่น?’
พวกเธอเคยได้ยินเกี่ยวกับแอรีส เคลเดียน และคนอื่นๆ มาบ้าง
ในเมื่อชื่อของคนเหล่านี้แพร่หลายอย่างมากในเขตด้านล่าง
แต่พวกเธอเพิ่งเคยได้ยินชื่อคลีเมนไทน์เป็นครั้งแรก
แต่ไม่เหมือนอัลแตร์ ฮันซูที่ได้ยินเช่นนั้นพึมพำขึ้นเงียบๆ กับตัวเอง
‘ชื่อนั่นที่ฉันไม่ได้ยินมาสักพักแล้ว จริงๆ เลย’
ชื่อที่เขาไม่อาจลืมเลือนได้
“ตัวเลือกที่สองคือการกลายเป็นผู้อยู่อาศัย แต่เมื่อพวกเธอเลือกจะเป็นผู้อยู่อาศัยแล้ว พวกเธอจะไม่สามารถออกไปได้ตามอำเภอใจ อย่างน้อยก็ 6 เดือน พวกเธอจะต้องทำหน้าที่ของเธอภายใน 6 เดือนนั้น”
เมื่อเลือกเป็นผู้อยู่อาศัย คนเหล่านั้นก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายที่หมู่บ้านมอบให้
พวกเขาจะสามารถกินอาหารอย่างปลอดภัยได้ที่บ้าน และกระทั่งได้รับอาวุธดีๆ
แต่พวกเขาก็ต้องทำงาน
ความรับผิดชอบในการรักษาหมู่บ้านให้คงอยู่และปกป้องมัน
อัลแตร์ขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น
แม้ว่ามันจะดูเหมือนสามารถเลือกได้อย่างอิสระ คำตอบก็ได้ถูกเลือกเอาไว้แล้ว
‘… ฉันไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ในเวลาแค่สามวัน’
สัตว์อสูรที่นี่แข็งแกร่งจนให้ความรู้สึกเหมือนกลุ่มยอดฝีมือกลุ่มเล็กๆ
แน่นอนว่ามันอาจจะมีสัตว์อสูรที่อ่อนแอกว่าที่พวกเธอจะสามารถใช้หารูนได้
ในเมื่อพวกเธอเจออยู่ไม่น้อยในระหว่างทางมาที่นี่
แต่เมื่อพวกเธอสู้กับไอ้ตัวพวกนั้น ตัวที่แข็งแกร่งกว่าก็จะได้ยินเสียงการต่อสู้และปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
เธออาจจะถูกฆ่าในเวลาไม่นานหลังจากที่ออกจากที่นี่
‘บ้าเอ้ย ไม่มีทางเลือกเลย อืม อย่างน้อยหกเดือนก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น’
เธอต้องใช้สถานที่นี้เป็นฐานในการทำให้ตัวเธอแข็งแกร่งขึ้น
เธอจะสามารถไปยังเขตต่อไปได้ในเวลาราวๆ 6 เดือน
เฮลลัมดูจะคาดเดาความตั้งใจของอัลแตร์ได้ขณะที่เขาหัวเราะและเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยากอยู่ที่นี่นะ ดี งั้นพวกเธอก็จะเป็นผู้อยู่อาศัยนับตั้งแต่วันนี้ไป พวกเธอพักได้แล้ว”
‘อืม จะยังไงฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับลำดับขั้นอยู่แล้ว’
จะอย่างไร ลำดับขั้นก็มีความสำคัญกับพวกที่ตัดสินใจจะอยู่ที่นี่นานกว่าหกเดือนอยู่ดี
พวกที่อยู่ด้านหน้าเขาตอนนี้จะหายไปในไม่ช้า เพราะงั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นในการอธิบาย
ในตอนที่เฮลลัมกำลังจะจากไปนั้นเอง
ฮันซูที่เงียบมาตั้งแต่ต้นพลันเอ่ยขึ้น
“ฉันได้ยินอะไรที่ค่อนข้างน่าตลกในระหว่างที่มาที่นี่”
“…อะไรนะ?”
เฮลลัมขมวดคิ้ว
‘เขาไม่ควรจะได้ยินอะไรเลย’
สกิลตรวจจับมีอยู่
และแน่นอนว่ามันก็มีสกิลที่สามารถแทรกแซงและหยุดสกิลตรวจจับพวกนั้นได้
และการเรียนรู้สกิลนั่นก็เป็นสิ่งจำเป็นในสถานที่แห่งนี้ เขตสีเหลือง
ในเมื่อมันไม่มีอะไรดีในการที่จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาหลุดรอดออกไป
ทุกบทสนทนาของพวกเขาถูกป้องกันโดยสกิลแทรกแซงการตรวจจับ
‘… ประสาทสัมผัสของเขาดีเกินกว่าปกติหรืออะไรแบบนั้นรึไง?’
สกิลแทรกแซงจะสามารถป้องกันได้เพียงแค่สกิลตรวจจับเท่านั้น
ถ้ามีใครบางคนที่มีประสาทหูที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก งั้นพวกเขาก็อาจจะได้ยินบางอย่าง
สีหน้าของเฮลลัมเย็นชาขึ้นอย่างเชื่องช้า
‘เขาไม่ได้ได้ยินบางอย่างที่เขาไม่ควรได้ยินใช่ไหม?’
ถ้าหมอนี่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเครื่องสังเวย งั้นเขาก็ต้องปิดปากของหมอนี่ตอนนี้
ในเมื่อมันจะเป็นเรื่องน่าเหนื่อยใจถ้าเครื่องสังเวยคนอื่นๆ ได้ยินสิ่งที่หมอนี่พูดและรู้สึกหวั่นไหว
แต่ฮันซูเอ่ยบางอย่างที่แตกต่างไปจากความคาดหมายของเขามาก
“ฉันแค่คิดว่าฉันเป็นนักล่าน่าจะดีกว่าชาวนา ฉันขอเลื่อนขั้น”
การเคลื่อนไหวของชาวนาถูกจำกัดอย่างมาก
เขาจะไม่อาจเตรียมการได้เสร็จด้วยแบบนั้น
‘หือ? เขาได้ยินเรื่องนั้น?’
สีหน้าของเฮลลัมแปรเปลี่ยนไปเป็นความตกใจก่อนจะแสดงท่าทีไว้เชิง
‘มีคนกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองถึงแม้ว่าพวกเราจะกำลังทำดีกับเขา’
เฮลลัมคตรุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะและเอ่ยขึ้น
“อืม เอาเถอะ มาทางนี้”
เฮลลัมลากฮันซูไปยังที่แห่งหนึ่งก่อนจะตะโกนไปยังกลุ่มของอัลแตร์
“พวกเธอก็มาด้วยสิ ในเมื่อสุดท้ายแล้วเราก็ต้องอธิบายเรื่องนี้อยู่ดี”
“…”
อัลแตร์ครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะผงกศีรษะ
ในเมื่อข้อมูลคือพลัง
‘ฉันต้องรู้ทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยเวลาสั้นๆ’
ไม่ช้า กลุ่มของอัลแตร์และฮันซูก็เริ่มตามเฮลลัมไป
ตามถนนที่พวกเขาใช้เข้ามาก่อนหน้า
จากตำแหน่งที่ลึกที่สุดของหมู่บ้านสู่ชายขอบของหมู่บ้าน
เฮลลัมเริ่มอธิบายรายละเอียดอย่างสั้นๆ
‘ชิ น่าเบื่อ’
แต่ในเมื่อมันเป็นบางอย่างที่พวกเขาจะต้องอธิบายให้กับคนมาใหม่ทุกคน มันก็ดูจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยที่จะไม่ทำมันในตอนนี้
“ถ้าพวกเธอตัดสินใจจะเป็นผู้อยู่อาศัยทั่วไป พวกเธอก็จะกลายเป็นชาวนา”
“ชาวนา?”
“ใช่ พวกเธอเรียกพวกที่ปลูกพืชผักโดยที่ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายมากว่าชาวนาใช่ไหมล่ะ? นั่นคือลำดับขั้น พวกเธอจะมีหน้าที่ในการรับมือกับสัตว์อสูรที่อ่อนแอกว่า เพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเธอ รวมทั้งหาอาหารและวัตถุดิบเข้ามาในหมู่บ้าน
“…โดยที่ไม่มีอันตรายมาก?”
อัลแตร์เอ่ยขึ้น
แล้วพวกเธอจะล่าและหาบ้าอะไรมากินได้ในเมื่อสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าจะพุ่งเข้ามาในตอนที่พวกเธอสู้กับพวกที่อ่อนแอกว่าอยู่?
เฮลลัมหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ใช่แล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้มีลำดับขั้นนักล่าอยู่”
ลำดับขั้นนักล่า
คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านในฐานะของชาวนาจนครบหกเดือนจะมีตัวเลือกอีกครั้ง
ว่าพวกเขาจะถูกเตะออกไป
หรือว่าพวกเขาจะทำหน้าที่ต่อในฐานะของนักล่า
งานของนักล่านั้นง่ายดาย
รับมือกับสัตว์อสูรอันตรายที่จะเป็นอันตรายต่อชาวนารอบๆ หมู่บ้าน
นี่คือสาเหตุที่พวกเขาถูกเรียกว่านักล่า
“ดังนั้นนี่คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่ส่วนนอกสุด ในเมื่อพวกเขาต้องหยุดไม่ให้คนอื่นๆ ถูกฆ่าถ้ามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาโจมตี”
“… มันไม่ได้ดูเหมือนสถานที่ที่จะสามารถกินๆ นอนๆ ได้เลยนะ”
“สำหรับเธอแล้ว ที่นี่ดูสบายขนาดนั้นเลยเหรอ? เขตนี้เนี่ยนะ?”
กรรรร!
“… ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่”
อัลแตร์ขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินเสียงคำรามดังลั่นของสัตว์อสูรจากหลังกำแพงไม้ของหมู่บ้าน
‘โดยสรุปแล้ว คนจะต้องทำงานหนักอย่างมากเพื่อที่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้’
ถ้าคนหนึ่งคนจากร้อยคนตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไรเลย งั้นแรงกดดันจำนวนมากขึ้นก็จะไปตกอยู่ที่คนอื่นๆ
พวกเธอจะต้องเลือกหนึ่งจากสองตัวเลือก
ว่าจะทำงานให้สมกับความสามารถหรือถูกเตะออกไป
“อืม ตามกฎแล้ว มันจะต้องใช้เวลาหกเดือนก่อนที่พวกเธอจะสามารถเลื่อนขั้นได้ แต่ถ้าพวกเธอแข็งแกร่งอยู่แล้ว งั้นมันก็คงจะน่าเสียดายในการเก็บคนคนนั้นเอาไว้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ระบบเลื่อนขั้นเกิดขึ้น ฮี่ฮี่”
เฮลลัมแสยะยิ้มพร้อมพูด
อัลแตร์ขมวดคิ้วกับรอยยิ้มนั้น
‘อืม มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว’
ระดับที่คนคนหนึ่งจะสามารถไปถึงได้หลังจากต่อสู้มาหกเดือนไม่ใช่บางอย่างที่เด็กใหม่จะสามารถไปถึงได้
‘แต่… มันมีความจำเป็นที่จะต้องไปที่ลำดับขั้นนักล่าด้วยเหรอ?’
การที่งานที่ถูกมอบให้คนที่แข็งแกร่ง นั่นหมายความว่ามันอันตรายกว่ามาก
มันไม่ได้ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลให้ต้องเป็นนักล่าเลย
แต่กระทั่งก่อนที่อัลแตร์จะสามารถคิดหาคำตอบให้คำถามในสมองของเธอได้
“เรามาถึงแล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นักล่าอาศัยอยู่”
บริเวณที่เต็มไปด้วยคนที่มีความสุขและกระฉับกระเฉงที่พวกเธอเห็นจากบนป้อมปราการ
‘ที่นี่บรรยากาศดีกว่าด้านในนั่นเยอะมากจริงๆ’
ในขณะที่อัลแตร์กำลังมองไปยังรอบๆ นั้นเอง
เฮลลัมได้นำใครบางคนที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในขั้นนักล่าและกำลังเดินอยู่แถวๆ ตึกไม้มา
“เครอน มานี่หน่อย”
“อะไรนะ? ทำไมอ่ะ?”
เครอนบ่นเล็กน้อย ทว่าจากนั้นจึงแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาเมื่อเขาเห็นอัลแตร์ยืนอยู่หลังเฮลลัม
“โอ้ ถ้ามันเป็นงาน งั้นฉันก็ยินดีต้อนรับมากๆ”
‘… ฉันชนะไม่ได้’
อัลแตร์รู้สึกถึงเหงื่อเย็นเยียบไหลโชกแผ่นหลังของเธอจากกลิ่นอายของชายที่กำลังมองตัวของเธอขึ้นลง
ความแตกต่างหกเดือน
อย่างน้อย
เธอรู้มาตั้งแต่เขตด้านล่างแล้วว่าหกเดือนเป็นความแตกต่างที่มหาศาล
แต่เฮลลัมหยุดเครอนเอาไว้
“หยุด มันยังไม่ทันครบสามวันเลย คู่ต่อสู้ของนายอยู่ตรงนี้”
“… บ้าเอ้ย สามวัน? งั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งมา จะยังไงก็เถอะ คู่ต่อสู้อะไร?”
เครอนที่เหลือบมองไปยังกลุ่มของอัลแตร์ด้วยสีหน้าหนักใจเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อเขาเห็นฮันซูที่เฮลลัมชี้ไป
จากนั้นจึงพึมพำกับตนเองด้วยความสับสน
“เลื่อนขั้น? กับเด็กใหม่เนี่ยนะ? ไม่ใช่ว่ามันจะเกินไปหน่อยเหรอ? ถึงความแข็งแกร่งของพวกเราจะไม่ได้มากมายขนาดนั้นทุกวันนี้ ไอ้เรื่องแบบนี้…”
เฮลลัมเอ่ยขัดขึ้นกลางคัน
“ฟรีพาสระดับสองสำหรับชาวนาสองคน เวลาจำกัดสองวัน”
“โอ้ โอเค งั้นมันก็ค่อนข้างจะมีประโยชน์หน่อย”
แม้ว่าเวลาสองวันจะค่อนข้างสั้น เขาก็สามารถใช้พวกนั้นในการปลดปล่อยความหงุดหงิดจากไอ้เด็กเหลือขอข้างหน้านี่ได้
‘กับการที่เด็กใหม่ดันจองหองขนาดนี้…’
อัลแตร์ขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปยังชายที่มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที
ไม่ใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงท่าทีของชายคนนั้น แต่เป็นเพราะคำพูดที่เธอรู้สึกไม่ชอบใจ
‘… ฟรีพาส?’
มันไม่ใช่อะไรที่ควรใช้กับมนุษย์คนอื่น
‘มีบางอย่างผิดปกติที่นี่’
อัลแตร์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
หมู่บ้านถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน
ใกล้กำแพงไม้ที่แบ่งส่วนแรกและส่วนที่สองออกจากกัน
เอคิดูมองไปยังเด็กใหม่จากหอคอยเฝ้าระวังที่สร้างขึ้นบนจุดที่สูงที่สุดที่นั่นก่อนจะขมวดคิ้ว
‘เลื่อนขั้น? เจ้าเฮลลัมนี่ เขาทำบ้าอะไร…’
ในเวลาหนึ่งสัปดาห์ คนพวกนั้นก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยอยู่ดี
ทำไมเขาถึงต้องไปกลั่นแกล้งคนพวกนั้นด้วย?
‘ฉันบอกให้เขาดูแลคนพวกนั้นให้ดี…’
เธอรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสแสร้งอยู่
แต่การกลั่นแกล้งพวกเขาแบบนั้นมันเกินไป
‘… ฉันต้องหยุดมัน เฮ้อ นี่มันน่าเหนื่อยใจจริง ฉันต้องการใครสักคนมารับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านต่อจริงๆ ฉันไม่ควรรับตำแหน่งนี้เลย’
ตัวเลือกในการช่วยเหลือคนจำนวนมากกว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกต้องเสมอไป
และเรื่องนั้นก็ได้สร้างความไม่สบายใจและหนักอึ้งให้กับเอคิดูอยู่เสมอ
เอคิดู ที่ไม่รู้ว่าด้านล่างกำลังเกิดอะไรขึ้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงไปจากหอคอยเฝ้าระวัง
TL: อย่างปู่จะไปเป็นชาวนาได้ยังไง๊